จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
6 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
ด้วยรักและนับถือ...ทิวา สาระจูฑะ บรรณาธิการ นิตยสารสีสัน




ทุกครั้งที่ผมได้ยินเพลงของวิลลี่ เนลสัน ผมจะคิดถึงทิวา







ทิวา สาระจูฑะ





ผู้ที่ได้รับรางวัลบนเวที




พี่สุชาติ สวัสดิ์ศรี บก.ช่อการะเกด








คุณวันชัย บก. นิตยสาร สารคดี






คุณชุลิตา บรรณาธิการ พลอยแกมเพชร











คุณวงศ์ทนง แห่ง a day


-------------------------------



ด้วยรักและนับถือ…ทิวา สาระจูฑะ บรรณาธิการนิตยสารสีสัน



แต่ก่อนนี้ผมเคยชอบคุยกับใครต่อใครแบบแกล้งๆโอ่ว่า...“ผมน่ะรู้จักกับคนที่เคยเลี้ยงทิวามาก่อนที่จะได้รู้จักกับทิวาเสียอีก”

ขอย้อนหลังเมื่อราวๆปี 2522- 2523 ช่วงนั้นผมยังเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่กองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ตอนนั้นอยู่ปีสองแล้ว หลังจากฝึกเสร็จแล้ว 6 เดือนทหารทุกคนจะต้องเลื่อนชั้นจากกองร้อยฝึกขึ้นกองร้อยเก่า ผมได้อยู่กองร้อยลาดตระเวน

ผมเห็นมีห้องใต้ถุนกองร้อยว่างๆอยู่ห้องหนึ่งจึงเสนอผู้บังคับบัญชาว่า น่าจะทำห้องนี้ให้กลายเป็นห้องสมุด ผู้บังคับบัญชาบอกว่า “ความคิดมึงดี มึงทำสิ”

ผมไม่ขออะไรมากแต่ขอให้เพื่อนๆทหารที่พอมีฝีมือช่างอยู่บ้างช่วยต่อตู้ต่อโต๊ะและเก้าอี้ ส่วนเรื่องหาหนังสือเข้าห้องสมุดเป็นหน้าที่ของผมเอง ตอนนั้นผมเป็นแฟนประจำนิตยสารรายสัปดาห์ ฟ้าเมืองไทย ของอาจินต์ ปัญจพรรค์ซึ่งเป็นบรรณาธิผมเคารพนับถือในการทำงานอยู่ในเวลานั้น

ผมจึงใช้วิธีเขียนจดหมายถึงบรรณาธิการขอรับบริจาคหนังสือจากผู้อ่านนิตยสาร ฟ้าเมืองไทย เข้ากองร้อย (เหมือนกับที่ผมเขียนหนังสือรับบริจาคหนังสือเข้าโรงเรียนบ้านวาวีเปี๊ยบเลย แสดงว่าวิธีการแบบนี้ยังไม่เชย เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาดีเยี่ยม)

หลังจากจดหมายผมลงในหน้าบรรณาธิการตอบจดหมายได้สักระยะหนึ่ง หนังสือนานานาชนิดจากทั่วสารทิศก็เดินทางเข้าสู่กองร้อยลาดตระเวนเป็นทิวแถว จากห้องร้างๆใต้ถุนกองร้อยก็กลายเป็นห้องสมุดสำหรับไอ้เณรทั้งหลาย โดยที่มีผมทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่เข้าเวรยามด้วย

ในบรรดารายชื่อที่ส่งหนังสือเข้ามาให้ห้องสมุดกองร้อยลาดตระเวนนั้นมีอยู่ชื่อหนึ่งซึ่งผมยังจดจำได้ไม่เคยลืมมาจนถึงบัดนี้ เธอชื่อ ราตรี สาระจูฑะ ผมยังจำลายมือในจดหมายที่แนบมากับกล่องพัสดุ ผมเคยเขียนจดหมายคุยกันอยู่ระยะหนึ่ง

ผมรู้ว่าเธอต้องมีอายุแน่นอน เพราะวันที่และปี พ.ศ.ในจดหมายเธอจะเขียนเป็นเลขไทย ครั้งหนึ่งผมเคยแวะเวียนไปเยี่ยมเธอที่สิงห์บุรี จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าบ้านตั้งอยู่บนนถนนวิไลจิตต์ (และผมจำได้ว่ามีงานเขียนของท่านพุทธทาสภิกขุมาในกล่องของเธอด้วย)

วันหนึ่งผมได้อ่านพบชื่อทิวา สาระจูฑะในหนังสือพิมพ์สยามรัฐหรือที่ไหนสักแห่ง ผมจึงเขียนจดหมายไปถามคุณป้าราตรีว่า ใครกันที่ชื่อทิวา สาระจูทะ ซึ่งในตอนนั้นถ้าใครสนใจเรื่องเพลงหรือดนตรีก็จะต้องรู้จักชื่อนี้แล้ว แต่ผมบ้านนอกเข้ากรุงเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก และรับรู้จากคุณป้าราตรีว่าทิวาคือหลานชายคนโปรดของเธอ เพราะตัวเธอไม่ได้แต่งงานและเลี้ยงดูหลานชายคนนี้มา (ไม่รู้ว่าจะเป็นคนตั้งชื่อให้ด้วยหรือเปล่า - ผมไม่มั่นใจนัก)

ในเวลาต่อมาเมื่อผมเข้าทำงานที่นิตยสารหนุ่มสาว ของคุณปกรณ์ พงศ์วราภา ในฐานะกองบรรณาธิการจับฉ่าย คือทำทุกอย่างที่เจ้านายใช้ วันหนึ่งจึงมีโอกาสได้พบกับผู้ชายร่างเล็กผมยาว รวบไว้ข้างหลัง ตอนนั้นเขาเขียนวิจารณ์ดนตรีในนิตยสารหนุ่มสาวในนามปากกาว่า “คันธรส” ซึ่งเป็นชื่อของลูกสาวของเขา

ต่อมาทิวาก็เข้ามาเป็นบรรณาธิการหนุ่มสาวซึ่งผมก็ยังทำงานอยู่ที่นั่น พูดได้ว่าตอนที่ผมยังวนเวียนทำหนังสืออยุ่นั้นผมก็จะได้พบกับทิวาอยู่เป็นประจำ และในบางช่วงที่ผมไม่ได้ทำอะไรเป็นหลักแหล่งล่องลอย ผมได้อาศัยไปนอนบ้านในสวนแถวซอยโกบ๊อ ฝั่งธนฯ นั่งแท็กซี่ฟรี กินข้าวฟรี กินเหล้าฟรีอยู่เป็นประจำ

จนกระทั่งทิวาเริ่มต้นทำนิตยสารสีสัน ออฟฟิศครั้งแรกอยู่ทีตีนสะพานหัวช้าง ย่านราชเทวี เป็นห้องแคบๆที่แบ่งเช่าจากโรงพยาบาล หูตาคอจมูก งามพิศพัลลภ ผมมีโอกาสได้ทำงานที่นิตยสารสีสันในช่วงแรกเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

ด้วยความที่ผมไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องเพลง ,หนัง, ดนตรีและการวิจารณ์ต่างๆ จึงทำให้ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่เหมาะที่จะทำนิตยสารเล่มนี้ ผมตัดสินใจขอลาออกมาตามวิถีของตน

ในที่สุดผมก็เดินออกจาถนนคนทำหนังสืออย่างถาวร แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีโอกาสได้พบปะกับทิวาตามร้านเหล้าหรือตามงานต่างๆอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าห่างหายกันไปนาน แต่ถึงกระนั้นในใจผมก็นับว่าทิวาก็เป็นคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนและพี่ชายที่ผมรักและนับถือเสมอมา

เขาทำให้ผมได้รู้จักนักร้องต่างประเทศเหล่านี้ เช่น วิลลี่ เนลสัน , บรู๊ซ สปริงทีน,ครอสบี้ สติลส์ แนช แอนด์ ยัง ,ดอลลี่ พาร์ตัน ,อีเกิ้ล, ลินดา รอนสตั๊ด ทำให้ผมรู้จักความหมายเนื้อหาของบางเพลง ทำให้ผมฟังเพลงDesperado ได้ไพเราะขึ้นกว่าเดิม ฯลฯ

ทำให้ผมรู้จักชาย เมืองสิงห์และศรคีรี ศรีประจวบ ,พุ่มพวง ดวงจันทร์ และไพบูลย์ บุตรขัน ได้ลึกซึ้งขึ้น เขาทำให้ผมได้รู้จักกับไอ้ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา ได้รู้จักนักเขียนและนักวิจารณ์หลายต่อหลายคนที่แวะเวียนมาในวงเหล้าในยุคนั้น

เขาทำให้ผมได้รู้จักประวิทย์ แต่งอักษร รู้จักสิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์ และนักวิจารณ์คุณภาพมากมายที่แวะเวียนมา ถึงแม้ผมจะรู้จักทิวลิปมาในสตาร์พิคส์ตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เมื่ออยู่ในแวดวงของทิวาก็ทำให้ผมได้รู้จักและได้สนทนากับ “พี่แดง” กิตติศักดิ์ สุวรณโภคิณ ตัวจริงด้วย

พูดง่ายๆว่าในวัยหนุ่มของผมก็ชอบที่จะมีโอกาสได้พบปะกับคนมีชื่อเสียงในด้านศิลปะและบันเทิง

เมื่อสัปดาห์ก่อนวันที่ 28 มีนาที่ผ่านมา ผมนั่งร้านโอลด์เล้ง พบกับทิวา เราทักทายและสนทนากันไม่มากนัก

คำถามที่ทิวาถามว่า “โดม เลิกบุหรี่แล้วหรือ” นั่นแสดงถึงว่าเราไม่ค่อยได้พบกันและขาดการติดต่อกัน แต่ทุกเดือนผมก็จะพบความเคลื่อนไหวของทิวาอย่างสม่ำเสมอในนิตยสารสีสัน เพราะผมเป็นสมาชิกประจำ และตั้งใจว่าจะเป็นสมาชิกตลอดชีพ เพราะผมก็อ่านได้ลูกสาวผมก็อ่านได้

พบกันในร้านโอลด์เล้งคืนนั้น เพื่อนฝูงนินทาทิวากันว่าที่โอลด์เล้งก็เหมือนออฟฟิศแห่งที่สองของทิวานั่นแหละ หากไปหาที่ออฟฟิศอาจไม่เจอบ้างแต่ถ้าไม่อยากพลาดก็มารอที่ร้านโอลด์เล้ง ย่านอาร์ ซี เอ สถานที่แห่งหนึ่งที่ทิวาไปไม่น้อยกว่าออฟฟิศ

ผมดื่มกาแฟ แต่คืนนั้นผมไม่ได้สังเกตว่าทิวากำลังดื่มอะไรอยู่ แต่ผู้ร่วมวงดื่มเหล้าหรือเบียร์ไม่แน่ใจ บนโต๊ะมีลังกระดาษใบหนึ่งมีของเก่าเก็บซึ่งมีคนบอกว่าคุณป้าราตรีฝากมาให้ ทิวากำลังรื้อสิ่งของออกจากล่องกระดาษนั้น ดู มีพระพุทธรูปทองเหลือง มีพานทองเหลือง มีของเก่าเล็กๆน้อยๆกระจุกกระจิก เมื่องมองเห็นก็เห็นถึงอายุของๆชิ้นนั้นที่ล่วงเวลามาเนิ่นนาน

ทิวาหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นดุอย่างพิจารณาด้วยสายตามีความสุข ผมไม่รู้ว่าทิวาคิดอะไรบ้างขณะที่เขาหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ

แต่ผมนึกถึงคุณป้าราตรี ผู้มีน้ำใจคนนั้น ถามผ่านทิวาว่าสุขภาพคุณป้าเป็นอย่างไรบ้าง ทิวาบอกว่ายังแข็งแรง สติสตังค์ยังคงครบสมบูรณ์ แต่ก็อาจเชื่องช้าลง ผมว่าวันนี้คุณป้าราตรีน่าจะอายุ 80 กว่าแล้ว

ผมรู้ข่าวมาว่าทิวาได้รับรางวัลบรรณาธิการดีเด่นรางวัล คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง จากสมาคมภาษาและหนังสือ พร้อมกับพี่สุชาติ สวัสดิ์ศรี และใครต่อใครรวมแล้ว 5 คน ผมถามทิวาว่าเขาจะมอบรางวัลกันเมื่อไร ที่ไหน

ทิวาบอกว่าบ่ายโมงพรุ่งนี้ (วันที่ 29 มีนา) ที่หอศิลป์กทม. ผมบอกกับตัวเองว่าผมจะไปแสดงความยินดีกับทิวา ในฐานะที่ทิวาได้รับรางวัลบรรณาธิการดีเด่น เพราะผมก็เคยเห็นวิธีการทำงานของเขาและรู้สึกชื่นชมในเรื่องนี้ของเขาเสมอมา

ผมเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ที่ยังไม่เคยเป็นหนังสือมาก่อน เคยได้ถอดเทปสัมภาษณ์ พิสูจน์อักษรปะอาร์ตเวิร์คกันมาตั้งแต่เล่มแรก นอกจากทิวาแล้วยังมีพี่สุชาติ สวัสดิ์ศรี บรรณาธิการที่ผมนับถืออีกคนหนึ่ง

ผมพบกับทิวาที่หอศิลป์ กทม.โดยไม่ได้นัดหมายกัน เขามาเพียงคนเดียว ระหว่างทีนั่งรอรับรางวัลด้วยกัน ผมเห็นเขานั่งหลับตา แต่รู้ว่าไม่ได้หลับจริง เราคุยกันเล็กน้อย ผมรู้สึกว่าเขาไม่สดชื่นเท่าที่ควร เขาบอกเมื่อคืนดึกมากถึงตีสาม

ผมถามว่า “สีสันอายุเท่าไรแล้วนะ”
“20 ปี แล้ว"
“โอ้โฮ ไม่น่าเชื่อเลยนะ นี่อายุครึ่งของขวัญเรือนแล้วนะนี่”



ตั้งแต่มีงานสีสันอะวอร์ดจัดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ผมยังไม่เคยไปร่วมงานนี้เลยสักครั้ง ใจผมอยากจะได้เข้าไปอยู่ในบรรยากาศนั้นบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำให้เป็นจริงสักครั้ง และครั้งล่าสุดก็เพิ่งผ่านไปเมื่อเร็วๆนี้ผมก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง

"ปีต่อไปถ้าผมไม่ลืม ผมคิดว่าผมอยากจะขอไปร่วมงานนี้สักครั้ง" ผมบอกทิวาไปอย่างนี้

ทิวาขึ้นไปรับรางวัลเสร็จ กล่าวสุนทรพจน์สั้นกว่าใครๆ เมื่อลงมาแล้วก็ขอตัวไปเข้าออฟฟิศ เพราะมีงานที่ต้องทำรออยู่

ช่วงที่เขาปิดเปลือกตานั่งนิ่งๆ ผมรู้ว่าว่าเขาไม่ได้หลับจริงหรอก เพียงแต่เขาอยากพักผ่อนสักเล็กน้อย ผมแอบสังเกตมองเขา ในใจผมไม่อยากบอกอะไรเขามาก เพราะเชื่อว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่รู้จักตัวเองดีอยู่แล้ว และอีกอย่างคำนี้ใครก็พูดกันจนเรียกว่า(คลิเช) – เชยไปแล้ว แต่ผมถือว่าถ้าหากจะเชยก็ขอเชย เพราะเป็นคำพูดที่ออกมาจากหัวใจของผมก็คือ

“ทิวา...ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ด้วยรักและนับถือ จาก โดม”


---------------------------------------------------










- - เ ติ ม ห นั ง สื อ ใ ห้ เ ต็ ม ชั้ น... เ ติ ม ฝั น ใ ห้ ว า วี - -

ช่วยกันคนละไม้คนละมือ หว่านเมล็ดฝันทางความคิด ให้สวนอักษรบานสะพรั่งทั้งวาวี

ด้วยการส่งหนังสือ, นิตยสาร เก่าหรือใหม่ ไปเติมชั้นในห้องสมุดของโรงเรียน กรุณาจัดใส่กล่องพัสดุแล้วจ่าหน้าซองถึง...

คุณครูบุญทม วันสูง
ห้องสมุดโรงเรียนบ้านวาวี
โรงเรียนบ้านวาวี ตำบลวาวี
อำเภอแม่สรวย
จังหวัดเชียงราย (57180)
โทร. 053 – 760147


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บล็อกโดม วุฒิชัย









Create Date : 06 เมษายน 2552
Last Update : 7 เมษายน 2552 18:23:27 น. 21 comments
Counter : 5054 Pageviews.

 
สวัสดีครับ นี่ก็อีกงานหนึ่งเพิ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ (5 เมษายน 2552)

มีการประกาศรางวัลและแจกรางวัลให้กับนักเขียนเรียบร้อยไปแล้ว ก้เลยเอารูปมาฝากครับ




คณะกรรมการตัดสินประกอบด้วย นางชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยและกรรมการและเลขานุการมูลนิธิสุภาว์ เทวกุล ฯ นายขจรฤทธิ์ รักษา และนายจิตติ หนูสุข กรรมการสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย

ได้ประชุมพิจารณาแล้วมีนวนิยายเข้ารอบสุดท้าย ๓ เรื่อง คือมรสุม ของ “ฉมังฉาย” รอยเงา ของปลายแปรง เสียงเพรียก นิธิ นิธิวีรกุล คณะกรรมการพิจารณาแล้ว ตัดสินให้นวนิยายเรื่อง มรสุม ของ “ฉมังฉาย” ได้รับรางวัลสุภาว์ เทวกุลฯ ประจำปี ๒๕๕๑ โดยได้รับรางวัลเงินสด ๓๐,๐๐๐.- บาท พร้อมโล่รางวัล

จากนั้น สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ จะจัดพิมพ์รวมเล่มเป็นครั้งแรก โดยจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์จำนวน ๑๐ % ของราคาหน้าปกคูณด้วยจำนวนพิมพ์ให้ผู้เขียน

นอกจากนี้ คณะกรรมการตัดสินยังเห็นสมควรให้นวนิยายเรื่อง รอยเงา ของปลายแปรง ได้รับรางวัลชมเชย เป็นกรณีพิเศษ โดยได้รับเงินรางวัล ๑๐,๐๐๐.-บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ









ฉมังฉายคนไหนทายกันเอาเองนะครับ












ปลายแปรงคนไหนและใครเป็นใครทายกันเอาเองนะครับ




ขอแสดงความยินดีกับนักเขียนสองท่าน
ฉมัยฉายคนใต้ไปอยู่เหนือ
ปลายแปรงคนเหนือมาอยู่ใต้



รูปที่ถ่ายออกมาก็ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่เห็นว่าปลายแปรงมีช่างภาพประจำตัวคอยถ่ายให้อยู่แล้ว

ที่ต้องตัดส่วนออกบ้าง เพราะมีคนบังอยู่

เลยออกมาไม่สวยงามเท่าที่ควร
แต่อยากแสดงออกและอยากบอกว่ายินดีด้วย

สำหรับการเริ่มต้นการเขียนนิยายของทั้งสองคน
นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามทีเดียว



โดย: พ่อพเยีย วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:14:26:49 น.  

 
สวัสดีค่ะพ่อพเยีย

เฮ้อ...เหนื่อยมากค่ะ

วันนี้ที่ตั้งใจว่าจะแวะไปแสดงความยินดีกับฉมังฉายและปลายแปรงในงานรับรางวัลตอนเช้า เป็นอันไปไม่ได้เพราะทั้งลูกทั้งหลานไม่มีคนดูแล

กว่าจะพร้อมไปงานหนังสือได้ก็โน่นอ่ะค่ะ อย่างที่พ่อพเยียเห็น เลยเที่ยงไปแล้ว

โชคดีที่พ่อพเยีย, คุณชัยกร หาญไฟฟ้า และคุณลมบก อยู่เกินเวลากันมาหน่อย จึงทำให้ความตั้งใจของหนูแป้งเธอไม่เสียเปล่าอ่ะค่ะ

เธอเก็บหนังสือที่มีลายเซ็นของนักเขียนไว้สองเล่ม คือ เดินทางข้างใน และก็ บันทึกลักนักสืบน้อย ส่วนอีกเล่มคือ เจแปนสเปคตีบ ของ ลมบก หนูแป้งยกให้พี่เจไปอ่าน บอกว่าเป็นของฝากเพราะเห็นว่าอยากไปญี่ปุ่น

วันนี้ไม่ได้หนังสือของตัวเองเลยค่ะ เดินได้ไม่กี่บูธ เพราะเด็ก ๆ แวะแต่ละแห่งนานทีเดียว คนเยอะด้วยค่ะ

นึกว่าจะไม่ได้เจอะฉมังฉายซะแล้วเพราะหมดแรงกะหลานจอมซน จนใกล้จะกลับจึงได้โทรศัพท์คุยกัน ฉมังฉายขอให้แวะไปพบครู่เดียวก็ยังดี ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ก็เลยพาทั้งลูกทั้งหลานไปทักทายฉมังฉาย พี่วัธนา อุเทน จักษณ์

เจอะฉมังฉายก็ดีใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะไม่ได้พบกันนานมากแล้ว คุยกันได้นิดหน่อยค่ะ เพราะต้องรีบพาหลานไปว่ายน้ำต่อ

ก่อนกลับแก้มหอมและรุ่งฤทธิ์แวะมาสมทบ ได้คุยกันคำสองคำ น่าเสียดายค่ะ ถ้าไปลำพังก็คงได้มีโอกาสโอภาปราศรัยกะกลุ่มนักเขียนหนุ่มมากกว่านี้

แต่ก็ดีใจที่เห็นฉมังฉายมีความสุขในวันนี้ ความมุ่งมั่นและตั้งใจสร้างงานขียนของเขาประสบผลสำเร็จอีกเรื่องหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาเขาต้องใช้ความอดทนมากทีเดียวในการเดินบนเส้นทางถนนสายนักเขียน...ยินดีกับเขาและเห็นว่านี่ไม่ใช่ปลายทาง เป็นแต่เพียงจุดเริ่มต้นที่ดีเท่านั้น และหวังว่าเขาคงจะมีกำลังใจสร้างผลงานที่ดีเยี่ยมต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ

วันนี้ก็ดีค่ะ คือหลายสิ่งอย่างเป็นไปตามความตั้งใจ พร่องไปบ้างก็ไม่เป็นไร

พ่อพเยียเห็นหนอนฯ และครอบครัววันนี้คงเข้าใจแล้วนะคะว่าที่บ่นโน่นบ่นนี่เรื่องภาระต่าง ๆ นั้น
มันเป็นยังไง มันก็เป็นภาพอย่างที่เห็นวันนี้อ่ะค่ะ น่าปวดหัวมั้ยล่ะ

แวะมาทักทายเท่านี้ก่อนค่ะ
ยังไม่หายปวดหัวเลย


โดย: ขอยกคอมเม้นท์ของคุณหนอนมาไว้ที่นี่ (พ่อพเยีย ) วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:14:37:33 น.  

 
ตอนนี้โดนยึดล็อกอิน และปิดบล็อก

และที่โพสตะกี้ก็ไม่ผ่านเซนเซอร์ค่ะ...

เขาบอกให้รอ เจ้าของบล็อกผ่านให้

พี่โดม ลองเข้าไปดูหน่อยแล้วกันค่ะ...ขอบคุณค่ะ


โดย: ทากชมพู IP: 115.67.92.135 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:15:06:26 น.  

 
สวัสดีครับทากชมพู

เข้าไปดูข้อความที่รอ ban แล้ว
ได้อ่านแล้ว ไม่มีอะไรนี่

กำลังสนุกกับการเขียนบล็อกอยู่เลยใช่ไหม ?

แต่คิดว่า เดี๋ยวทางทีมงานก็คงคืนอมยิ้มให้หรอก

คนเขียนบล็อกสนุกและมีสาระอย่างทากชมพู อยากให้เขียนอยู่ที่บล็อกแก๊งแห่งนี้

ใจเย็นนิดนึงนะ อย่าเพิ่งเปลี่ยนไปเขียนบล็อกที่อื่นล่ะ

เสียดาย...

พ่อพเยียก็ไม่รู้อะไรแบบนี้เหมือนกัน มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า ?


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:15:21:22 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:16:02:38 น.  

 
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องคุณทิวา รู้จักชื่อและรู้ว่าเขียนเกี่ยวกับเพลงแต่ไม่รู้รายละเอียด เพียงแต่จำได้แว่บๆว่าเป็นหนุ่มผมยาว จะเล่าว่าซื้อหนังสือที่คุณทิวาเขียนก้อจำชื่อไม่ได้ซะอีก (เดี๋ยวจะไปกินใบแปะก้วยซะหน่อย )
ปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่ได้ไปงานหนังสือ
เสียดายจังเลย ไม่เป็นไรค่อยซื้อค่อยหาในร้านก้อได้ เพียงแต่ไม่ได้บรรยากาศเท่านั้นแหละ
วันนี้ฝนตกหนักและแรงมาก
นั่งอยู่ที่ทำงาน ก่อนฝนลงลมแรงมาก ดอกชัยพฤกษ์ร่วงเต็มสนามและทางเดินขึ้นอาคาร แว่บนึงนึกถึงว่าถ้าคุณเห็นคงเขียนให้อ่านได้อย่างเห็นภาพและสวยงาม
ขอบคุณ..ที่มีคนเขียนหนังสือเก่งๆที่ทำให้ได้อรรถรสในการอ่าน


โดย: รอนร้าว IP: 124.120.71.3 วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:0:18:41 น.  

 
สวัสดีพี่โดม
ไม่ได้แสดงข้อความบนหน้าบล็อกซะนาน
(ห่างไกลไม่ห่างกัน)
แต่ยังด้อมๆมองๆอยู่เสมอ พยามลุ้นอยู่ว่า่ปลายแปรงจะแต่งชุดยังไงมางาน แหมแทบจำกันไม่ได้เลย ก่อนนี้แนะนำให้มีผ้าพันคอไปด้วย (นักเขียนต้องมีผ้าพันคอ?)
ผมก็ชื่นชมคุณทิวาเช่นกัน
ฝนฟ้าตกทุกวันขึ้นดอยระวังลื่นล่ะครับ


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:0:53:17 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม


ผู้ทีไ่ด้รับรางวัลบนเวที
ต้องถือว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงด้านนิตยสารจริงๆครับ

บทบรราณาธิการของน้าทิวา คม เฉียบเสมอ

เพียงแต่หลังๆผมไม่ได้ตามอ่านสีสันทุกฉบับเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

แต่ a day ยังอ่านทุกเล่มอยู่
แม้จะเปลี่ยนบก.มาตลอดก็ตามครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:8:49:45 น.  

 
สวัสดีครับคุณรอนร้าว

โชคดีนะครับ !
ที่ผมไม่ตั้งความคาดหวังว่าจะได้พบคุณที่งานสัปดาห์หนังสือ หน้าร้านบู้ธนายอินทร์

ถ้าผมตั้งความหวังไว้...
ผมต้องผิดหวังแน่ เพราะคุณไม่มา


วันนี้ฝนตกหนักและแรงมากวันนี้ฝนตกหนักและแรงมาก
นั่งอยู่ที่ทำงาน ก่อนฝนลงลมแรงมาก ดอกชัยพฤกษ์ร่วงเต็มสนามและทางเดินขึ้นอาคาร แว่บนึงนึกถึงว่าถ้าคุณเห็นคงเขียนให้อ่านได้อย่างเห็นภาพและสวยงาม
ขอบคุณ..ที่มีคนเขียนหนังสือเก่งๆที่ทำให้ได้อรรถรสในการอ่าน



แต่พอได้อ่านถ้อยคำข้างบนที่คุณเขียนข้างบนนี้ ตายไปเลยครับท่าน....

งั้นไม่ต้องไปพบกันที่งานหนังสือก็ได้ครับ พบกันตรงบล็อกนี้ก็พอ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:11:07:25 น.  

 
เมื่อสองวันที่แล้วผมกำลังคิดว่าจะหยุดเขียนหมื่นตาครับพี่โดม
เพราะรู้สึกว่าเริ่มเบื่อครับ

การเขียนหมื่นตาใช้พลังงานของผมเยอะมาก
ทั้งคิด และเขียน

ข้อมูลทั้งหมดมาจากหนังสือที่ผมอ่านมาตลอดชีวิตเป็นหมื่นๆเล่ม
การพูดคุย การฟัง และการดูหนังเป็นพันๆเรื่อง

เขียนไปเขียนมาเริ่มรู้สึกไม่สนุก

พอทำหมื่นตาตอนสุดท้ายเสร็จ
ไฟตกพรึ่บ

หมื่นตาตอนนี้หายวับ....


ผมเลยมานั่งคิดต่อว่า

หรือว่าหมื่นตายังอยากแสดงต่อ ยังไม่อยากหยุด 5555


ผมเลยได้รู้ว่า
หมื่นตาไม่มีใครบังคับให้ผมเขียนเลย
ผมเขียนด้วยความสนุกของผมเอง
แล้ววันหนึ่งทำไมผมถึงไม่สนุกที่จะเขียนมัน

ตอนนี้เลยคิดว่าจะกลับมาเขียนให้สนุกต่อแล้วล่ะครับ




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:11:37:08 น.  

 
แง้วววว

เมื่อวานโพสไปแล้ว หายไปไหนหว่า

ไม่มีอะไรค่ะ
แค่มารายงานว่ากลับถึงบ้านที่ 'สารคามแล้ว การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ครั้งนี้ทำให้ตัวเองรู้สึกทันทีว่า "คิดถูกแล้ว" ที่กลับไปอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้

ขอบคุณกำลังใจจากพี่โดมที่มีให้น้องคนนี้เสมอมา (ยิ่งเห็นพี่รีบเก็บหนังสือปูใส่เป้ ยิ่งปลื้ม 555)



โดย: สายลมอิสระ วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:14:41:03 น.  

 
แหมถูกใจคุณ ตาพรานบุญจังเลย
ที่บอกว่านักเขียนต้องมีผ้าพันคอ
(แอบยิ้มหน่อย ) เพราะวันก่อนไปฟังเขาอ่านกวีกัน เราใส่ยีนกะเสื้อยืดไป ท่านนักเขียนใส่ผ้าไทยมีผ้าพันคอกัน (เลยออกอาการเขินนิดหน่อยเพราะตัวเองแต่งตัวตามสบายไปนิด )
อ้าว ! ซะงั้นคุณโดม คิดจริงๆว่าถ้าคุณเห็นคุณจะบรรยายให้คนที่ไม่ได้เห็น เกิดอาการอยากตามไปดูขึ้นมาทันที รู้จักคุณก้อเพราะอ่านในขวัญเรือนนี่แหละ (ปกติไม่ได้อ่านทุกเล่ม ) อ่านปุ๊บรู้เลยว่าจะตามซื้อหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ้าว !ไม่ต้องเขิน....
ถ้าบังเอิญเดินสวนกันจะยิ้มให้นะคะ เพราะเห็นรูปคุณจนคิดว่ารู้จักแล้ว ใครยิ้มให้ก้อยิ้มตอบไปเลย
( ดังแล้วคับ )


โดย: รอนร้าว IP: 124.120.74.175 วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:18:17:50 น.  

 
อ่านเพลินและรู้สึกดีจัง
น่าจะเป็นริมรั้วหัวใจได้ตอนหนึ่งนะคะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:20:34:50 น.  

 
สวัสดีครับ

ดึกมากแล้ว...

เพิ่งขึ้นมาจากดูหนังเรื่อง Magnolia (ดอกแม็กโนเลีย)

ซื้อหนังเรื่องนี้มาเพราะชื่อเป็นดอกไม้ อยากจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร

หนังดำเนินรวดเร็ว
มีเนื้อหาค่อนข้างประหลาด
มีเพลงประกอบเกือบตอลดเวลา
และมีไดอะล็อกมากมาย

นับว่าเป็นหนังแปลกๆเรื่องหนึ่ง นับตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องจนกระทั่งจบ
นักแสดงแต่ละคนที่รับบทแสดงได้ไม่มีที่ติ

แต่ถึงกระนั้นก็ยากที่จะบอกใครๆว่าหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร

หนังยาวพอสมควร ผมนอนดูบนโซฟาหลับๆตื่นๆ พอหนังจบก็หายง่วง

แต่บอกตัวเองว่า หนังเรื่องนี้น่าจะเปิดดูอีกสักครั้ง เพราะมีหลายอย่างน่าสนใจทีเดียว

ผมไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้เคยเข้าโรงใหญ่มาก่อนหรือเปล่า


โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.22.115 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:0:40:46 น.  

 
สวัสดีครับคุณรอนร้าว

ใครยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบทั้งนั้นแหละ ครับ !

บางทีเขาไม่ยิ้มให้ แต่หากมีเหตุให้ยิ้ม ผมก็ยิ้มก่อนได้ ไม่รู้สึกเสียฟอร์ม

เห็นรูปในบล็อกกับรูปตัวจริงระวังนะครับ !

เห็นชาวบล็อกว่ากันว่า คนชอบเอารูปที่ดีที่สุด หรือไม่ก็ทำให้ดีที่สุดมาลงบล้อก พอเห็นตัวจริงไม่เหมือนที่เห็นในบล็อกเลย

บางคนก็ดูผมกว่าตัวจริง
บางคนก็ขาวกว่าตัวจริง
บางคนก็ดูหนุ่มสาวกว่าตัวจริง

บางคนก็หล่อกว่าตัวจริง
บางคนก็สวยกว่าตัวจริง
ฯลฯ

สวัสดีจ้ะยิปซีฯ

แหม...บอกช้าไป เขียนลงบล็อกไปแล้วนี่...ไม่เป็นไรหรอก
ริมรั้วหัวใจตอนใหม่มีเรียบร้อยแล้วจ้า !

ขอบคุณในคำชม


โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.22.115 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:0:50:17 น.  

 
เพิ่มคำที่ตกหล่น

บางคนก็ดูผมดกกว่าตัวจริง



โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.22.115 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:0:56:53 น.  

 
สวัสดียามดึกค่ะ

แปลกใจว่าคืนนี้ทำไมนอนดึก
เพิ่งรู้ว่าดูหนังแล้วตาสว่าง

ขอบคุณที่แวะไปแปะรูปจอมซนทั้งหลายที่บ้านหนอนฯ ให้ดูกันเล่น ๆ ค่ะ

ในวันนั้น
หนูแป้งว่าลุงโดมไม่เห็นอ้วนขึ้นอย่างที่แม่บอกเลย ยังเหมือนเดิมเหมือนที่เคยเจอที่บ้านเมืองนนท์ ( เป็นการชมแบบอ้อม ๆ ล่ะมัง)


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:1:48:02 น.  

 
สวัสดีครับ คุณโดม เข้ามาทักทายตามประสาคนพเนจรร่อนเร่ไปบนโลกไซเบอร์ครับ ผมจะส่งเนื้อความ และรูปภาพที่ลงในคอลัมน์ "นิสัย-หนังสือ" จากนิตยสารอ่านเอาเรื่องไปให้ทาง e-mail นะครับ ยินดีเสมอครับ

จะเข้ามาทักทายเป็นระยะนะครับ
^___^


โดย: HyPeR MonKeY วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:16:47:25 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่โดม
----------------------------------


ขอบคุณที่ถ่ายภาพ "นักเขียนหญิง" แห่งปลายวาให้ชม
ด้วยความคาดหวังอยากเห็นหน้า (ตา-จมูก-ผม-และผ้าถุง หุ หุ) มานานนักแล

สมใจซะ อะคึ่ ๆ


ขอบคุณพี่โดมและคิดถึงสม่ำเสมอค่ะ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 9 เมษายน 2552 เวลา:19:34:28 น.  

 
อ่านทิวา แล้วคิดถึงติ๊ก เสกสรรค์
ฤทธิวงศ์จังเลย อหังการแมวโคราช


โดย: แดง สิงห์ป่าซุง ตราด IP: 202.149.24.161 วันที่: 25 เมษายน 2552 เวลา:21:59:03 น.  

 
ติดตามงานของคุณทิวาเช่นกัน ระยะหลังซื้อ "สีสัน" บ้างไม่ซื้อบ้าง เพราะภาระการงาน แต่ยังนับถือเสมอเหมือนเคย


โดย: yuttipung IP: 125.24.149.33 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:9:47:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.