Don't Worry, Be Happy

<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 พฤศจิกายน 2551
 

Title: รถเมล์





ท่ามกลางการจราจรอันวุ่นวาย กับชีวิตแสนยุ่งเหยิง ของใครหลายๆคนในสังคมเมือง
ผมยังคงนั่งอยู่ ณ ป้ายรถเมล์ริมถนนแห่งหนึ่งมาพักหนึ่งแล้ว

ที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้มีผู้คนรอรถเมล์อยู่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปนัก

แต่ละคนในที่นี้ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันอยู่
คือการรอรถเมล์สายที่ตัวเองต้องการเดินทางไปสู่จุดหมายที่หวังไว้
แน่นอนแม้ว่าทุกคนจะมีจุดประสงค์เดียวกัน แต่เป้าหมายนั้นย่อมต่างกันอย่างไม่มีข้อสงสัย

ผมสังเกตุเห็นว่าบางคนมาถึงที่ป้ายรถเมล์นี้ก่อนผมและรอรถเมล์มานานมากแล้ว
แต่สายที่ตัวเองต้องการขึ้นก็ยังไม่มาเสียที ขณะที่บางคนไม่ต้องเสียเวลารอมาก
รถเมล์สายที่ต้องการขึ้นก็มาถึงพอดี

ส่วนผมน่ะหรือ...จริงๆแล้วผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยากไปที่ไหน
ก็มีบ้างสำหรับจุดหมายปลายทางที่ผมต้องการจะเดินทางไป
แต่...ในเวลานี้มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้น

ผมสังเกตุเห็นสาวน้อยคนหนึ่งชะเง้อคอรอคอยรถเมล์สายที่ต้วเองต้องการขึ้นอย่างมีความหวัง
สายตาของเธอนั้นคอยมองออกไปที่ถนนอยู่ตลอดเวลา

ผมหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆผม เขาอยู่ในชุดเรียบร้อย
เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว เนคไทสีกรมท่า สวมกางเกงสแล็คสีดำ รองเท้าหนังสีดำขลับ
แสดงว่าผ่านการขัดถูมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อพินิศมองสีหน้าชายหนุ่มคนนี้แล้ว
เขาดูมีท่าทีกระวนกระวายกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา
ผมคาดว่าเขาคงมีนัดสำคัญที่ไหนซักแห่ง
สังเกตุได้จากการเขาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือมาเป็นสิบๆรอบภายในเวลา 2-3 นาทีเท่านั้น

ผมละสายตาผู้คนที่รอรถเมล์อยู่ในป้ายรถเมล์แห่งนี้ก่อนเบือนหน้าออกไปบนท้องถนน
เห็นรถเมล์สายสีเหลืองและสีแดงวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง
ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์และเสียงบีบแตร
ก่อนที่รถเมล์ทั้งสองสายจะวิ่งมาถึงที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้เสียอีก
รวมไปถึงเสียงกรีดร้องของผู้คนที่อยู่บนรถเมล์ทั้งสองสายนั้นด้วย
บางคนโชคร้ายยึดตัวเองอยู่บนรถเมล์ได้ไม่นานถึงกับพลัดตกลงมาบนท้องถนน
บางรายบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ บางรายก็ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ที่น่าเสียใจคือบางรายถึงขั้นเสียชีวิต
ผมนึกโกรธคนขับรถเมล์ทั้งสองสายนั้น ทำไมพวกเขาถึงได้ไร้ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสารของตัวเองเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะมีจุดหมายปลายทางเดียวกันหรือไงที่หลายๆคนพร้อมใจกันขึ้นไปบนรถเมล์สายนั้นๆ


เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับละสายตาจากท้องถนน
ลอบมองพฤติกรรมของใครหลายคนที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้เช่นเดิม

ผมชะงักเมื่อผมเห็นรอยยิ้มหวานจากหญิงสาวผู้มาใหม่คนหนึ่ง
ผมมั่นใจว่าเธอส่งยิ้มให้ผมแน่นอน ผมหลบสายตาเธอ และจ้องมองพื้นดิน
ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะส่งยิ้มคืนกลับให้เธอไปดีหรือไม่
รถเมล์สายสีชมพูอ่อนก็มาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์แล้ว

ผมเห็นคู่ชายหนุ่มหญิงสาวสองคู่เดินลงมากจากรถเมล์สายสีชมพูอ่อนนั้น
คู่หนึ่งหน้าตาสดใสดูมีความสุข และควงแขนกันขึ้นรถเมล์สายสีชมพูเข้ม
ที่เข้ามาจอดต่อข้างหลังรถเมล์สายสีชมพูอ่อนอย่างทันท่วงที

ขณะที่อีกคู่เดินลงมาด้วยน้ำตานองหน้า ทั้งสองต่างเดินแยกทางกัน
ฝ่ายชายเดินไปที่นั่งเก้าอี้ฝั่งขวาสุดด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก
ขณะที่ฝ่ายหญิงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งซ้ายสุดพร้อมกับสะอื้นไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร

สาวน้อยที่รอรถเมล์อยู่ด้วยสีหน้าแห่งความหวังยิ้มแย้มดีใจ
รีบวิ่งแทรกตัวขึ้นไปบนรถเมล์สายสีชมพูอ่อนทันทีที่หนุ่มสาวทั้งสองคู่เดินลงมา

ส่วนผม...ผมรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า เป็นหญิงสาวคนที่ยิ้มให้ผมนั่นเอง
“คุณจะรังเกียจไหม ถ้าจะขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อนนี้เป็นเพื่อนฉัน?”

ผมจ้องมองใบหน้าของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าดีพอสมควรเลยล่ะ
ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่หญิงสาวหน้าตาดีๆอย่างนี้อยู่ดีๆก็มาชวนผมขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อน

ผมครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจตอบออกไป
“ขอโทษนะครับ มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะขึ้นรถเมล์สายนี้ ขอบคุณที่ชวนนะครับ”

หญิงสาวไม่ตอบ ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม ปล่อยให้รถเมล์สายสีชมพูอ่อนเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ

“ทำไมคุณถึงไม่ยอมไป” หญิงสาวคนนั้นยิงคำถามใส่ผมทันทีหลังจากที่เธอจัดท่านั่งของเธอจนเข้าที่เข้าทางแล้ว
“อืม...อย่างที่ผมบอกมันยังไม่ถึงเวลา”
“ฉันรู้ว่าคุณก็รอรถเมล์สายนี้อยู่”
“นั่นมันนานมาแล้วครับ”
“คุณไม่คิดที่จะขึ้นไปอีก?”
“คิดครับ...แต่อย่างที่บอกมันยังไม่ถึงเวลา”
“คุณจะรอไปอีกนานเท่าไหร่?”
“ก็...จนกว่าที่อะไรๆจะเรียบร้อย”
“คุณหมายถึงความพร้อม”
“ก็มีส่วน”

รถเมล์สายสีชมพูอ่อนมาจอดเทียบที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง

น่าแปลก...ผมคิดย้อนกลับไปในอดีต ตอนนั้นผมได้แต่ชะเง้อรอคอยรถเมล์สายสีชมพูอ่อน
ผมรอมานานมาก นานจนผมลืมไปแล้วว่าผมรอรถเมล์สายนี้อยู่

ผมรู้สึกเหมือนกับว่า บางสิ่งบางอย่างหากเราตั้งตารอคอยมันมากจนเกินไป มักจะไม่ได้มา
แต่วันไหน หากเราไม่ได้ต้องการสิ่งๆนั้นแล้ว มันกลับมาจ่ออยู่ตรงหน้าเราอย่างง่ายๆ
ซึ่งการรอรถเมล์แต่ละสายนั้นก็เช่นเดียวกัน และมันทำให้ผมต้องตัดสินใจอีกครั้ง

“ฉันขอถามคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่า...คุณจะไปกับฉันไหม”
ผมครุ่นคิดอีกครั้งก่อนตอบไปว่า “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว”

คำตอบของผมนั้นมันทำให้น้ำตาของหญิงสาวเอ่อล้นออกมา
เธอมองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจ ขณะที่ผมกลับส่งยิ้มไปให้เธอ ก่อนบอกว่า
“คุณไปก่อนเถอะครับ...ไม่เป็นไรผมอยากนั่งต่ออีกซักหน่อย”

ไม่มีคำพูดใดจากหญิงสาวอีก เธอวิ่งขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อนนั้นไปด้วยน้ำตานองหน้า
แต่...ผมก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามเธอขึ้นไปเช่นกัน
ชายหนุ่มคว้าแขนเธอไว้ ทั้งสองสบตากัน
ก่อนที่ประตูของรถเมล์สายสีชมพูอ่อนจะปิดลง และเคลื่อนตัวออกไป...

ผมหัวเราะให้ตัวเอง...ทำไมถึงได้มาไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลาเลยนะ ไอ้รถเมล์บ้า




มีรถเมล์มาจอดเทียบที่ป้ายอีกแล้ว คราวนี้เป็นรถเมล์สายสีรุ้ง
ผมเห็นเด็กๆวิ่งเฮโลขึ้นไปบนรถเมล์สายนี้อย่างดีอกดีใจ
บนรถเมล์มีขนมหวานและของเล่นมากมาย
มีกระดานสีขาวไว้ให้เด็กๆวาดรูปเล่น

ผมนึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ผมก็เคยขึ้นรถเมล์สายนี้
แต่น่าเสียดายรถเมล์สายนี้เป็นรถเมล์ที่วิ่งระยะสั้น
อีกไม่กี่อึดใจเด็กๆเหล่านั้นก็ต้องลงเพื่อต่อรถเมล์สายต่อๆไปที่เหมาะสมกับตัวเอง

รถเมล์สายสีรุ้งเคลื่อนตัวออกไป รถเมล์สายสีเทาก็ขยับเข้ามาแทนที่
รถเมล์สายนี้เป็นรถเมล์ที่วิ่งในระยะสั้นเช่นกัน
แต่ต่างกับรถเมล์สายสีรุ้งตรงที่รถเมล์สายนี้มีแต่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่จะขึ้นไป
และมีรถเมล์สายนี้สายเดียวเท่านั้นที่ไม่มีผู้ใดประสงค์ที่จะรอคอย
หากแต่เมื่อขึ้นไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีจุดหมายปลายทางจบในที่เดียวกัน...



ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆผมมานานทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผม ผมคิดในใจ ‘เขาคงเมื่อย’
ผมอดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงรถเมล์สายที่ชายหนุ่มคนนี้รอ ผมรู้สึกได้ว่ามันนานเกินไปแล้ว

“คุณรอรถเมล์สายอะไรอยู่หรือครับ”
“สายสีน้ำเงินน่ะครับ” เขาพูดพลางขยับเนคไทที่คอให้หลวม...เขาคงอึดอัดมานาน
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
“ทำไมหรือครับ หรือว่ารถเมล์สายนี้เขาไม่วิ่งแล้ว”
“ยังวิ่งอยู่ครับ หากแต่ว่า...”
“หากแต่ว่า...?”

“อืม...รถเมล์สายนี้เขาจะไม่รับคนที่ป้ายรถเมล์น่ะสิครับ”
“อ้าว...แล้วเขาจะไปรับที่ไหนล่ะครับ”
“ที่บ้านของคุณนั่นแหล่ะครับ”
“ไม่จริง...ผมรอมาตั้งนานผมยังไม่เห็นรถเมล์บ้าที่ไหนวิ่งผ่านหน้าบ้านผมซักคัน”

“ที่รถเมล์สายนี้ไม่ผ่านหน้าบ้านคุณคงเป็นเพราะว่าคุณนอนรอนั่งรออย่างเดียวใช่ไหม?”
ชายหนุ่มนิ่งไป

“หากคุณคิดที่จะรออย่างเดียวโดยไม่คิดสร้างโอกาสให้คุณขึ้นมาเองเลย ผมว่าคงยากที่จะขึ้นรถเมล์สายนี้”
“แล้วผมต้องทำอย่างไร?”
“มีหลายวิธีครับ...ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน คุณต้องลองทำดู”
“เหรอ...” ชายหนุ่มรำพันเสียงอ่อย

“ผมว่าวันนี้คุณเหนื่อยมามากพอแล้วล่ะ ผมว่าคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน
แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ขอเพียงแค่คุณอย่าลืมว่า คุณต้องอย่านั่งรอโอกาส แต่คุณต้องสร้างมันขึ้นมา...”
“อืม...งั้นผมขอกลับบ้านก่อนแล้วกัน ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ”
ผมยิ้มรับคำขอบคุณของเขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

ขณะที่ผมกำลังนั่งรออยู่เพลินๆนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหญิงสาวทักทายผมอย่างสนิทสนม
“ไงจ๊ะพ่อหนุ่ม...มานั่งหง่าวอะไรอยู่แถวนี้เนี่ย”
“วิ...” นั่นคือเสียงของวิภา เพื่อนสาวที่สนิทที่สุดของผม เวลาผมมีปัญหาทีไรก็ได้เธอนั้นแหล่ะ
ที่คอยช่วยเหลือผมอยุ่เสมอๆ ผมรู้สึกถึงความสบายใจทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเธอ...

วิภาเป็นหญิงสาวหน้าตาเรียบๆ แต่ดูมีเสน่ห์
น่าจะเป็นเพราะความทันสมัยและการแต่งตัวของเธอมั้ง ที่ทำให้หนุ่มๆหลายๆคนเข้ามาชอบพอเธอ
ซึ่งผมแซวเธออยู่ทุกครั้งว่าเธอช่างแต่งตัวได้ขัดกับชื่อโบราณๆของเธอสิ้นดี

“จะไปไหนเหรอ...” ผมถามเธอด้วยความอยากรู้ อย่างน้อยผมอาจจะขอติดตามเธอไปด้วยก็ได้
“อืม...อยู่บ้านเซ็งๆเลยหาเรื่องออกมาข้างนอกน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน นายจะไปไหนล่ะ เผื่อฉันจะตามไปด้วย” อืม...นิสัยตรงไปตรงมาไม่มีลีลาของเธอด้วยล่ะมั้ง ที่ทำให้ผม เอ๊ย หนุ่มๆชอบ...

“ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน...” ผมตอบ ขณะเดียวกันรถเมล์สายสีชมพูอ่อนก็เข้ามาจอดเทียบที่ป้ายอีกครั้ง

รถเมล์สายสีชมพูอ่อนมาบ่อยผิดปกติเกินไปแล้วนะ...!!
ผมบ่นคนเดียวในใจ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากชวนเพื่อนสาวของผมขึ้นรถสายนี้ใจจะขาดเช่นกัน

“ไปกันเถอะ...”
เป็นวิภาที่จับมือผมเดินไปขึ้นรถเมล์ ผมใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เธอคิดอะไรของเธออยู่กันนะ

“มันยังไม่ถึงเวลา” ผมบอกกับตัวเองเบาๆ
หากแม้ปากและหัวใจผมจะคัดค้าน แต่กับขาของผมกลับก้าวเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย

รถเมล์ปิดประตูพร้อมเคลื่อนตัวออกจากป้าย
ผมมองออกไปเบื้องหน้า เห็นรถเมล์สายสีชมพูอ่อนวิ่งนำหน้าอยู่...

อ้าว! แล้วคันนี้มันรถเมล์สายอะไรล่ะ...

ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองป้ายสติ๊กเกอร์ว่าผมขึ้นมาอยู่บนรถเมล์สายอะไร

สีส้ม!! ไม่กี่อึดใจผมก็รู้คำตอบ...รถเมล์สายนี้มาตอนไหน
หรือว่าผมมัวแต่ตื่นเต้นมากจนเกินไปที่คิดว่า วิภาจะพาผมขึ้นรถเมล์สายสีชมพูอ่อน
จนไม่ได้มองว่ามีรถเมล์สายสีส้มมาจอดต่ออยู่ข้างหลัง

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าผมผิดหวัง หรือโล่งใจกันแน่
“ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ” วิภาส่งยิ้มแห่งมิตรภาพให้...วาบความคิดผมอยากให้คนที่พลัดตกจากรถเมล์สายสีเหลืองและแดง ขึ้นมาด้วยกันกับผมจังเลย จะได้รู้สึกถึงมิตรภาพดีๆที่เพื่อนมีให้เพื่อนเช่นนี้

ผมสลัดความคิดเสียดายนั้นออกจากหัว
คงสายเกินไปแล้วที่ผมจะชวนคนพวกนั้นมาขึ้นรถเมล์สายสีส้มนี้...

สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้คือ หันไปยิ้มรับให้กับวิภา ก่อนจะบอกเธอว่า

“ด้วยความยินดี...”



Bon Voyage - Soundlanding




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551
7 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 23:47:53 น.
Counter : 3616 Pageviews.

 
 
 
 
...
ดีจัง คุณตอยฯมีเพื่อนขึ้นรถเมล์

ที่บ้านรถเมล์สีชมพูไม่ผ่าน
มีแต่รถไฟ จอดไม่นาน เคลื่อนตัวช้า

แต่ไม่ควรเสี่ยงกระโดดขึ้น อาจพลัดตกได้

บางทีคนเราก็หวั่นกลัวจินตนาการของตัวเอง

..
 
 

โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:08:37 น.  

 
 
 
(- - " )

อยู่บนคานมานาน
เพราะเราพลาดรถเมล์สีชมพูเปล่าหว่า ??

.
.
.

แนวคิดเรื่องสั้นเรื่องนี้หนุกดีค่ะคุณยางมะตอย


 
 

โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:32:29 น.  

 
 
 
คุณสิงห์ฯ - จริงๆแล้วผมก็โดนถีบร่วงลงมาจากรถเมล์สายสีชมพูเหมือนกันนั่นแหล่ะครับ โชคดีที่คอไม่หัก อิอิ

คุณหมูปิ้งฯ - รอนานมากระวังหยากไย่ขึ้นตัวนะฮะ...แล้วก็ขอบคุณที่มองว่าเรื่องนี้สนุกฮะ ^ ^
 
 

โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.125.239 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:31:18 น.  

 
 
 
เขียนดีอีกแล้วคุณ เท่ห์มั่ก ๆ ตอนแรกคิดตั้งนาน
รถเมล์ไรวะ สายแดง สายเหลือง ทำไมขับกันโหดร้าย
ในใจแอบคิดว่า สายสีเขียวต่ะหาก ที่ขับกันเร็ว วะฮะฮ่าๆๆ

งี้ละเนอะคุณ ปรัชญารถเมล์ สายที่รอมักไม่มา
สายที่มา มักไม่ได้รอ มานั่งตกผลึกหน้าป้ายรถเมล์อย่างนี้
ท่าทางต้องขึ้นสายสีเทาได้แล้วนะคุณ สายอะไร ๆ ก็ไม่ขึ้น
แถมรู้จักไปหมดทุกสาย สายน้ำเงินก็ไปมาแล้ว
ชมพูก็แล้ว รุ้งก็แล้วอะไรก็แล้ว ไปสายเทาโลด
เดี๋ยวชวนขึ้นเอง 5555 ไปม่ะ ๆ ๆ ไปด้วยเลย เบื่อโลกแล้ว
อ้าว ว่ากันไปนู่น.......ว่าแต่ว่า จริง ๆ แล้วรอสายไรอยู่อ่ะ
เผื่อผ่านแถวบ้าน จะได้ติดไปลงด้วยคน หึหึ

 
 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:32:58 น.  

 
 
 
ตอนนี้ชั้นนั่งรถเมล์เขียวโหนคานต่างระดับขับหวาดเสียวอยู่อ่ะ เมื่อไหร่จะได้ลงมาขึ้นรถเมล์สายสีจมปูมั่งนะ ฮ่ะๆ รออยู่...เขียนดีนะเนี่ย...ไม่ลองไปเขียนนิยายเหรอพ่อคู๊ณ เผื่อเกาหลีจะได้เอาไปทำเป็นหนังมั่ง...กรั่กๆ

ป.ล. อัพบล็อกแล้วนะ ขออภัยที่หายไปนาน เคี๊ยกๆ
 
 

โดย: GottaBeMary วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:12:11 น.  

 
 
 
อยากให้มีหลายๆ สายจัง
จะได้มีทางเลือกเยอะๆ หน่อย
 
 

โดย: โก้ IP: 58.9.17.27 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:11:35 น.  

 
 
 
แวะมาฝากบ้าน รับฝากบ้านไหมหนอ
จะไม่อยู่เป็นเดือนเลย คิดถึงกันบ้างแล้วกันนะ
อิอิ
 
 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:55:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยางมะตอยสีชมพู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด
ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้

ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ
ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน



ลายปากกา


ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^
ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู) ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม (ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
[Add ยางมะตอยสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com