ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
โรงหนัง(ภาพยนต์)ในหาดใหญ่



โรงหนังที่เป็นตำนานของหาดใหญ่คือ
โรงภาพยนต์เฉลิมยนต์ ของ ขุนนิพัทธ์จีนนคร (เจียกีซี)
ตั้งอยู่บริเวณสายสอง (ถนนนิพัทธ์อุทิศ 2) ตามภาพประกอบ
ต่อมาถูกเพลิงไหม้จนต้องรื้อทิ้งและขายให้กลุ่มเต็กบีห้าง
หรือยางไทยปักษ์ใต้ ก่อสร้างเป็นอาคารในปัจจุบัน
เรื่องสุดท้ายที่ฉายคือ ศึกระฆังทอง
ชาวบ้านบางคนเลยเรียกว่า ศึกระฆังเพลิง

ไฟไหม้ครั้งนั้นเป็นครั้งที่จดจำเป็นตำนานของคนหาดใหญ่รุ่นเก่า
เพราะมีไฟไหม้ที่สายหนึ่งตั้งแต่หัวมุมตรงข้ามตึกยิบอินซอย
เดิมเป็นอาคารไม้เก่าแก่สองชั้น บางหลังก็เป็นชั้นเดียว
ห้วมุมตอนนี้กำลังต่อเติมซ่อมแซมเป็นธนาคารอิสลาม
เดิมคือธนาคารกรุงเทพฯพาณิชยการ สาขาหาดใหญ่
ไฟไหม้จนไปถึงเกือบบริเวณสามแยกในปัจจุบัน
สายสองทั้งบลอคตรงที่เป็นกลุ่มตึกแถวที่มีถนนขนาบสองข้าง
และไฟยังรุกลามไปไหม้บ้านเรือนไม้สองชั้น
ทีอยู่ฝั่งตรงข้ามเสียหายไปอีกหลายหลัง
จนต้องมีการรื้อทิ้งและขายบางส่วนออกไป
ในปัจจุบันเป็นอาคารธนาคารทหารไทย
และโรงแรมชั้นสองแห่งหนึ่งในปัจจุบัน








โรงหนังอีกโรงที่เป็นตำนานของหาดใหญ่คือ โรงหนังแกรนด์
แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงหนังโอเดียน
ทำให้ชื่อโอเดียนติดปากชาวบ้านมาก
และโรงหนังแห่งนี้อยู่ในย่านกลางเมืองหาดใหญ่สมัยก่อน
เป็นสิ่งบรรเทิงราคาย่อมเยาสำหรับชาวบ้าน

หน้าโรงหนังสมัยก่อนจะมีร้านขายบะหมีลูกชิ้น
ตอนนี้เจ้าของร้านย้ายไปเปิดร้านขายอาหารจีนแต้จิ๋ว ร้านเจ็งง้วน
ที่หัวมุมสายหนึ่งหาดใหญ่ ปากทางเข้าอุโมงค์รถไฟหาดใหญ่
(ถนนลอดใต้สะพานที่ให้รถไฟวิ่งข้างบน)
จำได้สมัยก่อนเป็นเนินดินลูกรัง
ต้องมีการขุดดินออกแล้วสร้างเป็นทางรอด
บางคนว่าเป็นบริเวณปลายโคกเสม็ดชุน
ที่ตั้งชุมทางรถไฟหาดใหญ่

ถัดจากร้านขายบะหมี่ ก็จะเป็นร้านขายน้ำเต้าหู้
ลูกสาวร้านนี้จัดว่าเป็นสาวงดงาม
บรรดาด้วงแมงและชีกอแมน
จะชอบไปซื้อสินค้าและนั่งชมความงามและหยอกเย้าเธอเสมอ
ถ้าจำไม่ผิดเธอแต่งงานไปกับรุ่นพี่แสงทองที่สงขลา
รุ่นพี่คนนั้นเวลาเจอกับผมและพูดกับผม
ตอนที่ยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน
จะมีลักษณะหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง
ทำนองว่าประสบความสำเร็จพอสมควรในการได้แต่งงานกับเธอ
(ไม่เจอเพื่อนรุ่นพี่คนนี้และเธอหลายปีแล้ว)

ตรงข้ามกับร้านบะหมีและร้านขายน้ำเต้าหู้
ก็มีคนขายผู้หญิงหน้าตางดงามพอ ๆ กัน
เป็นร้านขายน้ำใบบัวบก ลอดช่อง วุ้นดำ หรือน้ำหวานประเภทต่าง ๆ
ร้านค้าของคนงามสองร้านนี้ไม่ค่อยถูกกัน
จึงห้ามลูกค้ายกแก้วน้ำที่ขายจากร้านหนึ่ง
ข้ามไปนั่งโต๊ะเก้าอี้ที่ร้านฝั่งตรงข้ามเพื่อดื่มกินน้ำโดยเด็ดขาด
ยกเว้นแต่ซื้อใส่ถุงพลาสติคไปจึงจะไปนั่งดื่มกินได้

ที่มีปัญหาอีกร้านหนึ่งคือ ร้านอาหารมุสลิม
ด้านข้างของร้านจะติดกับร้านขายบะหมี่และน้ำเต้าหู้
เจ้าของร้านเป็นคนมุสลิมมาจากอินเดียนามสกุล กาเดร์
เป็นร้านของพ่อเพื่อน (ซำซุดิง) ที่มีพี่น้องร่วมบิดามารดาคนเดียวกัน
ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจำนวนสิบสี่คน (ถ้าจำไม่ผิด)
จำได้ว่าน้องชายของเพื่อนชื่อ มุสตาฟา
ตอนเช้ายังนั่งเล่นกันอยู่กับน้องแกอีกคนชื่อ เบเลเฮ็ม
ตอนที่ยังอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันที่บ้านแถวบ้านพักย่านรถไฟ
วันมะรืนก็ทราบว่า มุสตาฟา เสียชีวิตแล้วเพราะท้องร่วงอย่างแรง
และนำไปฝังที่กูโบร์เรียบร้อยแล้ว
ทำเอาผมตกใจและหวาดกลัวไปหลายวันหลายคืน

ร้านอาหารมุสลิมนี้ต่อมาได้ขายไปหลายทอด
หลังจากที่พ่อเพื่อนเสียชีวิตลงไปไม่นานนัก
เพราะแม่เพื่อนและพี่น้องแบกรับภาระไม่ไหว
ร้านนี้ห้ามยกเครื่องดื่มและอาหารจากร้านอื่น
เข้าไปในร้านของแกอย่างเด็ดขาด
นัยว่าผิดต่อศาสนบัญญัติของร้านแก
เรียกว่าจะกินอาหารและเครื่องดื่มใด ๆ
ได้เฉพาะที่สั่งภายในร้านของแกร้านเดียวเท่านั้น

ส่วนปากทางเข้าโรงหนังโอเดียนเดิม
จะมีร้านขายหนังสือชื่อ ร้านแพร่พิทยา
สมัยนั้นจัดว่าเป็นร้านหนังสือรายใหญ่ของหาดใหญ่
ก่อนที่จะมีแบรนด์จากเมืองหลวงมาแข่งขัน เช่น ซีเอ็ด นายอินทร์ B2S
ตอนนี้ย้ายไปเปิดร้านสองคูหาฝั่งตรงข้ามสถานอนาถาหาดใหญ่
หลังจากอาคารพาณิชย์ที่ค้าขายเดิมได้ทำการรื้อถอน
สร้างเป็นห้างสรรพสินค้าโอเดียน
และโรงหนังเดิมก็ทุบทิ้งสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ที่มีซอยผ่ากลาง
มีอาคารพาณิชย์สองข้างจนไม่เหลือสภาพโรงหนังเดิมอีก

ละแวกนี้เดิมยังมีโรงหนังอีกสองแห่งคือ
โรงหนังโคลีเซียม เดิมจะมีอาคารพาณิชย์สองฝั่งล้อมโรงหนัง
ตอนนี้รื้อทิ้งหมดแล้วควบรวมเป็นอาคารโรงแรมลีการ์เดนส์
และส่วนหนึ่งของโรงแรมก็ขอเช่าพื้นที่จากสมาคมจีนฮกเกี้ยน
เป็นสัญญาระยะยาวมีผลประโยชน์ตอบแทนและ Options พิเศษ
มิฉะนั้นโรงแรมก็จะมีพื้นที่ floor area ratio น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
หรือต้องถอยร่นมากกว่าสภาพปัจจุบัน

ส่วนอีกโรงหนังคือ โรงหนังอินทรา
มีการเปิดกิจการไม่นานนัก ก็เลิกกิจการไป
ตอนนี้เปลี่ยนกิจการเป็นสถานบันเทิงยามราตรี








โรงหนังอีกแห่งที่เป็นตำนานคือ โรงหนังชีกิมหยง
ด้านหน้าโรงหนังเดิมมี ศาลท้าวมหาพรหม
ต่อมาก็มีการพาหมอผีจากแถวอิสาณ เป็นพวกกลุ่มวัยรุ่น
ทำพิธีทุบพระพรหมทิ้งแล้วเอาน้ำปัสสาวะราดรด
แล้วนำไปโยนทิ้งคลองเตยหาดใหญ่
นัยว่ามีไว้ที่ไหนก็จะทำให้ไม่เจริญรุ่งเรือง
เพราะเอาแต่นั่งเฉย ๆ ไม่นำพาต่อเรื่องอันใด
แล้วจึงนำเอาพระสังข์กระจายมานั่งแทน
ไม่นานก็อัญเชิญไปไว้ที่อืนอีก

ที่จำได้แม่นเพราะช่วงนั้นยังเป็นชายโสด
ชอบไปนั่งกินอาหารที่ร้านรสอิสาณ
(ตอนนี้ปิดกิจการไปแล้วและกำลังบอกขายอยู่)
ชอบนั่งอ่านหนังสือพลางจิบเบียร์เย็น ๆ
พร้อมกับกินอาหารอีสาณไปพลาง
จังหวะพอดีเลยเห็นเหตุการณ์
ตอนหมอผีกับพวกวัยรุ่น
มาทำพิธีกรรมรื้อถอนศาลพระพรหม
ก็เดินไปสอบถามดูและเห็นเหตุการณ์ตอนนี้โดยตลอด

แต่สักพักก็มีการหวนกลับมาตั้ง
ศาลท้าวมหาพรหม ใหม่อีกครั้ง
แล้วต่อมาก็มีการรื้อทิ้งศาลท้าวมหาพรหมทั้งหมดอีกรอบ
ทำให้ตอนนี้เป็นพื้นที่ว่างเปล่า
หลังการรื้อศาลท้าวมหาพรหม
นัยว่าเจ้าของที่ดินแปลงนี้จะขอคืนพื้นที่
เพื่อเอากลับไปมาสร้างอาคารพาณิชย์ขายได้อีกหลายคูหา
แต่เจ้าของที่ดินข้างเคียงและชาวบ้านไม่ยอม
เพราะเดิมเป็นถนนคอนกรีตทางเข้าออกได้
เรื่องก็เลยยังคาราคาซังกันอยู่จนทุกวันนี้

โรงหนังชีกิมหยงแห่งนี้
ต่อมาเปลี่ยนเป็นสนามมวยหาดใหญ่
มีกีฬาคนชกคนอยู่ระยะหนึ่งสักพักใหญ่
แล้วเปลี่ยนเป็นศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้าชีกิมหยง
แต่กิจการก็ไม่รุ่งเรืองแต่อย่างใด
สุดท้ายก็ทุบโรงหนังทิ้ง
แล้วสร้างอาคารพาณิชย์ขายเป็นคูหา ๆ ในปัจจุบัน








โรงภาพยนต์เฉลิมไทย
เดิมเป็นโรงภาพยนต์แห่งแรกของจังหวัดสงขลา
บางคนบอกว่าเป็นแห่งแรกของภาคใต้
ที่ติดเครื่องปรับอากาศแบบ Chiller
มีความเย็นฉ่ำทั่วทั้งภายในโรงหนัง

เรียกว่าสมัยนั้นใครจะไปดูหนังที่โรงหนังแห่งนี้
ต้องใส่เสื้อหนาวหรือเสื้อหนากว่าปกติในการเข้าดูหนัง
เพราะมีความรู้สึกว่าอากาศหนาวเย็นกว่าข้างนอกมาก
เพราะการมีเครื่องปรับอากาศ
เป็นอะไรที่หายากและแพงมากในสมัยนั้น
มีอาคารเพียงไม่กี่หลังในหาดใหญ่
ที่มีการติดเครื่องปรับอากาศในยุคนั้น

โรงหนังแห่งนี้มีที่นั่งจุได้ไม่น้อยกว่าแปดร้อยที่นั่ง
บางคนบอกว่าไม่น้อยกว่าหนึ่งพันที่นั่ง
ข้อมูลแท้จริงคงต้องสอบถามจาก สรรพสามิต
ถ้ามีผู้ใดทราบก็โปรดแจ้งให้ทราบด้วย จักขอบคุณยิ่ง

ตอนนี้โรงหนังชั้นบน
ได้แปลงสภาพเป็นตลาดขายสินค้าชายแดน
ส่วนด้านล่างยังสภาพเดิมคือเป็น ตลาดสดชีกิมหยง
เป็นตลาดค้าขายสินค้าให้กับกลุ่มชนขั้นกลางขึ้นไป
สินค้าจะมีคุณภาพและราคาแพงกว่าตลาดสด ตลาดโก้งโค้ง
และมีสินค้าชายแดนขายมากทั้งด้านล่างและด้านบน
เรียกว่า ของสด ของคาว ของแห้ง ปะปนกันในตลาดแห่งนี้
รวมทั้งในบริเวณถนนด้านสายสามและด้านหลังของตลาด

ละแวกนี้ยังมีโรงหนังสยา (สยาเธียร์เตอร์)
เจ้าของเดิมขายไม้สยาเป็นหลัก
บางคนว่าเดิมที่ตั้งโรงหนังเป็นโรงไม้/ร้านขายไม้สยามาก่อน
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโรงหนังสยาม
ก็ไม่มีลูกค้าอีกเพราะตลาดเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน
บางเวลามีจำนวนคนของโรงหนังมากกว่าคนดูหนังเสียอีก
ตอนนี้ทุบทิ้งเป็นที่จอดรถยนต์ของโรงแรมวีแอล

ถัดจากโรงหนังไปเป็นอาคารไม้สองชั้นสีฟ้าหม่นหมอง
ตอนนี้เป็นที่พักราคาถูกของคนในหาดใหญ่
เป็นที่ดินของทายาทเจ้าคุณอรรถกระวีสุนทร
หัวมุมเดิมเป็นร้านของ มหารุ่ง (หาดใหญ่บรรณาคาร)
เป็นร้านหนังสือที่ขายหนังสือธรรมมะมากที่สุดในหาดใหญ่สมัยนั้น
รองลงมาก็เป็นหนังสือทั่ว ๆ ไป กับหนังสือเรียนของเด็กนักเรียน
ตอนนี้ย้ายร้านค้าออกไปแล้ว
ไปเปิดร้านหาดใหญ่บรรณาคารที่อยู่ใกล้ ๆ กันบนถนนรัถการ

ด้านหลังโรงหนังสยา ก็จะมีโรงหนังคิงส์
เป็นโรงหนังร้อน คือ ใช้พัดลมขนาดใหญ่เป่าไล่อากาศร้อน
ถูกไฟไหม้จนหมดสภาพความเป็นโรงหนังไป
ทางเข้าตอนนี้เป็นตรอกเล็ก ๆ เปิดบ้างปิดบ้าง
ข้างกับบริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด
หรือเข้าอีกด้านก็ได้ทางด้านหลังถนนรัถการ
บางส่วนของโรงหนังคิงส์ตอนนี้ก็เป็นอาคารพาณิชย์
และเป็นที่เช่าจอดรถยนต์บางส่วนไปแล้ว
ถ้าจำไม่ผิดโรงหนังนี้เดิมเป็นของทายาทชีกิมหยง
แต่ขายต่อ ๆ กันไปหลายทอดแล้ว








โรงหนังอีกแห่งที่เป็นตำนานเช่นกันคือ
โรงหนังจุติ มีการฉายอยู่ไม่นานนัก
ก็รื้อทิ้งขายเป็นอาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน
สภาพตอนนี้เป็นแหล่งชุมชนโรงเรียนกวดวิชา
ทั้งแบรนด์พื้นเมืองและแบรนด์จากกรุงเทพฯ
ที่สอนผ่านระบบออนไลน์ ออฟไลน์ หรือเปิดแผ่น VCD
เช่น เคมีอุ๊ ครูลินลี เป็นต้น








โรงหนังอีกสองแห่งที่อยู่ใกล้ ๆ กันคือ
โรงหนังหาดใหญ่พลาซา
ตั้งอยู่ชั้นบนของบริเวณตลาดสดเทศบาลนครหาดใหญ่
ต่อมาเปลี่ยนเป็นร้านค้าขายเสื้อผ้า รองเท้า
ชั้นล่างเป็นร้านค้าขายเสื้อผ้าและเครืองหนังจำนวนมาก
เมื่อหมดสัญญาหรือมีการบอกเลิกสัญญา(จำไม่ได้แม่นนัก)
ก่อนมีการ Renovate ใหม่ทั้งหมด
เป็นหอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่
ด้านล่างก็ยังเป็นตลาดสดเทศบาลนครหาดใหญ่
และขายเสื้อผ้าส่วนหนึ่งอยู่เหมือนเดิม

ฝั่งตรงข้ามเดิมก็มีโรงหนังหาดใหญ่รามา
อยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามกับชุมสายโทรศัพท์หาดใหญ่ (TOT)
แต่ตอนนี้รื้อทิ้งหมดแล้วไม่เหลือสภาพอาคารโรงหนังแล้ว
กลายเป็นที่จอดรถยนต์และอาคารของร้านขาย/ติดตั้งจานดาวเทียม








ปัจจุบันโรงหนัง(ภาพยนต์)เหล่านี้เป็นอดีตกาลไปทั้งหมดแล้ว
เป็นการยืนยันสัจจธรรมหรือหลักธรรมของพุทธศาสนา
เรื่อง อนิจจัง วัฏฏะ สังขารา

เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนฟิล์มหนังที่เก่าแก่


ภาพถ่ายจาก //www.gimyong.com โรงหนังโอเดียน






Create Date : 08 สิงหาคม 2553
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 11:06:02 น. 13 comments
Counter : 6062 Pageviews.

 
เดี๋ยวนี้ยังมีการฉายหนังอยู่หรือครับ


โดย: panwat วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:10:11:30 น.  

 
ขอบคุณที่นำความทรงจำดีดีมาฝากค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:14:58:39 น.  

 
ที่เชียงใหม่ก็มีหลายเป็นสิบโรงเหมือนกันค่ะ
คุณ moonfleet ได้รวมรวมอยู่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:15:21:35 น.  

 
เสียดายโรงหนังเก่าๆ จังค่ะน่าจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ได้นะคะ
ถ้าไม่ใช่คนรุ่นก่อนที่เคยเห็นสถานที่มาแล้ว
ปัจจุบันก็จะไม่รู้เลยว่าตะก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน
เรื่องราวในอดีตเป็นเรื่องน่าค้นหาเสมอเลยนะคะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:19:13:25 น.  

 
ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ ...





....................................
........................
............


... ....... ... ตอบแทนใคร – คนหนึ่ง ... ซึ่ง “ผู้ให้” -
ให้-ด้วยใจ มิหวังผล ต่อคนที่-
เป็น “ผู้รับ” – รับช่วง แหน-ห่วง-พลี-
มิตรไมตรี - มิตรภาพ - ตราบเนิ่นนาน ...


... แว่วเสียงครืน คลื่นแปร กระแส-พริ้ว
ลมโชย-ฉิว เย็นสบาย สายน้ำ-ขาน-
ขับลำนำ - ให้ฉ่ำซึ้ง ถึง-ดวงมาน-
"ผู้อ่อนหวาน" ... ผ่านเวลา ... ทุกนาที ...





โดย: ploythana วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:23:36:04 น.  

 
เคยไปตอนปิดเทอมใหญ่เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว ไปดูหนังเรื่องไอ้มดแดงที่เฉลิมไทย โอ้โหตอนนั้นโรงหนังสวยมากและใหญ่มาก แอร์เย็นฉ่ำจริง ๆ ตื่นเต้นน่าดูเลย เดี่๋ยวนี้เป็นร้านขายของ (หนีภาษีหรือเปล่าไม่รู้) เต็มไปหมด ปัจจุบันไม่เคยไปหาดใหญ่มาสองสามปีแล้ว ไม่รู้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรมั่ง
อยากไปมาก ญาติข้างแม่อยู่กันหลายครอบครัว น่าอยู่เหมือนกันคล้าย ๆ กรุงเทพ ฯ จัง


โดย: Ray IP: 203.144.136.4, 203.144.136.27 วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:10:35:52 น.  

 
และโรงแรมชั้นหนึ่งในสมัยนั้นก็คงจะไม่พ้นโรงแรมเพรดสิเดนซ์ที่อยู่สี่แยกน้ำพุ และตรงข้ามโรงหนังสยามีร้านขายน้ำชาขนมจีบซาลาเปาซึ่งอร่อยมากและข้าวขาหมูซาวอยสุดยอดมากสมัยนั้น


โดย: ไก่ IP: 101.109.79.210 วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:5:30:49 น.  

 
คิดถึงหาดใหญ่จังเลยไม่ได้ไปนานแล้วไปทีหลงเลย สมัยก่อนมีแต่สาย1สาย2สาย3แล้วก็หน้าหอ โรงหนังไม่ต้องพูดถึงดูแทบทุกโรงเลยสมัยนั้นจำได้เฉลิมไทยตั๋ว15ตั๋ว12ตั๋ว8บาทแอร์เย็นเจี๊ยบเลย แล้วเวลาซื้อตั๋วแล้วแต่เค้ายังไม่เปิดให้เข้าก็ไปกินไอสครีมซึ่งอยู่ข้างๆเฉลิมไทยชั้นบนมีความสุขมาก


โดย: ไก่ IP: 101.109.79.210 วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:5:42:45 น.  

 
ชื่อโรงหนังเฉลิมยนต์กับโรงหนังแกรนด์ผมเกิดไม่ทันเสียดายจังจำได้แต่เฉลิมไทย สยาต่อมาเปลื่ยนเป็นสยาม โรงหนังคิงส์ต่อมาเปลี่ยนเป็นเมโทรและเปลี่ยนเป็นกิตติศักดิ์ และโอเดียนส่วนโคลีเซี่ยม ชีกิมหยง อินทรา หาดใหญ่ราม่า หาดใหญ่พล่าซ่า จุติ เพิ่งมาสร้างที่หลัง ผมชื่นชมคนที่โพสและเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตมาให้ฟัง ถึงจะย้อนอดีตกลับมาไม่ได้ แต่ก็อยู่ในความทรงจำตลอดไป


โดย: ไก่ IP: 101.109.79.210 วันที่: 25 มีนาคม 2555 เวลา:6:13:16 น.  

 
ตรงข้ามโรงหนังสยา
มีร้านขายน้ำชาขนมจีบซาลาเปาซึ่งอร่อยมาก
และข้าวขาหมูซาวอยสุดยอดมากสมัยนั้น

แฮะ แฮะ เลิกกิจการแล้วทั้งสองร้าน
เพราะเจ้าของร้านร่วงโรยและชรามาก
กอปรกับลูกหลานไม่สนใจจะทำต่อด้วย



โดย: ravio วันที่: 26 มีนาคม 2555 เวลา:17:26:15 น.  

 
สมัยก่อนเรียกโรงหนังว่าวิกแกรนด์(ไฟไหม้) วิกคิงส์ (มีเวทีรำวงหน้าโรงด้วย)วิกเฉลิมยนตร์(โดนไฟไหม้ราว251x กำลังฉายเรื่องศึกระฆังทอง) ต่อมารื้อตลาดกิมหยงสร้างใหม่ชั้น2เป็นเฉลิมไทย ติดแอร์แห่งแรก ฉาย 007 Thunder Bolt
ต่อมาเป็นวิกสยา เชิงสพานลอย หาดใหญ่รามา หน้าหอนาฬิกา อินทรา หลังโรงแรมอินทรา โคลีเซี่ยม จุติ และชีกิมหยง สุดท้ายน่าจะเป็นหาดใหญ่พลาซ่าหลังปรับปรุงตลาดสด ทั้งหมดล้วนหายไปตามกาลเวลาหลังจากที่มีวิดีโอเกิดมากลายเป็นโรงหนังตามห้างในปัจจุบัน


โดย: OldMan IP: 113.53.51.77 วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:0:08:11 น.  

 
สมัยก่อนหนังไม่มีเสียงในฟิล์มเป็นภาษาไทยเช่นปัจจุบัน ต้องอาศัยนักพากษ์หนังมาให้เสียงภาษาไทย มีทั้งนักพากษ์หนังไทย หนังจีน หนังอินเดีย และหนังฝรั่ง ในโรงหนังข้างๆห้องฉายหนังจะมีห้องสำหรับนักพากษ์ติดกัน มีช่องให้มองเห็นจอหนังได้ นักพากษ์จะนั่งพากษ์ในนั้น นักพากษ์ดังๆสมัยนั้นเช่น ชัยเจริญ กรรณิการ์-อมรา บุศราพันธ์-มานิดา (พากษ์หนังฝรั่ง) สิงห์ทอง-ศรีวรรณ (จีน) ทิวา-ราตรี (อินเดีย) และอีกหลายท่าน สนใจลองดูป้ายหน้าร้านขายของเล่นเก่า ถนนแสงจันทร์ หน้าทางเข้าพิ้งค์เลดี้(เคยเห็นติดโชว์)


โดย: OldMan IP: 113.53.51.77 วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:0:25:02 น.  

 
ขอบคุณทำให้รำลึกถึง
รายชื่อนักพากษ์หนังวัยเด็กได้หลายคน
เรียกว่าสมัยก่อน ทั้งหนังไทยหนังฝรั่งหนังแขก
ยังไม่มี sound tracks ต้องใช้นักพากษ์เป็นหลัก
หนังบางเรื่องไม่ค่อยดีนัก
แต่นักพากษ์ดัง ๆ ดึงดูดคนเข้าชมได้มากเลยครับ


โดย: ravio วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:9:24:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.