บริหารคนรวย ไม่ใช่ประจบคนรวย
บริหารคนรวย ไม่ใช่ประจบคนรวย
แต่มีอีกคำหนึ่งว่า "ประจบคนรวย" ไม่เกี่ยวกัน ใครพูดยังไงเป็นเรื่องของเขา แต่นี่เราพูดถึงความจริงแห่งธรรม ถ้าเราสามารถสยบคนรวยได้ เขาสามารถไปช่วยเหลือคนยากจนและผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ อีกมากมายได้ อยู่ที่เราจะนำพาเขา ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารของผู้รู้คนนั้น
ดูอย่างพระพุทธเจ้ารังเกียจเศรษฐีที่ไหน ท่านมีเศรษฐีเป็นลูกศิษย์ เช่น
๑. สุทัตตอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นชาวสาวัตถี แคว้นโกศล สร้างวัดเชตวันมหาวิหาร
๒. โฆสกเศรษฐี ผู้หมั่นเจริญบุญกุศล แม้ได้เป็นเศรษฐีแล้ว
๓. เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ
๔. ชฎิลเศรษฐี ผู้มีภูเขาทองคำเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ด้วยบุญที่เคยทำไว้
๕. โชติกเศรษฐี ผู้มีสมบัติอันใครแย่งชิงไม่ได้
นี่แหละ พระพุทธเจ้ารังเกียจเศรษฐีหรือจักรพรรดิที่ไหน? พวกกษัตริย์ต่างๆ ทั้งๆ ยังนับถือศาสนาอื่นด้วย พระองค์ยังไม่รังเกียจ พระองค์ท่านยังไปสนทนาพูดคุยด้วยจนเขาเหล่านั้นหันกลับมานับถือ เขาเหล่านั้นก็ช่วยเหลือคนได้เยอะด้วย ฉะนั้น อย่าอคติ เดี๋ยวนี้พระพุทธเจ้าเสียใจมาก เพราะบริวารของท่านอคติ ไม่เจริญรอยตามพระพุทธองค์ แม้แต่พรหมณ์ ๕๐๐ พระพุทธเจ้าก็ไปเทศน์ให้ฟัง ท่านไปคุยอธิบาย ไม่เคยรังเกียจ แม้แต่พระมหาโมคคัลลานะก็ยังติดนิสัยตอนเป็นพรหมณ์มา ชอบแสดงอิทธิฤทธิ์ พระพุทธเจ้าก็ยังไม่ทรงรังเกียจ ท่านกลับตรัสว่า แสดงอิทธิฤทธิ์ได้ แต่ให้ดูที่เจตนา เจตนาเพื่อช่วยเหลือคน อย่าไปแสดงอิทธิฤทธิ์เพื่ออวดศักดา นี่แหละ พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามโดยเด็ดขาด แต่ท่านให้ใช้ให้เป็น ไม่ใช่ว่า พระพุทธเจ้าเห็นว่าการแสดงอิทธิฤทธิ์เป็นการนอกรีตต้องตัดทิ้งเลย พระองค์ท่านไม่อคติอย่างนั้นเลย แต่เดี๋ยวนี้พระของเราอคติกว่าพระพุทธเจ้า แต่ชอบอ้างว่าเป็นพุทธพจน์ ที่จริงไม่ใช่เลยถ้าศึกษาให้ดี เพียงแต่พระพุทธเจ้าชี้แนะว่าตรงนี้คืออะไร? ในเมื่อมันไม่ควร ถ้าจะใช้ก็ใช้แค่ไหนถึงจะสมควร เหมาะสม? ไม่มีว่านอกรีต แต่เดี๋ยวนี้อะไรก็จะกลายเป็นยักษ์เป็นมารไปหมด ขนาดยักษ์ มาร ก็ยังมานับถือพระพุทธเจ้า
ยกตัวอย่าง อาฬวกยักษ์ ปัจจุบันประเพณีพิธีเลี้ยงดง ผีปู่แสะ ย่าแสะ เป็นยักษ์แต่ก็มานับถือพระพุทธเจ้า กลับที่เลวร้ายสุดๆ ก็มีดีมาผสม ถ้าพระพุทธเจ้าอคติจะทำให้ยักษ์มาเปลี่ยนพฤติกรรมได้ไหม? ฉะนั้น เวลามองต้องมองให้กระจ่าง ไม่ใช่มองตามใจตนเอง คนชอบเอาแต่ใจตัวเองตีความ กลายเป็นอคติไปหมด
^_^ ..._/_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต