กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
มีนาคม 2565
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
24 มีนาคม 2565
space
space
space

...สังฆคุณ (ต่อ) อุชุปฏิปันโน


ต่อไป

    อุชุปฏิปันโน “ปฏิบัติตรง” ตรงทางไหน ?  ทางตรงเป็นทางลัด  แต่ทางคดเป็นทางที่อ้อมค้อม อันนี้ ทางตรงของพระพุทธเจ้าวางไว้ ให้เดินตรงไป เพราะเราที่มาบวชในพระศาสนามีจุดมุ่งหมายอยู่ที่อะไร ทางไปตรงไหนเราต้องรู้จุดหมาย   จุดหมายนั้นก็คือการดับทุกข์ได้  เรียกตามภาษาบาลีว่า วิมุตติ หมายความว่า พ้นจากความทุกข์ หรือเรียกว่า นิพพาน


   นิพพาน   ก็หมายความว่า ดับร้อนได้ ใจเย็น ใจสงบ เราบวชเข้ามาก็ให้ถึงจุดนั้น คือ ความพ้นทุกข์ ดับความร้อนในทางจิตใจได้ อันนี้ ถ้าเราตั้งเป้าหมายเข้าไปสู่จุดนั้น จะต้องตรงไป เดินตรงไปสู่เป้าหมายนั้น อย่าเลี้ยวแวะเข้าข้างทาง อย่าพัก ต้องเดินชนิดที่เรียกว่า ไม่หยุด เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางนั้น สำหรับผู้ที่บวชจริงๆ เรียกว่าบวชจริงๆ เรียกว่าบวชกันตลอดชีวิต การบวชตลอดชีวิต เรียกว่าตรงไปแล้ว แต่ถ้าบวชไปแล้วสึกแล้ว ก็เรียกว่าแวะข้างทาง  แต่สำหรับพวกเรานั้น มิได้ตั้งใจอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจว่าจะบวชจนตลอดชีวิต แต่ไม่แน่เหมือนกัน บางคนบวชไป ปฏิบัติไป ก็ชักจะชอบขึ้นมา ใจชอบก็เลยตัดสินใจว่าไม่เอาแล้ว ลาออกจากราชการแล้วบวชต่อไปจนตลอดชีวิต ซึ่งก็มีเหมือนกัน เพราะว่าเบื่อหน่ายต่อฆราวาสวิสัยซึ่งซ้ำๆซากๆ อยู่ด้วยเรื่องของกิเลสตัณหา ก็เลยบวชตลอดชีวิตไป  ถ้าว่าเราจะบวชตลอดชีวิต ก็หมายความว่า ตรงไปสู่จุดหมายปลายทางที่พระพุทธเจ้าท่านวางไว้  แต่ถ้าเราไม่ตั้งใจว่าจะบวชตลอดชีวิต เราก็เดินไปสู่จุดหมายครึ่งทาง  ครึ่งทางของเป้าหมายนั้นอยู่ที่อะไร ? อยู่ที่ประโยชน์ที่มองเห็นในเวลานี้เดี๋ยวนี้ หรือประโยชน์เบื้องหน้าอีกนิดหน่อย  แต่ไม่ใช่ประโยชน์ที่จะถึงความดับทุกข์อย่างแท้จริง เอาเพียงว่าเอาประโยชน์เวลานี้ ให้ใจสบาย ให้มีสติ  มีปัญญาพอสมควร เพื่อแก้ไขปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้น

   คนที่มาบวชในพระศาสนาแล้วได้รู้ธรรมะ  เข้าใจธรรมะ เราก็ใช้ธรรมะนั้นไปแก้ปัญหาชีวิต เวลาใดเกิดปัญหา   มีความทุกข์มีความร้อนอกร้อนใจ  เราก็พอจะรู้ว่ามันเกิดจากอะไร อะไรเป็นเหตุ เป็นตัวทำให้เกิดขึ้น แล้วเราก็จัดการแก้ไขสิ่งนั้น นั่นคือผลที่เราต้องการ  เรียกว่า ผลครึ่งทาง เพราะยังออกไปอยู่เป็นอย่างคฤหัสถ์  ครองบ้านครองเรือน  แต่ว่าอยู่อย่างคนดี เขาเรียกว่า กัลยาณปุถุชน  อยู่อย่างคนดี  คนเรียบร้อย  ประพฤติอยู่ในตัวบทกฎหมายของบ้านเมือง มีระเบียบบังคับจิตใจ ไม่เป็นคนประเภทตกเป็นทาสของกิเลสมากเกินไป ใช้กิเลสบ้างพอสมควร เรียกว่า ใช้ในฐานะอยู่ครองเรือน   แม้จะเสพกามก็มิได้เสพเพื่อสนุกสนาน เพื่อความเพลิดเพลินเอร็ดอร่อย แต่ว่าทำไปเพื่อการสืบพันธ์ ให้มันมีอยู่ในโลกต่อไป อย่าให้มันสูญเสีย เอาไว้เพียงสักหน่อสองหน่อ  อย่าให้มันมากเกินไป  แล้วเราก็หยุดเสียว่าพอแล้ว  อย่างนี้ เรียกว่า ไม่เกินพอดี และเมื่อทำให้เขาเกิดมาแล้ว  เราก็ทำนุบำรุงเลี้ยงดูให้ดีเท่าที่เราจะทำได้ เช่น อบรมบ่มนิสัย ให้การศึกษา ชี้แนะแนวทางชีวิต จนกระทั่งเขาเติบโต ปีกกล้าขาแข็งพอจะบินไปด้วยตัวเองได้ เป็นหน้าที่เราจะต้องทำต่อไป อันนี้ เรียกว่า เป็นการปฏิบัติตรงไปในฐานะของกัลยาณปุถุชน


   คฤหัสถ์  ก็เรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติตรงได้เหมือนกัน  ไม่ใช่เป็นนักบวชเสมอไป  แต่ตรงอย่างคฤหัสถ์ ถ้าเราเป็นนักบวช  ก็เรียกว่า ตรงอย่างนักบวช   เรียกว่าปฏิบัติตรง  มุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง ถ้าเราจะมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางแท้จริง   เราต้องไม่แวะเวียนแล้วเปลี่ยนเข็มชีวิต  ตั้งเข็มไว้เหมือนกับเรือเดินสมุทรตั้งเข็มทิศไว้มันก็จะไปถึงจุดหมายที่ต้องการ ไม่คดเคี้ยว ไม่เลี้ยวเลาะไปเป็นอันขาด  คราวนี้  อะไรที่จะทำให้เราไปตรงไม่ได้  สิ่งที่จะทำให้ไปตรงไม่ได้ ก็คือกามคุณนี้เอง เป็นสิ่งล่อ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เรียกว่า กามคุณ


  อันนี้ เขาเล่าเรื่องเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบไว้ว่า  มีเจ้าชายหนุ่มพระองค์หนึ่ง พร้อมด้วยบริวารจำนวนมาก ออกจากนครหนึ่ง เพื่อจะไปสู่อีกนครหนึ่ง  ในการเดินทางนั้นต้องผ่านป่า ป่าใหญ่เสียด้วย เขาเรียกว่าป่ารกชัฏทุรกันดาร แต่ว่ามีเส้นทางที่จะเดินไปได้  เจ้าชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด รู้เท่าทันเหตุการณ์  เมื่อจะออกเดินทางก็ได้เรียกบริวารบอกว่า ในการเดินทางไปในป่านี้มีอันตรายรอบข้าง  เราจะต้องระวังในเรื่องของอาหารการกิน  เรื่องน้ำดื่มน้ำใช้ เรื่องสิ่งที่ได้ประสพพบเห็น ต้องระวังทุกอย่าง  ถ้าประมาทขาดความระมัดระวังแล้ว เราจะไปไม่ถึงนครที่เราตั้งใจไป ได้เตือนบริวารเหล่านั้นแล้วก็ออกเดินทางไป


   ทีนี้ ในการเดินทางนั้น มีพวกยักษ์ซึ่งอยู่ในป่า  รู้ว่าเจ้าชายกับบริวารกำลังเดินทางมา ก็เลยปลอมตัวมาในรูปต่างๆ  เช่น  รูปมนุษย์ที่สวยงาม   พวกชุดแรกที่ได้เห็นเป็นคนรูปสวย  เป็นผู้หญิงสวยๆ  มาเดินกรีดกรายตามชายป่าที่ร่มรื่น ซึ่งพวกที่เดินทางนั้นไปนั่งพักกัน  ผู้ที่เป็นหัวหน้า คือเจ้าชายก็ทรงบอกลูกน้องให้ระวังให้ดี   อันตรายจะมีแก่เราทั้งหลาย  บางคนก็เชื่อฟังเจ้าชาย ได้ระวังตัว ไม่หลงใหลไป  แต่บางคนไม่เชื่อ  พอเห็นรูปก็ลุ่มหลงเดินไปหาพวกสวยๆ เหล่านั้น  พวกสาวๆเหล่านั้น  ก็ชวนเข้าป่า  เมื่อเข้าป่าแล้วมันกลายเป็นยักษ์จับพวกนั้นกินหมดเลย  พวกแรกนี่ตายไปเพราะหลงรูปที่สวยงาม   พวกที่เหลือก็เดินทางต่อ   พวกที่เนรมิตรูปสวยมันก็มาในรูปใหม่อีก เป็นพวกฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี ดีดสีตีเป่าไพเราะโสต เสียงยะเยือกเย็นน่าฟัง  เจ้าชายก็บอกว่าระวังให้ดี  อย่าไปหลงเสียงปี่ เสียงเพลงของพวกนั้น  ไอ้พวกที่เชื่อก็ไม่เป็นไร  พวกที่ไม่เชื่อก็อยากดู  ต้องไปดู และร้องรำทำเพลงกับพวกนั้น  พวกนั้นก็ย้ายวงเข้าไปในป่ากับพวกยักษ์ที่แปลงมา  พอเข้าไปในป่าก็ถูกจับกินหมด พวกนี้ตายเพราะหลงเสียงที่ไพเราะ พวกที่ยังเหลือก็เดินทางต่อไป



   ทีนี้เป็นเวลาเย็น   เดินมานานแล้วก็จะพักผ่อน  พวกยักษ์นั้น  ก็ไปสร้างกระท่อมประดับด้วยไม้หอมๆกลิ่นดีๆ ที่นอนก็ประพรมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ มีกลิ่นหอมหวนชอนดมทั้งนั้น  เจ้าชายพอได้เห็น ก็บอกว่า ไอ้ที่สบายอย่านอน เราไปนอนที่ไม่สบายกันดีกว่า พวกที่เชื่อก็ตามเจ้าชายไป อีกพวกหนึ่ง   ก็ว่าของดีๆ อย่างนี้ไม่นอน  จะไปนอนกลางดินกลางทรายทำไม พวกนั้นก็ไปนอนที่ประพรมด้วยดอกกุหลาบ  มะลิป่า หอมหวนชวนใจนอนหลับไปก็ถูกยักษ์หักคอเอาไปกินหมด พวกนี้ตายไป เพราะหลงกลิ่นที่หอมหวนชวนดม  ที่เหลือก็เดินทางต่อไป  พวกยักษ์ก็มาในมาดใหม่อีก พวกนี้ก็ได้เวลาจะกินอาหารกลางวัน  เขามาในมาดใหม่อาหารไว้เยอะ  กับข้าวดีๆ หมู เห็ด เป็ด ไก่  เห็นแล้วน้ำลายสอ  เจ้าชายก็เตือนว่า   ระวังอาการอย่างนี้มีในป่า  มันชักจะไม่เข้าทีเสียแล้ว พวกเราอย่าเพิ่งบุ่มบ่ามกินกันนะ   พวกที่เชื่อก็ไม่เป็นไร   ส่วนพวกที่ไม่เชื่อฟัง  ก็ว่าของดีๆ อย่างนี้ ไม่กินแล้วจะไปกินอะไร  เลยไปกินกันใหญ่   กินเข้าไปแล้วก็เมาอาหารนอนหลับเป็นแถว  ยักษ์ก็เอาไปกินเสียอีกตามเคย   นี่เรียกว่า   หลงใหลในรสอาหาร  แล้วก็หลงใหลในเรื่องรสสัมผัสถูกต้องร่างกายสวยงาม.

   รวมความว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๕ ประการนี้  เป็นมารมาล่อให้คนหลงใหลมัวเมา เพลิดเพลินไปด้วยประการต่างๆ   ที่ว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เราอย่านึกในวงแคบ อย่านึกว่าเป็นรูปร่างของสตรี กลิ่นสตรี รสจากสตรี รสจากบุรุษ เท่านั้น ไม่ว่าอะไรที่เป็นสิ่งยั่วใจให้เพลิน อยู่ในพวกนี้ทั้งนั้น เช่น สุรา เมรัย บุหรี่ กัญชา เฮโรอีน เครื่องดองของเมาต่างๆ หรือสิ่งยั่วตา ยั่วใจให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ทุกแง่ทุกมุม เป็นสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยที่เราต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา   ถ้าผู้ใดระมัดระวังก็ปลอดภัย เหมือนกับเจ้าชอบองค์นั้น เดินไปถึงนครโน้นแล้วไดเสวยราชสมบัติได้เป็นกษัตริย์ต่อไป




 

Create Date : 24 มีนาคม 2565
0 comments
Last Update : 26 มีนาคม 2565 16:01:33 น.
Counter : 364 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space