|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คำถามจากน้องผิง
หนูถามอะไรหน่อยจิ หนูสงสัยมานานแล้ว
เพื่อนหนูคนนึงคลั่งใคล้คิตตี้มาก ความฝันสูงสุดคือได้ไป sanrio land ที่ญี่ปุ่น
เพื่อนหนูอีกคนบ้าวงดนตรีฝรั่งวงนึงมาก ความฝันสูงสุดคือได้ไปดู concert สดๆที่อเมริกา
แฟนหนูบ้ารถ ความฝันสูงสุดคือได้เป็นเจ้าของรถจาร์กัวร์หรือเบนซ์ s-class สักคัน
ทั้งหมดเข้าใจได้ไม่ยาก
แต่หนูแอบสงสัยว่าความฝันของพี่โยหรือคนที่ชอบแบบพี่โยคืออะไรอะ เพราะหนูนึกไม่ออกจริงๆ
อย่าโกรธหนูนะ ถ้าหนูจะบอกว่าตอนแรกหนูนึกว่าความฝันสูงสุดของพี่โยคือสงครามโลกเพราะดูจะเป็นเพียงอย่างเดียวที่สิ่งที่พี่ชอบจะได้แสดงความสามารถอย่างแท้จริง
แต่อ่านๆไปกลับเป็นว่าพี่โยเกลียดสงครามเหมือนหนู
หนูเลยแอบสงสัยว่าคนที่ชอบพวกเครื่องบินรบ กองทัพ อะไรประมาณนี้ความฝันสูงสุดคืออะไร
จะบอกว่าเป็นเจ้าของ f -16 หรือกองกำลังส่วนตัวมันก็เป็นไปไม่ได้อะ
โดย: น้องผิง วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:41:30 น.
น้องผิงเคยรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดไหมครับ? นั่นแหละผมล่ะ
พอมีสงครามที ผมก็เริ่มด่าทีว่า มันว่างมากขนาดมาฆ่ากันเหรอแฟระ ถ้าว่างมากหรือเงินเหลือมาก เอามาให้กรูช่วยใช้ก็ได้นะเฟ้ย .... แต่อีกด้วยผมก็ชอบไปดูว่า มันใช้อะไรรบกับ ยุทธวิธีเป็นยังไง เขาเล่นเกมส์การเมืองกันยังไง
แต่ถ้าให้เลือก ผมก็เลือกที่จะไม่เอาสงครามดีกว่าครับ
เพราะผมไม่เห็นว่า มันจะมีความขัดแย้งใดที่ยุติไม่ได้โดยไม่ต้องใช้สงคราม
สำหรับผม กองทัพ ต้องไม่ได้มีไว้เพื่อทำสงคราม แต่ต้องมีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการฑูตของรัฐ และต้องดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ของรัฐ
แม้ว่าผมจะเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณทางทหาร ให้จัดหาอาวุธใหม่ แต่ก็เพราะงบประมาณที่เคยได้รับ ต่ำจนทำไม่ได้แม้แต่จะซื้อน้ำมันมาเติม หรืออาวุธที่มี ก็เก่าจนเป็นอันตรายต่อคนใช้
แต่ผมก็ไม่เคยเรียกร้องให้เพิ่งงบประมาณทางทหารมหาศาล หรือจัดหาอาวุธไฮเทคสุด ๆ จำนวนมาก เพราะผมไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมเราจะต้องใช้จ่ายทางด้านการทหารมากขนาดนั้น ในเมื่อมีอีกหลายอย่างที่ประเทศเราต้องการ
เช่นเรื่องบประมาณทางทหาร ที่กลาโหมเคยได้รับเพียง 8 หมื่นล้าน หรือแค่ 0.5% ของ GDP ผมก็ต้องการให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณ เพราะกองทัพไม่สามารถดำรงความพร้อมรบเพื่อป้องกันประเทศจากภัยคุกคามได้
แต่เมื่อรัฐบาลเพิ่มงบประมาณทางทหารมาเป็น 1.2 แสนล้านบาทเมื่อปี 50 1.4 แสนล้านบาทเมื่อปี 51 และ 1.5 แสนล้านบาทในปี 2552 ข้างหน้า หรือ 1% ของ GDP ผมก็เห็นว่าเหมาสมดีแล้ว และผมก็คัดค้านอย่างเต็มที่ถ้ารัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณทางทหารให้มากกว่านี้และการเพิ่มครั้งแต่ไปควรเป็นการเพิ่มตามภาวะเงินเฟ้อเหมือนกับกระทรวงอื่น ๆ เท่านั้น เพราะประเทศเรายังต้องการใช้เงินในด้านอื่นอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่งทางราง (รถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่) หรือการสงทุนสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟสที่สองเพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการบิน หรือการพัฒนาการเกษตรเพื่อสร้างความยั่งยืนและความมั่นคงทางอาหารของไทยและของโลก ซึ่งมันทำให้เรารวยขึ้นในอนาคต
นั่นก็คือ ผมต้องการให้กองทัพพัฒนาแบบพอเพียงนั้นเอง
จะว่าไปเดียวจะขอวิจารณ์ทีเดียวเลยตอนพ.ร.บ. งบประมาณปี 2552 ได้รับการการโปรดเกล้าฮะ
สำหรับเรื่องสงคราม ......
ผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะให้อะไรดีกับมนุษย์
คนแนวหลังที่เชียร์ให้รบอาจจะสะใจ แต่คนที่ไปรบเองกลับเจอกับประสบการณ์เลวร้าย เพราะคนชนะกับคนแพ้ โดนเหมือนกันหมด นั่นคือความสูญเสีย ..... สงครามมันเป็นสิ่งที่งี่เง่าที่สุดในโลกที่มนุษย์เราคิดขึ้นมาได้
ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมหลายคนต้องไปมองถึงกรณีที่เกิดสงคราม แต่กลับไม่ยอมมองอีกหลายกรณีที่การเจรจากลับยุติสงครามไม่ให้เกิดขึ้นได้ แม้แต่มหาอำนาจอย่างสหรัฐและรัสเซีย ที่เผชิญหน้ากันในทุกด้าน แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงจนใกล้จะเกิดสงคราม พวกเขากลับโทรคุยกันจนโลกเราหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกมาได้หลายครั้ง
เอาง่าย ๆ เรื่องกัมพูชา .... ผมบอกทุกคนและพูดทุกครั้งว่า เราต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดสงคราม เพราะถ้าเกิดสงคราม นอกจากเราจะแพ้เกมส์การเมืองประหว่างประเทศจนต้องเสียดินแดนจริง ๆ แล้ว เรายังต้องสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจอีกมากมาย
ผมก็คิดว่าผมพูดด้วยเหตุด้วยผลแล้วนะ .... แต่เอาเข้าจริง ผมก็โดนด่าอยู่เสมอว่า ไม่รักชาติ ยอมเลียเท้าเขมร ไปจนถึงไล่ให้ผมไปโอนสัญชาติเป็นเขมรซะ! 
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ...... บางทีผมอาจจะรักชาติน้อยกว่าคนไทยคนอื่น หรือมีความเป็นคนไทยต่ำกว่าคนอื่น .... แต่ถ้าเกิดว่าการเป็นคนไทยที่ดี ต้องเกลียดเพื่อนบ้าน ต้องจ้องทำลายเพื่อนบ้าน ..... ผมก็ยินดีเป็นพลเมืองชั้นสองที่ต่ำชั้นกว่าคนอื่นอย่างนี้ต่อไปครับ
ผมเห็นด้วยกับหลัก Forgive and Forget ...... ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ผมมีเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตจากทั่วโลก คุยกันบ่อย ๆ หรือก็เล่นเว็บบอร์ดด้วยกัน คนอังกฤษเรียกเรียกคนฝรั่งเศสด้วยความดูถูก คนดัชต์รังเกียจคนเยอรมันยิ่งกว่าอะไรดี ..... แต่สิ้งที่ผมเจอทุกครั้งก็คือ แม้ว่าเขาจะด่ากัน แซวกัน แต่เขาเรียนรู้ที่จะร่วมมือกันได้ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันได้ เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันได้ เรียนรู้ที่จะพัฒนาไปด้วยกันได้ ....... เขาไม่เคยตั้งธงว่าฉันต้องเกลียดคนชาตินี้เพราะเคยทำสงครามมาตั้งแต่พันปีที่แล้ว เขาจะพูดว่าถึงแม้เราจะแซวกันสนั่น เราจะเคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันมาก่อน แต่ประเทศของเราก็ร่วมมือกันในปัจจุบัน .... ชาวยุโรปเขาภาคภูมิใจมากที่เขาสามารถสร้าง EU ให้ยิ่งใหญ่จนถึงทุกวันนี้ได้ เพราะสำหรับเขาแล้ว EU คือสัญลักษณ์ของการยุติความขัดแย้งระหว่างกันและริเริ่มความร่วมมือระหว่างกัน
ผมเล่นเว็บบอร์ดต่างประเทศมานาน ผมคนไทย คุยกันคุนมาเลเซีย คนสิงคโปร์ คนอินโดนิเซีย หรือแม้แต่คนพม่า ได้อย่างสนุกสนาน พวกเราที่อยู่ในบอร์ดต่างประเทศ ภูมิใจในความที่เราเป็นคนอาเซียนด้วยกัน ที่แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่เท่า EU แต่มันก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือที่ภูมิภาคอื่นไม่มี เพราะเราบอกชาวโลกได้ว่าภูมิภาคของเราสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทฤษฎีโดมิโนไม่สามารถเป็นจริงได้เมื่อเรายุติความเป็นศัตรูกันและมาร่วมมือกัน
ผมอยากให้พม่า ลาว และเขมรเจริญ เพราะผมไม่อยากให้คนจากทั้งสามชาติที่ไร้ความหวังต้องอพยพเข้ามาเมืองไทย ซึ่งบางส่วนก็สร้างปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม ความปลอดภัย และความมั่นคงให้กับเมืองไทย ถ้าประเทศเขาเจริญ เขาก็สามารถทำงานในประเทศของเขา ไม่ต้องเข้ามาเมืองไทย และเราก็สามารถเข้าไปลงทุนทำธุรกิจและนำเงินกลับประเทศมาได้มากมาย
ผมไม่เคยมองใครเป็นศัตรูหรือว่าใครมันเลวคนผมคบไม่ได้ เพราะผมไม่ต้องการจะลดตัวไปเลวเหมือนเขา อีกอย่างสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือสงคราม และผมจะยืนอยู่ตรงข้ามทุกฝ่ายที่สนับสนุนสงครามไม่ว่าที่ไหนในโลกก็ตาม (ผมซัดมะกันกับพวกยิวมาแล้วด้วยซ้ำ) ..... เมื่อผมเห็นว่าใครที่พยายามคุกคามเรา พยายามโจมตีเรา ผมจะคิดว่าถ้าฉันเป็นเขา ฉันจะคิดอย่างไร ทำไมฉันถึงทำอย่างนี้ ..... เมื่อเราเข้าใจความคิดของพวกเขาได้แล้ว เราก็จะรู้ว่าทำไมเขาถึงต้องการแบบนี้ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เมื่อเราเข้าใจ มันจะนำไปสู่ทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุดต่อไป
ประเทศไทยยุติความเป็นศัตรูกับจีน เปิดสัมพันธ์ทางการฑูตกับจีนจนทุกวันนี้จีนคือหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่เราไว้ใจได้มากที่สุด นายกชาติชาย ประกาศนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้ไทยยุติความเป็นศัตรูกับเวียดนาม ภูมิภาคอินโดจีนยุติยุคแห่งสงครามไปสู่ยุคแห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ...... สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่เรายอมเลิกก่อน ยอมเป็นคนดีก่อนทั้งสิ้น
ไม่มีอำนาจใดมาจากปากกระบอกปืน เพราะในสถานการณ์หลายครั้งพิสูจน์ว่า มีคนที่พร้อมจะเอาชีวิตเข้าแลกกับกระบอกปืนเพียงเพราะความเชื่อ ดังนั้นสงครามไม่เคยเป็นคำตอบของปัญหาใด ๆ
ปัจจุบัน คนชาติอื่นเกลียดคนไทย เพราะเราชอบไปดูถูกเขา ถ้าเราคนไทย เลิกดูถูกเพื่อนบ้าน โดยไม่ต้องสนใจว่าเขาจะประณามเราว่าอย่างไร สุดท้าย ความจงเกลียดจงชังต่อกันมันก็จะหายไป ถ้าเราไม่เริ่มก่อน เราก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจังได้ เพราะเขาถูกล้างสมองอยู่
ผมอาจจะเป็นคนที่อ่อนแอ ไม่ยอมรับความรุนแรง แต่ผมก็เชื่อว่า ความดี มันไม่มีทางแพ้ความชั่ว แม้ว่ามันจะนาน แต่สุดท้ายมันจะยุติปัญหาทุกอย่าง เหมือนอย่างที่เนลสัน แมนเดลล่าหรือมหามะ คานทีทำสำเร็จมาแล้วครับ
แล้วทำไมเราต้องการสงคราม ในขณะที่เรายังมีหนทางที่จะป้องกันความสูญเสียและอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องก่อสงคราม
โอ้โห พ่อพระจริง ..... หล่อขึ้นมาทันทีเลยเรา
สุดท้าย ผมยังยืนยันอีกครั้งว่า .... เรายังต้องพัฒนากองทัพให้เข้มแข็ง แต่ไม่ใช่เพื่อการรบ แต่เพื่อป้องกันและป้องปรามคนที่คิดจะทำสงครามกับประเทศของเรา ให้คิดหลาย ๆ ครั้ง เพราะถ้าเขาประเมินแล้วว่า ทำสงครามกับเราเขาแพ้แน่นอน ยิ่งเราบอกเขาว่าอย่ามายุ่ง ถ้ายุ่งมาก ๆ ฉันบอมบ์แกแน่ เขาก็จะเลือกที่จะมาเจรจาในที่สุด เหมือนเหตุการหลายครั้งที่ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ........ มันก็เหมือนการทำประกันชีวิตล่ะครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ประกันก็จะช่วย แต่ถ้าเราทำประกันมากเกินไป เราก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันจนมากเกินควร จนไม่มีเงินไปเลี้ยงสาว ๆ นั้นเอง เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ 
เฮ้ยกรู ขี้โม้เกิน .... ตอบแต่เรื่องเกลียดสงครามยังไม่ได้ตอบเรื่องความฝันสุงสุดเลยวู้ย

ความฝันสูงสุดของผมเหรอ ....... อืม ....... คิดหนักนะครับ เพราะตั้งแต่รู้ตัวว่าบ้าสงคราม เอ้ย ชอบอาวุธยุทโธปกรณ์ ผมก็ยังไม่เคยตั้งเป้าหมายสักทีว่าฉันต้องทำอะไร
นักบินก็ไม่ได้อยากเป็นนะครับ อิอิ
ผมว่า ความฝันสูงสุด ก็อาจจะเป็นการได้ไปดู Air Show ทั่วโลก ได้นั่งเครื่องบินรบสักครั้ง ได้ออกทะเลไปกับเรือรบสักหน หรือได้ขับรถถังเล่นล่ะมั้งครับ
ไม่รู้จริง ๆ นะเนี้ย ตอบไม่ถูก ...... เหอ ๆ 
อืม ปัจจุบันผมก็เริ่มทำความฝันตัวเองให้เป็นจริงได้แล้วล่ะ .... ผมเก็บเงินเดือนทุกเดือนไว้เยอะ ๆ เพราะผมตั้งใจว่า ปีนึง อยากจะไปดู Air Show ต่างประเทศให้ได้ครั้งนึง ..... ฉะนั้นเราต้องเก็บเงิน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .... และเราก็ทำสำเร็จแล้ว คือได้ไปดูที่มาเลเซียและสิงคโปร์ ปีหน้ายังเล็งอยู่ แต่อยากไปอินเดียแฮะ ฉะนั้น กลับไปตั้งใจทำงาน แล้วเก็บสตางค์ดีกว่าเรา อิอิอิ 
Create Date : 20 กันยายน 2551 |
Last Update : 20 กันยายน 2551 23:27:53 น. |
|
13 comments
|
Counter : 2692 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: กะก๋า ฮา 3 สายสะพาย (กะว่าก๋า ) วันที่: 20 กันยายน 2551 เวลา:19:39:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:7:27:56 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:13:26:47 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:13:32:09 น. |
|
|
|
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:21:20:23 น. |
|
|
|
โดย: MeMoM วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:0:35:15 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:10:07:54 น. |
|
|
|
โดย: unsa วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:10:50:21 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 22 กันยายน 2551 เวลา:12:24:29 น. |
|
|
|
|
|
|
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @

|
|
|
|
|
|
|
ชอบแนวคิดพี่โย
เรื่องเขมรก็เหมือนกัน ผมคิดว่าถ้ามัวแต่ตอบแบบศรีธนญชัยกันแบบนี้
อีกหน่อยมองโกเลียก็อาจโวยได้ว่า
เมื่อสมัยเจงกิสข่านยังอยู่
ยุโรปก็เป็นของมองโกเลียนะ
เพราะฉะนั้นยุโรปต้องเป็นของมองโกเลียสิ
คำถามน้องผิงน่ารักดี
และพี่โยก็ตอบคำถามได้น่าชื่นชมครับ