ระหว่างที่นั่งยองๆลงถ่ายรูปด้านบน เหลือบหันไปทางด้านซ้าย เห็นเห็ดงอกอยู่ริมโคนต้นสน เอ้า เก็บมากินเสีย อย่างให้เสียของ ใบเขียวๆนั่น ต้นบลูเบอรี่ป่าค่ะ เก็บลูกสุกๆมาทำแยมแล้วครั้งนึง
เก็บเสร็จ ทุกครั้งขากลับเดินผ่านมาตรงลำธาร มานั่งพักขา ดื่มน้ำกินขนมตรงนี้ทุกที ทางผ่านอยู่แล้วด้วย น้ำใสไหลเย็น แต่ไม่เห็นตัวปลา
อีกวันนึง เดินเลียบขึ้นเนินฝั่งขวามือของลานสกี แวะไปตรงจุดที่เห็ดเคยงอก ก็อย่างที่เห็นค่ะ เก็บกลับบ้านตามเคย เอามาล้างให้สะอาด ผัดกับน้ำมันมะกอก ฟรีซไว้กินหน้าหนาวค่ะ
ตรงลานจอดรถ ตอนนี้เค้าตัดต้นไม้ริมลานสกีมากองๆไว้ เพราะบางต้นสุ้มเสี่ยงต่อการหักโค่นลงมา หรือบางต้นก็ล้มเอง เทียบท่อนซุงกับรถเฟี้ยต 600 คันเล็กของอิชั้นดูจ้อยจิ๋วไปเลยค่ะ ความจริงจากบ้านก็เดินมาได้นะคะ แต่เก็บแรงไว้เดินบนเขาดีกว่าค่ะ เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ เดินขึ้นเนินล้วนๆ
เห็นสีเหลืองนั่นมีหลายชื่อ บางคนเรียก finferli or galletti or chanterelle อิชั้นเพิ่งมารู้ปีนี้เองว่า คนไทยเรียก เห็ดมันปู ชื่อน่ารักดีจัง เห็ดชนิดนี้มักงอกใต้ป่าสน หรือใต้ต้นดอกโดโรเด็นโดร หรือดงต้นบลูเบอรี่ป่า ชอบอากาศชื้นๆ วันไหนฝนตก รอไปสักสามสี่วันก็จะงอกบานสลอน สีเหลืองอร่ามอย่างในรูปค่ะ
นี่แหละค่ะ การใช้ชีวิตให้มีความสุขไปวันๆของอิชั้น ช่วงเช้าไปทำงานนิดหน่อย พอให้มีรายได้ ช่วงบ่ายๆว่าง ก็ออกเดินเข้าป่าหาเห็ด สุขหรือทุกข์ที่ใจหรือมุมมองล้วนๆ มาใช้ชีวิตกันให้สนุก+สุขกันเถอะค่ะ
Happy or suffering depend upon our own heart and perspective.