ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ครูที่ยังจำได้ชั้น ป.1 ค.

ครูประจำชั้นที่ยังจำได้

ครูประจำชั้นประถมปีที่ 1 ค. ชื่อว่า ครูช่วง ณ สงขลา
สมัยนั้นที่โรงเรียนแสงทองวิทยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
(เป็นโรงเรียนชายล้วน สมัยนั้นสอนตั้งแต่ประถมปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3)
ถ้าจำไปผิดจะมีชั้นประถมปีที่ 1-4 ที่มีห้อง ก ข ค
ก่อนจะเริ่มมีห้อง ง ตอนชั้นประถมปีที่ 5
เพราะพอก่อนจบ ประถมปีที่ 4 ภาคบังคับ
(การศึกษาภาคบังคับสมัยนั้นจบแค่ ป 4. ก็พอแล้ว)
ก็จะต้องสอบข้อสอบจังหวัดว่าได้หรือตก
หรือเรียกว่าข้อสอบกระทรวงสมัยก่อน
ถ้าสอบผ่าน ก็จะออกไปทำงานช่วยพ่อแม่หรือ
จะขอเรียนต่อชั้นประถมปีที่ 5-7 ต่อไปได้เลย
แล้วสอบข้อสอบจังหวัดอีกครั้งตอน ป.7 หรือประถมศึกษาปีที่ 7
สอบผ่านก็เรียนต่อมัธยมศึกษาปีที่ 1
หรือออกไปทำงานช่วยครอบครัวได้เลย
เพราะจริง ๆ จบการศึกษาภาคบังคับตั้งแต่ป 4. แล้ว

ครูช่วง ณ สงขลา เป็นที่หน้าตาแบบคนจีนรุ่นเก่าที่หน้าเรียวยาว
คางแหลม ไว้หนวดเล็กน้อย ผิวดำคล้ำ
เป็นครูรุ่นเก่าแก่ที่จบประถมศึกษาปีที่ 4 ก็มาเป็นครูได้เลย
แกสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 และสอนมาตั้งแต่รุ่นแรกของ
โรงเรียนแสงทองวิทยา ตั้งแต่พี่ชายคนโตของผม
จนกระทั่งถึงผมเข้าเรียนพร้อมกับพี่ชายที่อายุห่างกันปีเศษ
ยังจำได้หลังจากประกาศผลสอบประจำภาคเสร็จทุกครั้ง
(สมัยนั้นภาคการศึกษามีสามเทอม) สอบปลายภาคเทอมละครั้ง
คุณพ่อมักจะให้นำบุหรี่ยี่ห้อกาลิค รูปสฟิงค์อียิปต์
จำไม่ได้ว่ากระป๋องหนึ่งจะบรรจุบุหรี่ห้าสิบมวนหรือหกสิบมวน
นำไปให้ครูช่วงครั้งละกระป๋องสองกระป๋อง
เพราะทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนตั้งแต่รุ่นพี่ชายคนโตจนมาถึงผม

ครูช่วงเป็นคนสกุล ณ สงขลา ปลายแถวแล้ว
มีฐานะที่เรียกว่าไม่ถึงกับร่ำรวย
มีสวนยางพาราบ้างเล็กนัอยที่บ้านน้ำน้อย
แต่ต้องตื่นแต่เช้าขึ้นรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา
ลงที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ แล้วเดินมาโรงเรียน
บางครั้งก็นั่งรถประจำทางสงขลาหาดใหญ่ มาลงที่โรงเรียน
ก่อนเวลาเจ็ดโมงเช้าทุกวัน โรงเรียนเข้าเรียนตอนแปดโมงเช้า

มีครั้งหนึ่งแกพาลูกชายของแกสองคนมาสมัครเป็นครูที่โรงเรียนสองคน
คือ ครูสุชาติ ณ สงขลา และครูสุชีพ ณ สงขลา
ทั้งสองสอนอยู่พักหนึ่งคนแรกสอบบรรจุเป็นครูได้ก็เลยลาออกไป
ส่วนอีกคนไปเขียนการ์ตูนการเมืองอยู่พักหนึ่ง
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นหนังสือพิมพ์มติชน
ก่อนที่จะไปทำเกี่ยวกับการจัดปกหนังสือ
หรือ layout หนังสือตามนิตยสารและวารสารทั่วไป
ช่วงครูสุชีพ ยังสอนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
เคยได้ยินรุ่นพี่ที่เคยเรียนกับแกต่างชอบแก
เพราะแกลายมือสวยและเขียนรูปประกอบการสอนตลอดเวลา
แต่ผมไม่ทันได้เรียนกับแกเพราะแกลาออกไปก่อน

ส่วนครูสุชาติ ณ สงขลา เคยเล่าให้นักเรียนฟัง
ช่วงแกมาสอนแทนครูประจำวิชาที่ไม่มาสอนครั้งหนึ่งว่า
มีช่วงหนึ่งมีนายอำเภอชื่อ นายเจริญจิตต์ ณ สงขลา
ย้ายมาเป็นนายอำเภอที่หาดใหญ่ แต่ยังไม่ได้ไปเจอกัน
ช่วงหนึ่งแกมีธุระเกี่ยวกับเอกสารที่อำเภอ
เลยขอเข้าพบเพื่อทำความรู้จักและนับญาติพี่น้องกัน
แกเรียกนายอำเภอว่าอา และมีการชักพากันไปมาหาสู่กับ
ญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ที่นามสกุล ณ สงขลา ที่ยังอยู่ที่สงขลา
(ตำบลน้ำน้อย ขึ้นกับอำเภอหาดใหญ่)

เพิ่มเติม ตระกูล ณ สงขลา มีบางช่วงไปเป็นเจ้าเมืองที่
อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี (สมัยหนองจิกยังเป็นเมือง)
บางส่วนก็ย้ายไปรับราชการอยู่ที่กรุงเทพฯ
หรือย้ายครอบครัวไปอยู่กรุงเทพฯ ร่วมร้อยปีแล้ว
ทำให้ขาดการติดต่อกันไปส่วนหนึ่ง
เพราะการเดินทางสมัยก่อนไม่สะดวกสบายมากนัก
หรือภาษิตกำลังภายในมักจะบอกว่า
เพื่อนสนิทบางทีก็ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกัน
มากกว่าญาติพี่น้องที่อยู่ห่างไกล
หรือไม่ค่อยได้มีการติดต่อพบปะกัน

ต่อมานายอำเภอคนนี้ก็ได้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
จึงได้ทำการบูรณะบ้านเก่าของต้นตระกูล ณ สงขลา
ที่ทิ้งร้างไว้นานเป็นพิพิธภํณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดสงขลาในปัจจุบัน
ที่จำได้ด้เพราะสมัยหนึ่งมักไปกับแม่โดยนั่งรถแท็กซี่หรือบางครั้ง
ก็นั่งรถไฟไปหา นายแพทย์เล็ก มโนมัยอุดม ที่อำเภอเมืองสงขลา
คลินิกหมอเล็กก็อยู่ใกล้ ๆ กับจวนเก่าเจ้าเมืองสงขลาเดิม
สมัยนั้นทิ้งร้าง มีคนจนเข้าไปอยู่อาศัย สภาพน่ากลัวมาก
ประตูหน้าต่างก็ชำรุด มืดคลื้มเพราะมีต้นไม้ กาฝากปกคลุมอยู่
ก่อนจะทำการบูรณะใหม่จนสวยงามเหมือนปัจจุบัน

มีแผ่นหินแผ่นหนึ่งยังอยู่ในพิพิธภัณฑ์สงขลา (เคยตั้งใจอ่าน)
เขียนสาแหรกตระกูล ณ สงขลา
ไว้ว่าสายไหนใครเป็นต้นตระกูล
แต่งงานกับใครบ้าง สายไหนบ้าง
แต่ไม่ได้ระบุนามสกุล สุวรรณคีรี และ โรจนหัสดิน
เคยสอบถามผู้รู้/เพื่อนรุ่นพี่ที่นามสกุล ณ สงขลา
รวมทั้งได้อ่านเอกสารประกอบหลายเล่ม
จึงทราบว่า เป็นโครงกระดูกในตู้ของตระกูลนี้
กล่าวคือ การได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองสงขลา หรือเจ้าเมืองหนองจิก
ของลูกหลานสกุล ณ สงขลา
บางช่วงก็เป็นสายของเมียคนที่สอง
เลยทำให้สายเมียหลวงไม่ค่อยพอใจ
มีการขัดแย้งกันมาโดยตลอด หรือมีการร้องเรียนไปยังเมืองหลวง
จนภายหลังสายเมียคนที่สอง
เลยเปลี่ยนนามสกุลไปใช้ตามราชทินนามไปเลย
ทำให้ขาดการสืบสายและนับญาติกันไปร่วมร้อยปี
เพิ่งจะกลับมารวมญาติและนับญาติพี่น้องกันใหม่ในช่วงหลังนี้
เพราะความอาฆาตโกรธแค้นมันผ่านมานาน
จนเกินจะจำได้แล้วในรุ่นเหลนโหลนลื้อ

ครูช่วง ณ สงขลา ที่จำได้ดีเพราะ ผมชอบไปต่อหนังสือ
คืออ่านหนังสือแบบเรียน ก ไก่ สระอะ สระอา กับแกเสมอ ๆ
ตอนนั้นไม่ได้ผ่านชั้นอนุบาลจากโรงเรียนธิดานุเคราะห์
(โรงเรียนนี้เป็นเครือซาเลเซียน รับนักเรียนหญิงล้วน
ยกเว้นระดับชั้นอนุบาล ส่วนโรงเรียนแสงทองวิทยา
ก็รับแต่นักเรียนชายล้วนเท่านั้น)
เมือผมเข้าเรียนก็เข้าเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่งเลย
ส่วนเด็กที่ผ่านโรงเรียนธิดานุเคราะห์
หรือมีพื้นฐานการเรียนบ้างก็จะได้เรียนห้อง ก.
ส่วนห้อง ข. ส่วนมากจะเป็นลูกครูโรงเรียนหรือเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน
กับเด็กนักเรียนที่พออ่านออกเขียนได้
ห้อง ค. มักจะเป็นเด็กนักเรียนอ่อนหรืออ่านไม่ค่อยได้

แต่สำหรับผมก่อนเข้าโรงเรียนก็ท่อง ก ไก่-ฮ นกฮูก กับสระได้แล้ว
เพราะพี่ชายพี่สาวสอนไว้ก่อนเบื้องต้น
สมัยนั้นครูประจำชั้นจะสอนคนเดียวทุกวิชา
แต่มืวิชาหลัก ๆ เพียงสามวิชาถ้าจำไม่ผิดคือ
ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ แล้วภาษาไทย
พอสอนวิชาหลักเสร็จก็ให้เด็กนักเรียนทำงานเพื่อส่งตรวจ
ในเวลานั้นใครว่างหรือทำงานเสร็จแล้ว
ก็ขึ้นไปต่อหนังสือกับครูประจำชั้นที่โต๊ะทำงานได้

มีช่วงหนี่งร้องไห้เพราะโดนครูดุ เพราะจำไม่ได้ว่า
อักษรสูง อักษรกลาง อักษรต่ำ ใช้กับวรรณยุกต์ใดไม่ได้
(แบบเรียนยังหาไม่พบ ไม่ทราบว่าน้ำท่วมไปหรือเปล่า)
เมื่อจำได้ก็เลยกลับไปอ่านต่อเรื่อย ๆ เพราะชอบอ่านมาก
จนจบเป็นคนแรกของห้องเรียน ครูช่วงได้ชมเชยในชั้นเรียน
แล้วเลยให้ไปอ่าน/เรียนแบบเรียนเร็วใหม่คนแรกของห้อง
หลังจากนั้นไม่นานนัก
ก็มีเพื่อนอีกหลายคนเริ่มต่อแถวจนจบแบบเรียนดังกล่าว
แล้วเริ่มอ่านหนังสือแบบเรียนเร็วใหม่ตามติด ๆ กัน จำไม่ได้ว่ามีเรื่องใดบ้าง
แต่ีช่วงนั้นก็รู้สึกว่ายืดพอสมควรเพราะได้เป็นคนช่วยครูสอน
ให้กับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนบางคนตามแต่ครูจะมอบหมาย

แต่สมัยนั้นเป็นอะไรที่ตอนนี้คงจะทำไม่ได้แล้วคือ
ครูช่วง เวลาสอนนักเรียนบางช่วง
แกก็สูบบุหรี่ไปแล้วสอนเด็กนักเรี่ยนไป
เด็กนักเรียนก็ไม่เห็นบ่นว่าอะไร เรื่องกลิ่นควันบุหรี่
เพราะตอนนั้นการสูบบุหรี่ของครูเป็นสิทธิพิเศษ
แต่ห้ามเด็กนักเรียนสูบโดยเด็ดขาด
แต่ก็มักจะมีเด็กนักเรียนรุ่นโตระดับมัธยมศึกษา
มักจะไปแอบสูบบุหรี่กันในห้องน้ำนักเรียน
จับได้ก็ถูกเฆี่ยนเป็นประจำ

ที่จำได้ช่วงหนึ่งผมเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่สาม
ขอแกหลบไปอ่านหนังสือเตรียมสอบในห้องเรียน
ชั้นประถมปีที่หนึ่งที่แกสอนในบางช่วง (ช่วงพักกลางวัน)
แกก็ยังจำชื่อผมได้ และอนุญาตให้นั่งอ่านหนังสือได้
ถ้าจำไม่ผิดแกเคยย้ายไปสอนชั้นประถมปีที่สี่พักหนึ่งหรือไง
แต่แล้วขอย้ายกลับมาสอนชั้นประถมปีที่หนึ่งตามเดิม
ทราบข่าวสุดท้ายตอนเรียนหนังสืออยู่ทีกรุงเทพฯ ว่าแกเสียชิวิตไปแล้ว
ได้ทำการเผาและบรรจุกระดูกไว้ที่วัดน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่

นี่คือ ความทรงจำถึงครูคนแรกของผม


Create Date : 03 มกราคม 2553
Last Update : 28 สิงหาคม 2558 23:25:38 น. 5 comments
Counter : 1469 Pageviews.

 
มาสวัสดีปีใหม่ค่ะ

ตอนนี้กลับมาเขียนที่นี่แล้วนะ แวะเวียนไปเยี่ยมกันได้เหมือนเดิมค่ะ


โดย: babyL' วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:13:47:42 น.  

 
หลายปีเหลือเกินค่ะ

เราจำชื่อได้เป็นบางท่านเอง


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:15:59:58 น.  

 

เก่งจังเลยเน๊าะ
เราจำได้แต่ชั้นมัธยมปลายแค่นั้นเอง
สวัสดีปีใหม่จ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:21:24:12 น.  

 
อ่านแล้ว ทำให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ยังเรียนประถม มัธยม ในเมืองสงขลา ม๊าก ยังจำชื่อ หน้าตาคุณครู ได้ทุกคน ตอนนี้ คุณครูหลายท่าน คงยังมีชีวิตอยู่ แต่หลายท่าน คงขึ้นไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้บ้างแล้ว ขอขอบพระคุณคุณครู


โดย: จันทราอาทิตย์ IP: 202.183.226.42 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:13:59:03 น.  

 
เคยเป็นลูกศิยน์ ครูสุชีพ


โดย: เคยเป็นลูกศิษน์ ครูสุชีพ IP: 1.47.192.42 วันที่: 25 สิงหาคม 2558 เวลา:9:56:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.