Less is now.
<<
มกราคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
16 มกราคม 2561

Despacito.



Despacito = Lentamente = Slowly = อย่างช้าๆ

สเปน . อิตาเลี่ยน . อังกฤษ . ไทย


เผอิญว่าเปิดยูทูปรายการ the mask singer Thailand เปิดรันไปเรื่อยๆเจอเพลงนี้เข้า จากหนอนชาเชียว อืม น่ารักดี ทั้งคนร้องและคอสตูม เลยเอามาตั้งเป็นชื่อบล็อกของวันนี้ซะเลย อิชั้นเป็นนุชนะคะ เชียร์หน้ากากจิงโจ้มาตั้งแต่ซีซั่นแรก Smiley วันดีคืนดีก็เปิดรายการนี้ฟังเพลงย้อนหลังไปเพลินๆ

ในส่วนของบล็อกนี้ก็คิดๆว่าจะเขียนอะไรดี นั่งย่อรูปหิมะบนเขา แต่ปรากฏว่า รูปมันมืดมากๆเพราะเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ถ่ายย้อนแสงบ้าง แดดเริ่มไม่มีบ้าง เอามาปรับแสงอะไรแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เลยได้มาแค่ไม่กี่รูปสำหรับบล็อกนี้ 

เนื่องด้วยคุณสามีซื้อที่ครอบรองเท้า สีฟ้าในรูปด้านล่าง สำหรับเดินย่ำหิมะและออกกำลังกายยามหนาว ทำจากพลาสติกเบาๆ แต่ดูแข็งแรงดี รับน้ำหนักได้ไม่เกิน 50 กิโลกรัม อันนี้สำหรับ Junior ส่วนผู้ใหญ่ ขนาดก็จะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และน้ำหนักของที่ครอบก็จะหนักมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง ด้านล่างจะมีตะปุ่มตะป่ำไว้กันลื่น หรือบางรุ่นก็เป็นใบเลื่อย แล้วแต่รุ่น ราคา ยี่ห้อ ส่วนอันนี้เป็นของ Decathlon ราคาอยู่ที่ 60 ยูโร เผื่อใครอยู่เมืองหนาวแล้วสนใจอยากซื้อใช้บ้าง ส่วนไม้เท้าสองอันนั่นก็ยี่ห้อเดียวกัน ปรับระดับความยาว-สั้นได้ น้ำหนักเบามือ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเดินอย่างอิชั้นเลยทีเดียว




วิธีใส่ก็ง่ายมากๆ อิชั้นใส่บู๊ทลุยหิมะก่อน แล้วสอดเท้าเข้ากับสายรัดผ้าที่ดึงเปิดปิดได้ง่ายๆ รัดให้แน่น แล้วก็เดินเหมือนปกติ เพียงแค่เดินขาถ่างๆหน่อยก็ดี ไม่งั้นด้านข้างของแผ่นสีฟ้านั่นจะเสียดสีกัน แต่วันที่อิชั้นไปนั้น หิมะเริ่มแข็งแล้ว ปุ่มข้างล่างก็ช่วยยึดไม่ให้ลื่น ถ้าเจอหิมะนิ่มๆน่าจะดีกว่า อยากรู้ว่าน้ำหนักตัวของอิชั้นและแผ่นสีฟ้านั่นจะช่วยไม่ให้อิชั้นจมลงไปในหิมะได้มากแค่ไหน


อิชั้นเริ่มเดินจากจุดเริ่มต้นสำหรับเส้นทางเดินขึ้นเขา ซึ่งเป็นเนินชันพอสมควร ไม่มีที่ราบเลย เดินไปอย่างช้าๆก่อนประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ราบบนเขา ระหว่างทางเจอหิมะละลายเป็นบางช่วง เลยใส่แค่รองเท้าลุยหิมะไปก่อน พอไปถึงบนเขาที่หิมะมีเยอะๆก็เอาที่ครอบเท้ามาใส่ เป็นการเดินที่ค่อนข้างเหนื่อยหอบเลยทีเดียว ขนาดว่าเดินช้าๆแล้ว และพยายามมีสมาธิกับทุกย่างก้าว เรียกได้ว่าเดินไปก็ท่อง ยุบหนอ พองหนอกันไปด้วย แต่ก็ยังมิวาย ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตุ๊บตั๊บๆ เดินขึ้นเนินไปครึ่งทาง นั่งพักบนก้อนหินริมทาง ไม่เย็นก้นหรอก ใส่เลกกิ้งแล้วใส่กางเกงสำหรับลุยหิมะอีกชั้นนึง  ถอดถุงมือ ถอดหมวกไหมพรม และรูดซิปเสื้อหนาวลงมาหน่อยนึง เพราะเริ่มร้อน ใครว่าเดินหน้าหนาวนี่มันหนาว มาเดินขึ้นเขากับอิชั้นก่อนคะ รับรองได้เหงื่อแน่นอน 

ตรงนี้คือจุดเริ่มต้น เค้าทำเส้นทางเดินเขาไว้ให้ มีการทำป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ไม่หลงแน่นอนค่ะ สัญลักษณ์นี้คือ ห้ามรถจักรยาน เพราะเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างชันและมีขั้นบันได เดินได้สถานเดียว



และที่ราบบนเขาที่อิชั้นพูดถึง คือเป็นที่ราบลุ่มมีน้ำขังในหน้าร้อน คล้ายๆป่าพรุน้ำแบบบ้านเรา ตรงนี้เป็นเขตอนุรักษ์พืชและสัตว์สงวนด้วย มีกบสายพันธ์ุแปลกๆหายาก ไม่รู้หน้าหนาวไปจำศีลอยู่ที่ไหน เพราะด้านซ้ายของรูปตรงที่อิชั้นใส่ลายน้ำชื่อและวันที่ ตรงนั้นข้างใต้เป็นน้ำค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็กลายเป็นน้ำแข็งไป แต่เราจะไม่ไปเดินตรงนั้น อันตรายเพราะหิมะอาจไม่หนามาก น้ำไม่ลึกหรอก แต่ตกลงไปนั่น หนาวตายซะก่อนแค่นั้นเอง เราจึงย่ำบนทางเดินด้านขวาของรูป ที่ข้างใต้เป็นพื้นดิน เป็นรอยทางเดินที่ใครๆเค้ามาย่ำกันเยอะแยะ และเจ้าหน้าที่ก็มาช่วยเกลี่ยๆหิมะให้พอเดินได้สะดวกๆ ส่วนหน้าร้อนตรงนี้ก็มาเดินได้ อิชั้นเคยมาเดินแล้วหลายรอบ




แต่หลังจากที่เดินมาถึงที่ราบตรงนี้ อิชั้นต้องรีบเดินจ้ำอ้าว ยังกะวิ่งไล่ควายแล้วเพราะคุณสามีโทรตาม ฮีขับรถขึ้นเขามารอรับตรงลานจอดรถ ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว เริ่มมืด อิชั้นก็ถ่ายรูปลำบาก รีบถ่ายรีบเดิน จนมาหอบแฮ่กๆอีกรอบ เหงื่อเริ่มแตก แล้วการปลดซิปเสื้อหนาวระบายความร้อนก็พอจะทำได้ แต่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ร่างกายจะปรับตัวไม่ทันเอา อุณหภูมิตอนนั้นราวๆ 2 องศา ส่วนถุงมือนั้นถอดเก็บใส่เป้เรียบร้อย หมวกก็ใส่บ้างถอดบ้าง เฮ้อ เป็นทริปที่ค่อนข้างทุลักทุเล ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆ 

แต่สุดท้ายแล้วก็เดินมาถึงลานจอดรถและให้คุณสามีถ่ายรูปให้ ด้วยสภาพหนังหน้าเย็นและชา แต่เหงื่อแตกร้อนรุ่มอยู่ข้างใน เฮ้อ คราวหน้าไม่เอาละ ต้องแพลนใหม่คือจะออกเดินตอนเที่ยง สักสี่โมงเย็นต้องถึงบ้าน ไม่งั้นถ้าต้องรีบเดินแบบนี้ ลนลาน สติสตังค์แตกกระจาย พาลหงุดหงิดไปซะงั้น

สรุปแล้วใช้เวลาเดินไปแค่สองชั่วโมงครึ่ง และพอวันรุ่งขึ้นอิชั้นก็ไข้ขึ้นเล็กน้อยเพราะด้วยความเดินอย่างรีบร้อนนั่นแหละ เหงื่อแตก ปลดซิปปลดกระดุมเข้าๆออกๆ ร้อนๆหนาวๆ จนร่างกายปรับไม่ทัน เป็นไงล่ะ ได้บทเรียนไปอีกหนึ่ง!


ปล. แต่ที่พีคกว่าไข้ขึ้นคือ ดันส่งรูปนี้ไปให้เพื่อนสาวที่อยู่อีกเมืองนึงดู ตอนเพิ่งซื้อมาใหม่ๆยังไม่ได้ลองใช้ แล้วชีชอบกิจกรรมแบบนี้ด้วย แต่ชีถึกว่า แข็งแรงกว่าอิชั้น ชีเลยส่งข้อความกลับมาว่า ไปเดินด้วยกันวันไหนดี นัดวันมาเลย...ฮ่วย ไม่น่าเลยตรู ไม่น่าเห่อเบอร์ห้า รีบอวดของเล่นชิ้นใหม่เลย แล้วจะบอกเพื่อนยังไงดีว่า อ๋อ ไปเดินมาแล้ว กลับมาไข้แดรกก....555

เป็นอีกหนึ่งบทเรียน(ที่สอง)ว่า อย่าบ้าเห่อเบอร์ห้าไปก่อน อวดชาวบ้านไป งานจะงอกได้   Smileyเอารูปคนสวยหลังเดินเสร็จมาฝาก หน้าตาคนเดินย่ำหิมะไม่ต้องพูดถึง ขอเบลอไว้หน่อย เพราะมันพังตั้งแต่หน้ายันขายันแขน *__*





 

Create Date : 16 มกราคม 2561
0 comments
Last Update : 16 มกราคม 2561 21:09:23 น.
Counter : 699 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


settembre
Location :
Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




A minimalist mindset>>>minimalist lifestyle.
I try to pay attention to everything I buy and keep.
Now I live by the concept of BALANCE.




เริ่มนับจำนวนคนอ่าน วันที่ 22/04/15




New Comments
[Add settembre's blog to your web]