กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
28 ธันวาคม 2564
space
space
space

ความเข้าใจเบื้องต้น(๗)

ต่อ

   ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่น การประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ เขาทำรูปพระนางมายา ได้ทำรูปสาวใช้ ทำรูปต้นไม้ ทำรูปเทวดา ให้ปรากฏอยู่ในแผ่นหินจารึก แต่ว่า รูปเจ้าชายไม่มี  เขาทำอะไรเป็นเครื่องหมาย ?  ทำดอกบัวเป็นเครื่องหมาย  ดอกบัวเรียงกันเป็นแถว เป็นเครื่องหมายแทนการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ
เวลาที่พระอสิตดาบส ซึ่งเป็นผู้คุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ รู้ข่าวว่า พระเจ้าสุทโธทนะมีพระโอรสเป็นชายก็มาเยี่ยม สาวใช้ยกเจ้าชายมาให้พระฤๅษีดู เขายกเบาะมา ในรูปเบาะ ทำเป็นเบาะเฉยๆ แล้วก็ไม่มีคนนอนอยู่บนนั้น ทิ้งไว้เฉยๆ ให้นึกเอาเองว่าเจ้าชายนอนอยู่บนนั้น  พระฤๅษีก็ยกมือไหว้ น้ำตาไหล หัวเราะ ไปตามเรื่องตามประวัติ แต่ไม่มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะ

เวลาที่เจ้าชายจะเสด็จออกบวช  ตอนเห็นสาวสนมกรมวัง  นอนระเกะระกะ ไม่น่าดู เป็นภาพเหมือนกับซากศพในป่าช้า เขาทำภาพเข้าที ทำภาพให้คนนอนน่าเกลียดไม่น่ารัก ไม่น่าเอ็นดูดอก แต่แล้วก็มีเก้าอี้ตัวหนึ่ง เก้าอี้ใหญ่แล้วก็มีเบาะปูไว้ บนนั้นไม่มีอะไร มีหมอนวางอยู่ แล้วหมอนนั้นมีรูปสวัสดิกะ   สวัสดิกะนี่ไม่ใช่ของฮิตเลอร์นา มันของพราหมณ์ เขาเขียนกันมานานแล้ว

ฮิตเลอร์แกเขียนของแกเอง แล้วมันไม่เหมือนของพราหมณ์เขาดอก คือแกหมุนไปทางซ้าย ของพราหมณ์เขาหมุนไปทางขวา “ทักษิณาวัตร” แกเขียนส่งเดช เลยฉิบหายกันหมดบ้านหมดเมือง มันเขียนผิดฉิบหายกันทั้งประเทศ เพราะอะไร เรื่องเป็นอย่างนั้น  ทีนี้ ก็มีหมอนแล้วก็มีสวัสดิกะอันหนึ่ง ก็มีเท่านั้น ไม่มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะ ให้คนนึกเอาเองว่า มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะนั่งอยู่ตรงนั้น

   เวลาออกบวชเขาทำรูปอย่างไร ?   เขาทำรูปตอนบวชมีม้าอานพร้อม มีนายฉันนะจูงม้า มีเทวดากางร่ม แล้วก็มีเทวดาตีฆ้องตีกลองแห่แหนรับ บนหลังม้าไม่มีอะไร ให้นึกว่า บนหลังม้าเป็นที่เจ้าชายสิทธัตถะประทับนั่งในวันออกบวช ม้าเขาทำอย่างนั้น
แล้วในบางสมัย รูปม้านี่มีเทวดาเอามือไปรับไว้ รับเท้าม้าไว้ ที่เทวดาเอามือไปรับเท้าม้าไว้ แสดงว่า ออกกลางคืน มันมีความหมายว่า ออกเวลาเงียบ ไม่มีเสียง เงียบก็เพราะเท้าม้านั้นอยู่บนมือเทวดามันก็วิ่งไม่ดัง หมายความว่าออกกลางคืน
แต่ว่าในภาพในสมัยหนึ่งนั้นหนักไปกว่านั้น เทวดาแบกเลย เทวดาสี่คนแบกม้าไปเลยทีเดียว ก็หมายความว่า ออกกลางคืนเหมือนกัน เท่ากัน
ครั้นพระองค์ไปทรงทำความเพียรใต้ต้นโพธิ์ได้ตรัสรู้ เขาทำรูปต้นโพธิ์มีพวงมาลัยห้อยเต็มไปหมด มีเทวดามากราบมาไหว้ แต่ว่าใต้ต้นโพธิ์นั้น มีแท่นหินวางไว้ ไม่มีรูปพระพุทธเจ้า มีแต่แท่นหิน ให้ใครนึกเอาว่า พระพุทธเจ้านั่งอยู่บนแท่นหินนั้น เขาทำอย่างนั้น
ทีนี้ ภาพเกี่ยวกับการแสดงปฐมเทศนา เทศนาครั้งแรก เขาทำเป็นรูปวงล้อธรรมให้ไปยุคเข็ญของโลก เขาทำเป็นวงล้อ แล้วก็ทำกวางสองตัว เป็นเครื่องหมายว่า เทศน์ที่สวนกวางใกล้เมืองพาราณสี แล้วก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เขาทำเท่านั้น
สมัยที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพาน เขาทำต้นรังสองต้น มีแท่นหินวางไว้ แล้วก็มีผ้าปูบนนั้น ไม่มีพระพุทธเจ้านอนบนนั้น ให้นึกเอาเองว่านี่นิพพานนะ เป็นภาพหมายของการปรินิพพาน

   ไม่ว่ารูปอะไรทุกตอน จากพุทธประวัติ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธเจ้าแล้ว เขาไม่ทำรูปทั้งนั้น แต่ทำเครื่องหมายแทนไว้ คนก็ไปกราบไปไหว้ด้วยความพอใจ


Create Date : 28 ธันวาคม 2564
Last Update : 14 เมษายน 2565 8:58:19 น. 0 comments
Counter : 351 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space