จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
พิบูลศักดิ์ ในตะกั่วป่า และ ห้องหนังสือของคนโง่






ในร้านเลิศโอชาตลาดสดบขส.





กับ ภูมิชาย




กับ"วีดวาด"ที่ร้านตะกั่วป่าโปสการ์ด







กับกลุ่มนักเขียนหนุ่มจากภูเก็ต




ดอกดาหลาสีชมพู







เจ้าของร้าน ณ ตะกั่วป่าในตลาดเก่า






อาแปะเจ้าของร้านกาแฟในตลาดเก่า รับบทเสิร์ฟในหนังเรื่อง wonderful town







พี่ปอนมาถึงตะกั่วป่าตั้งแต่ตอนใกล้เที่ยงของวันที่ 27 เมษาที่ผ่านมา ทุกอย่างเป็นไปอย่างดีเกินคาด ผมรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจที่เห็นพี่ปอนเข้ากับครอบครัวของภรรยาผมได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวน้องสาวพี่ชายน้องชายและแม่ ประสบการณ์การเดินทางของพี่ปอนมาชั่วชีวิตคือ รู้ว่าจะวางตัวไว้ที่ไหน อย่างไร เป็นอิสระต่อตัวเองและเป็นอิสระต่อผู้อื่น

พี่ปอนยังคงเป็นหนุ่มสองพันปีไม่มีวันแก่ เมื่อยี่สิบกว่าปีเป็นอย่างไรก็แทบจะไม่แปรเปลี่ยน หมายถึงความเป็นเจ้าชายโรแมนติคไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือจัดตั้งอย่างแน่นอน เพราะถึงวันนี้พี่ปอนยังคงมีอารมณ์โรแมนติคคงเส้นคงวา ไม่แปรเปลี่ยนไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ

ระหว่างที่อยู่ที่นี่พี่ปอนเขียนรูปอย่างมีความสุข เขียนทุกอย่างที่อยากจะเขียน รวมไปถึงนั่งลงเขียนต้นฉบับได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อันดับแรกคือหมายถึงเสร็จตามกำหนดวันเวลาที่กำหนดไว้) การเขียนรูปดูเหมือนกิจกรรมเล็กๆ ใช้มือ ใช้ตา ใช้ใจ แต่กลับสร้างความสุขเให้แก่ผู้เขียนและผู้ที่ถูกเขียน และยังแผ่กระจายไปถึงผู้ที่แอบมามุงดู ทุกสายตามองไปที่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมีความสุข

เมื่อวานนี้ผมจึงตกลงกับพี่ปอนว่า เราต่างเป็นอิสระซึ่งกันและกัน คือผมไม่ต้องคอยติดตามไปไหนมาไหน ใครอยากทำอะไรก็ทำ ใครอยากกลับเมื่อไรก็กลับ เพราะพี่ปอนก็รู้จักคนเพิ่มขึ้นและสามารถไปไหนต่อไหนในตะกั่วป่าได้ด้วยตัวเองแล้ว พี่ปอนสามารถที่จะนอนที่บ้านที่ตลาดใหม่หรือไปนอนบ้านของน้องชายภรรยาผมที่ตลาดเก่าก็ได้ ทุกสถานที่ยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจ

เวลาที่ผมมองเห็นพี่ปอนเขียนรูปขณะที่อยู่ในตะกั่วป่าครั้งนี้ ทำให้ผมนึกถึงถ้อยคำสุภาษิตจีนที่ว่า...”วันอันแจ่มใส ไม่ใช่อากาศ แต่อยู่ที่คน อายุไม่ใช่อยู่ที่ตัวเลข แต่อยู่ที่พลังชีวิต”

(ส่วนผมกำลังตัดสินใจว่าจะไปกันตัง จังหวัดตรังในวันที่ 3 มะรืนนี้ดีหรือไม่ ส่วนหนึ่งคืองานแต่งงานหลานสาวภรรยาซึ่งผมก็เห็นเธอเติบโตคู่มากลับวีดวาด ซี่งตอนนี้เธอกำลังจะหนีชีวิตโสดไปแล้ว เหลือให้วีดวาดเป็นโสดอยู่เพียงลำพัง)

---------------------------------------------


ตอนนี้ผมยังอยู่ที่ตะกั่วป่า
เห็นบรรยากาศที่ตลาดเก่าออกเป็นจีนๆ
ก็ให้รู้สึกคิดถึงพี่เรืองรอง รุ่งรัศมี
เพราะช่วงหนึ่งเขาไปพักอยู่ที่ห้องติดกันที่ดอยวาวีเป็นเวลานานนับเดือน

ผมจึงขอยกเอาเรื่องที่ผมเคยเขียนถึงพี่เรืองรองมาให้อ่านกัน
เรื่องนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือนแล้ว

ใครอ่านแล้วก็ผ่านไปได้เลยครับ !





ภาพวาดของเรืองรอง รุ่งรัศมี














ต้นชา 200 ปี ที่วาวี




ภาพ โดย เรืองรอง รุ่งรัศมี




บนถนนนักเขียนมีนักเขียนทั้งเก่าและใหม่ไปมาหาสู่กันไม่ขาดสาย แม้ถนนสายนี้จะไม่กว้างขวางนักแต่ก็มีเสน่ห์ชวนติดยึดอยู่ไม่น้อย มีผู้คนหลากหลายเดินทางมาพบกันที่นี่ มิตรภาพของใครหลายคนเกิดจากการพบปะกันในงานสังสรรค์วรรณกรรม

ท่ามกลางบทสนทนาและรสสุราเมรัยซึ่งแทบจะกลายเป็นจารีตประเพณีไปแล้ว บ้างคบเป็นพี่เป็นน้อง บ้างคบเป็นมิตรสหายยืนยง และคงมีบ้างที่กลายเป็นศัตรูไม่ชอบหน้ากัน

สำหรับ “เรืองรอง รุ่งรัศมี” ผมจำไม่ได้ว่าผมพบเขาครั้งแรกที่ไหนและตั้งแต่เมื่อไร พอรู้ตัวอีกทีงานแปลของเขาได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของผมเสียแล้ว...

“ย่ำไปใต้แสงจันทร์ฉาย” เป็นหนังสือเล็กๆเล่มหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจเมื่อผมได้อ่าน “เดียวดายใต้เงาจันทร์”* และพูดได้ว่าถ้าไม่มีบุคคลทั้งสองคือ “โกวเล้ง” และ “เรืองรอง รุ่งรัศมี” ก็ไม่มีวันที่จะมีหนังสือเล่มนี้ได้ ถึงแม้ไม่อาจเทียบกับ “เดียวดายใต้เงาจันทร์” ซึ่งเป็นงานต้นแบบ แต่ก็นับว่าเป็นประสบการณ์พิเศษในชีวิตการเขียนหนังสือของผม

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมื่อผมเห็นงานแปล บทกวี หรืองานร้อยแก้วของเขาที่ไหนผมจะต้องติดตามอ่านอยู่เสมอ จนซึมซับและรับรู้ความงามของถ้อยคำกวีผ่านผลงานเขียนของเขา เราคบหากันในฐานะพี่น้องญาติน้ำหมึก มีระยะใกล้ระยะห่างพอเหมาะพอควร

นามปากกา “เรืองรอง รุ่งรัศมี” เริ่มปรากฏครั้งแรกในนิตยสาร “หนุ่มสาว” ยุคหลัง 6 ตุลาคม 2519 และจากนั้นเขามีงานเขียนและงานแปลออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นสมาชิกกลุ่มวรรณศิลป์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ยุค 14 ตุลาคม 2516 เคยเข้าร่วมกิจกรรมทางปัญญาเรื่องการบ้านการเมืองในยุคนั้น และเมื่อเอ่ยถึง เรืองรอง รุ่งรัศมี ในวันนี้ผู้อ่านต้องนึกถึงเขาในด้านคุณภาพของผลงานที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องจีนเสมอ

ปัจจุบันเขา เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะอยู่ที่บ้านซึ่งได้มาจากน้ำพักน้ำแรงในการเขียนหนังสือ นอกจากเขาจะเขียนและแปลหนังสือเป็นงานหลักแล้ว เขายังใช้เวลาที่เหลือหมดไปกับการเขียนรูปด้วย คนที่ใกล้ชิดจะรู้ดีว่าเขารักการเขียนรูปมานานแล้ว จากที่เคยเขียนภาพสีน้ำเล็กๆน้อยๆ ตอนนี้เขาก้าวขึ้นมาเขียนภาพสีอะคริลิคบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม

ในวันที่ผมแวะไปเยือนเรืองรองที่บ้านในบรรยากาศรวยรินกลิ่นชานั้น เราได้สนทนากันทั้งเรื่องราวของการงานและเรื่องราวของชีวิต สิ่งที่ผมอยากรู้ในใจตลอดมาและอยากรับฟังจากปากของเขามานานก็คือที่มาของคำว่า “ห้องหนังสือของคนโง่” (อวี๋ เหยิน ซู ไจ / YU REN SHU ZAI) เพราะถ้าใครติดตามงานของเขามาตลอดก็จะรับรู้ได้ว่าคำๆนี้เป็นเหมือนตราประจำตัวของเขา คนไทยชอบตั้งชื่อบ้านแต่คนจีนจะตั้งชื่อสถานที่ที่เขาอยู่ เพื่อสะท้อนวิธีคิดของผู้อยู่อาศัย

เขาบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งถ้อยคำนี้ขึ้นมาเพื่อเสียดเย้ยอะไร หากแต่เป็นความรู้สึกจริงๆที่เป็นปรัชญาชีวิตส่วนตัวซึ่งเขาชอบ เพราะเขาได้ค้นพบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนโง่ การเป็นคนโง่เป็นสิ่งที่ดี คือคนโง่ไม่ต้องแบกอะไรมากมาย คนโง่ไม่ต้องแบกภาพพจน์ คนโง่ทำความผิดได้ คนโง่ให้อภัยตัวเองได้

ถ้ามีคนถามว่า “ทำได้แค่นี้หรือ” เขาก็จะตอบว่า "เราโง่แค่นี้ก็ทำได้แค่นี้” ถ้ามีคนถามอีกว่า “ทำไมไม่ไปทำอะไรที่ดีกว่านี้” เขาก็จะตอบว่า “เพราะเราโง่ได้แค่นี้” เขาบอกว่าถ้าเข้าถึงปรัชญาชีวิตของคนโง่แล้วจะเย็น

แม้เรืองรองจะเป็นชายร่างเล็กที่มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่ทว่าเขามีหัวใจที่เกินร้อย เขาทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กลงแม้สภาพร่างกายของผมจะแข็งแรงกว่าก็ตาม เพราะเมื่อเทียบกับผลงานที่เขาทำออกมาแล้วผมเทียบไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของเขาเลย คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในฐานะนักแปลเรื่องจีน แต่สำหรับผมแล้วกลับรู้สึกว่าเขาคือกวี เพราะไม่ว่าเขาจะเขียนหรือแปลอะไรก็ตาม จะพบว่าความเป็นกวีแฝงอยู่ในนั้นเสมอ

มีหนังสือเล็กๆเล่มหนึ่งของเขาชื่อ “จากข้างหน้าต่างบ้านชานเมือง” (พิมพ์ครั้งที่ 2 เปลี่ยนชื่อเป็น “หมาป่าบนทุ่งกระดาษ”) เป็นหนังสือที่แทบจะไม่มีใครรู้จักเลยเมื่อเทียบกับหนังสือแปลเล่มอื่นๆของเขา แต่สำหรับผมแล้วผมกลับหลงรักและชื่นชอบความเรียงเล่มนี้ซึ่งบ่งบอกถึงจิตวิญญาณของนักเขียนและกวีที่ทำงานด้วยใจรัก ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเรื่องราวเหล่านี้ก็คือชีวิตของผู้เขียนนั่นเอง

ผมชอบที่เขาเปรียบตัวเองเหมือนมดตัวน้อยที่บรรจุหมึกไว้กับเท้า ซึ่งต้องทำให้หน้ากระดาษสีขาวว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยตัวอักษร ด้วยเพราะเขาเป็นคนที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง บางครั้งการงานที่เขาทำด้วยใจรักแม้จะรักอย่างไรก็ต้องประสบกับความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจมากกว่าคนอื่นๆ
มีความเรียงสั้นๆชิ้นหนึ่งของเขาซึ่งถูกใจผมเป็นที่สุด มันเป็นความเรียงชิ้นเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของผม งานชิ้นนี้มีชื่อว่า “ของขวัญ”

“เริ่มต้นงานเขียนแต่ละชิ้น เหมือนเลือกของขวัญชิ้นใหม่ให้คนที่รัก มีความสุขอบอุ่นซ่อนอยู่ลึกๆพร้อมๆกับความกังวล ห่วงใย ละล้าละลังว่าของขวัญที่เฝ้าเลือกเฟ้นและสร้างขึ้นมาจะไม่ดีพอ จะมีร่องรอยตำหนิตรงไหนที่มองผ่านไปบ้างหนอ

มีช่วงไหนที่เผลอกดน้ำหนัก แรงไปจนชิ้นของบอบช้ำ ตรงไหนสีเพี้ยน ตรงไหนรสฝาดเฝื่อน ตรงไหนพร่องซึ่งคุณค่าความงาม เพียรเพ่งพินิจตกแต่งละเอียดลออด้วยความผูกพัน เพราะว่าของขวัญทุกชิ้นล้วนมอบด้วยรัก แม้ว่าจะมองไม่เห็นว่าผู้รับเป็นใครก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงแท้แน่นอนก็คือของขวัญที่สร้างขึ้นและมอบออกไปด้วยความรักนั้น คือของขวัญมอบความสุขใจคืนกลับให้แก่ผู้สร้างเช่นกัน”


หลังจากที่ผมได้อ่านความเรียงชิ้นนี้แล้ว ผมอยากขอบคุณ เรืองรอง รุ่งรัศมี ที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของนักเขียนที่เขียนหนังสือด้วยหัวใจออกมาได้อย่างงดงาม ซึ่งผมเองไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกเดียวกันนี้ออกมาให้งดงามเช่นนี้ได้


-------------------------------------------------



*“เดียวดายใต้เงาจันทร์” ความเรียงของโกวเล้งที่ เรืองรอง รุ่งรัศมี ถ่ายทอดได้อย่างเข้าถึงจิตวิญญาณ หนังสือเล่มนี้จึงแตกต่างจากหนังสือกำลังภายในของโกวเล้ง และนับว่าเป็นหนังสือแปลของเขาที่พิมพ์ซ้ำครั้งมากที่สุด ถึงวันนี้ได้รับการพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 11 แล้ว


-----------------------------






Create Date : 01 พฤษภาคม 2552
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 7:31:43 น. 32 comments
Counter : 2298 Pageviews.

 
ไม่รู้ว่าจะแวะมาเป็นคนแรกรึปล่าวนะคะเนี่ย ...

สวัสดีตอนดึก (อีกแล้ว) ค่ะ พี่นี่นอนดึกนะคะ แก่แล้ว นอนดึกมากไม่ดีค่ะ

เสียดายนะคะ รู้จักกันช้าไป เลยอดรู้จัก "พี่รุ่ง" ของพี่ๆ หวังว่าโอกาสหน้าคงมีนะคะ

ตอนนี้วาวีฝนตกค่ะ แต่ก็ว่าตกมาทั้งวันแล้วล่ะค่ะ อากาศดี กลางวันก็มีหมอกด้วย ..

ฝันดีค่ะ

ด้วยความระลึกถึง

(อ้อ .. ไม่ได้ถ่ายรูปโปสการ์ดไว้เลยค่ะ เอาไว้วันหลังจะเอามาอวดค่ะ)


โดย: แค่เพียงสายลม วันที่: 1 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:43:49 น.  

 
นึกถึงกวีนิพนธ์บทนี้ค่ะ
"นอกม่านพิรุณพรำพร่าง
วสันตทัศน์ปลิดโปรย
ห่มผ้าเกินฝืนหนาวยามห้า
ในฝันมิรู้ตนคืออาคันตุกะ
ละโมบในความรื่นรมย์อยู่เสมอมา
อยู่เดี่ยวมิควรเหม่อพิงระเบียง
สายน้ำขุนเขามิรู้สิ้น
ยามจากแสนง่าย พบนั้นยาก
น้ำไหล มาลีโรย....
วสันต์จากแล้วหนอ ...
ไปสู่ฟากฟ้าหรือสู่แดนดิน"
(ถ้าจำผิดไปบ้างก็ขออภัย)

มีความสุขดีนะคะ


โดย: bleuemontagne IP: 58.10.195.127 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:17:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่โดม
ลืมบอกพี่โดมว่าในงานหนังสือ นอกจาก "คาบโลกย์คาบธรรม" แล้วเพ็ญ ได้ "ย่ำไปใต้แสงจันทร์ฉาย" ของพี่โดมมาด้วยละค่ะ อ่า แต่ว่า ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ



โดย: PenKa วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:41:48 น.  

 
คิดถึงบ้านค่ะ

เมื่อกี้โทรไปถามเพื่อนว่า แม่เป็นไงบ้าง แม่เค้าเป็นโรคหัวใจ

เค้าบอกดีขึ้นแล้ว แต่บ้านเราร้อนฉิบหา....

เราเลยบอกว่า จากตะกั่วป่ามา 20 ปี ไม่รู้จักอากาศร้อนของกั่วป่า

เด็กๆ ตอนนี้ฝนตกแล้ว

หรือไม่ก็ลมโชยตลอดปี

เพื่อนได้แต่บอกว่า

"ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว"

ไม่มีเห็ดให้เราเก็บตอนเช้าหลังฝนตก


ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

จงลืมๆๆๆๆๆๆ

ตะกั่วป่า เมื่อเยาว์วัย

เติบใหญ่แล้ว คนนอก เข้ามาพาชื่นชม

อืมม

จงอยู่ในที่ที่มีความสุข


โดย: มนาโป IP: 58.9.135.7 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:32:29 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่โดม
-------------------------------

เมื่อเช้าแวะมาอ่านเอาเรื่อง (อย่างเดียว)
รีบอาบน้ำแต่งตัวสวย ๆ หุ หุ
(ก่อนไปขายกาแฟ & ชาไทยคลาสสิก)
เลยบ่ได้เม้นท์ & เม้าธ์ค่ะ

แวะมารอบเย็น คุ้มค่ากว่าเดิมค่ะ


ภาพถ่ายพี่ปอนปอน ตอนนั่งวาดรูปในสมุดวาดภาพ
มีเป้ตั้งวางอยู่ข้างม้าหินอ่อน
มุมนี้ ทำให้รู้สึกถึงชีวิตนักเดินทาง

อืม! สมุดวาดภาพฝั่งซ้ายไม่ใช้วาดคะ
ว่างเว้นไว้ทำไม สงสัย (ไม่เข้าเรื่อง) เฉย ๆ ค่ะ
(แต่อยากรู้เหตุผล )


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:24:30 น.  

 
เอ๊ ไหงเป็นภาพย้อนยุคไปซะอย่างงั้นล่ะคะ
หรือว่าเป็นของเล่นใหม่พี่โดม คงไม่มั้งเนอะ หรือว่าอำพรางสีสันอะไรหนอ
น้องหนูไปใต้มาเกือบเฉียดตะกั่วป่าจ้ะ ส่งใจไปแล้วล่ะน่า คิกคิก
(ตั้งใจมาทักพี่โดมนะเนี่ย ป่าวมาแอบดูใครนะ จริ๊งๆ ฮ่าๆ)

อ่านริมรั้วหัวใจฉบับนี้ จดหมายถึงมาดามวารินชำราบ ชอบมากๆค่ะจัดหน้าก็สวยลืมโลกเลยเนอะ

อ่านงานริมรั้วหัวใจแล้วเหมือนมีมนต์ขลังบางอย่าง
ให้อินเข้าไปในเรื่องราวที่บอกเล่าด้วย
เหมือนที่ได้หลงเข้าไปจนออกมาไม่ได้ในตอนนี้
เพราะเรื่องราวหนึ่งในริมรั้วหัวใจ จำได้ไหมนะคะพี่


โดย: ยิปซี IP: 124.121.46.144 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:26:50 น.  

 
สวัสดีคะคุณโดม
เข้ามาดูความเคลื่อนไหว

ครูปอนดูไม่แก่จริงๆ
การแต่งตัวยังคงความเหมือนเดิม
(วัยรุ่นยกนิ้วให้)

เคยไปแต่ย่าน ถนนถลาง ที่ภูเก็ตเลยคิดว่า อาจคล้ายกับย่านเก่าที่ตะกั่วป่า

ในรูปมีหมอนิล ด้วยเหรอคะ
รายนั้นยกให้ครูปอนเป็นนักเขียนในดวงใจเลย

แวะเลยมาตรังได้นะคะ
ยินดีต้อนรับคะ
มีกลุ่มนักเขียนตรังด้วยล่ะ
พี่วิสุทธิ์ ขาวเนียม
คุณชนะ เสียงหลาย
และอีกหลายท่านในกลุ่มของอ.เปลื้อง ณ นคร

เผื่อจะไว้มา
จะได้ต้อนรับ เพราะหนูอยากเจอทั้งตัวคุณโดม และครูปอนอีกครั้งในบ้านหนูเอง





โดย: pangz วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:57:17 น.  

 
สวัสดีรอบดึกค่ะ ..

ขอบคุณสำหรับข้อคิดค่ะ

"เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป"

ตอนนี้ก็มองอารมณ์แบบตั้งอยู่
มองเฉยๆ
คิดว่าไม่นานนักคงจะดับไปเอง

ด้วยความระลึกถึง
lighthouse@wawee

(ได้รับ


โดย: แค่เพียงสายลม วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:46:23 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆท่าน


เมื่อวานที่ผ่านมาเตรียมตัวว่าจะต้องเดินทางไปอำเภอกันตังตอนเช้าวันนี้

เพื่อไปงานแต่งงานหลานสาวของภรรยาที่เคยเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก และตั้งใจว่าอาจจะอยู่ที่กันตังสักระยะหนึ่ง

แต่ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนที่สุด

หรือสิ่งที่แน่นอนคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

เจ้าสาวโทรมาบอกวีดวาดว่า เจ้าบ่าวเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์อย่างรุนแรง จึงไม่มีการจัดงานแต่งงานขึ้นในวันที่ 4 จะถึงนี้

ผมก็เลยจำต้องเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ จะทำอะไรดีหนอ ? วันนี้...จะไปถ่ายรูปตลาดเก่าอีกสักรอบ ทันทีที่คิดฝนก็ตกลงมา...ว่ากันไปตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน


สวัสดีจ้ะแค่เพียงสายลม

หนูโตเป็นสาวมากแล้ว ลุงแนะนำอะไรมากไม่ค่อยได้หรอก
เพราะเรื่องของชีวิตบางอย่างไม่มีทางลัด

แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็จะมีเรื่องอื่นๆมาให้รู้สึกแทนเรื่องของการ "เบื่อ"เอง


สวัสดีครับคุณ bluemontange


คุณนี่ต้องเป็นคอกวีแน่เลย
ท่องได้โดยไม่ต้องเปิด
จำโดยไม่ต้องจด

ยินดีที่นานๆแวะเวียนมาทักทายกันครับ


สวัสดีครับคุณเพ็ญ


อยากบอกว่าหนังสือเรื่อง ย่ำไปใต้แสงจันทร์ฉาย ที่ผมเขียนเล่มนั้น นับตั้งแต่เขียนเสร็จและเคยตีพิมพ์ในนิตยสารเล่มหนึ่ง ตอนที่มีคุณปราย พันแสง เป็นบรรณาธิการ

จากนั้นนานมากกว่าจะได้รวมเล่ม
รวมๆแล้วนับจากวันเริ่มเขียนกว่าจะได้รวมเล่มนานนับ 10 ปี

และถึงวันนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว


สวัสดีครับคุณมนาโป

ด้วยผมถือคติที่ว่าโลกนี้คือบ้านเรา

แต่ก็เป็นบ้านชั่วคราว

อะไรๆก็ชั่วคราวทั้งนั้น เพียงแต่มันติดต่อกันไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง

ตะกั่วป่าร้อน แต่ก็ยังมีฝนพรม อากาศยังบริสุทธิ์แจ่มใส
กรุงเทพฯก็ร้อนน่า ถ้าไม่อยู่ในห้องแอร์แล้วก็ร้อนอย่างที่รู้กันนั่นแหละ...

ไม่ใช่ร้อนอะไรหายอย่างเดียวหรอก

ผมถือคติว่าอยู่ที่ไหนก็อย่าร้อนใจก็แล้วกัน เพราะร้อนกายใครๆก็ได้รับเหมือนกันอยู่แล้ว

เพราะทุกคนอยู่ในยุคสมัยของโลกร้อน (ฮา)

สวัสดีจ้ะสาวขอนแก่น


รู้สึกชอบใจในความเสมอต้นเสมอปลายของหนูจริงๆ

อีกทั้งเป็นสาวอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ
เป็นอย่างไรบ้างเรื่องร้านกาแฟไปถึงไหนแล้ว

อยากบอกว่าตั้งแต่พี่ปอนมาที่ร้านกาแฟตะกั่วป่า ของวีดวาด
ทำให้ร้านกาแของเธอมีสีสันและสวยงามขึ้น


ขอตอบแทนพี่ปอนว่า กระดาษด้านซ้ายมือที่ปล่อยให้ว่างเปล่านั่น ก็เพราะเขาเขียนด้านเดียว เผื่อฉีกเอาใช้งานซีจ๊ะ

ไม่ใช่เด็กนักเรียนในชั่วโมงวาดเขียนแล้วทางบ้านบอกว่าให้ประหยัดใช้กระดาษให้ครบทุกหน้า



สวัสดีจ้ะยิปซี

แหม...รู้ไปโม้ดจริงๆ
รู้ด้วยว่าการปรับรูปขาวดำเป็นของเล่นใหม่

ใช้คอมพิวเตอร์มาตั้งนานยังไม่เคยใช้โปรแกรมโฟโต้ช็อปเลย
ลองทำเล่นๆดูแล้วก็สนุกดี

แล้วก็เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่าก็ลองใช้ดู

ขอบคุณสำหรับคำชมเรื่องที่เขียน

อ่านงานริมรั้วหัวใจแล้วเหมือนมีมนต์ขลังบางอย่าง อ่านงานริมรั้วหัวใจแล้วเหมือนมีมนต์ขลังบางอย่าง
ให้อินเข้าไปในเรื่องราวที่บอกเล่าด้วย
เหมือนที่ได้หลงเข้าไปจนออกมาไม่ได้ในตอนนี้
เพราะเรื่องราวหนึ่งในริมรั้วหัวใจ จำได้ไหมนะคะพี่



ขอยกประโยคนี้มาทบทวนดูอีกครั้ง...อ๋อเรื่อง...จำได้แล้ว...จริงหรือนั่นไม่อยากจะเชื่อเลย...ที่ไม่อยากจะเชื่อก็คือที่ว่า..."ออกมาไม่ได้ในตอนนี้"

เฮ้อ..ว่ากันว่าคำชมนั้นน่ากลัวกว่าคำติ เพราะทำให้หลงเหลิงได้ง่าย...แต่เอาเถอะน่า นานๆจะมีคนชมสักทีก็ขอรับคำชมด้วยความยินดี เพราะมีหลักฐานว่า "อิน" จริงๆ



สวัสดีจ้ะหนู pangz

พอดีเกิดการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เลยไม่ได้ไปกันตังในวันนี้
ขอบคุณสำหรับน้ำใจ ถ้าได้ไปตรังเมื่อไรจะไม่รีรอถามหาหนูเลยหละ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:6:36:57 น.  

 
ไม่ได้แวะมานาน
เลยแวะมาสวัสดีค่ะ


โดย: filmgus วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:07:34 น.  

 
พี่โดมช่างโชคดีจริงๆค่ะ
ที่มีพี่โดมพูดถึงด้วยความชื่นชมบ่อยครั้ง

มีทั้งเรื่อง ทั้งรูป มาให้เราได้รู้จักพี่ปอนเพิ่มขึ้น

การถูกใครสักคนชื่นชม ...น่าชื่นใจนะคะ

และสำหรับคนที่ชอบจะเปิดหัวใจชื่นชม ศรัทธาคนอื่นๆ(อย่างพี่โดม) ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความน่าชื่นชมค่ะ...






โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:14:39 น.  

 
แก้ไขคำผิดค่ะ

พี่ปอนค่ะ คำแรก


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 3 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:15:23 น.  

 
ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกอย่างที่เกี่ยวกับพิบูลศักดิ์ ละครพล

รู้สึกดีใจด้วยจริงๆ ที่คุณปอนดูมีความสุขเหลือเกิน

แล้วจะแวะมาแอบอ่านอีกนะคะ..พ่อเพยีย


โดย: บรรณารักษ์789 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:51:30 น.  

 
ขออภัยที่พิมพ์ชื่อผิด มือไว (ใจเร็ว) ไปหน่อย
รับผิดๆๆ


โดย: บรรณารักษ์789 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:03:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่โดม
ในความคิดของเพ็ญ หนังสือ บางเล่ม ก็ไม่ตกยุคนะคะ อย่างหนังสือพี่โดม ถึงแม้ว่าจะนานแล้วก็ยังอ่านเพราะ มันคือความจริง
อย่างที่เพ็ญ เล่าพี่โดมว่า เพ็ญ ชอบอ่านริมรั้วหัวใจ เพราะมันเป็นเรืองจริง
"ย่ำไปใต้แสงจันทร์ฉาย" ถึงแม้จะนานแล้วแต่ก็แสดงว่ายังมึคุณค่านะคะ หนังสือบางเล่มพอนานๆไป อาจมีคุณค่า มากขึ้น ราคาซื้อขาย อาจ แพงกว่าราคา หน้าปกอีกค่ะ

ต้องขอโทษ เรื่องเวบ ฝากเพลงด้วยนะคะ รู้สึกว่า ตอนนี้ เวบที่ว่าจะลิงค์ไม่ได้แล้วค่ะ แต่เพ็ญเจอ เวบใหม่แล้ว กำลังทดลองใช้อยู่ค่ะ ถ้าดีจะมาบอกข่าวค่ะ


โดย: PenKa วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:09:41 น.  

 
....แค่กลัวกับการต้องสูญเสียใครบางคนไป ไม่รู้ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย แค่การคิดถึงใครสักคนมันผิดมากไหมค่ะ? .............อยากให้คุณช่วยบอกฉันทีว่าถ้าคุณเป็นคนๆนั้นจะบอกกับฉันยังไงดีเพราะว่าตอนนี้ฉันกลัวมากจริงๆ


โดย: ฟองไอดิน IP: 124.120.152.58 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:34:42 น.  

 
สวัสดีค่าคุณลุงโดม

วันนี้ PC จากตะกั่วป่ามาถึงแล้วค่ะ

สวยมากๆ

แล้ว PC ของ lighthouse@wawee ล่ะค่ะ สวยไหม
มีอะไรแนะนำมั๊ยคะ

ฝันดีค่ะ


โดย: แค่เพียงสายลม วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:02:48 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน



ตามปกติทุกวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกๆปี ถ้าผมไม่อยู่ต่างจังหวัด

ผมจะต้องไปร่วมงานวันนักเขียนเป็นประจำ

แต่ปีนี้ พอดีผมอยู่ที่ตะกั่วป่า เลยไม่ได้ไปร่วมงาน

เสียดายอยู่เหมือนกัน

แต่ปีนี้คงเป็นปีที่แตกต่างไปจากทุกๆปี
เพราะนักเขียนมีสีชัดเจนขึ้น
ใครเป็นสีเหลือง ใครเป็นสีแดง
ก็พอจะรับรู้กันบ้าง

แต่โดยส่วนตัวผมแล้วไม่อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เอาความคิดทางการเมืองมาทำให้รู้สึกแตกแยกกันเลย


ใครชอบใครก็ตามแต่ใจ แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันจนถึงขั้นโกรธเคืองกัน

เราเพียงแต่มีความคิดแตกต่างกันเท่านั้น

เท่าที่รับรู้จากวงสนทนา มีเพื่อนฝูงและพี่น้องในแวดวงนักเขียนจำนวนไม่น้อยที่แตกคอกันเพราะเรื่องการเมืองถึงขั้นโกรธเคืองแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเลย



สำหรับผมไม่อบกหรอกว่าเลือกสีอะไร บอกไปก็ไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร


เพราะฉะนั้นผมเพียงแต่อยากบอกว่า ผมเป็นคนเขียนหนังสือตัวเล็กๆธรรมดาสามัญที่รักคนในวงการนักเขียนคนหนึ่ง

และไม่อยากเห็นเพื่อนหรือคนในสังคมเดียวกันแตกแยกกัน เราอาจจะมีความคิดแตกต่างกันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน


สวัสดีครับคุณฟิล์มกัส

ยินดีที่แวะเวียนเข้ามาทักทาย
แม้แต่จะห่างหายไปนาน
แต่คุณกับผมก็ได้ไปรวมกันในหนังสือเล่มเดียวกันแล้วนี่

ต้องขอโทษที่ยังไม่ได้ส่งเดินทางข้างใน ให้เลย เพราะยังไม่ได้จังหวะ เดินทางตลอด

ต้องโทษไม่อยากแก้ตัว หวังว่าคุณคงให้อภัยนะครับ


สวัสดีครับคุณนักล่าน้ำตก


ช่างสมกับเป็นนักเขียนนิยายนจริงนะ สรรหาวิธีชมคนเขียนบล็อกให้เคลิ้มจนได้


สวัสดีครับคุณบรรณารัก(ษ์)

ยินดีที่แวะเข้ามา
ถึงแม้จะเข้ามาดูเฉพาะเรื่องของพี่ปอนก็ตาม - ยินดีจริงๆ ไม่ได้พุดประชดนะครับ

เพราะตามปกติส่วนใหญ่แล้วผมเขียนแต่เรื่องของตัวเอง


สวัสดีครับคุณเพ็ญ

แกล้งชมกันหรือเปล่า ?
อันที่จริงหนังสือเล่มนั้นก็ถือว่าเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตเช่นกัน
แต่อาศัยรูปแบบงานของโกวเล้งบรรยาย

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณฟองไอดิน


การคิดถึงใครบางคนไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับ !

ถ้าผมเป็นคนที่คุณสมมุติ ผมจะบอกคุณว่า คุณจะไม่มีวันสูญเสียเขาไปเลย ถ้าเขาสถิตอยู่ในหัวใจคุณจริงๆ


สวัสดีจ้ะแค่เพียงสายลม

โปสการ์ดจากวาวีก็สวยดี
แต่ยังสวยขึ้นได้อีก
แล้วจะบอกภายหลังก็แล้วกันนะจ๊ะ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:19:15 น.  

 
ที่คุ้มฮาแตกแดกระเบิด ณ เอเด้อ,ฮอลแลนด์ ของโจ๊ก (ขอประทานโทษถ้าเขียนแรงไปหน่อย บ้านของโจ๊ก เขาเรียกกันแบบนี้ ตามสถานภาพของเจ้าของบ้านและบรรยากาศค่ะ) เราจะไม่พูดกันถึงการเมือง เพราะเราไม่ต้องการแตกคอกัน แต่เราจะหันมานินทาสามีเป็นภาษาไทยแทน สามีของใครที่พยายามพูดภาษาไทยได้ เอ๋อ เบลอ มากเท่าไหร่ จะเป็นที่น่าเอ็นดูของสาวๆในกลุ่มมากเท่านั้น ตอนนี้แฟนของโจ๊กติดอันดับ เพราะเวลางานเลิก สาวๆไม่ต้องล้างจาน และภาชนะเครื่องครัว เพราะจานเอาเข้สเครื่องล้างจาน แล้วหม้อกับครก ออกญาแห่งเมืองละโว้ของโจ๊กบอกว่า
"โก๋ชอบล้างครกกับหม้อ"

ฮาค่ะฮา


โดย: สุวดี IP: 87.212.143.101 วันที่: 5 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:01:41 น.  

 
สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่าน
ชอบตอนนี้
เพราะได้อ่านเรื่องราวของพี่ปอนที่เดินทางอย่างมีความสุขอยู่ที่ตะกั่วป่า
และได้อ่านทวนเรื่องราวเกี่ยวกับห้องหนังสือของคนโง่ที่พ่อพเยียเขียนถึงพี่เรืองรอง รุ่งรัศมี

นักเขียนทั้งสองท่าน คนหนึ่งเป็นนักเขียนในดวงใจ อีกคนหนึ่งเป็นนักเขียนนักแปลที่เป็นเสมือนครูผู้ให้วิสัยทัศน์เรื่องชีวิตเสมอ

ชอบริมรั้วหัวใจในขวัญเรือนฉบับนี้ค่ะ ทั้งรูปและเรื่อง



โดย: หนอนฯ IP: 58.9.169.80 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:3:40:14 น.  

 



ชอบเรื่องที่โดมเขียนในวันนี้ค่ะ

ชอบภาพแรกของพี่ปอนค่ะ ดูดีมาก มีรอยยิ้มด้วย
หรือธรรมชาติพี่เขาก็แบบนี้
แต่เราเพิ่งเคยเห็น

ชอบภาพสีน้ำที่คุณเรืองรองวาด
แต่เสพงานคุณเรืองรองไม่มากนัก
ชอบบทกวี โอบกอดจันทรา ค่ะ
ไม่เคร่งฉันทลักษณ์มาก มีทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง แต่มีนัยขบคิดราวปรัชญา

เรื่องราวในบล็อกนี้ เลยแวะมาอ่านหลายรอบหน่อย


ป.ล.แอบบอกพี่หนอนฯนิดนึงค่ะว่า
แวะไปดูภาพพี่ปอนที่บล็อกคุณวีดวาดหรือยัง
ไปดูภาพสีน้ำของพี่ปอนที่นั่น สวยมากค่ะ



พี่โดมสบายดีนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะพี่ :)










โดย: ภูเพยีย วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:27:42 น.  

 
เขายึดอมยิ้มถาวรแล้วค่ะพี่โดม

เขาไม่คืนให้...


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:41:53 น.  

 
สวัสดีค่ะพ่อเพยีย

ชอบภาพพี่ปอนภาพแรกมากเลย

เดินยิ้มนิดๆ


โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:51:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่โดม
ไม่เคยจำได้เลยค่ะ ว่าวันที่ 5 พฤษภา เป็นวันนักเขียน เหมือนจะเห็น อาจารย์ชมัยภร ในทีวี
แต่เพ็ญว่า นักเขียน คือ นักคิดที่สามารถเรียบเรียงความคิดออกมาให้คนอื่นรับรู้ได้แล้วแต่จะเป็นด้านไหน การที่ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพ็ญว่ามันเป็นเรื่องที่ดี พี่โดมอยู่ทีตะกั่วป่า ได้มีโอกาสไปนั่งร้านน้ำชาตอนเช้าๆ ในตลาดบ้างหรือเปล่าคะ โดยปกติ ร้านน้ำชาในภาคใต้ เขาจะพูดเรื่องการเมืองกันตลอด แต่เพ็ญก็ไม่อยากให้ การเลือกสีทำให้คนในสังคม องค์กร เกิดการขัดแย้งกัน ที่ทำงานของเพ็ญ ก็เริ่มมีบ้างเหมือนกัน พี่โดมคงรู้ว่าเพ็ญเลือกสีอะไร หุหุ แต่ก็พยายามไม่ต่อความให้มีการขัดแย้ง

ขอโทษด้วยค่ะ ที่มาพูดเรื่องนี้ ในบล็อกพี่โดม

อ้อ เรื่องหนังสือ เพ็ญเจอหนังสือพี่ปะการังค่ะ ที่ว่า ตอนนี้ราคาขาย แพงกว่าราคาหน้าปกอีกค่ะ อิอิ แต่มันก็นานกว่าของพี่โดมมาก รู้สึกว่า เกือบ ยี่สิบปี แล้วละค่ะ


โดย: PenKa วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:59:04 น.  

 
งานวันนักเขียนหรือคะ,

เผอิญไปเจอโต๊ะมีสีเสียด้วย..
สีจัดและเข้มข้นมากกกก..

ด้วยความที่ไม่ใช่นักเขียนและไม่เลือกสี
สิ่งที่ทำได้และได้ทำคือ

ขอลายเซ็นต์ค่ะ

แหะ แหะ


โดย: กังสดาล IP: 125.27.51.134 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:20:40 น.  

 
ฉันเองก็ไม่อยากสูญเสียคนที่ฉันรักไปแค่เพียงอยากจดจำเขาในความรู้สึกที่แสนดีแบบนี้ตลอดไปแต่.. บางทีคนเราก็ไม่อาจพูดด้วยความรู้สึกที่แท้จริงในหัวใจได้ เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ บางทีการจากไปอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดเพราะคงป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราเจ็บปวดได้น้อยลงและจดจำเขาได้นานขึ้น นานเท่าที่ตราบยังคงมีลมหายใจ แล้วคุณละค่ะจะรอฟังความในใจที่มีใครอยากบอกคุณแต่มันอาจไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้....คุณจะรอคอยวันที่เขาจะพร้อมบอกคุณได้รึเปล่า แล้วถ้าเป็นคุณจะปล่อยเขาไปแบบนั้นไหมค่ะ?


โดย: ฟองไอดิน IP: 203.209.100.218 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:07:29 น.  

 
สวัสดีวันวิสาขบูชาค่ะคุณโดม
เราชอบอ่านงานของนักคิดนักเขียนนักวาด นักสะเปะสะปะ
กวีนิพนธ์นั้นชอบเป็นกมลสันดาน จำได้ไม่มากหรอกเฉพาะบางบทเท่านั้นค่ะ
"โลกแล้งแห้งเกราะเราะราย
ราวทรายลวกซ้อนร้อนหนี
อีกก้าวเถิดก้าวคนดี
ที่นี่ใช่ทางค้างแรม"
(อุชเชนี)



โดย: bleuemontagne IP: 58.10.195.169 วันที่: 8 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:05:07 น.  

 
สวัสดียามใกล้รุ่งค่ะพ่อพเยีย นอนไม่หลับเลยลุกขึ้นมาทำงานเสียเลย อีกสักพักก็จะไปตลาดเช้าได้แล้ว

จะไปตรังเหรอค่ะ เลยไปเที่ยวเกาะมุกซิ ไปเดินเล่นบ้านชาวประมงที่นั่น ที่นั่นอาหารอร่อยมากขอบอก

ภาพขาวดำสวยดีนะ รูปพี่ปอนก็เท่มาก สาย ๆ จะเรียกให้พี่หนอมดู





โดย: แพรจารุ IP: 222.123.23.10 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:01:09 น.  

 
สวัสดีพี่โดม
แวะเข้าอ่านและดูรูปพี่ปอนด์ครับ พี่เขายังเท่เหมือนเมื่อสามสิบปีก่อน พี่โดมสบายดีนะครับ


โดย: ขจรฤทธิ์ IP: 125.25.33.115 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:38:50 น.  

 
หวัดดีครับพี่โดม
เอนทรี่นี้อบอุ่นดีจังเลยครับ มิตรภาพระหว่างผู้ชายด้วยกัน
ฝนกำลังตกที่วาวีครับ
ช่วยไปเมนท์นิยายผมหน่อนสิครับ มันค่อนข้างทะลึ่งนิดหนึ่ง มีใครบางคนบอกว่า ผมเอาชีวิตตัวเองมาเขียน ...ผมไม่รู้จะแก้ตัวยังไง แต่นิยายคือนิยายนะครับ ผมยังเอามันไม่อยู่


โดย: แก้มหอม IP: 203.172.208.153 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:35:07 น.  

 
เข้ามาชมบลอกพ่อพเยียค่ะ


โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:03:06 น.  

 
ทุกอย่างเปิดแล้ว

หน่วยงานต่างๆเปิดทำการ

...บล็อกที่ปิดไปก็เปิดแล้ว..

พี่โดมกลับมาซะดีๆค่ะ...


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 11 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:35:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.