จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ระลึก(ถึง)ชาติ



รูปข้างขวดเหล้าที่บ่มหมักมา 20 ปีในถังไม้โอ๊ค





รูปชาติ กอบจิตติปัจจุบัน (จากบล็อกของโฟล์คเหน่อ)












เล็ก ฮิป ตัวละครในพันธุ์หมาบ้าก็มาด้วย






ทราย เจริญปุระ นักอ่านพันธุ์แท้ก็มาร่วมงานด้วย



ขอขอบคุณรูปจากงาน 20 ปีพันธุ์หมาบ้า
จากบล็อก โฟล์คเหน่อ






รูปชาติ กอบจิตติจากหน้าปกนิตยสาร a day ใส่กรอบอยู่ที่ฝาผนังห้องผม







รูปอารักษ์ จาก errgubaa.hi5.com


เพลงเงาดวงจันทร์ โดย อารักษ์ อาภากาศ




ระลึก(ถึง)ชาติ


ผมรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ไปร่วมงานล้อมวงคุย 20 ปี พันธุ์หมาบ้า ของชาติ กอบจิตติ ทั้งที่รู้ข่าวคราวและผมก็อยู่บ้านในช่วงนี้ แต่ด้วยติดธุระจำเป็นบางประการต้องอยู่บ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าพอผมหยุดดื่มหยุดเมาแล้วจะไม่อยากไปร่วมงานนี้ ถึงแม้ไม่บอกก็จะไป ยิ่งหยุดนานเท่าไรก็ยิ่งอยากเข้าวงไปพบเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มากเท่านั้น

ผมติดตามข่าวคราวจากหน้าหนังสือและตามบล็อกบ้าง เห็นงานผู้คนมากมาย ซึ่งก็นับว่าคาดเดาไม่ผิด เพราะชาติเป็นคนมีเพื่อนฝูงรักใคร่นับถือมาก พูดได้ว่าเป็นนักเขียนที่มีคนรักมากคนหนึ่ง ทั้งคนรักที่เป็นนักอ่านและเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการวรรณกรรม ซึ่งข้อนี้ใครๆต่างก็รู้ดี

ผมเห็นชาติจากรูปถ่ายที่คนอื่นถ่ายมา ปีนี้ดูชาติหนุ่มฟ้อหล่อสดใสขึ้นนะ (เขาเกิด พ.ศ.2497) เพราะบางปีดูไม่หนุ่มเท่านี้ แต่ปีนี้ดูจากรูปชาติดูดีขึ้นจริงๆ นี่ชมเรื่องส่วนตัว...ส่วนงานเขียนนั้นไม่ต้องชมอยู่แล้ว เพราะรางวัลซีไรต์สองสมัยย่อมเป็นหลักเป็นหลักประกันได้อย่างดี และการที่งานเขียนของชาติทุกเล่มได้ตีพิมพ์ซ้ำอย่างสม่ำเสมอนั่นหมายถึงคุณภาพของงานอย่างไม่ต้องสงสัย

จะมีนักเขียนไทยสักกี่คนที่ทำอย่างนี้ได้ นี่ยังไม่รวมถึงรางวัลต่างๆที่มอบกันเข้ามา สูงสุดก็ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์เมื่อปี พ.ศ. 2547 เรียกว่าชาติ กอบจิตติเป็นนักเขียนไทยที่สบายแล้วในชาตินี้

ผมยังจำครั้งแรกที่ผมได้พบชาติครั้งแรกในสมัยที่ผมทำงานพิสูจน์อักษรอยู่ที่นิตยสารหนุ่มสาว(นับเป็นเวลาร่วม 30 ปีแล้ว ) ตอนนั้นชาติตัดผมสั้นเกรียนและกำลังมีผลงานเรื่อง “จนตรอก”ออกมาใหม่ๆ สำนักพิมพ์ต้นหมาก ของดวงกมล จากนั้นก็ได้พบปะกันบ้างตามแต่เหตุปัจจัยที่ทำให้ได้พบกัน ถ้ารวมก็นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ในจำนวนที่นับครั้งไม่ถ้วนนั้นก็คืออยู่ในวงสุนทรีย์สนทนาเสมอ

ถึงแม้ชาติจะให้ความเป็นกันเองกับผมอย่างไร แต่ผมก็ไม่เคยใช้สรรพนาม"กู-มึง" กับชาติเลย เพราะด้วยความนับถือเขานั่นแหละ ไม่ใช่โดยวัยวุฒิอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงคุณวุฒิด้วย ที่บ้านสีคิ้วนั่นผมก็เคยไปมาสองครั้งแล้ว แต่ละครั้งก็เมาเพียบและไม่เคยมีโอกาสได้นอนบนบ้านสักครั้ง ได้แต่นอนเปลญวนใต้ต้นนุ่นของเขานั่นแหละ

ผมอาจจะพบกับชาติมาหลายครั้งหลายหน ไม่ว่าจะเมามายกันแค่ไหน สนุกสนานอย่างไรก็ตาม แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจและไม่เคยลืมเลยจนถึงวันนี้ (ส่วนตัวเขายังจะจำได้หรือไม่ก็ไม่แน่ใจนัก) ผมจำปีพ.ศไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าตรงกับวันนักเขียนคือวันที่ 5 พฤษภาคม ตอนนั้นยังมีการจัดงานวันนักเขียนที่สมาคมนักข่าวเยื้อง ๆ กับโรงพยาบาลวชิระ

ช่วงนั้นผมไม่ได้เขียนหนังสือ เขียนอะไรไม่ได้ ยังขายของแบกะดินแถว ๆ คลองหลอดอยู่ แต่ใจก็อยากกลับมาเขียนหนังสืออีก จึงเข้าไปร่วมงานวันนักเขียนกับเขาด้วย ทั้งที่ช่วงนั้นไม่ได้เขียนหนังสือมานานแล้ว ไม่มีผลงานอะไรออกมาเลย

ชาติ เข้ามาพูดคุยให้กำลังใจและตักข้าวและกับข้าวใส่จานส่งให้ผม ผมรู้สึกขอบคุณและประทับใจมาก เขาไม่เคยถือตัวว่าเขาเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่เลย นี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในตัวของชาติเสมอมา - ขอให้สุขภาพแข็งแรงและขอแสดงความคารวะมา ณ ที่นี้ด้วย


-----------------------------------


ข้อเขียนข้างล่างนี้คือผมอาจหาญหยิบเรื่องสั้นของชาติ กอบจิตติ จากเล่มที่ชื่อ "บริการรับนวดหน้า" มาเขียนวิจารณ์ เรื่องนี้เคยตีพิมพ์ใน นิตยสาร “คนรักหนังสือ” ซึ่งตอนนี้ปิดไปนานแล้ว




ชายวัยกลางคนกับการเดินทางของเล็บสีดำ


นานแล้วที่ผมไม่ได้อ่านเรื่องสั้นประเภทรวมเล่มแบบรวดเดียวจบ และผมเองก็ไม่ใช่นักวิจารณ์ แต่เมื่อได้อ่านเรื่องสั้นเรื่อง “ราคาที่ต้องจ่าย” ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่อยู่ในรวมเรื่องสั้นเล่มล่าสุดของ ชาติ กอบจิตติ ที่ชื่อ “บริการรับนวดหน้า” แล้ว ทำให้ผมอยากเขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องสั้นเรื่องนี้บ้าง คิดเสียว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังสนุกๆ ก็แล้วกัน

เรื่องมีอยู่ว่าชายวัยกลางคนๆหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นนักเขียน กำลังจะไปเที่ยวงาน “คืนดนตรีเพื่อเขาน้อย” ซึ่งเป็นงานดนตรีเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความจริงงานลักษณะนี้มีมาหลายปีแล้วแต่เขาเพิ่งมาเป็นครั้งแรก เขาเห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งดูจากการแต่งตัวก็พอจะรู้ว่าต้องไปงานเดียวกับเขาแน่ ด้วยความที่ไม่รีบร้อนและอยากหาประสบการณ์ย้อนอดีต เขาจึงรวมกลุ่มยืนโบกรถไปกับเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น

เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นเฮละโลขึ้นไปนั่งเบียดเสียดกันแน่นขนัดยัดทะนานอยู่ที่กระบะด้านหลัง เจ้าของรถผู้อารีให้เขานั่งด้านหน้า และอย่างไม่คาดคิด...เขาได้นั่งในลักษณะเบียดชิดกับหญิงสาวทีนั่งเคียงคู่กับชายหนุ่มเจ้าของรถ

“จึงจำใจหย่อนก้นเบียดกับเด็กสาวซึ่งสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำ กลิ่นน้ำหอมจากเธอชื่นเข้าจมูกขณะผมปิดประตูรถ หนุ่มคนขับหันมองกระบะหลังอีกครั้งก่อนเคลื่อนรถออก ผมขยับตัวให้ชิดกับด้านประตู เกรงเนื้อตัวจะแตะต้องผิวขาว”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ นั่งตามสบาย เบียดกันอุ่นดี” เธอปรายตามองผมพร้อมยิ้มทีเล่นเมื่อฟังจากบทสนทนาแล้ว ชายวัยกลางคนรู้ว่าเธอไม่ใช่แฟนหรือภรรยาของชายหนุ่มเจ้าของรถ แต่เป็น “กิ๊ก” ตามสมัยนิยม

“เนื้อแขนของเราเบียดชิดกัน กลิ่นน้ำหอมยังอวลรื่นอยู่ในรถ ไหล่เปลือยของเธอเสียดสีกับต้นแขนของผมยามเมื่อรถเคลื่อนคลอน ชายวัยกลางคนรู้สึกถึงเนื้อที่เนียนตึงคลึงสัมผัสอยู่”

ผู้เขียนบรรยายเปรียบเทียบให้เห็นถึงความต่างระหว่างรอยย่นบนหลังมือของชายวัยกลางคนกับความเต่งตึงยั่วยวนของหญิงสาว

“เหลือบมองมือของเด็กสาวที่วางอยู่บนต้นขา หลังมือของเธออูมตึง นิ้วมือเรียวสวย เล็บยาวของเธอทาสีดำ สีของมันตัดกับขาอ่อนขาวเห็นขนอุยอ่อนอยู่รำไร ผมเงยหน้าขึ้นมองถนนด้วยคำว่ามารยาท”

ผมชอบลูกเล่นของผู้เขียนที่โยนลูกให้ตัวละครผู้หญิงที่ชื่อ “เจ็ต” เอ่ยชื่อของชายหนุ่มคน ขับรถซึ่งมีชื่อเดียวกับผู้เขียนว่า “เพื่อเจ็ตใช่ไหมจ๊ะพี่ชาติ” ทำให้ผมนึกถึงผู้กำกับภาพยนตร์อย่างมาร์ติน สกอร์เซซี่ หรือ อัลเฟรด ฮิทช์ค็อค ที่แอบปรากฏตัวบางฉากโดยบทบาทของคนอื่นในภาพยนตร์ที่ตนเป็นผู้กำกับ ในเรื่องนี้เขาเป็นนักเขียน เลยให้ชื่อของตนในบทของคนอื่น ผมอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอดอมยิ้มไม่ได้

ในบทสนทนาระหว่างหญิงสาวกับชายหนุ่มเจ้าของรถผ่านการบรรยายของนักเขียนวัยกลางคนบ่งบอกว่าหญิงสาวเป็นผู้มีรสนิยมทางเพศเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นประโยคคำพูดหรือเป็นกิริยาที่เธอใช้เล็บยาวสีดำกรีดไล้ไปมากับโคนขาของชายหนุ่มเสมือนหนึ่งเป็นการโชว์

ชายวัยกลางคนตั้งข้อสังเกตว่าหนุ่มสาวสมัยนี้กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องเพศรสของตน ไม่ปิดบังแม้กับคนแปลกหน้า “หรือว่าเธอเป็นสาวที่ชอบแสดงให้คนอื่นได้เห็น เพื่อก่ออารมณ์ให้ตัวเอง หรือว่าเธอจะแกล้งก่ออารมณ์ให้กับคนที่ได้เห็นโดยเฉพาะชายวัยกลางคนเช่นผม” หลายกิริยาอาการที่ทำให้นักเขียนชายวัยกลางคนมีอาการ “เสียววาบที่ท้องน้อยก่อนซ่านต่ำลงไป”

จนกระทั่งรถมาถึงที่หมาย ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปดูดนตรี แต่ชายวัยกลางคนแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นชายวัยกลางคนธรรมดาหรือนักเขียนโนเนมเท่านั้น (ต่างจากตอนที่เขานั่งอยู่ในรถ ซึ่งการมีอยู่ของเขาถูกกำหนดโดยสองหนุ่มสาว เมื่อมาถึงบริเวณงานตัวตนของเขาจะค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้น )

เจ้าหน้าที่ป่าไม้หนุ่มเดินมาบอกเขาว่า “พี่ไม่ต้องซื้อหรอกครับ เข้าไปเลย เดี๋ยวผมพาเข้าเอง” จากคนโบกรถที่ขออาศัยรถมาและเป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่ต้องมานั่งเสียวท้องน้อยอยู่บ่อยๆ เพราะหญิงสาวชายหนุ่มแสดงอาการรักกันต่อหน้าต่อตาโดยไม่ปิดบังอำพรางคำพูดหรือความ รู้สึกนั้น เมื่อมาถึงตอนนี้เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งไปแล้ว

ขณะเดินเที่ยวในงาน นักเขียนชายวัยกลางคนยังคงนึกว่าเขาน่าจะเขียนเรื่องสั้นอีโรติคได้สักเรื่อง โดยวางพล็อตคร่าวๆให้ผู้อ่านเห็นวิธีคิดวิธีการทำงานของเขา ความครุ่นคำนึงอย่างอ้อมค้อมของชายวัยกลางคนที่มีต่อเด็กสาวคนนั้นปรากฏเป็นพล็อตเรื่องสั้นบ้าง หรือเป็นการนึกถึงว่า “เธออาจจะนั่งจิบเบียร์อิงแอบฟังเพลงอยู่กับชายหนุ่มในมุมมืดที่ใดสักแห่ง”

“พี่แอ๊ดมาแล้ว นั่งกินไวน์อยู่คนเดียวหลังเวที พี่ช่วยไปคุยเป็นเพื่อนแกหน่อย” มีคนมาตามหาให้ชายวัยกลางคนไปนั่งคุยกับ “แอ๊ด” แอ๊ดคนนี้จะเป็น “แอ๊ด” ไหนไปไม่ได้นอกจาก “แอ๊ด คาราบาว” เท่านั้น

ตัวตนความสำคัญของนักเขียนวัยกลางคนๆนี้ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นมาอีกแล้วว่า เขาคนนี้ไม่ใช่นักเขียนธรรมดาๆอย่างแน่นอนเพราะเขาสนิทกับนักร้องชื่อดังอย่าง แอ๊ด คาราบาว

แล้วเขาก็ฝ่าวงล้อมไปนั่งเป็นเพื่อนกับแอ๊ด เขาบรรยายถึงการนั่งดื่มไวน์คนเดียวของแอ๊ด ว่า เห็นแอ๊ดนั่งดื่มไวน์อยู่คนเดียวท่ามกลางสายตานับร้อยๆคู่กำลังจ้องมอง โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่กางกั้นฝูงคนไม่ให้กรายเข้าใกล้ถึงตัว ความจริงค่อยๆปรากฎอีกว่าเขามีความสนิทสนมกับนักร้องชื่อดังอย่างแอ๊ดพอสมควร ขนาดที่นั่งสนทนากันนานๆได้

เริ่มมีคนมาขอลายเซ็นแอ๊ด และในที่สุดแอ๊ดก็ใจอ่อน เมื่อเซ็นให้คนแรกแล้ว คนอื่นๆก็วิ่งกรูเข้ามาบ้าง มีการจัดแถวเข้าคิว ซึ่งชายวัยกลางคนแสดงความคิดเห็นไว้ว่า

“ผมนึกชมในการจัดการของเขา อย่างน้อยผมเห็นด้วยกับเรื่องการเข้าคิว คุณเองก็คงเห็นด้วยกับผมในเรื่องนี้ – ใช่ไหม ?” (ผู้เขียนปูมุกไว้ตรงนี้ โปรดสังเกต)

ขณะที่แอ๊ดเซ็นลายเซ็นให้กับแฟนเพลงของเขาที่กำลังเข้าคิวมือเป็นระวิงอยู่นั้น ชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนถูกสะกิดหลัง เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นชายหนุ่มเจ้าของรถผู้อารีนั่นเอง เขาแสดงความจำนงให้ชายวัยกลางคนช่วยขอลายเซ็นแอ๊ดให้หน่อย

นักเขียนชายวัยกลางคนลังเลที่จะรับ พร้อมคิดในใจว่า “ก็ถูกที่ผมขอนั่งรถเขามา แต่ผมจำเป็นจะต้องจ่ายค่ารถให้เขาด้วยการกระทำที่ผมไม่ชอบอย่างนั้นหรือ เขาน่าจะไปเข้าคิวคอยเหมือนกับคนอื่นๆ”

แล้วในที่สุดชายหนุ่มผู้นั้นก็บอกว่า “เจ็ต” (หญิงสาวทาเล็บสีดำคนนั้น) อยากได้ลายเซ็นและเขาก็ทำเพื่อเจ็ต ชายวัยกลางคนมองไปทางเด็กสาวที่ยืนอยู่ เขาเห็น “เธอส่งกำนัลยิ้มแนบมากับแววตาวิบวับ ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย เหมือนอยากบอกความนัยบางอย่าง ชายวัยกลางคนเสียววาบที่ท้องน้อย” เขายอมรับแผ่นกระดาษจากมือของชายหนุ่มแต่โดยดี

ขณะที่แอ๊ดกำลังเซ็นชื่อลงบนแผ่นกระดาษนั้น ชายวัยกลางคนรู้สึกผิด และเริ่มสงสัยว่าตัวเองจ่ายค่ารถเที่ยวนี้แพงเกินไปหรือเปล่า ?

คงเป็นเพราะฝีมือนักเขียนระดับ “ชาติ” นี่เอง จึงทำให้เรื่องสั้นเรื่องนี้ดูสมจริง แนบเนียนและลึกซึ้งไปเสียทุกอย่าง เขาสามารถหยิบยกเหตุการณ์อันแสนจะธรรมดาสามัญเพียงแค่เรื่องการโบกรถนั่งเบียดเสียดเด็กสาวในช่วงระยะเวลาสั้นๆ จนนำมาสู่การกระทำที่รู้สึกผิดต่อจิตสำนึกของตัวเองในเรื่องการเข้าคิว เพราะจิตใต้สำนึกนั้นมีอำนาจเหนือกว่า จนเกิดเป็น “ราคาที่ต้องจ่าย” ในเวลาต่อมาได้อย่างมีอรรถรสชวนติดตาม

อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้จบแล้วผมได้แต่อมยิ้มพร้อมกับเห็นภาพนักเขียนชายวัยกลางคนๆนั้นที่ผมรู้สึกคุ้นหน้า...และทำให้ผมนึกถึงถ้อยคำของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ที่ไหนสักแห่งว่า...

“ผมคิดว่านักเขียนจำนวนมาก ระดับโลกอย่างเฮมิงเวย์ ก็ไม่เคยเขียนอะไรที่ตัวเองไม่ผ่าน บางเรื่องแทบจะเรียกว่าเขียนเรื่องจริงทั้งหมด แล้วเปลี่ยนตัวเอกเป็นชื่ออื่น สไตน์เบ็คก็เหมือนกัน คือเขียนจากประสบการณ์ของตัวเอง”

--------------------



(จากเรื่อง "ราคาที่ต้องจ่าย"
รวมเรื่องสั้น “บริการรับนวดหน้า” ของชาติ กอบจิตติ)





Create Date : 04 กรกฎาคม 2551
Last Update : 6 กรกฎาคม 2551 8:19:58 น. 32 comments
Counter : 2302 Pageviews.

 
งานนี้ หนูก็ได้แต่ติดตามผ่านบล็อกพี่โฟล์คเหน่อค่ะน้า ไม่ได้ไปเหมือนกัน



โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:15:34 น.  

 
อ่านเพลินเลยค่ะ
นึกภาพตาม

สาวเล็บสีดำ
ใส่สายเดี๋ยว..
น้ำหอมโชยมา
พร้อมรอยยิ้มยั่ว

"อะไรหรือ ที่ทำให้ชายวัยกลางคนเสียววาบที่ท้องน้อย"




โดย: วีดวาด วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:42:35 น.  

 
สวัสดีค่ะอาโดม

แวะมาเยี่ยามพร้อมอ่านเรื่องราวต่างๆค่ะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:16:40 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงโดม

หนูอ่านเรื่อง "เปลือก" ในขวัญเรือนฉบับนี้แล้วค่ะ

หนูไม่ชอบคำว่า "แมลงเบ้า" ไม่ให้แม่พูด เพราะเสียงมันเหมือนคำว่า "เบ้าตา"

หนูชอบเรียกแมลงกุดจี่ยักษ์

หนูเห็นรูปมีตัวอ่อนน่ารักจัง อยากเห็นของจริงจังเลยค่ะ

คุณลุงเคยกินแมลงกุดจี่ยักษ์ที่เขียนถึงนี้หรือเปล่าคะ

หนูอ่านเรื่อง เปลือก ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ แต่ชอบเรื่องนี้ตรงมีแมลงกุดจี่ในลูกกลม ๆ เหมือนลูกเปตอง มันน่ารักดี

วันก่อนลุงโดมมากินสุกี้ที่เยาวราช อร่อยมั้ยคะ ไว้ลุงมาใหม่นะคะ หนูจะเลี้ยงลุงโดมเอง (เอาเงินในกระปุกมาเลี้ยงค่ะ)


หนูแป้ง


ต้องขอยกเอาของน้องแป้งมาตอบตรงนี้

รอให้หนูโตกว่านี้อีกหน่อย หรืออีกหลายๆปี จนกระทั่งหนูเป็นสาวหรือแก่แล้วนั่นแหละ...

บางทีอาจจะเข้าใจคำว่า "เปลือกมนุษย์"

ลุงโดมไม่เคยกินหรอกเจ้าตัวกุดจี่ยักษ์น่ะ

เดี๋ยววันหลังลุงจะไปกินสุกี้ที่เยาวราชอีก - ขอบคุณมากที่จะเลี้ยงสุกี้ลุง


โดย: ลุงโดม IP: 124.121.28.100 วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:36:39 น.  

 
วันนี้หนูซื้อ ล้อมวงคุย มาแล้วแหละ
ช่างบังเอิญที่พ่อพเยียอัพบล๊อกเรื่องน้าชาติพอดี

หนูอ่านเรื่องสั้นของน้าชาติทุกเล่ม
ชอบตรงเล่มบางดี มีกำลังใจอ่าน...
ชอบเรื่องบริการรับนวดหน้า...ทั้งขำทั้งสะใจ

พ่อพเยีย แม่พเยีย น้องพเยียสบายดีนะคะ


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 202.91.19.204 วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:59:48 น.  

 
สวัสดีจ้ะตะเบบูญ๋า

แหม...อ่านตั้งนานว่า มีกำลังใจอ่านเพราะอะไร อ้อ บางดี นี่เอง

มีดประจำตัวคงอ่านแล้วนะ

ล้อมวงคุยพ่อพเยียอ่านในสีสันที่เป็นสมาชิกประจำอยู่แล้ว แต่เห็นก็จะต้องซื้อเก็บไว้

เพราะหนังสือของชาตินอกจากมีคุณค่าแล้วปกของเขายังสวยทุกเล่ม


โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.19.129 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:01:52 น.  

 
หนังสือของคุณชาติ
น่าสนใจทุกเล่มค่ะ

บริการรับนวดหน้า
เป็นเล่มที่ชอบเหมือนกัน
แต่ชอบเรื่องที่มีชื่อตรงกับปกนี่ค่ะ
อ่านแล้ว...สาแก่ใจดี
(ที่จริงเคยอ่านตอนตีพิมพ์ในนิตยสารมาก่อนแล้ว)

การเดินทางของเล็บสีดำ
ก็สนุกค่ะ

วันนี้หนูแป้งไม่ค่อยสบายค่ะ
กำลังจะไปหาหมอ
เลยยังไม่ได้มาอ่านคำตอบลุงโดม
ไว้ให้กลับจากหาหมอก่อนแล้วจะชวนมาอ่าน


โดย: หนอนฯ IP: 58.9.169.47 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:14:50 น.  

 
เห็นภาพ บรรยากาศแล้ว ทำให้อยากกลับไปอ่าน พันธุ์หมาบ้า อีกซักรอบ
หัวใจจะได้หนุ่มขึ้นนะ พี่โดม

สบายดีนะครับ


โดย: pu_chiangdao วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:59:08 น.  

 
คนนำมาเสนอ ช่างเปรียบเปรยจริงหนอ ได้กลเม็ดในการเขียน

เพลงพี่อารักษ์เพลงนี้เศร้านะคะ
คิดถึงพี่เขาด้วย..ช่วยตะโกนบอกไปที


โดย: เงาศิลป์ IP: 202.149.24.161 วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:57:18 น.  

 
ทราย เจริญปุระ โตเป็นสาวจนจำไม่ได้

ชาติ กอบจิตติ ก็หนุ่มจนคาดไม่ถึง.. ไปนวดหน้าที่ไหนมาหรือเปล่าครับพี่ แหะ แหะ :-)


โดย: ปะการัง IP: 72.197.61.207 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:25:07 น.  

 
สวัสดีคุณโดม
คงตกกระป๋องแล้ว "ต่อไปนะตาสตีฟฉันจะไม่ไปออฟฟิศของยูแล้ว ทำไมละ? ก็บอสของยูเขาจะแต่งงานแล้ว ได้รับเชิญ หรือเขาจดทะเบียนกันแล้ว จะถาม เอียนว่า ฉันมันไม่สวยตรงเธอถึงไม่เลือก แล้วเขาตอบว่าเธอมี ตาสตีฟทั้งคนละ ฉันก็จะตอบว่า ยูก็เป็นกิ๊กฉันต่อไป
ตัตฉากเข้าเรื่อง เปลือก ขัวญเรือน เล่ม ฉบับ๘๗๙ มันหายไปจาก ชีวิตดิฉันเป็นเวลา ๓๐กว่าปีแล้ว แม่เป็นคนที่ชอบกิน ข้าวเหนียว อาหารที่แม่ชอบมากคือ กุดจี่นี้แหละ สมัยดึกดำบรรณ์ คงราวๆ ยุค กษัตริย์อียิปต์ที่คุณเขียนไว้ เห็นภาพยิ่งทำให้คิดถึงแม่มากๆ ตอนนั้นไปขุดกุดจี่กับป้า ถ้าเจอ เบ้ากุดจี่จะดีใจมาก เพราะมันกลมๆ แต่ขี้ควายใช่จะหาเจอทุกกอง คุณก็โพร์สภาพมาเสียใหญ่โต แม่เขาชอบชื้อจากตลาด ยังถามแม่ว่า มีตัวเบ้ามาขายหรือเปล่า แม่บอกว่าไม่มี ตอนนี้ แต่ศูนย์เพาะพันธ์ ทำได้ดิฉันก็ดีใจแล้ว เพราะเด็กเกษตรเก่า ภาควิชาการประมงของ อ. ไพศาล ได้ผสมพันธ์ปล่าน้ำจืดจำชื่อไม่ได้ เพราะเลี้ยงในกระชัง เป็นแห่งแรก คุณบอกว่า เจอเบ้ากุดจี่ที่อุดร พี่สาวคนที่สอง เขาอยู่ที่นั้น ตอนเขาแต่งงาน ยังบอกว่า จ้างให้หรือเอาเชือกผูกขาก็ไม่มาอยู่แน่จังหวัดอุดรสมัยเห็นเขาไปตักน้ำไกลจากบ้านมาก คงเป็น กรรม น้องสาวที่อยู่นี้เขาเอาเงินไปชื้อที่ไว้ที่อุดร ยังตัตสินใจอยู่ว่าจะอยู่อุดรหรือ เชียงใหม่ดี พรุ้งนี้ ดาวเทียมคงหันหัว ไปทางอุดร จะถามพี่สาวว่า ยังเจอ ตัวเบ้ากุดจี่อยู่หรือเปล่า เพราะพี่เขยคนนี้เขาย้ายไปเป็นครู กลับบ้านเกิด เขาชอบทำนา ทำการเกษตร ที่ดินมันเยอะนี้เอง พี่เขยทางอิสานใต้ ต้องเอาดีด้านวิชาการ เพราะที่ทำกินมันน้อย ทุกปีที่พี่สาวเขากลับมาหาแม่ เขาจะเอาของป่า เช่น หัวหวาย อะไรต่างมาให้แม่ ถ้าดิฉันจะกลับเมืองไทย ต้องสั่งเขาทำ คั่วข้าวตอกแตก มาให้ หาแปลเอาเองคะ เขาทำอะร่อย มากๆ ถ้าพี่สาวตอบกลับมาว่า ไม่เจอเบ้ากุดจี่แล้ว ที่อำเภอประจักรศิลปาคม ก็ให้หาข้อมูล อำเภออื่นมาให้หน่อยนะ จะเอามาค้านคุณโดมว่ามันยังมีอยู่จริงหรือ ที่อุดร เพราะพวกที่ทำงาน อบต เขาต้องเข้าประชุมระดับจังหวัด
สรุป หัวข้อ เรื่องของ คุณชาติ มันไม่ใกล้ตัวดิฉัน ให้คุณนักเขียนทั้งหลายเขา เสวนากันไปดิฉันไม่เกี่ยว มานี้ ในฐานะ "แฟนพันธ์ แท้ ของคอลัมน์ ริมรั้วหัวใจ ในขัวญเรือนเจ้าค่ะ


โดย: คุณแม่คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:16:59 น.  

 
ขอต่ออีกนิด ลูกสาวถามว่า แม่ คุณชมพู ฟรุ๊ตตี้เขาเป็นใคร กันแม่ ลูกสาวเขาเป็น แฟน ของ น้องโฟร์กับมด นั้นแหละเขานักร้องดัง สมัยแม่เป็นวัยรุ่น ก็จะมี คุณอ๊อด บลั่นดี เพื่อนแม่แต่ละคนก็ชอบต่างกัน ตอนนี้(นี้ถ้าน้องสาวคนเล็กอ่านเจอ ก็จะบอกว่าเจ๊ ตกยุคแล้ว เขาคลั่งพระเอกเกาหลีแล้ที่เมืองไทย หรือไม่ก็ เอเอฟ) ขัวญเรือนก็ พ่นพิษใส่ เอาคุณอ๊อดคีรีบูน มาสัมภาษณ์ นี้และลูกเขาดังมากในอดีต ทำให้อาเอส รวย ตอนนี้ ออกเทปสองชุดอัดมาใหม่ นอกจากพี่จุ๋มจะแบกหนังสือมาให้ยังขอต่อรองว่า เอาเทปของคุณอ๊อดมาให้แม่ฟังย้อนอดีด หวานใจของแม่มาด้วย ทีแกรมมี่ วงนูโว เขาดังมาครู่กัน ใครก็จับกี้ต้า ได้ไม่บาดใจเท่าคุณก้อง สหรัฐ นี้แหละที่อยากให้ แพททริกเป็นนักร้อง อย่าบอกนะว่า คุณประการัง เพื่อนคุณโดมแต่งเพลงให้กับวงนูโวอีก เดี๋ยวดิฉันจะสั่งตาสตีฟ ให้ชื้อตั๋วบินไปรัฐที่คุณประการังอยู่ จากฟรอริด้า บินขึ้นเหนือ ไป vacation ที่นั้น เพราะตั๋วกลับเมืองไทยสองพันแล้ว แล้วถ้าตาสตีฟถามว่าทำไมเลือกไปละ ก็จะบอกว่า จะไปขอลายเชนต์ คุณประการังและถ่ายรูป มาไว้เป็นที่ละลึก ช่วงนี้ ลวดลายนักเขียนเรี่ม ออกอาละวาดแล้วค่ะคุณโดม พอก่อน ส่งสารคนอ่าน เหตุ จาก เปลือก เบ้ากุดจี่นี้เอง


โดย: คุณแม่คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:50:17 น.  

 
สวัสดีคะคุณโดม
สัญญานดาวเทียม จากหมาสมุทรแปชิฟิกตอนใต้ ส่งไปถึงมหาสมุทรอินเดีย ทางภาคอิสานตอนเหนือ ที่จังหวัดอุดรแล้ว พี่สาวอายุห่างกันแค่ปีเดียว ที่อ.ประจักษ์ ถามหาด้วงจาก มูลขี้ควายแล้ว เขาว่าดวงแมงครามหรือ แกจำได้ไหม เราไปขุดกุดจี่กับป้าสมัยเป็นเด็กนะๆ ถ้าเราเจอ ไอ้ลูกกลม ๆ เราจะเปิดออกแล้วเอาตัวด้วง เรายังสงสัย กันว่า ทำมั๊ยในเมื่อควายมันพี่งขี้ออกมาไม่ถึงสองชั่วชม. แต่มีดินกลมออกมาด้วย เราสองคนยังคุยกันว่า ควายมันคงกินดินเข้าไป พี่สาวบอกจำได้แล้ว เขาถามว่า คิดได้อย่างไรถึงถามถึง อ่านจากขัวญเรือนนะ คุณโดมเขาบอกอยู่ที่อุดรและเชียงใหม่ ฉันก็ไม่รู้ สามวันก่อนพ่อเจ้ารามันส์ ยังไปขุดกุดจี่มาคั่วอยู่ แต่ที่อุดร กุดจี่ มันตัวใหญ่กว่าที่ศรีสะเกษ ขนาดเท่า หัวแม่มือ แต่ที่ศรีสะเกษบ้านเราเท่า หัวนิ้วก้อย แล้วแถวนี้นะ เขาเลี้ยงควายกันเยอะมาก ถ้าเจอเปลือกฉันจะถ่ายรูปส่งเข้าเน็ตให้ดู ได้ข่าวว่าพี่เขยได้เอกสาร การทำอ.สามแล้ว ลงมือทำหรือยัง ทำอะไร พอแม่ยายให้ยืมเงิน โน่นไปชื้อรถไถนาใหม่ เสาร์อาทิตย์ไปไถนารับจ้างกับลูกชายคนโต เปลือกของคนก็ช่างไม่เหมือนกันเลย ส่วนหลานคนเล็ก เขาก็เลี้ยงเป็ด อายุแค่สิบห้า ดิฉันสมทบทุนไปหนึ่งพันบาท ในการเลี้ยงเป็ด แต่คิดจะประกอบอาชืพการเกษตร เข้าต้องเอาปริญญาด้วยนะ อันนี้น้าสั่ง แม่เจ้าโดโด้ ยังบอกอีกว่า ท่าทางลูกชายคนเล็กชอบทำตัวเป็นหนุ่มชาวบ้าน ลูกใครลูกมันงานนี้ นินทาหลานฝั่งศรีสะเกษบ้าง อายุสิบเจ็ด กับสิบห้า เป็นชายทั้งคู่ พ่อแม่ชื้อ คอมพ์ แล็ปท้อป ให้คนละเครื่องๆละห้าหมื่น
ช่างเขาเถอะเขาลูกผอ. พี่เขยคนโตเป็น ผอ.ตั้งแต่อายุสามสิบกว่า พี่สาวและพี่เขยคนโตเขาอายุเท่ากัน พี่สาวคนโตอายุห่างดิฉันสามปีครึ่งเอง ข้ามมาฝั่งลูกสาวดิฉันฝั่งอเมริกาบ้าง มีแด็ดดี้เป็นถึงเจ้าของบริษัทช่อมคอมพ์ (บ.เล็กๆนะ)ไม่มีแล็ปท้อปเลย สองคนนี้ถ้าอยากได้ คงไปรับจ้างห่อแชนวิท ชื้อเอง เพราะอายุสิบหกก็ไปทำงานได้แล้ว แม่ป้าคนโตนะ หนูไม่เชื่อว่าเขาห่างกับแม่ สามปีนะ หนูคิดว่าป้าคนโตอายุห่างแม่เป็นสิบปีเลย นามว่า คุณแม่คนสวยไม่ คงไม่เข้ากับแม่แล้ว เพราะประธานบริษัทกำลังจะแต่งงาน นี้ดิฉันจัดอยู่ในจำพวกเปลือกกิเลสหนาแน่ๆ ลูกสาวชวนไป เล่นไอไฟร์ ไม่เอาหรอกลูก เปลือกกิแลสแม่หนาอยู่นะ
ดีเหมือนกันดิฉัน คงต้องไปเชีรย์คุณปะการัง แต่งเพลงอีกรอบ ทุกอย่างต้องมีกองเชียร์
ตอนคลอดแพททริกคุณหมอคนไทยก็อนุญาต ให้เพื่อนแม่เข้าไปช่วยเชียร์เบ่งเลย วันที่คลอดแพททริกมีแม่สามคน พ่อสองคน อีกคนเป็นตำรวจที่เคร่งครัดมาก ไม่เคย ลาไม่เคยป่วย ตอนวันที่แพททริกคลอด ลางานคะนั่งรอคนเดียวหน้าห้องคลอดห้าชม. พ่อตัวจริงอยู่ให้ห้องคลอด และดิฉันผ่าตัตสมอง ก็ลางานสามวัน มานั่งสวดมนต์หน้าห้องผ่าตัด รอจนตาสตีฟเดินทางจากเมืองไทยกลับมาและดูว่าดิฉันปลอดภัยถึงกลับไปทำงาน สามวันสามคืนแบบไม่นอนเลย แกรักคริสเตียนมากไปโบสถ์ ทุกวันอาทิตย์ คุณตำรวจอายุเท่าดิฉัน ภรรยาคุณตำรวจก็เพื่อนดิฉันเอง ตอนนี้ ดิฉันเขียน เรียงร้อยถ้อยคำอยู่ จะเขียนเรื่อง หัวข้อเรื่อง "พิษมดตะนอย"คะ ถ้าไม่ได้ลงในขัวญเรือน จะส่งเข้าไปในเมล์คุณโดมอ่านนะ แต่ตอนนี้ร้องเพลงรอ ไปก่อนก่อนคะ


โดย: สาวอิสานพลัดถิ่น (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:13:14 น.  

 
อุ๊ยยย นั่นพี่อารักษ์ เหรอ จำไม่ได้เลยนะเนี่ย


หวัดดีคะ พี่โดม แวะมาทักทายคะ


โดย: หมูกะทะ IP: 58.8.123.57 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:20:44 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่โดม... แวะมาทักทายค่ะ สบายดีนะคะ ยังวุ่นๆ มึนๆ เหมือนเดิมค่ะ

:)


โดย: Suisia IP: 203.130.159.4 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:02:28 น.  

 
สวัสดีคุณพ่อพเยียค่ะ มาทักทายค่ะ

เรื่องวงการนักเขียน ไม่ค่อยได้ทราบ แต่เท่าที่อ่านแล้ว ดูเป็นสมาคม เป็นกลุ่มกลมเกลียวดีค่ะ


โดย: shin chan (alei ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:3:33:19 น.  

 
มาดูว่าโดมนำเสนออะไร

พี่ชาติในวันนี้ดูเท่เหมือนฉัตรชัยเลย



โดย: แพรจารุ วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:00:17 น.  

 
หมาบ้าไม่ได้หายไปจากโลก


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:47:16 น.  

 
อ่านหนังสือของคุณชาติมาแล้วทุกเล่มครับ (ขาด ลมหลง ไปเรื่องเดียว)

ชื่นชอบผลงานของเขามาก

ตอนนี้ก็กำลังรอนิยายเล่มใหม่ของเขา (ที่เขาบอกจะเสร็จภายในปีนี้) อยู่


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:4:46:42 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณโดม

วันนี้เพื่อนรุ่นน้องเค้ามารับไปทานข้าวกลางวัน ปล่อยแก่กันสองคนค่ะ เราแวะไปร้านหนังสือดอกหญ้า ว่าจะไปหาซื้อหนังสือเขียนนิยาย แม่น้องนิกจำชื่อหนังสือไม่ได้ค่ะ รู้แต่เขียนโดยรตชา น่าจะใช่เนอะ แต่ไม่มี
ถามร้านหนังสือ เค้าก็หาในคอมฯให้ ปรากฏว่า ไม่มี



โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.82.36 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:06:49 น.  

 
อ่านที่พี่โดมเขียนวันนี้แล้วรู้สึกดีจังค่ะ
พี่โดม พ่อบูอาการทรงๆไม่ทรุดค่ะ แต่ก็เหมือนเดิมค่ะ
ท่านโชคดีที่สมองยังดีเต็มล้าน
แต่สังขารก็ต้องเป็นไปตามธรรมชาตินะพี่โดม

พี่โดม บีอ่านเรื่องของคุณ ชาติ ตั้งแต่จำความได้ ชอบมากมายค่ะ

อ่านทุกเรื่อง มีทุกเล่ม

เพิ่งทราบว่าน้องทรายก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ เท่ห์จังนะคะ

มาสวัสดีพี่โดมนะคะ


โดย: be-oct4 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:46:23 น.  

 



มาสวัสดีอาโดมค่ะ



โดย: Nok_Noah วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:01:50 น.  

 
ก่อนอื่น ขำพี่ปะการัง
ทรายโตเป็นสาวจนจำไม่ได้..พี่เขาไปอยู่ที่ไหนมาน้อ..อิอิ
เห็นงานนี้ในจุดประกายฯแล้วจ้ะ
นึกถึงความหลังตอนเรียนที่อ่านงานเขาเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนกันจ้ะ
เห็นด้วยกับพี่โดมว่าพี่ชาติเขาดูดีกว่าบางปีแฮะ
คนมีรัศมีบารมีบางอย่างจับอ่ะนะ

ชอบรูปที่บ้านพี่โดมจัง...เลียนแบบมั่งดีกว่า
อย่างอื่นๆไม่ออกความเห็นค่ะ
อ่านที่พี่เอาลงบล็อกมาอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว ไปล่ะจ้ะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:45:39 น.  

 
ลืม...กลับมาบอกหน่อย
เสน่ห์ของพี่โดมที่รู้สึกตลอดเลย
คือความถ่อมตัวกับผู้อื่นเสมอ
ไม่เคยเห็นพี่โอ้อวดอะไรกับใคร
อืมม์..จริงนะ อยากบอกค่ะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:10:35 น.  

 

ดีใจจังค่ะที่ได้มาอ่านที่พี่โดมเขียนที่นี่อีกครั้ง
เพราะภูเพยียอ่านในอักษรสารเล่ม 5 ที่คุณเอก อัคคีนำเรื่องและภาพบางส่วนมาลง
แปลกแต่จริงค่ะที่ว่า ซื้อพันธุ์หมาบ้ามาหลายปกแล้วเหมือนกัน
เป็นหนังสือที่ซื้อซ้ำบ่อย ๆ และฝากเพื่อน
ไว้ค่อยหาเวลาอ่านใหม่อีกค่ะเพราะคิดถึงอ็อตโต้





โดย: ภูเพยีย วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:07:41 น.  

 
ขอยกมือโต้แย้งคุณยิปซีสีน้ำเงินในเมนต์ 24 จ้า

เข้าใจอะไรพี่โดมผิดหรือเปล่า ? พี่เขาอาจถ่อมตัว ไม่โอ้อวด แต่ทว่า...โอ่...ไม่น้อยนะ...จะบอกให้... (ฮิ ฮิ มาส่งเสียงแซวในเวลางานค่ะ)


โดย: หนอนฯ IP: 202.28.180.202 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:36:33 น.  

 
ภาพหน้าปกหนังสือเล่มนี้ เข้ากับภาพเล็ก ๆ ประจำบล็อกนะคะ ถ้าจับใส่แว่นซะหน่อย ขยายหนวดอีกนิด...
ก็แหม, วางประกบกันออกอย่างนี้


โดย: kangsadal วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:35:33 น.  

 
โห พี่หนอนฯ แซวซะคุณโดม
เจ็บหน้าอก เพราะโดนศรเสียบ


โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.102.198 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:09:51 น.  

 
เสียดายไม่ได้ แต่ก็ดีใจได้ดูรูปสวยๆจากพี่โดม อิอิ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:54:38 น.  

 
มัวแต่ไปติตละคร น้องอ้วนรังสิตอยู่ วันนี้ต้องออกจากบ้านไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด จะสอบเอาใบ พลเมืองอเมริกัน เกิดเขาถามว่า ประเทศ อเมริกามีกี่รัฐ ดิฉัน คงตอบว่า ๕๑ รัฐ รัฐที่ห้าสิบเอ็ด ผู้ว่าการรัฐ ชื่อ บุญสิตา รัฐที่เกิดขึ้นใหม่ ดิฉันตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นผู้ว่าการรัฐเอง


โดย: คุณแม่คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:17:04 น.  

 
กลับมาทบทวนอีกครั้ง


โดย: ตาพราน IP: 117.47.104.218 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:21:04:37 น.  

 
ชอบครับ นักเขียนท่านนี้


โดย: คนขับช้า วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:22:50:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.