แรงกรรมเก่า
    สมมติว่า นายแดงทำร้ายนางแสง แล้วนางแสงอาฆาตจะทำร้ายเรา ตัวที่จะมาส่งผลคืน กลับว่าจะไม่ใช่ แต่จะเป็น "แรงแห่งกรรมนั้นๆ มาส่งผลคืน" ไม่ใช่นางแสงมาส่งผลคืน

    เช่น นางแสงจะเอาคืน ก็จะไปรับแรงกรรมนั้นมากระทำคืน ฉะนั้น แม้ว่านางแสงจะตายไป แต่แรงกรรมแห่งความอาฆาตแค้นนี้จะยังคงอยู่ แต่นางแสงไปผุดไปเกิดตั้งนานแล้ว แต่แรงกรรมแห่งการอาฆาตจองเวรนี้ยังคงอยู่ นางแสงไปเกิดเฉพาะชื่อ

    นายแดงก็เป็นเฉพาะภาวะธรรมนั้นๆ นางแสงก็เป็นเฉพาะภาวะธรรมนั้นๆ  เพียงแต่ว่ากรรมนั้นๆจะดำรงอยู่ตลอด ตราบใดที่ยังไม่มีเหตุมาแก้

    แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง ทำไมบางคนเห็นเป็นผีจะมาเอาชีวิตคืน สิ่งที่เป็นผีสิ่งนี้มีอยู่ในความคิดของเขาแล้ว เพียงแต่เขาไปปรุงแต่งเติมให้เป็นรูปร่างใช่มั้ย

    ในความเป็นจริงแล้วมีพลัง แต่ส่วนตัวของเขานั้นมีข้อมูลทีี่จะไปปรุงแต่ง เช่น ดูจากละครทีวี ฟังตามกันมา เป็นต้น เป็นจิตปรุงแต่งขึ้นมา

    แต่ถ้าข้ามภพข้ามชาติ เราก็ยังไม่เคยเห็นนางแสงที่ถูกฆ่าตายไป แล้วจะเห็นเป็นนางแสงใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ เป็นอย่างนี้ได้ยังไง เพราะว่าชาตินี้ยังไม่เคยเห็น เขาจะจินตนาการถูกต้องได้อย่างไร?

    คำตอบด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะสิ่งนั้นที่เขาได้กระทำกรรมไว้มันฝังอยู่ใน DNA (Deoxyribonucleic Aci) ทางนามธรรมตลอด เพราะว่าวิบากมันอยู่ตลอด มันก็จะจำรูปภาพใบหน้านางแสงไว้ตลอด เขาจึงเรียกว่า "กรรมเก่า" พอกรรมเก่าออกมา เราก็ไปรับ 

    เหมือนกับคอมพิวเตอร์ แม้ว่าเครื่องพัง เครื่องเสีย แต่เราเก็บข้อมูลใส่แฟชไดร์ไว้ ข้อมูลนั้นก็ยังคงอยู่ อย่างเช่น ไมเคิล โจเซฟ แจ็กสัน (Michael Joseph Jackson) ตายไปแล้ว แต่เขาก็สามารถเปิดแผ่นวีซีดีที่เขาแสดงได้อยู่ รูปร่างหน้าตาเหมือนกันหมดเลย

    อีกหนึ่งตัวอย่างเช่น เติ้งลี่จวิน (เติ้ง ลี่จวิน หรือ เทเรซา เติ้ง 鄧麗君) เสียชีวิตไปนานแล้ว แต่เขาก็เปิดวีซีดีการแสดงออกมาได้ แสดงคอนเสิร์ตได้

    เดี๋ยวนี้เขาเอาตัวนั้น ตัวพลังที่เขาเก็บไว้อยู่มาปรากฏให้เป็นรูปแสดงคอนเสิร์ตได้

    แล้วพลังอัตตา ตรงนี้ จะยังคงอยู่มั้ย

    เดี๋ยวนี้เค้ามีเครื่องเก็บตัวพลัง

    ถ้าตัวอัตตาพลังอาฆาตนี้จะหายไปก็ต่อเมื่อ เราสำนึกผิดมาขอขมาแล้ว เรามาเคลียร์ ถ้าเราเคลียร์แล้วก็กลายเป็นสูญสลาย คืนสู่ธรรม

    แต่ถ้า ตราบใดเรายังไม่เคลียร์กรรมอาฆาตตัวนั้นที่ยังดำรงความมีสิทธิ์ แม้แต่รูปธรรมในนามธรรมนั้นก็ยังคงมีสิทธิ์อยู่ หากว่าเขาปรุงแต่งไปถึงตรงนั้น ถ้าเราฝันเกิดการช๊อตขึ้นมา ก็จะมีภาพปรากฏให้เห็น

    สมมติว่า ถ้าเราฆ่าไก่สีแดงไว้ ภาพก็จะปรากฏไก่สีแดงออกมา เหมือนกับบางคนจะตายจะร้องเป็นไก่ นี่แหละผีไก่เข้าสิง สิงตั้งแต่เราฆ่าไก่แล้ว

    "สิง" ก็คือ ความรู้สึก ความคงภาพตรงนั้น พลังตรงนั้น ที่เราได้กระทำ

    ถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นทำบุญ ภาพแห่งการทำบุญก็จะติดตาเรา

    เราสร้างเหตุปั้บ ผลก็จะเกิดปั้บ เพียงแต่รอจังหวะสัปปายะที่จะปรากฏเป็นรูปธรรม

    ฉะนั้น เราอย่าไปดูถูกว่าเป็นเหตุเล็กน้อย รอการสะสมก็มาก พอเราจังหวะก็นึกว่าไม่มี 

    เหมือนกับการจุดเทียน ถ้าจุดเทียนสว่างปั้บ ความมืดก็จะหายไป

    สมมติว่า ถ้าเขาทำผิดตรงนี้ปั้บ ได้ทำเหตุเช่นนี้ เราก็สามารถอนุมานได้ว่า เขาจะต้องรับผลเช่นนี้ ผลมีอย่างนี้ต้องได้ทำเหตุเช่นนี้แน่นอน

    เพราะว่าเรารู้จักเส้นทาง เราก็สามารถอนุมานได้

    ฉะนั้น เราต้องเรียนรู้ข้อมูลว่า ไฟนี้ร้อน ถ้าเราไปถูกไฟเผาก็ต้องร้อนแน่ เวลานี้เราร้อน เราต้องโดนไฟ

    คนเราเป็นแต่เพียงมายาธรรม ภาวะธรรมเท่านั้น ถ้าเราไม่เข้าใจตรงนี้เราจะแก้ตัวยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เลย 


มีคำถามและตอบ

    ไม่เชื่อว่ามีกรรมเก่า ชีวิตเก่าจากชาติที่แล้ว ชีวิตใหม่ในชาติหน้ามากกว่าค่ะ พอบอกมากรรมเก่าเป็นดีเอ็นเอติดตัวมาเลยคิดว่ามันตลกดี?

    DNA ที่เราเรียนรู้กันนี้เป็นดีเอ็นเอนทางรูป คือ เราสามารถสัมผัสได้

    แต่ที่ผมกล่าวนี้เป็นDNAทางนาม ก็คือกรรมเก่า ที่เราเคยสร้างไว้นั้นเอง มาปรุงแต่งให้เราเป็นไปต่างๆ

    ยกตัวอย่าง นายแดง เมื่อ ๓ วันก่อน เขาเคยมาชกต่อยเรา พอมาถึงวันนี้เราเจอหน้าเขา เราก็ไม่ชอบหน้าเขา ดูแล้วมันขวางหูขวางตาไปหมด

    นี่แหละกรรมเก่าที่เราเคยสร้างเมื่อ ๓ วันก่อน มาส่งผล ณ เวลาปัจจุบันนี้ (สิ่งที่ผมใช้คำว่าDNA นั้นเพื่อพยายามสื่อสาร พูดคุยกับคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจ ว่าในธรรมชาติเป็นเช่นนี้จริงๆ)

    มีเหตุผลเพิ่มเติม หรือแย้งได้อีกครับ ขอบคุณครับ ในการช่วยให้เจริญธรรม

    ยกตัวอย่าง อีกกรณีหนึ่ง ในทางองค์กรนาซ่า ได้นำสมองของไอน์สไตน์เก็บไว้ แล้วนำมาผ่า ดูว่า ความฉลาดอยู่ที่ไหน กลับหาไม่เจอ เจอแต่รูปของเซลล์แห่งความฉลาด เช่นเดียวกัน

    คนทีมีแรงหรือพลังมาก จะสังเกตว่า เขาจะมีกล้ามใหญ่ๆ ดูแล้วแข็งแรง แล้วความที่มีพลัง หรือ "แรง" นั้นมาจากไหน ไม่ใช่มาจากกล้ามเนื้อ ถ้าเราไปผ่าดูในกล้ามเนื้อ ก็มองไม่เห็นพลัง แต่ถ้าเรากำหนดจิตที่จะยกของหนักๆ ก็ยกได้ เพราะแรงมา จึงทำให้มีแรงยก

    จึงมีคำถามว่า แล้วแรงสะสมอยู่ที่ไหน

    แรงหรือพลังนั้น สะสมอยู่ในธรรม เมื่อเรากำหนดจิต มีเจตนาที่อยากจะยกของหนัก ตัวจิตของเราก็จะดึงเอา "พลัง หรือ แรง" ในธรรมชาติออกมา โดยผ่านทางกล้ามเนื้อ

    ฉะนั้น เราจะไม่มองรูป อย่างเดียว แต่ให้มอง "ทางนาม" ด้วย

ยกตัวอย่าง อีกกรณีหนึ่ง เมื่อ ๕ ปีที่แล้ว เรากับแฟนคนแรกเลย เคยได้ฟังเพลงหนึ่งร่วมกัน พอมา ณ ปัจจุบันนี้ เดินผ่านร้านอาหารได้ฟังเพลงนั้น ก็จะทำให้นึกถึง แฟนคนแรกของเรา นึกถึงบรรยากาศอย่างนั้น ขึ้นมาก

    สิ่งที่เป็นบรรยากาศ หรือความฝังใจกับแฟนคนแรก ณ ตรงนั้น มาจากไหน มาจากสัญญาความจำของเรา แล้วความจำนั้นมาจากไหน มาจากสมองของเรา

    แล้วในส่วนหนึ่งของสมองที่ฝังความทรงจำนี้ไว้ แม้ว่าทางการแพทย์จะผ่าตรวจสอบดูยังไง ก็จะหาไม่เจอความทรงจำนี้ เพียงแต่รู้ว่าสมองส่วนไหนที่ทำหน้าที่เท่านั้น

    จึงตอบว่า ความทรงจำของเราเก็บไว้ในธรรมของจิต เมื่อเกิดเหตุการณ์ หรือสิ่งแวดล้อมไปสกิด ก็จะเกิดความทรงจำขึ้นมา


^_^  ..._/_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

 



Create Date : 22 พฤษภาคม 2562
Last Update : 22 พฤษภาคม 2562 18:31:39 น.
Counter : 203 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรหมสิทธิ์
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2562

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31