
 |
|
 |
 |
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
Title: รถเมล์

ท่ามกลางการจราจรอันวุ่นวาย กับชีวิตแสนยุ่งเหยิง ของใครหลายๆคนในสังคมเมือง ผมยังคงนั่งอยู่ ณ ป้ายรถเมล์ริมถนนแห่งหนึ่งมาพักหนึ่งแล้ว
ที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้มีผู้คนรอรถเมล์อยู่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปนัก
แต่ละคนในที่นี้ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันอยู่ คือการรอรถเมล์สายที่ตัวเองต้องการเดินทางไปสู่จุดหมายที่หวังไว้ แน่นอนแม้ว่าทุกคนจะมีจุดประสงค์เดียวกัน แต่เป้าหมายนั้นย่อมต่างกันอย่างไม่มีข้อสงสัย
ผมสังเกตุเห็นว่าบางคนมาถึงที่ป้ายรถเมล์นี้ก่อนผมและรอรถเมล์มานานมากแล้ว แต่สายที่ตัวเองต้องการขึ้นก็ยังไม่มาเสียที ขณะที่บางคนไม่ต้องเสียเวลารอมาก รถเมล์สายที่ต้องการขึ้นก็มาถึงพอดี
ส่วนผมน่ะหรือ...จริงๆแล้วผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยากไปที่ไหน ก็มีบ้างสำหรับจุดหมายปลายทางที่ผมต้องการจะเดินทางไป แต่...ในเวลานี้มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้น
ผมสังเกตุเห็นสาวน้อยคนหนึ่งชะเง้อคอรอคอยรถเมล์สายที่ต้วเองต้องการขึ้นอย่างมีความหวัง สายตาของเธอนั้นคอยมองออกไปที่ถนนอยู่ตลอดเวลา
ผมหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆผม เขาอยู่ในชุดเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว เนคไทสีกรมท่า สวมกางเกงสแล็คสีดำ รองเท้าหนังสีดำขลับ แสดงว่าผ่านการขัดถูมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อพินิศมองสีหน้าชายหนุ่มคนนี้แล้ว เขาดูมีท่าทีกระวนกระวายกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา ผมคาดว่าเขาคงมีนัดสำคัญที่ไหนซักแห่ง สังเกตุได้จากการเขาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือมาเป็นสิบๆรอบภายในเวลา 2-3 นาทีเท่านั้น
ผมละสายตาผู้คนที่รอรถเมล์อยู่ในป้ายรถเมล์แห่งนี้ก่อนเบือนหน้าออกไปบนท้องถนน เห็นรถเมล์สายสีเหลืองและสีแดงวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์และเสียงบีบแตร ก่อนที่รถเมล์ทั้งสองสายจะวิ่งมาถึงที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้เสียอีก รวมไปถึงเสียงกรีดร้องของผู้คนที่อยู่บนรถเมล์ทั้งสองสายนั้นด้วย บางคนโชคร้ายยึดตัวเองอยู่บนรถเมล์ได้ไม่นานถึงกับพลัดตกลงมาบนท้องถนน บางรายบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ บางรายก็ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ที่น่าเสียใจคือบางรายถึงขั้นเสียชีวิต ผมนึกโกรธคนขับรถเมล์ทั้งสองสายนั้น ทำไมพวกเขาถึงได้ไร้ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสารของตัวเองเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะมีจุดหมายปลายทางเดียวกันหรือไงที่หลายๆคนพร้อมใจกันขึ้นไปบนรถเมล์สายนั้นๆ
เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับละสายตาจากท้องถนน ลอบมองพฤติกรรมของใครหลายคนที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้เช่นเดิม
ผมชะงักเมื่อผมเห็นรอยยิ้มหวานจากหญิงสาวผู้มาใหม่คนหนึ่ง ผมมั่นใจว่าเธอส่งยิ้มให้ผมแน่นอน ผมหลบสายตาเธอ และจ้องมองพื้นดิน ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะส่งยิ้มคืนกลับให้เธอไปดีหรือไม่ รถเมล์สายสีชมพูอ่อนก็มาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์แล้ว
ผมเห็นคู่ชายหนุ่มหญิงสาวสองคู่เดินลงมากจากรถเมล์สายสีชมพูอ่อนนั้น คู่หนึ่งหน้าตาสดใสดูมีความสุข และควงแขนกันขึ้นรถเมล์สายสีชมพูเข้ม ที่เข้ามาจอดต่อข้างหลังรถเมล์สายสีชมพูอ่อนอย่างทันท่วงที
ขณะที่อีกคู่เดินลงมาด้วยน้ำตานองหน้า ทั้งสองต่างเดินแยกทางกัน ฝ่ายชายเดินไปที่นั่งเก้าอี้ฝั่งขวาสุดด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่ฝ่ายหญิงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งซ้ายสุดพร้อมกับสะอื้นไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
สาวน้อยที่รอรถเมล์อยู่ด้วยสีหน้าแห่งความหวังยิ้มแย้มดีใจ รีบวิ่งแทรกตัวขึ้นไปบนรถเมล์สายสีชมพูอ่อนทันทีที่หนุ่มสาวทั้งสองคู่เดินลงมา ส่วนผม...ผมรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า เป็นหญิงสาวคนที่ยิ้มให้ผมนั่นเอง คุณจะรังเกียจไหม ถ้าจะขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อนนี้เป็นเพื่อนฉัน?
ผมจ้องมองใบหน้าของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าดีพอสมควรเลยล่ะ ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่หญิงสาวหน้าตาดีๆอย่างนี้อยู่ดีๆก็มาชวนผมขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อน
ผมครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจตอบออกไป ขอโทษนะครับ มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะขึ้นรถเมล์สายนี้ ขอบคุณที่ชวนนะครับ
หญิงสาวไม่ตอบ ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม ปล่อยให้รถเมล์สายสีชมพูอ่อนเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ
ทำไมคุณถึงไม่ยอมไป หญิงสาวคนนั้นยิงคำถามใส่ผมทันทีหลังจากที่เธอจัดท่านั่งของเธอจนเข้าที่เข้าทางแล้ว อืม...อย่างที่ผมบอกมันยังไม่ถึงเวลา ฉันรู้ว่าคุณก็รอรถเมล์สายนี้อยู่ นั่นมันนานมาแล้วครับ คุณไม่คิดที่จะขึ้นไปอีก? คิดครับ...แต่อย่างที่บอกมันยังไม่ถึงเวลา คุณจะรอไปอีกนานเท่าไหร่? ก็...จนกว่าที่อะไรๆจะเรียบร้อย คุณหมายถึงความพร้อม ก็มีส่วน
รถเมล์สายสีชมพูอ่อนมาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง
น่าแปลก...ผมคิดย้อนกลับไปในอดีต ตอนนั้นผมได้แต่ชะเง้อรอคอยรถเมล์สายสีชมพูอ่อน ผมรอมานานมาก นานจนผมลืมไปแล้วว่าผมรอรถเมล์สายนี้อยู่
ผมรู้สึกเหมือนกับว่า บางสิ่งบางอย่างหากเราตั้งตารอคอยมันมากจนเกินไป มักจะไม่ได้มา แต่วันไหน หากเราไม่ได้ต้องการสิ่งๆนั้นแล้ว มันกลับมาจ่ออยู่ตรงหน้าเราอย่างง่ายๆ ซึ่งการรอรถเมล์แต่ละสายนั้นก็เช่นเดียวกัน และมันทำให้ผมต้องตัดสินใจอีกครั้ง
ฉันขอถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่า...คุณจะไปกับฉันไหม ผมครุ่นคิดอีกครั้งก่อนตอบไปว่า ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว
คำตอบของผมนั้นมันทำให้น้ำตาของหญิงสาวเอ่อล้นออกมา เธอมองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจ ขณะที่ผมกลับส่งยิ้มไปให้เธอ ก่อนบอกว่า คุณไปก่อนเถอะครับ...ไม่เป็นไรผมอยากนั่งต่ออีกซักหน่อย
ไม่มีคำพูดใดจากหญิงสาวอีก เธอวิ่งขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อนนั้นไปด้วยน้ำตานองหน้า แต่...ผมก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามเธอขึ้นไปเช่นกัน ชายหนุ่มคว้าแขนเธอไว้ ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่ประตูของรถเมล์สายสีชมพูอ่อนจะปิดลง และเคลื่อนตัวออกไป...
ผมหัวเราะให้ตัวเอง...ทำไมถึงได้มาไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลาเลยนะ ไอ้รถเมล์บ้า
มีรถเมล์มาจอดเทียบที่ป้ายอีกแล้ว คราวนี้เป็นรถเมล์สายสีรุ้ง ผมเห็นเด็กๆวิ่งเฮโลขึ้นไปบนรถเมล์สายนี้อย่างดีอกดีใจ บนรถเมล์มีขนมหวานและของเล่นมากมาย มีกระดานสีขาวไว้ให้เด็กๆวาดรูปเล่น
ผมนึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ผมก็เคยขึ้นรถเมล์สายนี้ แต่น่าเสียดายรถเมล์สายนี้เป็นรถเมล์ที่วิ่งระยะสั้น อีกไม่กี่อึดใจเด็กๆเหล่านั้นก็ต้องลงเพื่อต่อรถเมล์สายต่อๆไปที่เหมาะสมกับตัวเอง
รถเมล์สายสีรุ้งเคลื่อนตัวออกไป รถเมล์สายสีเทาก็ขยับเข้ามาแทนที่ รถเมล์สายนี้เป็นรถเมล์ที่วิ่งในระยะสั้นเช่นกัน แต่ต่างกับรถเมล์สายสีรุ้งตรงที่รถเมล์สายนี้มีแต่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่จะขึ้นไป และมีรถเมล์สายนี้สายเดียวเท่านั้นที่ไม่มีผู้ใดประสงค์ที่จะรอคอย หากแต่เมื่อขึ้นไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีจุดหมายปลายทางจบในที่เดียวกัน...
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆผมมานานทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผม ผมคิดในใจ เขาคงเมื่อย ผมอดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงรถเมล์สายที่ชายหนุ่มคนนี้รอ ผมรู้สึกได้ว่ามันนานเกินไปแล้ว
คุณรอรถเมล์สายอะไรอยู่หรือครับ สายสีน้ำเงินน่ะครับ เขาพูดพลางขยับเนคไทที่คอให้หลวม...เขาคงอึดอัดมานาน อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ทำไมหรือครับ หรือว่ารถเมล์สายนี้เขาไม่วิ่งแล้ว ยังวิ่งอยู่ครับ หากแต่ว่า... หากแต่ว่า...?
อืม...รถเมล์สายนี้เขาจะไม่รับคนที่ป้ายรถเมล์น่ะสิครับ อ้าว...แล้วเขาจะไปรับที่ไหนล่ะครับ ที่บ้านของคุณนั่นแหล่ะครับ ไม่จริง...ผมรอมาตั้งนานผมยังไม่เห็นรถเมล์บ้าที่ไหนวิ่งผ่านหน้าบ้านผมซักคัน
ที่รถเมล์สายนี้ไม่ผ่านหน้าบ้านคุณคงเป็นเพราะว่าคุณนอนรอนั่งรออย่างเดียวใช่ไหม? ชายหนุ่มนิ่งไป
หากคุณคิดที่จะรออย่างเดียวโดยไม่คิดสร้างโอกาสให้คุณขึ้นมาเองเลย ผมว่าคงยากที่จะขึ้นรถเมล์สายนี้ แล้วผมต้องทำอย่างไร? มีหลายวิธีครับ...ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน คุณต้องลองทำดู เหรอ... ชายหนุ่มรำพันเสียงอ่อย
ผมว่าวันนี้คุณเหนื่อยมามากพอแล้วล่ะ ผมว่าคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ขอเพียงแค่คุณอย่าลืมว่า คุณต้องอย่านั่งรอโอกาส แต่คุณต้องสร้างมันขึ้นมา... อืม...งั้นผมขอกลับบ้านก่อนแล้วกัน ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ ผมยิ้มรับคำขอบคุณของเขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ขณะที่ผมกำลังนั่งรออยู่เพลินๆนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหญิงสาวทักทายผมอย่างสนิทสนม ไงจ๊ะพ่อหนุ่ม...มานั่งหง่าวอะไรอยู่แถวนี้เนี่ย วิ... นั่นคือเสียงของวิภา เพื่อนสาวที่สนิทที่สุดของผม เวลาผมมีปัญหาทีไรก็ได้เธอนั้นแหล่ะ ที่คอยช่วยเหลือผมอยุ่เสมอๆ ผมรู้สึกถึงความสบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเธอ...
วิภาเป็นหญิงสาวหน้าตาเรียบๆ แต่ดูมีเสน่ห์ น่าจะเป็นเพราะความทันสมัยและการแต่งตัวของเธอมั้ง ที่ทำให้หนุ่มๆหลายๆคนเข้ามาชอบพอเธอ ซึ่งผมแซวเธออยู่ทุกครั้งว่าเธอช่างแต่งตัวได้ขัดกับชื่อโบราณๆของเธอสิ้นดี
จะไปไหนเหรอ... ผมถามเธอด้วยความอยากรู้ อย่างน้อยผมอาจจะขอติดตามเธอไปด้วยก็ได้ อืม...อยู่บ้านเซ็งๆเลยหาเรื่องออกมาข้างนอกน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน นายจะไปไหนล่ะ เผื่อฉันจะตามไปด้วย อืม...นิสัยตรงไปตรงมาไม่มีลีลาของเธอด้วยล่ะมั้ง ที่ทำให้ผม เอ๊ย หนุ่มๆชอบ...
ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน... ผมตอบ ขณะเดียวกันรถเมล์สายสีชมพูอ่อนก็เข้ามาจอดเทียบที่ป้ายอีกครั้ง
รถเมล์สายสีชมพูอ่อนมาบ่อยผิดปกติเกินไปแล้วนะ...!! ผมบ่นคนเดียวในใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากชวนเพื่อนสาวของผมขึ้นรถสายนี้ใจจะขาดเช่นกัน
ไปกันเถอะ... เป็นวิภาที่จับมือผมเดินไปขึ้นรถเมล์ ผมใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เธอคิดอะไรของเธออยู่กันนะ
มันยังไม่ถึงเวลา ผมบอกกับตัวเองเบาๆ หากแม้ปากและหัวใจผมจะคัดค้าน แต่กับขาของผมกลับก้าวเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย
รถเมล์ปิดประตูพร้อมเคลื่อนตัวออกจากป้าย ผมมองออกไปเบื้องหน้า เห็นรถเมล์สายสีชมพูอ่อนวิ่งนำหน้าอยู่...
อ้าว! แล้วคันนี้มันรถเมล์สายอะไรล่ะ...
ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองป้ายสติ๊กเกอร์ว่าผมขึ้นมาอยู่บนรถเมล์สายอะไร
สีส้ม!! ไม่กี่อึดใจผมก็รู้คำตอบ...รถเมล์สายนี้มาตอนไหน หรือว่าผมมัวแต่ตื่นเต้นมากจนเกินไปที่คิดว่า วิภาจะพาผมขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อน จนไม่ได้มองว่ามีรถเมล์สายสีส้มมาจอดต่ออยู่ข้างหลัง
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าผมผิดหวัง หรือโล่งใจกันแน่ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ วิภาส่งยิ้มแห่งมิตรภาพให้...วาบความคิดผมอยากให้คนที่พลัดตกจากรถเมล์สายสีเหลืองและแดง ขึ้นมาด้วยกันกับผมจังเลย จะได้รู้สึกถึงมิตรภาพดีๆที่เพื่อนมีให้เพื่อนเช่นนี้
ผมสลัดความคิดเสียดายนั้นออกจากหัว คงสายเกินไปแล้วที่ผมจะชวนคนพวกนั้นมาขึ้นรถเมล์สายสีส้มนี้...
สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้คือ หันไปยิ้มรับให้กับวิภา ก่อนจะบอกเธอว่า
ด้วยความยินดี...
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 23:47:53 น. |
Counter : 3752 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:08:37 น. |
|
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.125.239 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:31:18 น. |
|
โดย: GottaBeMary วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:12:11 น. |
|
โดย: โก้ IP: 58.9.17.27 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:11:35 น. |
|
| |
|
ยางมะตอยสีชมพู |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้
ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน

ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^ ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน
ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน
และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม
แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม
ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง
ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู)
ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม
(ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
|
|
 |
|
ดีจัง คุณตอยฯมีเพื่อนขึ้นรถเมล์
ที่บ้านรถเมล์สีชมพูไม่ผ่าน
มีแต่รถไฟ จอดไม่นาน เคลื่อนตัวช้า
แต่ไม่ควรเสี่ยงกระโดดขึ้น อาจพลัดตกได้
บางทีคนเราก็หวั่นกลัวจินตนาการของตัวเอง
..