ในด้านพระศาสนาท่านก็ก้าวหน้า เช่น นิมนต์พระมาจากนครศรีธรรมราช พระลัทธิลังกาวงศ์มาไว้ในเมืองสุโขทัย ให้สั่งสอนศีลธรรมแก่ประชาชน พระองค์ชอบเสด็จไปหาพระในเวลากลางคืนเพื่อไปสนทนาธรรมะ เมื่อมีความรู้แล้ว รุ่งขึ้นต้องป่าวร้องให้คนมานั่งฟัง ท่านสอนที่ดงตาล ดงตาลนั้นมีแท่นหิน เขาเรียกว่า “มนังคศิลา” พระแท่นมนังคศิลาที่พระเจ้าอยู่หัวประทับนั่ง พูดศีลธรรมกับประชาชน ประชาชนฟังธรรมของพระเจ้าแผ่นดิน แล้วก็ประพฤติดี ประพฤติชอบ แท่นหินนั้น สมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านชะลอมา ใส่แพมา เอามาไว้ที่พระบรมมหาราชวัง เลยก็อยู่ในวังจนบัดนี้
ท่านนั่งบนแท่นหินแล้วก็สอนชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านได้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เลยทำพระกำแพงเขย่ง พระก้าวหน้า เพื่อให้ชาวบ้านได้คิดก้าวหน้า ได้ลุกขึ้นแต่เช้าก้าวไปข้างหน้า ทำงานแข่งกับเวลา พัฒนาครอบครัว ท่านคิดอย่างนั้น
บนภูเขาสูงๆ ท่านทำพระยืน พระอัฏฐารส ยืนตระหง่านอยู่บนภูเขา ท่านไม่สร้างพระนอนเลย กรุงสุโขทัยไม่สร้างพระนอน สร้างแต่พระนั่งกับพระยืน เพราะไม่อยากให้พระนอน มีแต่พระนั่งกับพระยืนให้คนก้าวหน้า เพราะฉะนั้น สร้างไว้บนยอดเขา คนจะได้มองเห็น อยู่ในนาก็เห็น อยู่ในทุ่งก็เห็น อยู่ในบ้านก็เห็น อยู่ในป่าก็ยังเห็น เห็นแล้วจะได้คิดว่า โน่น หลวงพ่อลุกขึ้นแล้ว เราต้องลุกขึ้น หลวงพ่อเดินแล้ว เราต้องเดิน เราต้องทำงาน เราต้องประพฤติธรรม นี่คือจุดหมาย สุโขทัยเป็นเมืองธรรมะ ไม่มีพราหมณ์เข้าไปเกี่ยวข้อง ในยุคสุโขทัยนี่พราหมณ์ยังไม่มา มีแต่พุทธศาสนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง
พราหมณ์เข้ามาคลุกคลีกับราชสำนักเมื่อใด ? สมัยกรุงศรีอยุธยาพราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เอาพิธีไสยศาสตร์ของพราหมณ์เข้ามาปน ในราชสำนักของพราหมณ์มากมาย สุโขทัยนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีอะไร เพราะฉะนั้น พระองค์เล็กๆ ที่เขาทำแจกในสมัยนั้นแจกไม่หมด เลยบรรจุไว้ในเจดีย์ มาในสมัยนี้พวกรื้อขุดค้น ก็ไปขุดรื้อเจดีย์ฉิบหายหมดเลย เอาพระมาขาย พอได้มาสักองค์ก็มาพิมพ์แถมขึ้นอีกร้อยสองร้อย เขาเรียกว่า “พระบวชใหม่” เอามาขายร่ำรวยตามๆกัน ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะความเชื่อคนในสมัยนี้เขวนั่นเอง เชื่อเรื่องขลังเกินไป เรื่องศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป ไม่ได้มุ่งเข้าหาธรรมะปฏิบัติ จึงได้เกิดความวุ่นวาย
Create Date : 29 ธันวาคม 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 29 ธันวาคม 2564 17:40:12 น. |
Counter : 371 Pageviews. |
|
|
|