ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ลำเลียงฝ่ามฤตยู.....โดย ไอพ่น

เรื่องนี้ คุณไอพ่น นักบินคนเก่งของฝูง 603 เคยเขียนลงในเว็บของฝูงบิน 603 (//www.603sqdn.com) ครับ ด้วยความสามารถในการเขียนของเจ้าของบทความ ทำให้เรื่องนี้อ่านเมื่อไหร่ก็สนุก..ลองติดตามอ่านดูครับ




ลำเลียงฝ่ามฤตยู

ไอพ่น





“ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ ”

“ “บรึ๊มมม บรึ๊มมม ”

“ อ๊ากก....โอยยย... ช่วยด้วย”

“ อดทนไว้ ไอ้เล็ก แข็งใจหน่อย ”

“ ปัง ปัง ปังๆๆๆ ”



“ หมวดระวัง!! ”

“ บรึ๊มมม.....บรึ๊มมมม....... ”

“ เร็วหมวด ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ มา ผมช่วย ”

จ่าชัยรีบโผเข้าไปช่วยหมวดยุทธ ลากร่างไอ้เล็กที่ได้แต่ร้องครวญครางลงมาหลบในคูเหลดอย่าง

ทุลักทุเล ท่ามกลางห่ากระสุนที่ยิงลงมาปกคลุมพื้นที่อย่างหนาแน่น

“ หมอ หมอ รีบมานี่หน่อย อดทนไว้ไอ้เล็ก โธ่ไม่น่าเลย ”

จ่าชัยมองผู้หมวดหนุ่มอย่างเข้าใจในความเศร้าที่ต้องมาสูญเสียลูกน้องฝีมือดี ผู้ที่กำลังเป็นคนสำคัญในตอนนี้ไปอย่างน่าเศร้า เพราะความที่ไอ้เล็กพลทหารร่างเล็กสมชื่อ ไม่อาจจะทนต่อสภาวะกดดันได้จนถึงกับคลุ้มคลั่งโวยวายจนกลายเป็นเป้าให้ข้าศึกยิงถล่ม โชคดีที่ไม่โดนยิงตรงๆ แต่โชคร้ายที่แรงอัดของจรวดRPG และสะเก็ดระเบิดอัดเข้าร่างไอ้เล็กอย่างจังจนเลือดสาดตัวกระเด็นไปไกล ผู้หมวดยุทธจึงต้องยอมเสี่ยงชีวิตไปลากกลับมา

“ เป็นไงบ้างหมอ ” หมวดยุทธถามด้วยความเป็นห่วงลูกน้อง

“ ตอนนี้ยังไม่รู้ครับต้องรอดูอาการไปก่อน ” หมอวิญตอบเลี่ยงๆ เพราะไม่อยากบอกความจริง

“ ช่วยให้เต็มที่เลยนะ ถ้าเลือดไม่พอมาเอาเลือดผมก็ได้ ”

หมอวิญมองหน้าหมวดยุทธด้วยความซาบซึ้งใจในความเสียสละของหมวดยุทธ ยิ่งตอนนี้ หมวดยุทธยังต้องมารับผิดชอบทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่างจำใจแทนผู้กองศักดาที่ได้รับบาดเจ็บนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ ซึ่งหมวดยุทธก็สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับลูกน้องตลอดมา แล้วตอนนี้เขายังจะยอมสละแม้กระทั่งเลือดตัวเองให้ลูกน้องอีก

“ ครับ ”หมอวิญไม่รู้จะหาคำตอบอะไรได้ดีกว่านี้ เพราะใจจริงแล้วเขาก็ได้พยายามรักษา

ทุกคนอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นไอ้เล็กด้วยแล้ว หมอวิญก็รู้ว่ายิ่งต้องพยายามให้ถึง

ที่สุด เพราะไอ้เล็กเป็นคนที่ยิงปืนกลสกัดข้าศึกได้ดีที่สุดในชุดปฏิบัติการนี้ ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหน่วยต้องมาขาดไอ้เล็กไป แนวป้องกันที่เคยเหนียวแน่นก็คงถูกทำลายลงไม่ยาก แล้วนั่นก็คงหมายถึงวาระสุดท้ายของทุกคนที่นี่

แต่การที่จะรักษาไอ้เล็กตอนนี้ได้ก็คือต้องส่งกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยในตอนนี้ อย่าว่าแต่การส่งกลับไปเลย เอาแค่ยาที่จะรักษาตอนนี้ก็ยังไม่มี เพราะได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ที่ทำได้ตอนนี้ก็คงได้แค่ดูใจแล้วปล่อยให้ตายไปเองเหมือนอย่างหลายศพ ที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมากขนาดอาวุธกระสุนที่จะยิงใช้ป้องกันตนเองยังแทบจะไม่มี ก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องยารักษาโรคกับอาหารและน้ำ ต้องกัดฟันอดทนกันไป แค่ได้มีเวลางีบนอนบ้างก็บุญแล้ว

เพราะนี่ก็ 3 วันเข้ามาแล้วที่หน่วยทหารหน่วยนี้ถูกข้าศึกล้อม นับตั้งแต่ได้เข้ามาตรวจค้นหมู่บ้านชายแดนแห่งนี้ ตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล แต่ใครจะรู้ว่าหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งพักยาเสพติดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งมูลค่าของมันมีมากเสียจนเจ้าของของมันไม่อาจจะสูญเสียมันไปได้



ตอนแรกที่เข้าตรวจค้นพวกมันคงยังตั้งตัวไม่ติดจึงยอมให้ยึดยาเสพติดมาอย่างง่ายดาย แต่เมื่อพวกมันตั้งตัวได้จึงล่อหน่วยเฉพาะกิจนี้มาเข้ากับดัก แล้วก็สาดกระสุนมรณะชุดแรกถล่ม ไอ้พร พลวิทยุจนแหลกพร้อมเครื่อง พร้อมกับกระสุนอีกส่วนหนึ่งที่ร้อยเข้ามาตามร่างผู้กองศักดาจนอาการสาหัส ส่วนที่เหลือก็แจกให้ทหารคนอื่นๆไป แล้วแต่ใครจะโชคดี!

ใช่ ! กลายเป็นว่าคนที่ตายนั้นโชคดีที่ไม่ต้องทรมาน แต่คนที่รอดมาได้ก็ต้องแล้วแต่ บุญกรรม ใครที่บาดเจ็บหมอวิญก็ได้พยายามรักษาจนหมดยา บ้างก็รอด บ้างก็สิ้นใจไปเพราะอาการหนักและขาดยา ส่วนที่เหลือก็ตกอยู่ท่ามกลางห่ากระสุนห่าระเบิดถูกยิงกดหัวแทบจะทั้งวัน อาหารที่แทบจะไม่มีเวลากินก็เริ่มหมด ต้องอดจนไส้แทบขาดทำให้ไม่มีแรง แล้วในเวลากลางคืนก็ยังต้องคอยระแวงกระสุนที่ยิงมาก่อกวนสลับกับมีชุดจู่โจมลอบมาเจาะแนวป้องกันจนแทบไม่ได้หลับได้นอน แล้วนับวันศพเพื่อนที่ถูกยิงตายก็เริ่มเน่าเหม็นมีหนอนชอนไช ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะถูกโจมตีตลอดเวลา พวกมันพยายามอย่างยิ่งที่จะบดขยี้หน่วยทหารหน่วยนี้เพื่อยึดของมีค่าของมันคืน ใครที่ทนได้ก็ทนไปใครที่ทนไม่ได้ก็ต้องมีสภาพอย่างไอ้เล็กที่คุ้มคลั่งจนเกือบเสียสติ

สถานการณ์ถูกลอยแพ ติดต่อหน่วยเหนือไม่ได้ ได้รอเวลาตาย แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าหน่วยเหนือจะทราบมันก็คงจะสายไปแล้วเพราะข้าศึกกลุ่มใหญ่กำลังจะรุกประชิดถึงตัวหน่วยทหารที่แทบจะไร้สมรถภาพเช่นนี้แล้ว

เมื่อเวลาหลังจากพระอาทิตย์ลับแสง ปฏิบัติการสังหารหมู่จึงอุบัติขึ้น

“ บรึ๊มมม บรึ๊มมม บรึ๊มมม”

“ บรึ๊มมม บรึ๊มมม บรึ๊มมม”

“ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ ”

“ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ ”

“ หมวด! ข้าศึกเริ่มบุกแล้ว”

จ่าชัยร้องบอกหมวดยุทธอย่างเสียงหลงเพราะจำนวนข้าศึกมากมายมหาศาลที่โถมบุกเข้ามาหมวดยุทธได้แต่ยืนตะลึง เพราะภาพเหตุการณ์ที่เห็นข้างหน้านี้ มันบอกถึงวาระสุดท้ายของตัวเขาเอง และหน่วยทหารหน่วยนี้ จึงเกิดความเสียใจจนน้ำตาแทบไหล แต่ด้วยวิญญาณนักรบผู้ปกป้องชาติจึงตะโกนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเด็ดเดี่ยวว่า

“ เพื่อมาตุภูมิ ขอให้ทุกคนสู้ตาย”

“โฮ่ โฮ่ โฮ่”

“โฮ่ โฮ่ โฮ่”

“ ปังปังปังๆๆๆ”

“ บรึ๊มมมม บรึ๊มมมม”

“ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ”

เสียงโห่ร้องจากวิญญาณชาตินักรบของทหารไทยที่จะปกป้องชาติจนยอมสละได้แม้ชีวิต ขานรับคำสั่งมรณะ ด้วยใจรักชาติมั่นตามด้วยเสียงกระสุนที่ยิงออกไปเพื่อฆ่าทำลายล้างอริราชศัตรูของแผ่นดินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แนวป้องกันเริ่มถูกทลายแนวตั้งรับเรรวน คนถูกยิงเจ็บตายเพิ่มขึ้น



“ บรึ๊มมม บรึ๊มมม”

“ บรึ๊มมม บรึ๊มมม”

“ ปังปังปังๆๆๆ”

“ หมวด ปีกขวากระสุนหมดแล้ว ขออนุญาตติดดาบตะลุมบอน”

“ หมวด ปีกซ้ายใกล้แตกแล้ว ช่วยด้วย โอ้ยยย”

“ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ”

“ จ่าชัย! จ่าชัยเป็นไงบ้าง โธ่” หมวดยุทธประคองจ่าชัยที่ถูกยิงเลือดอาบในอ้อมแขน ท่ามกลางเสียงรายงานเหตุการณ์วิกฤติต่างๆที่ดังเข้ามาเป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่าไม่รอดแน่ หมวดยุทธจึงสั่งจ่าชัยให้เผาทำลายยาทิ้ง แต่จ่าชัยก็มาถูกยิงล้มฟุบไป วาระสุดท้ายมาถึงแล้ว หมวดยุทธหันไปมองลูกน้องที่อยู่รอบๆ แต่ลูกน้องที่เหลืออยู่แนวหลังนี้ คือพวกที่บาดเจ็บไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งหมวดยุทธก็คงไม่สามารถช่วยเหลือใครได้แม้กระทั่งตัวเอง เขาจึงกระชับปืนไว้มั่นเตรียมพร้อมจะขายชีวิตตัวเองให้แพงที่สุด น้ำตานองหน้าที่เขาและลูกน้องต้องมาสังเวยชีวิตเช่นนี้ แล้ววาระสุดท้ายของทุกคนก็จะจบลงแต่เพียงเท่านี้ ถ้าไม่มีเสียงกึกก้องประหนึ่งฟ้าฟาดของ SONICBOOM ( เสียงดังคล้ายเสียงระเบิดที่เกิดจากการที่เครื่องบินบินเร็วกว่าเสียง )



“ บรึ๊มมม บรึ๊มม บรึ๊มมม”

ระเบิดทำลายล้างจากเครื่องบินแบบ F16 ทำให้ทหารแนวหลังของฝ่ายข้าศึกถูกทำลายย่อยยับ ส่วนพวกที่เหลือได้แต่ตกตะลึงกับมฤตยูเหนือเสียงที่โผล่มาทำลายล้างแล้วหายวับไปกับชั่วพริบตาราวกับปีศาจ ทิ้งให้คนที่อยู่บนพื้นทั้งสองฝ่ายxxxงไปชั่วขณะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ Break (เลี้ยว) ขวา เลยครับพี่ พ๊อยหัวไปตรงช่องเขานั้นครับ” เสียง น.ต. ณรงค์ศักดิ์นักบินผู้ช่วยที่นั่งข้างกัปตันวุฒิ บอกทิศทางการบินแก่กัปตันเครื่องบินลำเลียงแบบ G 222 แห่งฝูงบิน 603 ของกองทัพอากาศไทย เพราะเนื่องจากการบินในตอนนี้เป็นการบินที่มีเพดานบินต่ำความเร็วสูง ( LOW NAV ) กัปตันจึงไม่มีเวลามองเครื่องวัดภายในเครื่องบิน เพราะต้องคอยมองภูมิประเทศภายนอก เพื่อจะได้นำอากาศยานที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 400 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง บินลัดเลาะไปตามช่องเขาต่างๆได้อย่างปลอดภัย โดยความสูงที่ต้องบินในขณะนี้เพียงแค่ 500 ฟุต บินผ่านไปท่ามกลางหุบเขาที่รายล้อมโดยรอบที่สูงเกินกว่า 1,000 ฟุตทั้งนั้น ดังนั้นการที่จะบินไปยังทิศทางที่ถูกต้องได้ จึงตกเป็นหน้าที่ของนักบินผู้ช่วยในการกำกับทิศทางให้บินไปตามแผนการบินที่วางไว้แก่กัปตัน



“ 10 Minute Warning ” อนันต์นักบินผู้ช่วยอีกคนที่วันนี้รับหน้าที่เป็น Navigator ซึ่งจะนั่งด้านหลังกัปตันได้ขานบอกเวลาก่อนถึงเป้าหมายแก่นักบินและลูกเรือทุกคนเพื่อเป็นการเตือนให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆที่ได้วางแผนไว้ตามหน้าที่ของแต่ละคนที่ได้กำหนดไว้

“ กัปตันครับ ตอนนี้ช้าไป 10 sec ครับ ”

“ โอเค คอยเช็คต่อไป” กัปตันวุฒิ รับรู้ว่าเวลาที่บินขณะนี้ช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ 10 วินาที จากการคำนวนในแผนของ Navigator จึงรีบเติม Power เพื่อเร่งความเร็ว เป็นการแก้ไขเพื่อให้อากาศยานไปถึงเป้าหมายได้ตามเวลาที่ถูกต้อง

“ ตูมมม ตูมมมม ตูมมม”

“ ปังปังปังๆๆๆ ปังๆๆๆ”

F16 ยังคงถล่มแนวหลังของข้าศึกต่อไป ข้าศึกแนวหน้าซึ่งตอนนี้ขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว แต่ได้พยายามบุกตะลุยเพื่อเข้าไปประชิดทหารไทยให้ได้มากที่สุด เพราะรู้ดีว่า F16 ไม่กล้าถล่มใกล้แนวของทหารฝ่ายเดียวกันมากนัก เนื่องจากอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ แต่ทหารไทยก็รู้ทันจึงยับยั้งพวกมันด้วยอาวุธทั้งหมดที่มี ขวัญกำลังใจก็เริ่มดีขึ้น เพราะรู้ว่ากำลังจะได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งจะถูกส่งมาจากทางฟ้า



“ 6 Minute Warning”

หลังคำเตือนของ Navigator อนันต์ กัปตันวุฒิ ก็ผ่อน Power ทำความเร็วให้ลดลงเหลือประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อเปิดแล็ม ( ช่องประตูท้ายเครื่อง ) เตรียมทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุ นั่นก็คือการทิ้ง CDS ( Container Delivery System ) ซึ่งภายในอัดแน่นไปด้วยอาวุธกระสุน,อาหาร,น้ำและยาต่างๆ อันเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งของเพื่อนทหารบกที่ตกอยู่ในวงล้อมนรกข้างล่างนั้น

“ เราเร็วไป 5 sec ครับ”

“ โอเค ทราบ” กัปตันวุฒิรีบผ่อน Power ทันทีหลังจาก Navigator บอกให้แก้ไขเรื่องเวลา

“ ความสูงต่ำไป 50 ฟุต Heading เสีย ให้แก้ไปทางซ้าย 5 องศาครับ”

“ Roger ” ( รับทราบปฏิบัติ )

เสียงนักบินผู้ช่วยแจ้งให้กัปตันทราบถึงข้อผิดพลาดต่างๆอยู่ตลอดเวลา เพราะการทิ้ง CDS โดยใช้ร่มหน่วงนั้น ถ้าจะให้ถูกต้องแม่นยำตรงเป้าหมายนั้นจะต้องบินให้ได้ตำแหน่งทิศทางและ ความสูงที่ถูกต้อง ตามที่ได้คำนวณมาเป็นอย่างดีจากที่พื้น ทั้งนี้ทิศทางลมและความเร็วลมต้องไม่เปลี่ยนจากที่ได้คำนวนไว้ตอนแรกด้วย จะเห็นได้ว่าการทิ้ง CDS นั้นเป็นงานที่ละเอียดอ่อนยุ่งยาก ประณีต และต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมที่ดีจึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด และผู้ที่จะมาทำงานนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเท่านั้น

“ One Minute Warning” เสียงขานนับเวลาถอยหลังจาก Navigator ดังมาเป็นระยะๆ นักบินและเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างเครียดมากขึ้น เพราะความเร็วขณะนี้เร็วกว่ารถยนต์เพียงนิดเดียว แต่เมื่อเทียบกับขนาดอันใหญ่โตของเครื่องบินแล้วนั้น และยิ่งถ้าบินด้วยความสูงสำหรับการทิ้ง CDS ด้วยแล้ว เครื่องบินก็จะกลายเป็นเป้าบินขนาดใหญ่ลอยเอื่อยๆ ชวนให้ซ้อมมือสำหรับฝ่ายตรงข้ามยิ่งนัก แต่เพราะความเป็นทหาร เพื่อภารกิจอันสำคัญยิ่งของชาติ เพื่อเพื่อนทหารบกทั้งหลาย พวกเขาจึงต้องทำในสิ่งที่เรียกว่า กล้าหาญ

“ 30 Second Warning ”

“ ความสูงเกิน 20 ฟุต แก้ Heading ขวา 5 องศาครับ”

“ เร็วไป 3sec ถ้าพ้นเขาข้างหน้านี้ไปก็ถึงเป้าหมายแล้วครับ”

“ โอเค รับทราบ”

เสียงบอกข้อผิดพลาดและเสียงรายงานต่างๆดังมาเป็นระยะๆ ทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา โดยมีชีวิตของทหารฝ่ายเดียวกันเป็นเดิมพัน ทุกคนจึงได้พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะให้ CDS ตกลงไปยังตำแหน่งของทหารบกที่ถูกล้อมอยู่ ตามรายงายจากสายลับที่แฝงตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงที่ได้เล็ดลอดแอบมาบอกข้อมูลต่างๆ

“ อีก 15 sec”

“ F เริ่มเข้า”

นักบินผู้ช่วยแจ้งเวลาและบอกเตือนตามแผนที่ได้วางไว้ว่า เมื่อถึงเวลานี้ F16 จะบินต่ำโฉบเป้าหมาย เพื่อหลอกข้าศึกให้เข้าใจผิดว่าจะทิ้งระเบิด ข้าศึกจะได้ไม่กล้าโงหัวขึ้นมายิงเครื่องลำเลียงที่บินเข้ามาช้าๆ คล้ายเป้านิ่ง ฉะนั้นเวลาในการบินเข้าหาที่หมายจะผิดพลาดไม่ได้ เพราะถ้าเร็วหรือช้าไปก็จะผิดจากแผน โอกาสที่จะถูกยิงก็จะยิ่งมีมากขึ้น

“ 10...9...8...7”

“ สูงไป 10 ฟุต แก้ Heading ซ้าย 3 องศาครับ”

เสียงนับถอยหลังกับเสียงบอกความผิดพลาดดังสลับกันไปมา ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องทำทุกอย่างให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

“ 6...5...4”

“ ปังปังปังๆๆๆ เพล้ง โอ้ย!”



ข้าศึกบางส่วนที่รู้ทันได้ยิงสกัดกั้นขึ้นมา และบางส่วนของกระสุนนั้นคือแจ็กพอต ที่สาดเข้ามาถูกเครื่อง ถูกพื้นบังคับหลัก ทำให้เครื่องบินเหมือนถูกมือยักษ์จับเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล เปออกจากแนวทิ้งร่ม แล้วหนึ่งในกระสุนส่วนนั้นยังได้ทะลุเข้ามาใน Cockpit ( ห้องนักบิน ) ทะลุขากัปตันวุฒิจนเลือดทะลัก นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์นักบินที่สองจึงรีบควบคุมอากาศยานแทน แล้วรีบปิดแรมท้าย เร่ง Power หน้าสุด เพื่อเร่งความเร็วรีบบินหลบวิถีกระสุนออกไปโดยใช้แนวสันเขาช่วยบดบังแนวการยิงของข้าศึก ที่นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์สามารถทำหน้าที่แทนกัปตันได้ทันที ก็เพราะก่อนขึ้นบินได้มีการศึกษาแผนที่มาเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าควรจะบินหลบไปทางไหนจะได้ให้ภูเขาช่วยบังวิถีกระสุนให้ ไม่ใช่กลายเป็นบินไปชนเขา

“ เป็นยังไงบ้างครับพี่” อนันต์ Navigator ละมือจากแผนที่มาช่วยดูแผลกัปตัน

“ พี่ไม่เป็นไรมาก” กัปตันวุฒิกัดฟันบอกทั้งๆที่เลือดไหลอาบขาท่วมไปถึงรองเท้า โชคดีที่อนันต์ห้ามเลือดได้และทำแผลให้เรียบร้อยในเบื้องต้น

การทิ้ง CDS เที่ยวนี้จึงต้องยกเลิกไป เพราะเครื่องบินไม่อยู่ใน Condition ( ข้อกำหนด ) ในการทิ้งร่ม เพราะถ้ายังฝืนทิ้ง CDS ก็จะตกไม่ตรงเป้าหมาย ยิ่งถ้าหน่วยภาคพื้นดินตกอยู่ในวงล้อมเช่นนี้แล้ว การทิ้ง CDS ผิด ก็อาจจะกลายเป็นการทิ้ง CDS ให้ศัตรูนำอาวุธของเรามาถล่มฝ่ายเราเสียเอง

“ เอาไงดีครับพี่” นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์ ถามเมื่อพ้นรัศมีอันตรายในขณะที่เขายังทำหน้าที่บังคับอากาศยานแทนอยู่

“ พี่คิดว่า มันคงไม่คิดว่าเราจะกลับไป”

“ ข้าศึกรู้ตัวแล้วอย่างนี้ไม่มีใครบินกลับไปหรอกครับ แต่ผมแล้วแต่พี่ครับ”

“ ทหารฝ่ายเรากำลังนอนรอความตายอยู่ ในเมื่อมันคงไม่คิดว่าเราจะกลับไป ถ้าเรากลับไปก็เหมือนมันยังไม่รู้ตัว โอกาสสำเร็จยังมี ฉะนั้นพี่คิดว่าเราควรจะกลับไป”

แม้มันจะคล้ายกับบินกลับไปหาความตายแต่นักบินกับเจ้าหน้าที่ทุกคนกลับยินดีที่ได้ยินการตัดสินใจเช่นนี้ของกัปตัน

“ ตกลงครับพี่ เดี๋ยวผมจะรีบตี Track ใหม่ครับ” อนันต์พูดพลางเริ่มลงมือ

“พี่ ครับ คราวนี้พี่บังคับเครื่องบินไม่ไหว ผมขอเปลี่ยนหน้าที่ให้พี่ทำหน้า Monitor ( ตรวจดู ) เครื่องวัด ส่วนผมจะบินแทนครับ”

“ ตกลง ช้าง”

กัปตันวุฒิตอบรับให้นักบินผู้ช่วยรับหน้าที่บังคับอากาศยานแทน เพราะความเชื่อมือ เนื่องจากได้เคยมีการฝึกซ้อมกันอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว

“ เลี้ยวกลับไปทิศ 240 ลดความสูงไปที่ 800 ฟุตก่อน” กัปตันวุฒิสั่งนักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์ ซึ่งตอนนี้รับหน้าที่เป็นคนบินแทน ให้บินไปตามทิศทางที่ Navigator อนันต์ คำนวณไว้เพื่อกลับไปทำภารกิจท้านรกอีกครั้ง

“ Cobra Blue จาก Cowboy 603”

“ Cowboy 301 Go ahead”

“ ให้ Cobra Blue บินโฉบที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ที่ความสูง 1,000 ฟุต ที่นาทีที่ 44 และเที่ยวนี้ขอให้ Cobra ทิ้ง Flare ด้วย”

“ ให้เข้าไปทิ้ง Flare ที่ที่หมายตรงตำแหน่งเดิม ความสูง 1,000 ฟุต นาทีที่ 44 Cobra Blue”



หลังจากรับทราบแผนการบินใหม่ หมู่บินF16 ที่ใช้ Call Sign ว่า Cobra Blue ก็ทะยานขึ้นไปที่ความสูง 5,000 ฟุต เตรียมจัดตัวสำหรับการบินโฉบลงอีกครั้ง

“ 6 Minute Warning”

หลังคำเตือนจาก Navigator ทุกคนก็ต่างทำตาม Procedure ( ขั้นตอน ) ของตนเหมือนเดิมอีกครั้ง

“ แก้ซ้าย พ๊อยหัวตรงแนวเขาเล็กๆนั่น ลดความสูงไปอีกนิด”

“ ยังช้าไป 5 sec”

“ รับทราบครับ”

นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์รีบตอบรับแล้วรีบทำการแก้ไขตามข้อแนะนำทันที ทุกคนปฏิบัติงานกันด้วยความเครียด เพราะทุกขั้นตอนมีความสำคัญมากหากเกิดการผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว ก็อาจจะต้องยกเลิกเที่ยวบินนี้ อันหมายถึงความล้มเหลวของภารกิจอีกครั้ง และนั่นยังหมายถึงชีวิตของพี่น้องทหารบกข้างล่างด้วย

“ 1 Minute Warning”

“ เฮ้ยระวัง!” กัปตันวุฒิร้องเตือนเสียงหลงเมื่อมีแสงไฟสายกระสุนปืนพุ่งฝ่าความมืดของราตรีกาลตรงดิ่งเข้ามาหาเครื่องเป็นแนวยาว แต่นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์เห็นแล้วจึงรีบบินหลบออกจากแนวกระสุนก่อนที่มันจะฉีกเครื่องบินของเขาเป็นชิ้นๆ

“ บินรักษาแนวเดิมต่อไป”

“ ครับพี่” นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์รับคำกัปตันวุฒิอย่างแข็งขัน G222 ลำนั้นจึงบินฝ่าสวนไปกับลำแสงของสายกระสุนมรณะที่พุ่งขึ้นมาคล้ายดอกไม้ไฟเต็มทองฟ้า เพราะ 1 ใน 5 นัดของสายกระสุนจะมีกระสุนเทรเซอร์ (ส่องวิถี) เป็นแสงไฟคอยบอกตำแหน่งกระสุนแก่คนยิง

ชีวิตของทุกคนรวมถึงเครื่องบินที่มีมูลค่ามหาศาลลำนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา กัปตันวุฒิซึ่งเขาได้ตระหนักดีว่าข้าศึกเริ่มรู้ตัวแล้วจึงพากันระดมยิงสกัดขึ้นมาอย่างนี้ โอกาสที่จะบินเข้าไปทิ้ง CDS ง่ายๆนั้นไม่มีทางและโอกาสที่จะถูกยิงตกก็มีมากขึ้นแต่ชีวิตของทหารบกข้างล่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาด้วยเช่นกัน ถ้ายกเลิกการทิ้ง CDS ทหารบกก็คงจะถูกข้าศึกบดขยี้จนไม่เหลือแม้แต่ซากอย่างแน่นอน เพราะเขาคือกัปตัน G222 ของกองทัพอากาศไทย เขาจึงต้องคิดหาทางออกที่ดีที่สุดแก่กองทัพไทย จากการประเมินสถานการณ์แล้วเขาตัดสินใจที่จะทำภารกิจต่อ โดยสั่งให้นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์บินลงต่ำระดับยอดไม้ก่อน แล้วให้อนันต์คำนวณแนวการเข้าทิ้ง CDS ช่วงสุดท้ายใหม่ ซึ่งวิธีนี้อาจจะหลบการยิงของศึกได้แต่เสี่ยงที่จะชนกับสิ่งกีดขวางต่างๆ ดังนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับฝีมือบินของนักบินล้วนๆ



“ 30 Second Warning”

“ ปรับระดับขึ้นไป ให้หัวชี้ไปยอดเขาทางขวาสูง 300”

“ ปังปังปังๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ”

“ ปังปังๆๆๆๆ ปังปังปังๆๆๆ”

เมื่อเครื่องบินเริ่มบินสูงขึ้นจึงกลายเป็นเป้าให้ข้าศึกระดมยิง ประกายไฟจากกระสุนส่องวิถี พุ่งเข้าหาเครื่องบินอย่างมากมาย แต่หาได้ระคายผิว G222 ไม่

“ อีก 15 sec”

“ F เริ่มเข้า”

คราวนี้กัปตันวุฒิเป็นคนแจ้งเตือน นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์ซึ่งกำลังกำคันบังคับแน่นจนปวดมือเพื่อควบคุม G222 ให้ฝ่าแสงไฟมฤตยูไปยังเป้าหมาย ที่ยิ่งใกล้แสงไฟมฤตยูก็ยิ่งมากขึ้นราวกับว่าบริเวณนี้มีการจัดงานเฉลิมฉลอง

“ ทุกคน Check Visor Down”

กัปตันวุฒิเตือนอีกให้ทุกคนนำกระจกกันแสงของหมวกนักบินลงมาปิดหน้าก่อน F16 จะบินเข้าถึงเป้าหมาย

“ พรึ่บ ฟู่วววว”

“ พรึ่บ ฟู่วววว”

เพราะแสงไฟของแฟร์หรือลูกไฟที่ใช้สำหรับล่อจรวดนำวิถีแบบติดตามความร้อนที่มีพลังเท่ากับ 100,000 แรงเทียนนั้นทำให้ตาคนที่มองตรงๆด้วยตาเปล่าในตอนกลางคืนตาพร่าเลือนสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ฉะนั้นข้าศึกที่มุ่งแต่จะยิงเครื่องบินจึงโดนแสงแฟร์เข้าเต็มสองตาทำให้ประสาทรับรู้การมองเห็นสูญเสียไป

“ 10.....9....8....7.....6”

“ สูงไป 20 ฟุต แก้ Heading ซ้ายไป 3 องศาครับ”

เมื่อปราศจากอาวุธสกัดกั้นรบกวน G222 จึงสามารถพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่ต้องกังวลถึงอันตราย แต่การบินให้ได้ตาม Condition นั้นก็ไม่ง่ายนักทุกคนจึงต้องพยายามสุดความสามารถ

“5….4”

ข้าศึกบางส่วนที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามของ G222 จึงฝืนเพ่งมองหาต้นเสียง เมื่อพบจึงได้ระดมยิงสกัดกั้นเพื่อความอยู่รอดของตนเอง

“ ระวัง!”

“ จับคันบังคับให้แน่น เกร็งมือไว้”

กัปตันวุฒิรีบบอกนักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์เมื่อแสงไฟมฤตยูพุ่งขึ้นมาหาเครื่องอีกครั้ง ส่วนกัปตันวุฒิเอื้อมมือไปเตรียมกดปุ่มสัญญาณไฟที่แผงหน้าปัทม์

“ 3.....2.....1”

“ Green Light On”



หลังสัญญาณไฟสีเขียวปรากฏวาบขึ้น “จ่าทอง” ลูกเรือ G222 ผู้รับผิดชอบในการปลด CDS จากเครื่องก็ใช้มีดฟันเชือกยึด CDS CDS จึงเคลื่อนไปตามรางหลุดจากเครื่องไปแล้วลอยหมุนไปมาตามแรงของเครื่องบินจนครบ 4 วินาที ทหารบกจึงเห็นของขวัญที่ประทานจากสวรรค์ลอยลงมาจากฟ้าโดยมีร่มหน่วงความเร็ว เสียงไชโยโห่ร้องจึงดังไปทั่วเมื่อ CDS ตกลงพื้นไม่ไกลจากจุดที่ถูกล้อมอยู่มากนัก มันหมายถึงการรอดพ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราช เพราะของที่ต้องการทุกอย่างอยู่ในนั้น ทุกคนจึงดีใจกันที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา



แต่ COWBOY 603 หรือ G222 ลำนั้นไม่สามารถดีใจกับความอยู่รอดของเพื่อนทหารได้ เนื่องจากเป็นเวลาวิกฤต เพราะเมื่อทันทีที่ CDS หลุดจากท้ายเครื่อง นักบินก็รีบปิดแรมท้าย แล้วเร่งPower หน้าสุดเพื่อใช้ความเร็วสูงสุดออกจากบริเวณนั้น แต่โชคร้ายที่ช่องเขาที่บินหนีออกมามีทหารฝ่ายตรงข้ามซุ่มตัวอยู่พอดี กระสุนปืนจากทั้งชุดลาดตระเวณย่อยของฝ่ายศัตรู จึงพุ่งเข้าทะลวงตามส่วนต่างๆของเครื่องบินขณะที่เครื่องบินบินผ่าน

“ อ๊ากกก อ๊อคค อ๊ออค”

“ โอ้ยย ”

นักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์ถูกยิงเข้าช่องท้องกระสุนฝังในนั่งกระอักเลือดอยู่ ส่วนจ่าทองกระสุนฝังในที่ต้นแขนขวา

“ กัปตันเครื่องยนต์ขวาไฟไหม้ ไฟลุกท่วมแล้ว” เสียงของ Navigator อนันต์ ร้องบอกทุกคนดังลั่น

“ Emergency engine fire in flight!”

กัปตันวุฒิขานเรียกขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหัวข้อ Engine fire in flight หรือไฟไหม้เครื่องยนต์ขณะบินอันเป็นสิ่งที่นักบินทุกคนต้องท่องจำจนขึ้นใจได้อย่างถูกต้องรวดเร็วแม่นยำ เพราะเวลาทุกวินาทีนั้นหมายถึงชีวิต

ในการปฏิบัตินั้นนักบินผู้ช่วยเป็นคนขานขั้นตอนให้กับกัปตันหรือนักบินที่เป็นคนทำขั้นตอนต่างๆ แต่คราวนี้นักบินถูกยิงบาดเจ็บสาหัส อนันต์ที่เป็น Navigator จึงรีบปฏิบัติหน้าที่แทนปล่อยให้ “จ่าทัต” เจ้าที่ช่างอากาศรับหน้าที่พยาบาลจำเป็น ดึงนักบินผู้ช่วย ณรงค์ศักดิ์ออกจากที่นั่งนักบินไปช่วยกันปฐมพยาบาลด้านหลัง

“ Power Idle ”

“ Prop Feather ”

“ Engine Cond Stop ”

“ Fire Handle Pull ”

เสียงอนันต์ขานบอกขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆโดยมีกัปตันวุฒิเป็นคนปฏิบัติให้เร็วที่สุด เป็นการต่อสู้เพื่อชีวิตของทุกคนบนเครื่องบินลำนี้ เพราะไฟที่ไหม้อาจลามไปถึงถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ใต้ปีกได้ ซึ่งถ้าเป็นตามนั้น G222 ลำนี้ก็จะระเบิดกระจายเป็นชิ้นๆภายในเสี้ยววินาที

“ ไฟดับแล้วครับ”

“ โอเค เปิด Charge หา Drife Down ”

กัปตันวุฒิสั่งอนันต์ให้เปิดตารางจากหนังสือคู่มือเครื่องบินประจำเครื่อง หาความสูงและความเร็วที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เพราะตอนนี้ยักษ์ใหญ่ขนาดสี่สิบตันต้องเหินฟ้าด้วยเครื่องยนต์เพียงข้างเดียว แต่มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับเครื่องบินที่มีสมรรถนะดีเยี่ยมเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในวัฒนธรรมนักบินนั้นต้องทำทุกอย่างให้ปลอดภัยสูงสุด

“ สนามบินฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ คือ (..ชื่อสนามบิน..) Charge ต่างๆอยู่นี่ครับ ” อนันต์รีบหาข้อมูลสนามบินที่ใกล้ที่สุดที่สามารถลงได้ เพราะเครื่องวัดเครื่องยนต์ซ้ายก็เริ่มบ่งบอกถึงความผิดปกติ เรื่องฉุกเฉินที่เป็นอยู่ก็ยิ่งฉุกเฉินขึ้นไปอีก



“ ไปที่ HD 070 ความสูง 4,000 Speed 150 Knot ครับ ”

กัปตันวุฒิกัดฟันฝืนความเจ็บจากบาดแผลที่ขา คอยปฏิบัติตามขั้นตอนการลงสนามจากการบอกข้อมูลตาม Charge การลงสนามบินของอนันต์ทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด

“ Mayday Mayday Mayday ”

“ COWBOY 603 Decare Emergency position now three zero miles on radial two seven -zero from brovo delta three two six altitude four thousand ถูกยิงเครื่องยนต์ดับไปหนึ่งเครื่อง จะไปลงที่สนามบินสำรอง ”

“ ROGER Good luck SCOPION stand by on the way ”



อนันต์รีบรายงานเหตุฉุกเฉินให้หน่วยเหนือทราบ เพื่อให้หน่วยเหนือเตรียมตัวรับนกเหล็กที่บาดเจ็บลำนี้ หน่วยเหนือจึงส่งเฮลิคอปเตอร์xxx้ภัย นามเรียกขาน SCOPION วีรบุรุษผู้ปิดทองหลังพระ

ขึ้นมาบินประกบเพราะถ้าเกิด G222 ลำนี้บินไปไม่ถึงสนามบิน ต้องร่วงลงไปที่ไหน เฮลิคอปเตอร์

xxx้ภัยจะได้ไปยื้อชีวิตคนเจ็บจากอุ้งมือมัจจุราชได้ทันท่วงที แล้วในที่สุดกัปตันวุฒิก็บินพาทุกคนมาจนถึงจุด Final( จุดสุดท้าย ) ที่จะลงสนาม อนันต์ก็เงียบเสียงไปเพราะสลบเนื่องจากเสียเลือดจากบาดแผลที่แขน

กัปตันวุฒิเอื้อมมือไปดูอาการลูกน้องแต่แล้วก็ต้องรีบละมือมาจับคันบังคับให้แน่นเพราะการ

ลงสนามด้วยเครื่องยนต์เพียงข้างเดียวทำให้เครื่องเสียสมดุลย์เครื่องจะเอียงชนพื้นได้ง่ายกัปตันวุฒิจึงต้องจับคันบังคับให้มั่น คอยบังคับเครื่องบินให้บินลงไปตามขั้นตอนที่เคยฝึกมา พร้อมท่องข้อสำคัญในการร่อนลงสนาม นั่นก็คือ ‘ Speed ( ความเร็ว) สนาม (ตัวเครื่องบินตรงสนาม) ความสูง ’ จนเครื่องค่อยๆถลาลงกลาง Runway



“ ตึ่ง ตึ่งๆ”

เสียงล้อแตะพื้นแล้วไถลไปตาม Runway จนกระทั่งหมดความเร็วรถหวอต่างๆก็จึงแล่นเข้ามาประกบเครื่องบินเพื่อช่วยเหลือวีรบุรุษทั้งหลายผู้กลับมาจากนรกที่นั่งหายใจรวยริน แต่ยังคงมีรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจที่ได้รับใช้ชาติ ทำภารกิจให้สำเร็จด้วยลมหายใจสุดท้าย

ผมได้ฟังนิยายเรื่องเล่าที่มีเค้าโครงเรื่องจริงของฝูงบิน COWBOY 603 แห่งกองทัพอากาศไทยจากรุ่นพี่นักบิน ในกลางดึกคืนหนึ่ง หลังจากที่เล่าจบ พี่เขาก็ต้องไปเตรียมตัวบินภารกิจขนส่งทางอากาศที่แม้ปัจจุบันจะไม่มีการศึกสงคราม แต่การเตรียมพร้อมเผชิญเหตุร้ายต่างๆเพื่อปกป้องชาติของเหล่าทหารทั้งหลายนั้น ต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆมากมายเพื่อให้คงศักยภาพความพร้อมรบไว้ ดังนั้นฝูงบินลำเลียงจึงต้องพร้อมที่จะรับปฏิบัติภารกิจเพื่อกองทัพอากาศและชาติไทยทุกเวลา ดั่งเช่นกลางดึกของคืนวันนี้ที่มีภารกิจด่วนเข้ามา แต่นักบินและเจ้าหน้าที่แห่งฝูงบิน 603 ทุกคน ไม่เคยย่อท้อเหนื่อยหน่าย แต่กลับเต็มใจที่จะรับใช้กองทัพอากาศและชาติไทยทุกเวลาสมกับเป็น Cowboy ผู้กล้า เป็นม้าศึกผู้อารีย์


Create Date : 10 มิถุนายน 2550
Last Update : 10 มิถุนายน 2550 3:05:42 น. 2 comments
Counter : 2173 Pageviews.

 


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:18:36:08 น.  

 
เยี่ยม...


โดย: swotor506 IP: 125.26.145.115 วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:20:51:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.