จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
4 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
เขียนที่บ้าน ภู เชียงดาว




ถนนในหมู่บ้าน







เวลายามเช้า - คนยามเย็น






แมวป่า






ตากับหลาน





ดอกเสี้ยวขาว







สองพ่อลูกแขกยามวิกาลเมื่อคืนนี้







ชื่อข้างกำแพงวัด - ชอบชื่อนี้ ดม ดอกแดง
คือ ถ้าดอกไม่แดง จะไม่ดม







ฝนตกบนภูเขา






เมื่อคืนที่ผ่านมานับเป็นคืนที่ 3 แล้วที่ผมมานอนที่บ้านของภู เชียงดาว(คลิกที่นี่ >>ดูรูปบ้านภู เชียงดาว)นักเขียนหนุ่มแห่งอำเภอเชียงดาว ซึ่งเขาไปทำธุระเรื่องงานในเมืองหลวง ตามกำหนดเขาจะกลับมาถึงบ้านในตอนเที่ยงหรือบ่ายวันนี้ ซึ่งผมเองก็เตรียมตัวให้พร้อมไว้ เพราะตั้งใจจะเดินทางไปเมืองพร้าวต่อ

แต่ใจหนึ่งก็ยังอยากคุยกับเจ้าของบ้านสักหน่อย เพราะตั้งแต่พบกันเรายังไม่ได้พูดอะไรกันแบบเป็นทางการเลย แต่ก็ให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กัสถานการณ์ เพียงแต่เราเตรียมตัวพร้อมเข้าไว้

สามวันสามคืนที่ผมมานอนอยู่ที่บ้าน ได้เห็นร่องรอยการใช้ชีวิตของเขา จากงานที่เขาทำและหนังสือที่เขาอ่าน และจากเสียงของชาวบ้านที่นี่ บอกตรงๆว่าผมรู้สึกนับถือในวิถีที่เขาเลือกมากขึ้นกว่า ตอนที่เรารู้จักกันในตอนแรกๆ

เช้าวันนี้ตื่นมาหมอกลงบังภูเขาผาแดงจนมิดไม่เห็นอะไร ผมไม่อยากถ่ายรูปภูเขาที่มีแต่หมอกล้วน ๆปิดบังอยู่ เมื่อวานผมลงไปถ่ายรูปในหมู่บ้านแม่ป๋ามมาแล้ว ตอนเดิน ๆ ขึ้น ๆลงระหว่างบ้านภู เชียงดาว กับหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แต่ขาขึ้นก็ทำให้คนหนุ่มอย่างผมเหงื่อซึมได้นั่นแหละ แต่ก็ถือว่าออกกำลังกาย

จู่ ๆ ใจก็นึกอุตริอยากประกาศ “รับเฝ้าบ้านฟรีทั่วราชอาณาจักร” โดยมีเงื่อนไขข้อตกลงเพียงสองข้อเท่านั้น ก็ข้อหนึ่ง ถูกใจคนรับเฝ้า ข้อสอง คนให้เฝ้าก็ถูกใจด้วย ทั้งข้อหนึ่งและข้อสองส่งผลถึงกัน

เรื่อง ดี ๆ สามวันสามคืน ภาพสวย ๆที่ผมถ่ายเก็บไว้ในช่วงที่อยู่ที่นี่ เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าของบ้านในหุบเขาผาแดงและชีวิตชาวบ้านแม่ป๋าม ที่ผมอยากเก็บมาเขียน หากจะให้เขียนลงในบล็อกตอนนี้ก็คิดว่าคงจะดูรีบร้อนและฉาบฉวยเกินไป ผมขอเวลาสักเล็กน้อยกับเรื่องดีๆของผู้คนและธรรมชาติอันงดงามและอ่อนโยนของที่นี่

ถ้าผมเขียนจบเมื่อไร ลงที่ไหนผมค่อยมาส่งข่าวกัน แต่ถ้าหากคุณอยากรู้จักเจ้าของบ้านและเห็นบ้านของเขาในมุมของเขาก็แวะไปที่ บ้าน ภูเชียงดาว ได้เลย แต่บ้านของเขาในมุมของผมคงต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย และคงแตกต่างกัน

ความจริงผมตั้งใจจะอัพบล็อกตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว แต่พอดีมีแขกยามวิกาลสองพ่อลูก มาขอใช้อินเตอร์เน็ต รู้สึกว่าในหมู่บ้านจะมีเพียงสองแห่งเท่านั้นคือที่โรงเรียนและที่บ้านของภู เชียงดาว ช่วงลูกสาวลงทะเบียนเรียนน่ะไม่เท่าไรหรอกครับ แต่หลังจากนั้นคนเป็นพ่อกับผมนั่งคุยกันนี่สิครับ กว่าเขาจะลงไปก็ราว ๆ 5 ทุ่มกว่า ก็รู้สึกยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกคนหนึ่ง

ดูท่าทางเขาสนใจการบ้านการเมืองพอสมควร ชักชวนผมสนทนาและเปิดช่องให้แสดงความคิดเห็นทางด้านเรื่องการเมือง แต่ผมบอกช่วงนี้ผมบอกว่างดออกความเห็นด้านการเมือง

ผมนอนฟังเสียงจิ้งหรีดร้องเพลงและเสียงน้ำค้างหยดลงบนใบไม้ มีความสุขกว่า ผมงดเสพข่าวทางทีวีมาตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาวได้เกือบเดือนแล้ว รู้สึกสมองปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก




อัพบล็อกคราวนี้ผมจึงเอาเรื่อง"จากเรื่องจริงถึงความจริง" ที่ตีพิมพ์ใน นิตยสารขวัญเรือน เมื่อฉบับ ปักษ์หลัง กันยายน 2551 มาให้อ่านกัน






หยาดฝนบนกลีบกุกลาบในเช้าวันหนึ่ง





----------------------------------




จากเรื่องจริงถึงความจริง



“ทำไมเดี๋ยวนี้พี่เขียนแต่เรื่องจริง” น้ำเสียงและแววตาของเธอทำให้ผมคิดต่อในทำนองว่า “นอกจากจะเรื่องจริงแล้วก็ยังเขียนแต่เรื่องของตัวเองอีก”

นักเขียนหญิงรุ่นน้องคนหนึ่งเอ่ยถามขณะนั่งร่วมโต๊ะในงานเลี้ยงสังสรรค์ของคนแวดวงวรรณกรรม ผมยังไม่ทันได้ตอบคำถามแต่เธอเปลี่ยนไปสนทนาเรื่องอื่น เมื่อกลับจากงานคำถามนี้ก็ยังติดตามผมมาถึงบ้าน ผมคิดว่าผมมีคำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ตอบเธอออกไปเท่านั้นเอง


ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงได้คำตอบว่า ที่เขียนก็เพราะอยากเขียนนั่นแหละ ส่วนในรายละเอียดของแต่ละเรื่องก็ว่ากันเป็นเรื่อง ๆ ไป

เมื่อทบทวนถึงคำถามของเธอก็เห็นจริงอย่างที่เธอพูด เพราะนับตั้งแต่ที่ผมเริ่มกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้งเมื่อ 6 -7 ปีที่แล้ว ผลงานที่รวมเล่มออกมานับตั้งแต่ “คาบโลกย์คาบธรรม”, “ ริมรั้วหัวใจ”, “ห่างไกล ไม่ห่างกัน”, “โลกในเม็ดทราย” ล่าสุดคือ “ควันไฟและสายรุ้ง” ล้วนเป็นงานที่เขียนจากเรื่องจริงและล้วนแต่เป็นเรื่องของตัวเองทั้งสิ้น


ทั้งที่เมื่อตอนที่ผมริอยากจะเป็นนักเขียนใหม่ ๆ นั้น ผมอยากจะเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นักเขียนนิยาย ซ้ำยังเขียนบทกวีไว้ไม่น้อย ถึงขนาดเคยมีบทกวีรวมเล่มกับเขาเล่มหนึ่ง

ที่ผ่านมาก็เคยมีพี่น้องเพื่อนฝูงในแวดวงบางคนพูดทำนองว่าเดี๋ยวนี้ทำไมไม่เขียนเรื่องสั้นหรือนิยายบ้าง คล้าย ๆ กับว่าเรื่องสั้นและนิยายเท่านั้นที่นับว่าเป็นงานศิลปะ โดยส่วนตัวผมแล้วไม่ได้จำกัดตัวเองไว้ว่าจะต้องเขียนแต่เรื่องจริงหรือเรื่องของตัวเองเท่านั้น ถึงตอนนี้ผมก็ยังมีความฝันที่จะเขียน “เรื่องแต่ง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้นหรือนิยายก็ตาม เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ลงมือเขียนเท่านั้นเอง

เมื่อผมลองตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมที่ผ่านมาผมจึงเขียนแต่เรื่องจริง ผมได้รับคำตอบว่า อาจเป็นเพราะว่าในช่วงที่ผมกลับมาเขียนหนังสือใหม่ ๆ อีกครั้ง ผมเริ่มต้นเขียนจากเรื่องจริงและหนังสือที่อ่านก็มักเป็นหนังสือธรรมะหรือไม่ก็เป็นหนังสือประเภทที่ทำให้รู้จักความจริงของชีวิต เมื่อทำต่อเนื่องกันนานวันขึ้นก็ปรากฏว่าผลงานที่ออกมาจึงเป็นแต่เรื่องจริง อาจพูดได้ว่าสิ่งใดที่เราทำบ่อย ๆ เราก็กลายเป็นสิ่งนั้นนั่นเอง

ความจริงผมเริ่มต้นเดินบนถนนนักเขียนมาเนิ่นนานแล้ว แต่ทว่ายังไปไม่ถึงไหน เพราะหยุดเดินบ้าง ล้มลุกคลุกคลานบ้าง หลายต่อหลายคนที่มาทีหลังเดินผ่านหน้าไป แต่ละคนต่างก็เดินไปตามหาเป้าหมายของตน เมื่อเหลียวมองคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่เริ่มต้นเขียนหนังสือมาในเวลาใกล้ ๆ กัน คนที่โดดเด่นไปไกลก็มีอยู่ไม่น้อยแต่ที่เลิกและวางมือไปดูเหมือนจะมีมากกว่า

ปัจจุบันบนถนนนักเขียนมีผู้คนมากมาย งานเขียนมีหลายประเภท นักเขียนก็เช่นกัน เพียงแต่งานของนักเขียนเป็นการใช้ตัวหนังสือเหมือนกันเท่านั้นเอง ผมรู้สึกยินดีทุกครั้งเมื่อรับรู้ว่ามีคนชอบอ่านชอบเขียนไม่ว่าจะชอบอ่านหรือเขียนอะไรก็ตาม

เวลาได้พบเพื่อนที่รักการเขียนหนังสือและเริ่มต้นมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เรามักจะสนทนาถึงความหลังเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยหนุ่มและพูดถึงการเขียนหนังสือเสมอ

ในงานสังสรรค์งานนี้ผมได้พบเพื่อนกวีสองคน คนหนึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์และเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์คุณภาพแห่งหนึ่ง ทว่าเขาหยุดเขียนหนังสือไปนานแล้ว พบหน้ากันครั้งไรเราก็จะพูดถึงความหลังและความปรารถนาที่จะเขียนหนังสือ ซึ่งคนที่รักการเขียนเท่านั้นจึงจะรู้ว่าความสุขจากการเขียนนั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เงินไม่สามารถซื้อหาได้

เพื่อนกวีอีกคนหนึ่งเขาหยุดเขียนไปหลายปี ไม่มีบทกวีตีพิมพ์ในนิตยสารใด ๆมานาน เขาต้องดิ้นรนเพื่อทำมาหาเลี้ยงครอบครัว เพราะปัจจุบันเขาออกจากงานประจำที่เคยมีรายได้มาก เขาบอกว่าตอนที่ทำงานประจำอยู่ เขามีเวลาว่างมากแต่สมองและหัวใจกวีของเขาว่างเปล่าเหมือนไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร แต่พอชีวิตประสบความลำบากไม่ค่อยมีเวลาแต่บทกวีในตัวของเขาหลั่งไหล และเขาจึงเขียนบทกวีเก็บไว้

วันหนึ่งมีการประกวดงานเขียนทุกประเภทซึ่งจัดโดยสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ผมบอกให้เขาลองเอาบทกวีที่เขียนเก็บไว้ส่งไปประกวดดูบ้าง ถือว่าเป็นการร่วมสนุก ผลปรากฏว่างานของเขาได้รับรางวัลบทกวียอดเยี่ยมในรางวัลนั้น แน่นอนว่าความเป็นกวีไม่ได้วัดกันที่รางวัลหรือจำนวนบทกวีที่เขียน เพราะกวีไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ย่อมเป็นกวีอยู่วันยันค่ำ แต่อย่างน้อยกวีก็ควรจะเขียนบทกวีออกมาบ้าง


เขาบอกไม่รู้ว่ารางวัลจะมีส่วนกระตุ้นให้เขาทำงานได้อีกหรือไม่ แต่เขาก็รู้สึกยินดีที่มีคนเห็นคุณค่าของบทกวีที่เขาเขียน

การกลับมาเขียนหนังสือของผมในวันนี้ ผมรู้สึกเหมือนกับนักมวยเก่าที่ลงจากเวทีไปนานแล้ว แต่กลับมา “แจ้งเกิด” ใหม่อีกครั้ง คู่ต่อสู้ของผมไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือตัวเองกับกระดาษเปล่านั่นไง ทั้งที่ยังไม่แน่ชัดนักว่าถึงวันนี้ตัวผมจะถูกจัดให้เป็นนักเขียนประเภทไหนกันแน่ เพราะในช่วงที่ผ่านมานี้ผมเขียนแต่เรื่องจริงทั้งนั้น

วันนี้ผมนอนอ่านหนังสือเล่นที่เปลญวนในสวนข้างบ้าน เป็นผลงานรวมเรื่องสั้นของนักเขียนหนุ่มรุ่นใหม่มาแรงและว่ากันว่าเขาเป็นความหวังของแวดวงนักเขียนไทยในยุคนี้ เพราะทั้งหนุ่มแน่นและฉายแววปราดเปรื่อง

ผมยังไม่เคยอ่านงานของเขาอย่างจริงจังมาก่อน แต่ได้ยินชื่อของเขาจากการที่ได้รับรางวัลอยู่บ่อย ๆและใครต่อใครก็ชมว่าเขาคือดาวดวงใหม่แห่งวงการวรรณกรรมไทย ผมพลิกมาถึงหน้าคำนำของเขาเริ่มต้นไว้ว่า...

“ในภาพยนตร์เรื่อง Before Sunset ที่อีธาน ฮอว์คแสดงนำเป็นนักเขียน เมื่อแฟนหนังสือสงสัยว่าผลงานเล่มล่าสุดเป็นอัตชีวประวัติใช่หรือไม่ เขาถามกลับ “หนังสืออะไรเล่าจะไม่ใช่อัตชีวประวัติ” มนุษย์ทุกผู้ทุกนามมองโลกกว้างผ่านรูแคบ ๆ ส่วนตัว สิ่งที่พวกเราเห็นนำมากลั่นกรองเป็นตัวอักษร ดังนั้นไม่ว่าจะตั้งใจเขียนเกี่ยวกับอะไร หนังสือก็คือกระจกสะท้อนภาพผู้เขียนดี ๆ นี่เอง แต่กระจกมิเพียงสะท้อนภาพผู้สร้าง แต่ยังสะท้อนภาพใครก็ตามที่ส่องมัน ดังนั้นคนอ่านจึงตีความงานเขียนแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ ตามรูแคบ ๆ ที่แต่ละคนมองโลก” *


ข้อความไม่กี่บรรทัดทำให้ผมนึกถึงใบหน้าของนักเขียนหญิงรุ่นน้องคนที่ตั้งคำถามกับผมในคืนวันนั้น คราวหน้าถ้าผมได้พบกับเธออีก ผมนึกออกแล้วว่าผมจะตอบคำถามของเธอว่าอย่างไรดี


-----------------------------


* จากบางตอนของคำนำ รวมเรื่องสั้น “วรรณกรรมตกสระ” ของ ภาณุ ตรัยเวช









Create Date : 04 ตุลาคม 2551
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 8:45:43 น. 25 comments
Counter : 2069 Pageviews.

 
โชคดี ได้เข้ามาคนแรกของจักรวาล
พี่โดมชอบเดินทางไกล ถามตรงๆ
พี่คิดถึงบ้านมั่งไหม
ผมน่ะ เคยแค่เป็นคนจากบ้านไป
ทำงานต่างถิ่น พอได้กลับมาอยู่
บ้านก็ไม่คิดจะไปไหนไกลๆ
มันคิดถึงบ้าน คิดถึงแมว ไก่
หมา และอื่นๆ
ชีวิตนี้คงไ่ม่เดินทางไปไหนไกล
ค้นหาความจริงจากหัวใจตัวเอง
คงพอแล้ว...



โดย: ธารดาว IP: 202.149.25.197 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:8:38:54 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะน้าโดม

ชอบภาพแมวล้างมือจังค่ะ อีกไม่นานก็จะถึงงานมหกรรมหนังสือแล้ว น้าจะมาไหมคะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:8:43:15 น.  

 

สวัสดีครับธารดาว


เดินทางแบบนี้
คิดถึงบ้านเมื่อไรก็กลับได้
ไม่มีเงื่อนไขอะไรผูกมัด

ตอนนี้ก็เริ่มคิดถึงอ่อนๆแล้ว
ค่อยๆเพิ่มขึ้น แล้วกำลังเตรียมตัวจะกลับแล้ว

เวลาผมเดินทางผมรู้สึกว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศ

เวลากลับบ้านไปแล้วก็คิดถึงที่ๆที่เราเดินทางไปถึง คิดถึงสถานที่ คิดถึงผู้คนที่ได้พบ ชีวิตมีคนให้คิดถึงเพิ่มขึ้น

ที่เดินทางไกลมาขนาดนี้
ไม่ได้มาหาความจริงอะไรหรอก

มาเที่ยวน่ะครับ เพียงแต่เที่ยวแบบผมนี่เที่ยวนานไปหน่อยเท่านั้นเอง

ความจริงมีอยู่ทุกที่แหละครับ...



สวัสดีจ้ะแพนด้ามหาภัย

งานสัปดาห์ตั้งใจว่าจะไปอยู่แล้ว

มีโอกาสจังหวะดีคงได้พบกัน

วันเวลา โมงยามช่างเร็วจริงหนอ ?





โดย: พ่อพเยีย วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:9:05:43 น.  

 

เข้ามาสัมผัสวิถีชนบทของภูเชียงดาว
เต็มอิ่มกับกลิ่นไอของสีสันแห่งชีวิตดีค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:9:21:18 น.  

 
"บ้านของฉันในฝันของภูเขา"
อิจฉา...คนเดินทาง
เดี๋ยวจะไปมั่ง
เห็นภาพดอกเสี้ยวขาว งง อยู่ชั่วแว่บ ไหนดอกไม้อ่ะ แหะๆ
ที่แท้ก็เป็นคน หาใช่ไม้ดอกไม่

..ยังไม่ได้อ่านค่ะ
วันนี้มาชม วันพรุ่งมาอ่าน


โดย: bleuemontagne IP: 58.10.195.25 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:9:35:08 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่โดม

ชอบภาพฝนตกบนภูเขา
แล้วมีน้ำหล่นจากหลังคาเป็นสาย...

น่าสนใจค่ะ "รับเฝ้าบ้านฟรีทั่วราชอาณาจักร" เพิ่มเติม "รับประกันของไม่หาย"


โดย: ทากชมพู IP: 58.136.52.3 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:10:29:16 น.  

 
บรรยากาศดีๆ กุหลาบสีสวยค่ะ


โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:10:59:29 น.  

 

ขอพลังสถิตกะท่าน สู้ๆ


โดย: พลังชีวิต วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:11:51:09 น.  

 
จะรับเฝ้าบ้านจริงๆหรือค่ะอาโดม
เดี๋ยวจะให้มาเฝ้าฟรีรับรองถูกใจแน่นอนค่ะ



โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:11:59:47 น.  

 
คุณโดม
เดือนมีนา 52 จะไปเวียดนาม เยี่ยมญาติคนแถวบ้าน
ไปเฝ้าบ้านให้มั่งสิ ตอนนี้มันเริ่มเป็นป่าดิบ ค่อนข้างบริสุทธิ์แล้ว คือหญ้ารกมาก เพราะไปดูแลพี่ชายอยู่ เพิ่งกลับมาเมื่อสองวัน เกือบ ๆจะเป็นโรคซึมเศร้า
ฝากความระลึกถึงคุณภู เชียงดาวด้วยนะ ว่าง ๆผ่านมาทางตากแวะเยี่ยมยามถามข่าวได้ หน้าบ้านมีภูเขาเหมือนกัน เพียงแต่มันมีบาดแผลเต็มไปหมด ไม่สวยงามเท่านั้นแหละ


โดย: ภาจิรา IP: 202.91.19.206 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:16:13:06 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณโดม,

วันนี้เข้ามาอ่านล่าไปหน่อย
ขอให้มีความสุขทุกวินาทีที่ไกลบ้านนะคะ








โดย: นกขมิ้น IP: 124.120.69.121 วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:18:16:33 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม

หลายคน งง งง งง
กับดอกเสี้ยวขาวมากครับ

ยังสบายดีน่ะครับ
คงคุ้นเคยกับบ้านหลังใหม่ที่พร้าวพอสมควรในเวลานี้...

รักษาสุขภาพด้วยน่ะครับ






โดย: ดอกเสี้ยวขาว วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:22:34:00 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆท่าน


ขณะนี้ผมได้มาพักอยู่ที่บ้านของนักแปลท่านหนึ่ง

อยู่นอกเมืองพร้าวมาประมาณ 4 กิโลเมตร

บรรยากาศเงียบสงบมาก


ตอนนี้ยังไม่ตอบหรอกนะครับ

ทดลองใช้เน็ตทางมือถือดูก่อน

อยากบอกว่ามาถึงเมืองพร้าวได้เห็นบ้าน "หมอเมืองพร้าวไ หลังเก่า" ด้วย

แล้วค่ำ ๆค่อยคุยกันใหม่นะครับ


โดย: พ่อพเยีย IP: 202.149.25.236 วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:12:56:07 น.  

 
มารายงานตัวคะ อ่านขัวญเรือนเล่มสุดเราก็ใจดำจังเราไม่ส่งข่าวคุณโดมเลยนะ รุ่นน้องบอกว่าทำไมเขียนแต่เรื่องตัวเอง ดิฉันก็ว่าคุณโดมเดินทางกับงานเขียนมาถูกทางแล้วนะ สะไตล์ของคุณ โลกในเม็ดทรายแม้จะอ่านมาหลายรอบ เอาติดรถไปทุกที่เหงาๆ แอบหมั่นไส้คนก็จะหยิบมากอ่านบางตอนนะ ไม่น่าเชื่อว่า หนังสือแบบนี้ยังอ่านและติดตามได้ตลอดงงจริงๆคะ(งงตัวเองนะ)
กล้าพูดนะคะว่ายังหนุ่ม คิดผิดคิดไหมได้นะคะ ตอนนี้ เรื่องการเมืองไม่งดออกความเห็น แอบหาเสียงช่วยคุณแมคแคนอยู่ นั่งฟังใครๆ ก็เชียร์แต่โอบามา เพื่อนๆเม็กชิกันเยอะมากๆ ๆบอกพวกเขานี้ฉันก็พวกเดียวกันกับยูผมดำนะ สามีฉันเขาแฟนลิพัลพิกัล หนึ่งในนโยบายที่เขาไม่ชอบแมคแคนคือ เขาจะนำเงินไปช่วยเหลือชาวเม็กชิกันที่อาศัยในประเทศให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ตอนนี้ตาสตีฟโมโหจนจะไม่ให้เงินสนับสนุนพรรคลิพลับพิกัลแล้ว แต่อย่าไปสนใจพวกผิวขาวนะฉันก็คนต่างด้าวเหมือนกับพวกยู คนได้ประโยนช์ก็คือฉันนี้แหละ พวกกำลังลังเลคงเลือกแมคแคนแน่ (คิดเอาเอง เพราะตัวเราก็ฟังนโยบายเขาไม่รู้เรื่องหรอก ที่เลือกแมคแคน เพราะแกเป็นฝรั่ง )โอบามาเสียเปรียบตรงนี้ แต่ที่ครูที่ไฮสคูลครูถามเด็ก แม่ๆโอบามามาแรงมากเพื่อนเป็นฝรั่งบอกแม่ๆพ่อแม่เพื่อนก็เลือกโอบามานะพบกันใหม่

สวัสดีคะ


โดย: คนสวย (ดาวกระพริบฟ้า ) วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:18:42:26 น.  

 
สวัสดีครับคุณภาจิรา

ไม่มั่นใจว่า คิวเฝ้าบ้านทั่วราชอาณาจักรของผม จะยาเหยียดไปถึงมีนา 52 หรือเปล่าก็ไม่รู้

เพราะเท่าที่รู้ ตอนนี้คิวยาวไปถึงปลายปีแล้วครับ










โดย: พ่อพเยีย วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:21:12:36 น.  

 
พ่อพเยียคะ

ดอกกุหลาบสวยหวานถูกใจหนูที่สุดเลย
เห็นแล้วสดชื่น มีความสุขมาก...
ต้องชมคนถ่ายภาพค่ะ...

ขอให้มีความสุข รักษาตัวนะคะ


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 202.91.18.206 วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:21:23:02 น.  

 


สวัสดีครับทุก ๆท่าน


วันนี้ผมคลิกเข้าไปดูกระทู้ที่... เรารักโปสการ์ด


ได้เห็นรูปแล้วรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย

ที่ไม่ได้ไปช่วยน้องวีดวาด ตกแต่งร้าน เพื่อเปิดร้านกาแฟและโปสการ์ด ตามความฝันของเธอ

ถึงแม้ภรรยาและลูกสาวผมจะไปช่วยก็ตาม

ถ้าผมไม่มาอยู่ทางเหนือในตอนนี้

ผมก็ต้องไปช่วยเธอเปิดร้านแน่นอน

เพราะรับรู้ความฝันเล็กๆนี้ของเธอมานานแล้ว

ผมเคยเขียนถึงเธอในขวัญเรือน มาครั้งหนึ่ง เรื่อง "ความฝันเล็กๆในเมืองเล็กๆ"

ซึ่งตอนนี้เธอได้ตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่ เพื่อเปิดร้านกาแฟและโปสการ์ด

เธอได้ตามความฝันของเธอแล้วถ้าใครนึกอยากให้กำลังใจเธอหรืออยากชมฝันที่กลายเป็นจริงของเธอ ก็เชิญคลิกที่นี่ >>เชิญชิมกาแฟและชมตะกั่วป่าโปสการ์ด ของ "วีดวาด"


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:22:36:26 น.  

 
วี๊ดวิ้วๆๆพี่โดมอ่ะ มั่วเปล่า
แมวป่าอะไรกัน ลายนี้มันคุ้นๆนาเหมือนแมวบ้านชัดๆ
ขยายความมาด้วย ไม่งั้นค้างคา(ใจ)
ไปอยู่บ้านนักแปลคนหนึ่ง ใครหว่า คิดๆๆๆ
ปล----แล้วเจอกัน(แบบบังเอิญ)ในงานหนังสือนะคะพี่ คริคริ



โดย: ยิปซี IP: 58.8.123.198 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:14:00:58 น.  

 
สวัสดีจ้ะยิปซีฯ

ไม่มั่วแน่นอน
แมวป่า คือแมวอยู่ในป่า

เห็นไหม ใบไม้สีเขียวเต็มไปหมด

นักแปลคนไหนไม่บอกหรอก
นักแปลมีชื่อด้วย
เพราะเวลาแปลเธอก็ใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง



โดย: พ่อพเยีย IP: 202.149.25.225 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:18:22:42 น.  

 
สวัสดีตอนสี่ทุ่มยี่สิบสองนาที
สุดสัปดาห์ีที่แล้ว ไปเดินที่ร้าน B2S ในโรบินสัน(จันทบุรี)
พบควันไฟฯ ของคุณอยู่บนชั้นหนังสือด้วย แต่ตามหาโลกในเม็ดทรายยังไม่เจอค่ะ

หวังว่าคุณโดมจะสบายดี
สัปดาห์หน้า ปิดเทอมเสียทีค่ะ


โดย: บอนหวาน วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:22:26:20 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม

เริ่มต้นเช้าอย่างอึมครึมและเจ็บปวดสูญเสียครับ






โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:7:42:43 น.  

 
คิวเฝ้าบ้านทั่วราชอาณาจักร
ชอบคำนี้แฮะ


โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:8:55:15 น.  

 
อยู่ไหนละครับพี่โดม...
ออกจากเมืองพร้าวหรือยังเนี่ย...


โดย: pu_chiangdao IP: 118.175.184.138 วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:0:14:06 น.  

 


สวัสดีค่ะพี่โดม

ชอบประกาศ “รับเฝ้าบ้านฟรีทั่วราชอาณาจักร” น่ะค่ะ
แต่ก็ขำ ๆ กับเงื่อนไข..
ไม่ทราบว่าเงื่อนไขเยอะ
เพราะเป็นคนมีรายละเอียดชีวิตเยอะหรือเปล่าหนอ

อยากชมภาพชีวิตที่บ้านแม่ป๋ามและหุบเขาผาแดงเยอะ ๆ
ในมุมมองของพี่โดมนะคะ
จะได้อ่านในริมรั้วหัวใจหรือเปล่าหนอ
(ปกติก็ตามไปชมภาพสวย ๆ บ้านคุณภู เชียงดาวอยู่แล้วไงคะ)

เมืองพร้าวเป็นยังไงบ้างคะ
เมืองเล็ก สงบ ๆ เงียบ ๆ
ส่วนใหญ่อำเภอรอบนอก
บรรยากาศใกล้เคียงกัน
มีที่ฝางที่ดูคนพลุกพล่านมากกว่า
เพราะเป็นทางผ่านและค่อนข้างเจริญกว่าอำเภออื่น
แต่ก็เชื่อว่าพี่โดมจะเห็นความงาม ความสุขซ่อนซุกในทุกที่แน่


พี่สบายดีนะคะ






โดย: ภูเพยีย วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:9:50:13 น.  

 
การเขียนเรื่องจริง และเรื่องของตัวเอง ย่อมเป็นสิ่งที่น่าเขียนที่สุดมั้งนะคะ เพราะเป็นเรื่องที่เรารู้และประจักษ์ แจ้ง และอยากบอก ใครๆ

ตอนนี้ไม่อิจฉาคนมีสุขสุดๆ แบบอิสระอย่างพี่โดมแล้ว

เพราะเราก็มีฝันใหม่ ที่เป็นจริงเป็นของตัวเอง

มีสุขกับเคาว์เตอร์ชงกาแฟ เดินไปเดินมาได้ทั้งวันที่ร้านกาแฟตะกั่วป่าโปสการ์ด

ร้านกาแฟของฉัน..


โดย: วีดวาด วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:21:41:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.