
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
Title: กาลเวลาที่สูญหาย ความเดียวดายที่เงียบงัน

ผมค่อยๆ แกะจดหมายสีชมพูออก...
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าซองจดหมายที่ถูกส่งมาจนถึงมือของผม ณ ขณะนี้นั้น เป็นการ์ดแต่งงาน ผมนึกในใจว่าคราวนี้เป็นทีของเพื่อนผมคนไหนอีกล่ะ ซึ่งผมจะไม่แปลกใจเลยเพราะในช่วงอายุของผมนั้นเหมาะสมกับการสร้างเนื้อสร้างตัว และเริ่มมีครอบครัวใช้ชีวิตคู่อย่างที่สุด หากแต่ผมแปลกใจ เมื่อภายในซองจดหมายนั้นเป็นการ์ดแต่งงานที่มีชื่อของเธอ...คนนั้นอยู่
และนี่เป็นครั้งที่สาม ที่ผมได้รับเชิญไปงานแต่งงานของเธอ
Title: กาลเวลาที่สูญหาย ความเดียวดายที่เงียบงัน
รู้หรือยังว่ายัยอรแต่งงานใหม่อีกแล้ว เสียงปลายสายเจื้อยแจ้วมา ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนแปลกใจ ไม่ต่างกับที่ผมกำลังเกิดความระคนสงสัยในตอนนี้เท่าไรนัก รู้แล้ว...เพิ่งได้รับการ์ดวันนี้เหมือนกัน ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แกไม่ตกใจ? ปลายสายถามกลับ อืม...จะว่าตกใจก็ตกใจอยู่ แต่ทำไงได้ นี่มันครั้งที่สามของเธอแล้วนี่หว่า นั่นล่ะ สมควรที่จะตกใจ ไอ้ครั้งแรกที่ยัยอรมันแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บก็ตกใจพออยู่แล้ว พอมาแต่งงานครั้งที่สองก็ยังพอรับได้ เพราะสามีมันตาย แต่ครั้งนี้... ทำไมเหรอ? ผมถามหลังจากเสียงปลายสายเว้นคำพูดไว้เหมือนกำลังจะตัดสินใจว่าจะบอกผมดี หรือไม่บอกดี ไม่รู้สิ เห็นเค้าบอกกันว่า แฟนใหม่ยัยอรนอกจากงานการไม่ทำแล้ว ยังใช้ยัยอรอย่างกับเป็นขี้ข้า คิดดูขนาดยัยอรกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ยังใช้ให้ยัยอรทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้าน ขนาดของที่อยู่บนชั้นสองมันยังขี้เกียจเดินขึ้นไปหยิบ ยังใช้ให้ยัยอรเดินขึ้นไปเอาให้เลย แถมเมาเหล้าหยำเปทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันทิ้งคนเก่าที่แสนดี ที่ทั้งมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงในสังคม แถมยังรวยล้นฟ้าไปได้ยังไง เสียงปลายสายร่ายยาวมาเป็นชุด เรื่องอย่างนี้ก็พูดยากว่ะแก... ผมบอก นั่นสินะ ก็ดีแล้วล่ะ ที่แกถอนตัวจาก... ว่าแต่แกมีเบอร์เธอไหม ฉันขอหน่อยสิ ผมชิงพูดก่อนที่ปลายสายจะพูดพล่ามมากไปกว่านี้ ขณะที่ในใจคิดถึงเธอคนนั้นขึ้นมาทันที...
ผมนัดเจอกับเธอที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ขณะที่ขาของผมกำลังจะพาตัวผมเข้าไปในสวนสาธารณะนั้น ในใจผมเกิดลังเลขึ้นมา
ใจหนึ่ง...ผมอยากจะเจอใจจะขาด ขณะที่อีกใจหนึ่ง...ผมกลับอยากวิ่งหนีจากที่ตรงนั้นไปให้รู้แล้วรู้รอด
จนผมมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อเท้าทั้งสองข้างของผมหยุดนิ่งสงบลง ภาพเบื้องหน้าเป็นสระน้ำในสวน ที่มีผู้คน รวมถึงคู่รักมากมายกำลังพายเรือเล่นอยากสนุกสนาน เธอคนนั้นนั่งอยู่อย่างเงียบงันบนม้านั่งยาวสีน้ำตาลอ่อนภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกมาให้ความร่มรื่น ผมสืบเท้าเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ
ผมคิดในใจ
กี่ปีแล้วนะที่ผมไม่ได้พบเจอเธอ กี่ปีแล้ว...ที่ผมไม่ได้พูดคุยกับเธอ กี่ปีแล้ว...ที่ผมไม่เคยได้รับรู้ข่าวคราวความเป็นไปของเธอ และกี่ปีแล้ว...ที่ผมมีโอกาสอยู่กับเธอสองต่อสองในสวนสาธารณะแห่งนี้ ภายใต้ร่มไม้แห่งนี้ และ...รวมถึงเก้าอี้ตัวนี้ด้วย
เอ่อ...สวัสดีอร ผมกล่าวทักทายหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าผม
หญิงสาวคนนั้นหันหน้ามาหาผมอย่างช้าๆ ใบหน้าของเธอยังแลดูอ่อนเยาว์แม้ว่ามันจะถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดที่เธอสวมใส่อยู่ก็ตาม
ไม่เจอกันนานเลยนะคะ...ริน
เธอยิ้มทักทายผม พร้อมกับขยับตัวให้เกิดพื้นที่ว่างข้างเธอ ผมยิ้มให้เธออีกครั้งก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงที่ว่างนั้น ผมมองใบหน้าเธอด้วยระยะเพียงฝ่ามือขั้น เธอยังสวยเหมือนเดิม สังเกตุได้จากใบหน้าที่ขาวเกลี้ยงเกลา ไร้ริ้วรอยใดๆ ด้วยอายุขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าเธอคงไม่ได้ทิ้งขว้างร่างกายของเธอเป็นแน่ เธอดูแลรักษาร่างกายเธอมาเป็นอย่างดีตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
อรดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ผมบอกเธอด้วยความรู้สึกนั้นจริงๆ เธอไมได้เปลี่ยนไปเลย เธอยิ้ม ก่อนบอกผมว่า ขอบคุณนะ แต่ดูรินสิ...เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ นั่นสิ ผมยิ้มแหย พร้อมกับคลำหน้าท้องส่วนเกินของผมไปด้วย
อรจะแต่งงานใหม่ ผมถามเธอ ใช่...ก็ตามที่การ์ดเชิญงานแต่งงานที่ส่งไปให้นั่นแหล่ะ
ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ติดต่อมาบ้างเลย เบอร์โทรศัพท์ก็เปลี่ยน อืม...หลายๆ อย่างน่ะ เหตุผลส่วนตัวด้วยมั้ง เธอพูด ขณะเดียวกันเธอก็โน้มตัวไปข้างหน้าใช้หน้าขาเป็นรากฐานในการชันศอกขึ้น เท้าคาง สายตาจ้องมองออกไปเบื้องหน้า เพื่อมองดูกระแสน้ำที่ไหลเอื่อย
เธอยังเป็นหญิงสาวที่มากด้วยความลับและเข้าใจยากเช่นเดิม ผมรู้ดีว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาตั้งคำถามกับเธอ กลับกันหากเธอพร้อมจะเล่า หรือระบายอะไรใดๆ ให้ใครคนอื่นฟัง เธอจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนเอง โดยไม่ต้องรอให้ใครถามซักคำ
เราสองคนยังนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของเราทั้งสองคน กระแสน้ำยังคงไหลเอื่อยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะไหลเร็วขึ้น คู่รักมากมายยังคงพายเรือเล่นกันอย่างสนุกสนาน กลับกันแสงแดดกลับอ่อนแรงลง พร้อมเตรียมตัวที่จะลาลับขอบฟ้าไป
เราทั้งสองยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
สายลมพัดอ่อนๆ ทำให้ผมสลวยยาวของเธอปลิวไสวอย่างนุ่มนวล เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นคล้ายกับว่าสายลมไม่อาจแตะต้องตัวเธอได้
พายเรือเล่นกันไหม? ผมเอ่ยถามเป็นเชิงขอความเห็นกับเธอ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามเธอออกมาเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะผมต้องการทำลายความเงียบ อาจเป็นเพราะผมต้องการละลายความอึดอัดที่ครอบคลุมอยู่นั้นให้หายไป หรืออาจจะเป็นเพราะผมต้องการที่จะพายเรือเล่นกับเธอจริงๆ ผมไม่รู้...นั่นคือคำตอบของผม
แต่คำตอบของเธอผมรับรู้ได้ เมื่อเธอลุกขึ้นยืน และบอกว่า ไปสิ
เราสองคนช่วยกันพายเรือเลาะริมฝั่งขึ้นมาเรื่อยๆ จนเรือแล่นเข้ามาอยู่ใต้สะพาน เราทั้งสองก็หยุดพาย ปล่อยให้เรือลอยตามกระแสน้ำไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ อย่างนั้น
ฉันรักเขา จู่ๆ เธอก็พูดออกมา อย่างที่บอกผมไม่สามารถคาดเดาอารมณ์จากอากัปกิริยาของเธอได้เลยแม้แต่น้อย ผมจ้องใบหน้าเรียวของเธอ พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
ใครต่อใครต่างบอกว่าเขาไม่คู่ควรกับฉัน ทั้งสถานะทางสังคม หน้าตา หรือแม้กระทั่งหน้าที่การงาน ทุกคนต่างตัดสินใจแทนฉันทั้งหมดว่า เขาไม่ดีพอ...
ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ผมรู้ดีว่าเธอต้องการจะระบายต่อ
รินรู้ไหม...ชีวิตการแต่งงานของฉันไม่เคยมีความสุขเลย ทุกอย่างล้วนถูกฉาบไว้เบื้องหน้าทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่สามี...เอ่อ อดีตสามีของอรพร้อมให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่อรเนี่ยนะ เขาให้ทุกสิ่งทุกอย่างได้...แต่เขาให้ความรักไม่ได้ เธอพูดน้ำเสียงจริงจัง ผมเข้าใจ ผมพูดพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
รินเปลี่ยนไปจริงๆ ด้วย เมื่อก่อนรินไม่สูบบุหรี่ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง ผมตอบเธอไปสั้นๆ เอาหน่อยไหม ผมพูดพร้อมกับยื่นบุหรี่ให้เธอ
เธอหยิบบุหรี่ออกจากซอง และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อต่อไฟจากบุหรี่ที่ผมคาบไว้อยู่ ใบหน้าเธอแนบชิดเข้าใกล้ผม เพียงแค่ระยะห่างของผมหายใจ ผมรีบดึงหน้าหนีห่างออกจากเธอ เมื่อเห็นว่าเธอจุดบุหรี่ติดแล้ว
มีตรงนี้แหล่ะ ที่รินไม่เปลี่ยนไปซักที เธอพูดพร้อมกับหัวเราะกิ๊ก ผมกำลังจะเปลี่ยนแปลงมันอยู่...ว่าแต่เมื่อก่อนอรก็ไม่สูบบุหรี่นี่ อย่างที่รินว่านั่นแหล่ะ ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง
เราสองคนยังนั่งอยู่บนเรือที่ถูกนำพาด้วยกระแสน้ำไหลเอื่อย บทสนทนาของเราจบลงอย่างรวดเร็ว และไม่มีทีท่าว่าจะเริ่มขึ้นอีก
จนพระอาทิตย์ลาลับของฟ้า เราทั้งสองจึงประคองเรือกลับเข้าฝั่ง
ผมเดินเคียงคู่เธอออกมาจากสวนสาธารณะเพื่อไปส่งเธอที่รถ สองข้างทางอุดมไปด้วยต้นไม่ใหญ่หลายต้นที่ถูกปลูกเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แสงไฟนีออนที่ส่องทางเดินดับบ้างติดบ้าง แต่เราก็ยังอาศัยแสงไฟริมทางเดินนั้นนำทางต่อไป
ระยะทางจากจุดที่เราพบกันนั้น ห่างกับที่จอดรถพอสมควร แต่ผมรู้สึกว่าเวลากลับเดินเร็วมากเพียงครู่เดียว เราทั้งสองคนก็ยืนอยู่ข้างหน้ารถของเธอที่จอดไว้
ระยะทางอันห่างไกล กับกาลเวลาที่แสนสั้น มันเหมือนกับสภาพของผมตอนนี้อย่างไรไม่รู้ ผมไม่เจอเธอมาเป็นเวลานานหลายปี แต่เมื่อได้เจอกับเธอแล้ว ผมกลับมีโอกาสอยู่กับเธอเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
ผมไม่สามาถทำอะไรต่อไปจากนี้ได้ นอกจากส่งเธอขึ้นรถ และปิดประตูให้เธอ
เธอเปิดกระจกลงมา ยิ้มให้กับผม แน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง เธอพูดเสียงแจ้ว ไม่เป็นไร อรขับรถดีๆ แล้วกัน แล้วเจอกันในงานแต่งงาน อืม...แล้วเจอกันในงานแต่งงาน เธอยิ้มให้ผมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่พาตัวของเธอเองออกไป จากชีวิตผมอีกครั้ง
ผมปล่อยให้ความเดียวดายกัดกินช่วงชีวิตของผมมาอย่างยาวนาน เพื่อมาเจอเธออีกครั้ง และผมคิดว่า งานแต่งงานของเธอที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้นั้น จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้พบเธอเสียที...
ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...
ถ้ายังรัก - Crescendo
Create Date : 22 เมษายน 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 22 เมษายน 2552 23:27:14 น. |
Counter : 2826 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: ปณาลี วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:17:53:22 น. |
|
โดย: ปณาลี วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:20:38:04 น. |
|
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.121.126.37 วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:22:05:03 น. |
|
โดย: ตูนค่ะ (ปณาลี ) วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:23:09:34 น. |
|
โดย: อมิธีสท์ วันที่: 24 เมษายน 2552 เวลา:23:47:15 น. |
|
| |
|
ยางมะตอยสีชมพู |
 |
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้
ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน

ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^ ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน
ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน
และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม
แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม
ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง
ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู)
ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม
(ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
|
|
 |
|
เดี๋ยวแวบมาอีกครั้ง