|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ปฐมบท-สุดยอดกุนซือสามก็ก-ขงเบ้ง-มังกรไสยาสน์
สวัสดีครับ
เนื่องในโอกาสอันดี สำหรับวาระการที่บล็อกแห่งนี้มีผู้เข้าเยี่ยมชมครบ เจ็ดหมื่นครั้ง ซึ่งนับว่าไม่มากไม่น้อย พอที่จะมองข้ามหรือจะสรรเสริญเยินยอกันได้
โดยวาระนี้เอง ผมจึงขอนำเสนอสุดยอดกุนซือเอกแห่งยุคสามก็ก ที่ทุกคนรู้จักนามของเขากันดี เพื่อเป็นการแนะนำความพยายามของบุคคลคนหนึ่ง ในการก่อร่างสร้างประเทศจนเป็นปึกแผ่น ด้วยหนึ่งสมองและสองมือ ด้วยฝีมือมนุษย์เดินดินธรรมดาเหมือนเราทุกคนนี่ละครับ ซึ่งต้องขอออกตัวว่าไม่ได้ยกป้ายให้กุนซือท่านใดเป็นพิเศษนะครับ
ผมเชื่อว่าเเต่ละกุนซือท่านมีที่อยู่บนที่ยืน ด้วยเงื่อนไขเเละบริบทแวดล้อมที่แตกต่าง
ดังนั้นรักใคร+ชอบใคร ก็ติดตามถามไถ่ถึงกันได้ตามวาระแห่งเวลาที่มาถึงครับผม
----------------------------------------------------------------------------------
มังกรหลับ เป็นฉายาที่ถูกตั้งขึ้นตามลักษณะทอดยาวของภูเขา่ละเเวกท้องถิ่นที่พำนัำก ดังที่หลายคนเคยทราบเเล้ว แต่ลักษณะสำคัญหรือคาแรกเตอร์ของกุนซือท่านนี้ รวมถึงกุนซือทุกท่านในทีมของอาจารย์แว่นน้ำสุมาเต็กโช ก็สะท้อนถึงบุคคลิกที่เด่นชัดในตัวตน
กุนซือขงเบ้งนับได้ว่า เป็นบุคคลที่เเสดงบทบาทความสามารถออกมาอย่างมากมายที่สุดในวรรณกรรมอภิมหากาพย์แห่งสงครามเรื่องนี้
หลายท่านที่อ่านได้ ถึงบทบาทที่โดดเด่นเกินเพื่อนกุนซืออีกหลายท่านในเรื่อง ก็ตั้งข้อกังขาอยู่ว่า มนุษย์คนหนึ่งที่เเสนจะมีบุคคลิกธรรมดา จะสามารถสร้างผลงานอันเลื่องลือได้อย่างนั้นจริงหรือ
สำหรับผม สามก็ก-(Three Kingdoms) เป็นวรรณกรรมที่เยี่ยมยอดในการบรรยายถึงสงคราม ด้วยภาษาของกวี ดังนั้่นจึงไม่น่าแปลกใจนักว่าหลายตอน ก็เป็นที่ปรากฏไปในทางปาฎิหารย์อยู่มาก
ซึ่งมีหลายท่านได้พิเคราะห์ได้ประเด็นต่าง ๆเหล่านี้ในแง่ประวัติศาสตร์แล้ว ผมเองก็ได้มานำมาปรับให้เข้ากันอย่างรับกันได้กับข้อเท็จจริงที่นำเสนอแก่เหล่านักอ่านตลอดมา
ว่าที่จริงแล้วในสถานะของคนที่มีเลือดเนื้อมีีชีวิตมีจิตใจ นั้นเขาคิดอะไรกัน จึงได้กลายมาเป็นสุดยอดกุนซือแห่งยุคสมัยไปได้ครับ
ตามจริงแล้ว คงเป็นการยากที่เราจะกล่าวถึงความสำเร็จของแคว้น ๆ หนึ่งหรือประเทศ ๆหนึ่งโดย อ้างอิงบนความสำเร็จจากคนเพียงคนเดียว อันนี้นับว่าเป็นความเืชื่อที่ไม่ถูกตรงเป็นอย่างยิ่ง จะอย่างไรการที่กุนซือขงเบ้งทำงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามกาละนั้น ก็ต้องยกความดีให้กับเจ้าคู่บารมีอย่างเจ้าแคว้นแห่งจ็ก หรือ เล่าปี่ นั้นด้วยอยู่เสมอครับ
ไม่ใช่เพราะการเปิดโอกาสให้ แต่การให้ความมั่นใจ เื่ชื่อใจ และไว้วางใจ กล่าวได้ว่าเป็นทักษะสังคมในการสร้างทีม (Social skill-EQ)ที่ทำให้คนเเซ่เล่า ไ้ด้คนที่ทำงานให้แคว้นอย่างเต็มกำลังความสามารถ เท่าที่สติปัญญาจะเอื้ออำนวยให้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ดีของเล่าปี่โดยเเท้
คำถามต่อมาที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ แท้จริงเเล้ว ขงเบ้งเอกกุนซือแห่งแคว้นจ็กนั้น มีบุคคลิกลักษณะอย่างไรกันแน่ ถึงได้ยอมทำงานเหนื่อยหนักแทบจะทุกแขนงในประเทศ ซึ่งน่าจะทำงานหนักกว่านายกของประเทศใดใด อีกมากแม้จวบเวลามาจนถึงปัจจุบัน
เท่าที่ปรากฏในวรรณกรรมแลพงศาวดาร ทุกฉบับที่กล่าวถึงของกุนซือท่านนี้ ได้ความว่า จูกัดเหลียงของเรานั้นเป็นผู้แสวงหาการเรียนตัวยงคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้จบจากสถาบันผลิตบัณฑิตจากเมืองหลวงดั่งมีชายคนโต คือ จูกัดกิ๋น ซึ่งอายุห่างกันมากพอจะเรียนได้จนจบการศึกษาั่ชั้นสูงเเล้ว
เนื่องด้วยโอกาสทางสังคม ในขณะนั้นเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่มีสถานะกำพร้าพ่วงมาด้วย แต่สิ่งที่ขงเบ้งมีคือความเพียรหมั่นใจใฝ่ศึกษา เข้าใจว่าขงเบ้งเป็นคนหนึ่งที่นิยมการเรียนด้วยตนเองอย่างที่สมัยนี้นิยมเรียกกันว่า โฮมสคูล
ดังนั้นตำรับ-ตำราในห้องสมุดของทีมบัณฑิตที่ขงเบ้งนั้นสังกัดอยู่ ซึ่งเป็นห้องสมุดระดับคหบดีใหญ่ และเป็นผู้คงความรู้ประจำภาค คือท่านบังเต็กกงนั้น คาดว่าขงเบ้งคงอ่านจนหมดสิ้น ดังนี้ก็พอนับได้ว่าขงเบ้งก็มีความรู้พื้นฐานไม่ด้อยกว่าพี่ชาย เป็นความจริงประการหนึ่ง
อีกข้อหนึ่งบ้านของท่านบังเต็กกงนั้น มีผู้ไปมาหาสู่เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยบุคคลิกลักษณะของท่านเจ้าของบ้านดั่งที่กล่าวไว้ จึงนับว่าเรื่องข่าวสารใด-ใด ที่จำเป็นต้องรู้เเละควรรู้ คนในบ้านหรือทีมบัณฑิตประจำบ้า่น ที่อาจนับว่าไม่ทราบเรื่องคงเป็นไปได้ยากยิ่ง เป็นความจริงอีกประการหนึ่ง
ด้วยสองประการนี้จึงพอกล่าวได้ว่าขงเบ้งนั้นมีภูมิรู้ และความเท่าทันความเป็นไปในสังคมได้มาก มากกว่าอยู่ในชุมนุมเมืองทั่วไปอีกด้วยซ้ำ
เหล่านี้อาจพอเป็นการรับรองขั้นพื้นฐานได้ว่าทำไมคนหนุ่มอายุเพียงยี่สิบแปดปี จึงหาญกล้าเข้ารับตำแห่งเสนาธิการระดับแคว้นประเทศ
และประกาศกล้าในวันเเรกถึงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด ที่แบ่งมหาอาณาจักรจีน ยุคนั้นออกเป็นสามแดนประเทศ ทั้งยังดำรงอิสรภาพมาได้อีกนานถึงสามสี่สิบปีหลังเจ้าตัวสิ้นภพชาติ
เท่านี้ก็พอนับได้ว่า ขงเบ้งมีความมั่นใจในความสามารถและสติปัญญาของตนในระดับประเทศ จึงพอเป็นคำตอบว่า ขงเบ้ง เป็นดั่งกุนซือหัวใจอ่อนยอมรับคำเชื้อเิิชิญเล่าปี่ โดยสถานภาพเจ้าตกยาก หรือข้อหลัง เพราะมองภาพรวมของประเทศออกอย่างชัดเจน-ตั้งแต่คราแรกเเล้วอย่างแน่นอน
ด้วยอย่างหลังที่เป็นความเด็ดเดี่ยวของขงเบ้งในการตัดสินใจในการเลือกแนวทางการบริหารการปกครองด้วยตนเอง โดยไม่ยอมพึ่งความสามารถใคร หรืออาจมองได้อีกว่าแนวทางการบริหารงานปกครองที่มีอยู่อีกสองประเทศนั้น ยังมีดีไม่มากพอ
ไม่มากพอจนขงเบ้งต้องประกาศตั้งงานบริหารการปกครองขึ้นมาอีกหนึ่งเเคว้น เพื่อแสดงพลานุภาพแห่งการบริหารประเทศแห่งเสฉวน-เพื่อฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น
นอกจากความรููุ้ที่พร้อม สายตาที่มองไปข้างหน้า เข้าใจในทิศทางของกลไกอันนำไปถึงการกำหนดสู่นโยบายระดับรัฐประเทศ (Policy Sciences) ที่สำคัญยิ่ง
ครั้งหน้าเราจะมาว่ากันถึงทิศทางเเห่งรัฐประเทศที่ถูกกำหนดนโยบายสาธารณะไว้ตั้งแต่วันแรก ที่เสนาธิการกุนซือหนึ่งเดียวคนนี้ ย่างก้าวออกมาจากกระท่อมพำนัำก
จนกระทั่งถึงวันที่ปูทางสร้างรัฐประเทศหนึ่ง ได้โดยสำเร็จสัมฤทธิ์ผลยิ่งกันครับ
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2555 19:09:43 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1801 Pageviews. |
|
|
|
โดย: P Q BOY วันที่: 8 มกราคม 2556 เวลา:11:59:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เนื่องจากติดภารกิจเร่งด่วน
เขียนสามก็กฉบับรวมเล่มอยู่ในเวอร์ชั่นวิเคราะห์แบบของผม เล่มแรกควรจะต้องเสร็จให้ทันในงานหนังสือกลางปีนี้ครับ