ครูที่ยังจำได้ชั้น ป.4 ก.
ครูประจำชั้นที่ยังจำได้ ครูประถมศึกษาปีที่ 4 ก.
ครูชิต บุนนาค เป็นครูรูปร่างเล็กผิวขาว มักจะถูกพูดกันในหมู่ครูโรงเรียนที่นินทาให้ได้ยิน โดยได้รับฟังจากรุ่นพี่ว่า แกเป็นครูที่แปลกที่มาจากตระกูลบุนนาค แต่มีผิวขาวหรือเป็นพวกผู้ดีตกยาก (จริง ๆ แล้วช่วงหลังเคยเจอกับพันตำรวจโท สล้าง บุนนาค ยศในสมัยเป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ก็เป็นคนผิวขาว) ลูกชายแกตัวผิวดำมากเรียนห้องเดียวกัน (จำชื่อไม่ได้แล้ว) เคยพูดจากับลูกชายแกพักหนึ่ง ก่อนจะที่แกจะบอกว่า ถ้าแกจบประถมปีที่สี่แล้วจะไปเรียนต่อที่อื่น และอยากจะเป็นทหาร พอช่วงใกล้จบการศึกษาภาคบังคับ ลูกชายแกก็เก็บตัวเงียบ ช่วงว่างจากการพักก็จะอ่านหนังสือคนเดียว ไม่ค่อยพูดจากับเพื่อนฝูงแต่อย่างใด (มาตอนนี้ก็นึกขึ้นมาได้ว่า แกคงจะเครียดและต้องเตรียมตัวสอบ เพื่อเข้าเรียนในที่แห่งใหม่ ไม่รู้ว่าที่ไหนเพราะแกไม่ยอมบอกอะไรเลย) หลังจากที่แกสอบประถมปีที่สี่แล้ว แกกับครูชิด ก็หายไปจากหาดใหญ่ ไม่มีใครทราบข่าวว่าทั้งคู่ไปไหนอีกเลย แม้ว่าจะสอบถามรุ่นพี่หลายคนว่าเจอครูชิตกับลูกแกที่ไหนบ้าง ก็ยังไม่ไ้ด้ข่าวคราวแต่อย่างใด ถ้าใครทราบก็แจ้งให้ทราบด้วย ก็จะขอบคุณ หรือช่วยแจ้งให้ลูกแกทราบว่ายังมีเืพื่อนคิดถึงอยู่ นี่คือความทรงจำถืงลูกชายของแกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนกัน
ส่วนครูชิต เวลานักเรียนคุยกันมาก ๆ ในห้องเรียน แกมักจะรีบเขียนบนกระดานด้วยชอร์คสี่ขาวอย่างเร็ว ๆ แล้วก็ลบออก แล้วแต่วิชาที่สอนคือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ แล้วขอตรวจสมุดจดงานของเด็กนักเรียน ถ้าเด็กนักเรียนคนใดจดไม่ทันก็จะถูกแก่ตีด้วยไม้หวายคนละไม่ต่ำกว่าสองที จนเป็นที่รู้กันว่า ถ้าแกเขียนบนกระดานดำด้วยชอร์คเร็ว ๆ ต้องรีบจดก่อนแกจะลบกระดานดำทิ้ง แล้วเอาเรื่องกับเด็กนักเรียน ผมก็โดนแกตีบ้างบางครั้ง บางครั้งลูกแกก็โดนตีบ้างเพราะเขียนไม่ทัน เพราะจดไม่ทันเวลาแกรีบเขียน เพราะอ่านไม่ออกในบางครั้ง
แกมีข้อดีอย่างคือ หนังสือที่เด็กแอบเอามาอ่านในห้องเรียน หรือบางครั้งก็เป็นวารสารดรุณศึกษา(ถ้าจำไม่ผิด) เป็นหนังสือของเครือซาเลเซียนพิมพ์ขาย แกมักจะยึดไปเก็บไว้ที่โต๊ะครูประจำชั้นในห้องเรียน แต่จะคืนให้หลังจากสอบปลายภาคการศึกษา สมัยนั้นปีการศึกษาหนึ่งจะมีสามภาคการเรียน มีการสอบย่อยทุกเดือนครึ่งแล้วก็สอบใหญ่ทุกภาคการศึกษา หนังสือของผมที่ถูกยึดเป็นหนังสือดรุณศึกษาสองเล่ม จำได้ว่าไม่ได้คืนทั้งสองเล่มที่จำได้ดี เพราะเป็นหนังสือของรักของหวงของพี่สาวที่เก็บรักษาอย่างดี แต่ผมแอบหยิบมาอ่านในห้องเรียนหนึ่งเล่ม แต่ตอนยึดจะตรวจค้นทั้งกระเป๋าแล้วยึดหมดทุกเล่มที่มีในกระเป๋านักเรียน ที่ไม่เกี่ยวกับหนังสือเรียนประจำวันนั้น
สมัยนั้นในห้องเรียนไม่มีการยินยอมให้วางสมุดหนังสือไว้ในห้องเรียน ต้องนำกลับบ้านแล้วจัดตารางสอน(ตารางเรียน) มาทุกเช้า ที่จำได้แม่นเพราะหนังสือสองเล่มนั้นเป็นของพี่สาวของผม พี่สาวคนนี้ต้องออกจากโรงเรียนธิดานุเคราะห์ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่สี่ เพราะต้องช่วยแม่มาทำการค้าขาย เพื่อให้พี่ชาย ผมและน้องสาวได้เรียนหนังสือ เพราะในช่วงนั้นธุรกิจการค้าของพ่อไม่ค่อยจะดีมากนัก หนังสือสองเล่มนี้ก็ได้หายสาบสูญไปเลย แต่ครูชิต แกก็ยืนยันว่าไม่มีในโต๊ะแล้ว และไม่น่าจะหายไปไหน ้เพราะคงไม่มีใครกล้าจะมาล้วงคองูเห่า คือมาหยิบจากโต๊ะของแกแต่อย่างใด ก่อนสอบปลายภาคประถมศึกษาปีที่ 4 ก็มีการติวเข้มกัน ถ้าเป็นปัจจุบันก็น่าจะเรียกว่า สกัดกั้นเก็งข้อสอบ เพราะต้องสอบข้อสอบจังหวัด คือ ต้องผ่านร้อยละห้าสิบของวิชาที่เรียน คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แต่ภาษาอังกฤษ ยังไม่มีการสอบแต่อย่างใด เพราะสมัยนั้นบางโรงเรียนเริ่มเรียน ABCD ตอนประถมปีที่ 5 ต้องสอบผ่านร้อยละ 50 ได้จึงจะจบประถมปีที่สี่สมบูรณ์ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องตกเรียนซ้ำชั้น สมัยนั้นการเรียนถ้าสอบได้ต่ำกว่าร้อยละห้าสิบก็ต้องเรียนซ้ำชั้น จนกว่าจะสอบผ่านเกินกว่าร้อยละห้าสิบของวิชาที่เรียน เด็กนักเรียนบางคนพอเรียนถึงชั้นประถมปีที่สี่ ถ้าสอบผ่านก็เลิกเรียนไปเลยก็มี หรือถ้าสอบไม่ผ่านก็เลิกเรียนไปเลย กระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้นก็ไม่มีการติดตามแต่อย่างใด
นี่คือความทรงจำถึงครูประจำชั้น และลูกชายแกที่เคยเรียนห้องเดียวกันในสมัยก่อน
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 13:46:35 น. |
Counter : 880 Pageviews. |
|
|
|
เราจำไม่ได้เลยล่ะ