ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
7 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

ครูที่ยังจำได้ชั้น ป.4 ก.

ครูประจำชั้นที่ยังจำได้ ครูประถมศึกษาปีที่ 4 ก.

ครูชิต บุนนาค เป็นครูรูปร่างเล็กผิวขาว
มักจะถูกพูดกันในหมู่ครูโรงเรียนที่นินทาให้ได้ยิน
โดยได้รับฟังจากรุ่นพี่ว่า แกเป็นครูที่แปลกที่มาจากตระกูลบุนนาค
แต่มีผิวขาวหรือเป็นพวกผู้ดีตกยาก
(จริง ๆ แล้วช่วงหลังเคยเจอกับพันตำรวจโท สล้าง บุนนาค
ยศในสมัยเป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ก็เป็นคนผิวขาว)
ลูกชายแกตัวผิวดำมากเรียนห้องเดียวกัน (จำชื่อไม่ได้แล้ว)
เคยพูดจากับลูกชายแกพักหนึ่ง ก่อนจะที่แกจะบอกว่า
ถ้าแกจบประถมปีที่สี่แล้วจะไปเรียนต่อที่อื่น และอยากจะเป็นทหาร
พอช่วงใกล้จบการศึกษาภาคบังคับ
ลูกชายแกก็เก็บตัวเงียบ ช่วงว่างจากการพักก็จะอ่านหนังสือคนเดียว
ไม่ค่อยพูดจากับเพื่อนฝูงแต่อย่างใด
(มาตอนนี้ก็นึกขึ้นมาได้ว่า แกคงจะเครียดและต้องเตรียมตัวสอบ
เพื่อเข้าเรียนในที่แห่งใหม่ ไม่รู้ว่าที่ไหนเพราะแกไม่ยอมบอกอะไรเลย)
หลังจากที่แกสอบประถมปีที่สี่แล้ว
แกกับครูชิด ก็หายไปจากหาดใหญ่
ไม่มีใครทราบข่าวว่าทั้งคู่ไปไหนอีกเลย
แม้ว่าจะสอบถามรุ่นพี่หลายคนว่าเจอครูชิตกับลูกแกที่ไหนบ้าง
ก็ยังไม่ไ้ด้ข่าวคราวแต่อย่างใด ถ้าใครทราบก็แจ้งให้ทราบด้วย
ก็จะขอบคุณ หรือช่วยแจ้งให้ลูกแกทราบว่ายังมีเืพื่อนคิดถึงอยู่
นี่คือความทรงจำถืงลูกชายของแกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนกัน

ส่วนครูชิต เวลานักเรียนคุยกันมาก ๆ ในห้องเรียน
แกมักจะรีบเขียนบนกระดานด้วยชอร์คสี่ขาวอย่างเร็ว ๆ แล้วก็ลบออก
แล้วแต่วิชาที่สอนคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์
แล้วขอตรวจสมุดจดงานของเด็กนักเรียน
ถ้าเด็กนักเรียนคนใดจดไม่ทันก็จะถูกแก่ตีด้วยไม้หวายคนละไม่ต่ำกว่าสองที
จนเป็นที่รู้กันว่า ถ้าแกเขียนบนกระดานดำด้วยชอร์คเร็ว ๆ
ต้องรีบจดก่อนแกจะลบกระดานดำทิ้ง แล้วเอาเรื่องกับเด็กนักเรียน
ผมก็โดนแกตีบ้างบางครั้ง บางครั้งลูกแกก็โดนตีบ้างเพราะเขียนไม่ทัน
เพราะจดไม่ทันเวลาแกรีบเขียน เพราะอ่านไม่ออกในบางครั้ง

แกมีข้อดีอย่างคือ หนังสือที่เด็กแอบเอามาอ่านในห้องเรียน
หรือบางครั้งก็เป็นวารสารดรุณศึกษา(ถ้าจำไม่ผิด)
เป็นหนังสือของเครือซาเลเซียนพิมพ์ขาย
แกมักจะยึดไปเก็บไว้ที่โต๊ะครูประจำชั้นในห้องเรียน
แต่จะคืนให้หลังจากสอบปลายภาคการศึกษา
สมัยนั้นปีการศึกษาหนึ่งจะมีสามภาคการเรียน
มีการสอบย่อยทุกเดือนครึ่งแล้วก็สอบใหญ่ทุกภาคการศึกษา
หนังสือของผมที่ถูกยึดเป็นหนังสือดรุณศึกษาสองเล่ม
จำได้ว่าไม่ได้คืนทั้งสองเล่มที่จำได้ดี
เพราะเป็นหนังสือของรักของหวงของพี่สาวที่เก็บรักษาอย่างดี
แต่ผมแอบหยิบมาอ่านในห้องเรียนหนึ่งเล่ม
แต่ตอนยึดจะตรวจค้นทั้งกระเป๋าแล้วยึดหมดทุกเล่มที่มีในกระเป๋านักเรียน
ที่ไม่เกี่ยวกับหนังสือเรียนประจำวันนั้น

สมัยนั้นในห้องเรียนไม่มีการยินยอมให้วางสมุดหนังสือไว้ในห้องเรียน
ต้องนำกลับบ้านแล้วจัดตารางสอน(ตารางเรียน) มาทุกเช้า
ที่จำได้แม่นเพราะหนังสือสองเล่มนั้นเป็นของพี่สาวของผม
พี่สาวคนนี้ต้องออกจากโรงเรียนธิดานุเคราะห์ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่สี่
เพราะต้องช่วยแม่มาทำการค้าขาย
เพื่อให้พี่ชาย ผมและน้องสาวได้เรียนหนังสือ
เพราะในช่วงนั้นธุรกิจการค้าของพ่อไม่ค่อยจะดีมากนัก
หนังสือสองเล่มนี้ก็ได้หายสาบสูญไปเลย
แต่ครูชิต แกก็ยืนยันว่าไม่มีในโต๊ะแล้ว และไม่น่าจะหายไปไหน
้เพราะคงไม่มีใครกล้าจะมาล้วงคองูเห่า
คือมาหยิบจากโต๊ะของแกแต่อย่างใด

ก่อนสอบปลายภาคประถมศึกษาปีที่ 4
ก็มีการติวเข้มกัน ถ้าเป็นปัจจุบันก็น่าจะเรียกว่า
สกัดกั้นเก็งข้อสอบ เพราะต้องสอบข้อสอบจังหวัด
คือ ต้องผ่านร้อยละห้าสิบของวิชาที่เรียน
คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์
แต่ภาษาอังกฤษ ยังไม่มีการสอบแต่อย่างใด
เพราะสมัยนั้นบางโรงเรียนเริ่มเรียน ABCD ตอนประถมปีที่ 5
ต้องสอบผ่านร้อยละ 50 ได้จึงจะจบประถมปีที่สี่สมบูรณ์
ถ้าไม่ผ่านก็ต้องตกเรียนซ้ำชั้น
สมัยนั้นการเรียนถ้าสอบได้ต่ำกว่าร้อยละห้าสิบก็ต้องเรียนซ้ำชั้น
จนกว่าจะสอบผ่านเกินกว่าร้อยละห้าสิบของวิชาที่เรียน
เด็กนักเรียนบางคนพอเรียนถึงชั้นประถมปีที่สี่
ถ้าสอบผ่านก็เลิกเรียนไปเลยก็มี
หรือถ้าสอบไม่ผ่านก็เลิกเรียนไปเลย
กระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้นก็ไม่มีการติดตามแต่อย่างใด

นี่คือความทรงจำถึงครูประจำชั้น
และลูกชายแกที่เคยเรียนห้องเดียวกันในสมัยก่อน




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2553
6 comments
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 13:46:35 น.
Counter : 880 Pageviews.

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เก่งจังจำเรื่องราวป.4 ได้
เราจำไม่ได้เลยล่ะ

 

โดย: อุ้มสี 7 กุมภาพันธ์ 2553 22:45:46 น.  

 

จำเก่งจัง ป.1-ป.4 จำได้หมดเลย

งวดหน้า 85 (ป.5)

 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 8 กุมภาพันธ์ 2553 0:47:10 น.  

 

เราอยู่ชั้นป. 4 ข จำได้แต่ว่าเคยเรียนทำกล้วยบวชชี อร่อยมาก จำได้แค่นี้แหละค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 8 กุมภาพันธ์ 2553 9:17:29 น.  

 

miss u

ว่างก็ค่อยคุยนะคะ

no serious

สะกดถูกไหมน่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 10 กุมภาพันธ์ 2553 21:55:01 น.  

 

 

โดย: tuk-tuk@korat 11 กุมภาพันธ์ 2553 20:53:33 น.  

 

 

โดย: ส้มแช่อิ่ม 13 กุมภาพันธ์ 2553 12:40:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.