หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
อาหาเรปฏิกูลสัญญา หน้าที่ 1


............... อาหาเรปฏิกูลสัญญา แปลว่า พิจารณาอาหารให้เป็นของน่าเกลียด อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตก็จริง แต่ทว่าอาหารนี้เป็นภัยแก่นักนิยมบำเพ็ญความเพียรเพื่อเผาผลาญกิเลสให้เร่าร้อนไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าจะพูดกันให้ตรงแล้ว อาหารนั้นไม่เป็นภัยเลย แต่ความรู้สึกของคนเองสร้างความเป็นภัยให้เกิดแก่ตัวทราบกันอยู่เป็นปกติแล้วว่าสัตว์ทุกประเภทต้องการอาหาร แต่ความต้องการอาหารของร่างกายนี้ ร่างกายต้องการเพียงยังอัตภาพให้เป็นอยู่ชั่วคราว ร่างกายมิได้มีความต้องการสีสันของอาหาร มิได้ต้องการรสเลิศของอาหาร ร่างกายไม่เคยบัญชาว่าต้องการอาหารที่มีราคาแพงไม่เคยบอกว่าอาหารที่ทำด้วยสัตว์ตายเองมีรสไม่อร่อย และอะไรอีกนับไม่ไหวที่มวลหมู่นักกินทั้งหลายต้องการล้วนแล้วแต่เสกสรรเพื่อความเร่าร้อนด้วยการกินทั้งสิ้น มีไม่น้อยรายที่ต้องยากจนเพราะเรื่องกินที่เกินพอเหมาะพอดี หลายรายที่ต้องตายเพราะการกินที่เกินพอเหมาะพอดี เรื่องอาหาร ความจริงแล้วไม่มีอะไรน่าหนักใจเลยที่หนักหนักในการแสวงหาอาหารมาบำรุงบำเรอเพื่อความเหมาะสมด้วยสีของอาหาร รสของอาหาร ประเภทของอาหาร และสถานที่ทำอาหารจนต้องล้มละลายตายจากกันและยากจนเข็ญใจเพราะอาหารความสลายตัวและความเร่าร้อนทั้งหลายเหล่านี้ เกิดจากอำนาจของกิเลสและตัณหาที่สิงใจอยู่นั่นเอง กิเลสคอยบัญชาการให้เกิดความต้องการ ล่อลวงให้ล้มละลายจากความดี สร้างความทุกข์ให้เกิดด้วยการยั่วเย้ายุแหย่ให้เกิดความพอใจในอาหารที่เกินควรอาหารนั้นจะเป็นอาหารประเภทใดก็ตามอาหารราคาถูกหรือราคาแพงก็เป็นอาหารที่กินแล้วหิวใหม่ทั้งสิ้น อาหารจานละหนึ่งบาท หรืออาหารจานละหนึ่งร้อย หรือหลายแสนบาท กินแล้วก็กลับหิวใหม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรวิเศษกว่ากันความที่ไม่รู้จักความพอดีในการอาหาร เป็นการถ่วงความดีทั้งในการทรงความเป็นอยู่ในด้านฐานะและทั้งความเป็นผู้รู้เท่าถึงการณ์ คนเลือกในอาหารเกินพอดี เป็นคนไร้ความดี คนที่รู้จักบริโภคอาหารตามความพอเหมาะพอดีเป็นคนดีที่รู้เท่าถึงการณ์ เรื่องการกินของชาวโลกที่เสกสรรกินเพราะกิเลสตัณหาสนับสนุน และเจ้าตัวเองก็ยังมัวเมาอยู่ จะขอยกไว้ไม่นำมากล่าว

............... คนที่ควรจะพูดกันได้ก็คือคนประเภท พระโยคาวจร คำว่า โยคาวจรหมายถึงท่านที่เริ่มเจริญสมถกรรมฐาน และเจริญวิปัสสนากรรมฐานท่านเรียกว่า พระ หมายถึง เริ่มเข้าถึงความเป็นผู้ประเสริฐ โยคาวจร แปลว่า ผู้มีความประพฤติที่ประกอบด้วยความเพียร รวมความแล้วได้ความว่า ท่านผู้มีความประพฤติประกอบความเพียรเพื่อให้ถึงความเป็นผู้ประเสริฐ ท่านที่เริ่มกรรมฐานท่านเรียกว่า พระ ดูเหมือนจะได้เปรียบกว่าพวกพระที่บวชท่านเรียกว่า สมมติสงฆ์ ท่านยังไม่ยอมเรียกว่า พระ เพราะเพียงแต่เอาตัวมาเข้าพวกยังไม่เอาใจมาเข้าเป็นพวก ต่อเมื่อเริ่มปฏิบัติกรรมฐานนั้นแหละ ท่านจึงเรียกว่า พระโยคาวจร ต่อเมื่อได้สำเร็จมรรคผล จึงยอมรับถือว่าเป็น พระแท้ พระโยคาวจร หมายถึง การฝึกเพื่อความเป็นพระแท้ แต่ก็เริ่มเป็นพระจากเล็กน้อยไปหามาก จนเป็นพระเต็มตัว คำว่าพระโยคาวจรนี้ ท่านเรียกทั้งท่านที่บวชเป็นพระและอุบาสกอุบาสิกาที่เริ่มทำความเพียรเพื่อเผาผลาญกิเลสด้วยการเจริญพระกรรมฐาน ท่านพวกนี้เท่านั้นควรที่จะพูดกันเรื่องอาหารในที่นี้

พิจารณาอาหาร


............... นักปฏิบัติต้องเว้นจากอาหารที่เป็นโทษทางร่างกายทุกชนิด อาหารทุกประเภทที่บริโภคแล้วเป็นโทษเป็นพิษแก่ร่างกาย พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้จำและเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะการเจริญสมาธิหรือวิปัสสนา ถ้าสุขภาพไม่ปกติ โดยเฉพาะถ้ามีอาการไม่ปกติทางท้องแล้วการเจริญสมาธิหรือพิจารณาวิปัสสนาญาณจะไร้ผล เพราะอาการวิปริตทางอุทรเป็นสมุฏฐาน ฉะนั้น อาหารประเภทใดที่เคยบริโภคแล้วทำให้ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ท่านให้เว้นเด็ดขาดไม่ควรเกรงใจผู้ให้ การเกรงใจจนตนเองเป็นโทษ เป็นการเกรงใจที่ไม่พอเหมาะพอดี

............... อาหารที่ยั่วราคะ คือเมื่อกินเข้าไปแล้วเป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ในกามารมณ์ ควรเว้นเด็ดขาด

............... อาหารที่เป็นภัยแก่ชีวิตของผู้อื่น โดยการทำด้วยการเจาะจงให้ เมื่อรู้แล้วไม่ควรบริโภค ไม่ควรเกรงใจผู้ให้ เพราะจะเป็นไปเพื่อสนับสนุนให้เขาทำบาปมากขึ้น

............... ก่อนบริโภคอาหารทุกครั้ง ควรพิจารณาอาหารก่อนว่า

๑. จะบริโภคเพื่อความเป็นอยู่

............... ท่านสอนว่า ควรคิดว่า เราจะบริโภคอาหารเพื่อความเป็นอยู่ของร่างกาย เพราะร่างกายต้องการอาหาร เรายังต้องอาศัยร่างกายประกอบความดี เราจะกินเพื่อให้ร่างกายมีกำลังเท่านั้นเราไม่กินเพื่อความผ่องใสของผิวพรรณ เพื่อเป็นการยั่วเย้ากิเลสให้เกิดเพราะความผ่องใสนั้นเราจะไม่สรรหาอาหารที่ไม่จำเป็น เพราะรสในอาหาร เพราะสีสันในอาหาร หรือเพราะความโอ้อวดในการบริโภคอาหาร คือ กินอวดชาวบ้านว่า ฉันมีอาหารที่หาได้ยากมากินดังนี้เป็นต้น

๒. พิจารณาให้เห็นว่าปฏิกูล

............... ก่อนบริโภคท่านให้พิจารณาว่าอาหารนี้จะทำด้วยฝีมือของใครก็ตามที่นิยมว่ารสเลิศหรือเป็นอาหารมีราคาสูง อาหารนี้มีความสำคัญเสมอกันอย่างหนึ่งคือ มีพื้นเพเป็นของสกปรกมาในกาลก่อน เพราะอาหารที่เป็นพืช ย่อมสกปรกมาตั้งแต่ก่อกำเนิดของพืช โสโครกเพราะอาหารของพืชที่เจือด้วยของโสโครก เช่น ปุ๋ยจากอุจจาระของสัตว์และมนุษย์และปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำด้วยมูลขยะที่เต็มไปด้วยของสกปรก และสกปรกด้วยการทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะมีที่วางไม่เลือกที่ของผู้ขาย พืชมีความโสโครกดังนี้

............... อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ สัตว์ประเภทนั้นต้องมีเลือด คาว น้ำเหลือง น้ำหนอง อุจจาระปัสสาวะ เป็นสิ่งที่มนุษย์เกลียดชังว่าเป็นของสกปรกโสโครกเมื่อบริโภคเข้าไปแล้วไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่นิยมกันว่าประเสริฐเพียงใด ในที่สุดผู้บริโภคที่เลือกแต่อาหารชั้นเลิศต่างก็ต้องบริโภคใหม่ เพราะไม่อิ่มตลอดกาล และก็ถ่ายเทกากอาหารออกมาเป็นสิ่งโสโครกแล้วกากเหล่านั้นก็ไปเป็นอาหารของสัตว์และพืช รวมความแล้ว อาหารที่เรากินทั้งมวลเป็นอาหารสกปรก ไม่ใช่ของเลิศประเสริฐตามที่คิด

............... ท่านสอนให้พิจารณาว่า โสโครกตามความเป็นจริง จากการเกิดของพืชและสัตว์ต่อมาให้พิจารณาให้เห็นว่า โสโครกในเมื่อเข้าไปรวมกันในปาก โดยท่านให้ข้อคิดว่าอาหารที่จัดสรรว่าเลิศราคาแพงคนปรุงจะมาจากโลกไหนก็ตามเมื่อเอาอาหารมารวมกันแล้วทำเป็นคำเพื่อบริโภคพอเอาอาหารที่สรรแล้วใส่ปากแล้วก็คายออกมาเราไม่กล้าที่จะเอาอาหารนั้นใส่เข้าไปในปากใหม่ เพราะรังเกียจว่าเป็นของโสโครก

............... อีกนัยหนึ่งท่านให้พิจารณาว่า อาหารที่บริโภคนี้ห้ามความตายไม่ได้ คนที่มีอาหารเลิศ เช่น พระราชา พระเจ้าจักรพรรดิ์ที่ครองโลกหรือมหาเศรษฐีท่านใดก็ตามท่านทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีอาหารเลิศที่มวลมนุษย์ที่มีฐานะปานกลางไม่สามารถจะหามาบริโภคได้ท่านเหล่านั้นมีอาหารดีเพียงใดท่านก็ตายนับไม่ถ้วนแล้วชื่อว่าอาหารที่เลิศห้ามความตายไม่ได้

............... อาหารเลิศห้ามความเสื่อมไม่ได้ อาหารชั้นเลิศที่ท่านดังกล่าวมาแล้ว บริโภคห้ามมิให้ท่านแก่ คือ เป็นคนหนุ่มสาวตลอดกาล หรือห้ามมิให้เจ็บไข้ได้ป่วยไม่ได้ ท่านเหล่านั้นท่านมีอาหารเลิศ แต่ท่านก็ต้องเป็นคนแก่ เป็นคนมีโรค มีทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

............... รวมความว่าอาหารนั้นห้ามอนิจจังความเที่ยงไม่ได้จะกินอย่างไรก็ต้องเป็นผู้ไม่เที่ยงตลอดเวลา

............... อาหารห้ามความทุกข์ไม่ได้ กินดีเท่าไร ก็ยังมีทุกข์เป็นธรรมดา ต้องป่วย ต้องแก่หูหนัก ตามืด ร่างกายอ่อนแอ เหมือนกับคนที่บริโภคอาหารตามปกติ คือ อาหารที่ไม่ผิดศีลธรรมและเป็นอาหารที่มีราคาไม่แพง

............... อาหารห้ามอนัตตาไม่ได้ ความทุกข์เป็นอนัตตาของผู้แสวงหาความสุขเมื่อคนทุกคนต้องการแต่ความสุข เมื่อความต้องการทุกข์ไม่มี ไม่ว่าใครทำทุกอย่างเพื่อความไม่มีทุกข์ แต่ทุกคนก็ต้องมีทุกข์ ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ปรารถนา ฉะนั้น ทุกข์จึงเป็นอนัตตาของผู้แสวงสุขเพราะบังคับไม่ให้ทุกข์เกิดไม่ได้ในที่สุดก็ต้องสลายกันจนสิ้นซากแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือไว้เป็นพยาน เขาเหล่านั้นมีอาหารเป็นที่พึ่งทั้งนั้นแต่อาหารก็ห้ามอนัตตาไม่ได้ รวมความว่าอาหารไม่ใช่เครื่องจรรโลงชีวิตให้อยู่ตลอดกาลอาหารเป็นเพียงเครื่องค้ำจุนชั่วคราวท่านจึงสอนไม่ให้เลือกอาหาร เพราะติดในรส สี และฝีมือ สถานที่อันเป็นการมัวเมาในอาหารที่เกินควรเพราะเป็นการส่งเสริมกิเลสเกินพอดี

อาหารพระอริยะ

............... พระอริยะตัวอย่างขอยกเอาพระพุทธเจ้าซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ประกาศพระศาสนามาพูดให้ทราบ สมัยหนึ่งในหลายสิบสมัย พระองค์ทรงเดินทางร่วมกับพระอานนท์ไปบิณฑบาตทรงพบนางบุญทาสีในระหว่างทางนางบุญเป็นคนจนเป็นทาสของเศรษฐี นางเห็นพระพุทธเจ้านางก็ดีใจ คิดว่า วันก่อน ๆ เราเห็นพระอยากจะทำบุญ แต่เราก็ไม่มีของ บางวันเรามีของ เราก็ไม่พบพระวันนี้โชคดี เรามีแป้งจี่ผสมรำห่อพกมาเพื่อบริโภค เราพบพระพอดี เป็นอันว่าเรามีของและพบพระพร้อมกัน เราจะทำบุญให้สมใจนึก นางจึงเอาแป้งจี่เข้าไปถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับแป้งจี่จากนาง
แล้วนั่งฉันข้างทางนั่นเอง เป็นเหตุให้นางเลื่อมใส พอพระองค์อนุโมทนา นางก็ได้สำเร็จพระโสดาบัน


**********************

ปล. อาหาเรปฏิกูลสัญญา มีทั้งหมด 2 หน้าครับ
ที่มา เวปพลังจิต

ทำนองเพลง ลาวม่านแก้ว


รายชื่อผู้ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพกฐิน จ.สุรินทร์

1. คุณ มินทิวาและครอบครัว..................... 1,000.00
2. คุณ แคทรียาและครอบครัว.................... 2,000.00
3. น.ส. ณัฐชนัญ อัศวจารุวรร....................... 500.00
4. นาย นาริโทชิ ฮายาชิ.............................. 500.00
5. คุณ อิสราภรณ์ ศิรคุณ.......................... 1,000.00
6. คุณ ธัญรัศม์ จิรจรัสธีรโชติ
+ คุณ รัชดากร ศรีธราพิพัฒน์.......................500.00
8. นู๋บี Beee_bu......................................... 100.00
9. ป้ากุ๊กไก่ ณ ร่มไม้เย็น.............................. 300.00
10. คุณ กาญและครอบครัว.......................1,000.00
11. นางบุษรัสกรณ์ เบามัณณ...................... 500.00
12. คุณนิดและครอบครัว............................150.00


ยอด ณ วันพุธ ที่ 16 กันยายน 2552
เป็นเงิน 7,550.00 บาท



ที่มา: ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี สร้างพระอุโบสถ





Create Date : 16 กันยายน 2552
Last Update : 16 กันยายน 2552 18:13:51 น. 48 comments
Counter : 1100 Pageviews.

 
สวัสดียามเย็นค่ะ พี่ไผ่

มาอ่านอาหาเรปฏิกูลสัญญาค่ะ
ดีจัง กำลังสนใจอยู่พอดีเลย
พักนี้รู้สึกว่า เริ่มจะอึดอัด

อาหารนั้นไม่เป็นภัยเลย แต่ความรู้สึกของคนเองสร้างความเป็นภัย

เห็นด้วยอย่างยิ่ง อาหารไม่เป็นภัย ความอยากของเราเองสิเป็นภัย

ขอโมทนานะคะ พี่ไผ่


โดย: พ่อระนาด วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:18:18:13 น.  

 
ขอหม่ำก่อน....แล้วค่อยพิจารณาตอนย่อยอยู่ในท้องได้มั๊ยค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:18:45:43 น.  

 


วันนี้คุณให้ยิ้มกับใครแล้วหรือยัง ???


มาเยี่ยมพร้อมแบ่งปันรอยยิ้มค่ะ

ในทางปฏิบัติ รู้สึกนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ทำได้ยาก
สังเกตได้จาก…ร้านอาหารไหนดังต่อให้ไกลแสนไกลลูกค้าก็ยังตะเกียกตะกายเอาเงินไปให้

แต่สำหรับผู้เริ่มปฏิบัติ เอาเป็นว่าทานอาหารแบบไม่ต้องปรุงรสก่อน…น่าจะได้นะคุณไผ่นะ

มีความสุขกับวันดีสีเขียวนะคะ


คมคำ : ยิ้ม เป็นสิ่งดีๆที่เรามอบให้กันได้โดยไม่ต้องซื้อหา





โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:14:45 น.  

 


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:25:14 น.  

 
มาสดับอาหาเรปฏิกูลสัญญาเพื่อพิจจารณาให้ถ่องแท้ค่ะ คุณไผ่

พี่จะต้องปฏิบัตืให้จริงจัง ต้องพยายามให้ไดผลค่ะ
ตอนนี้ชักจะ อึดอัดๆมากไปแล้วด้วย

อนุโมทนาค่ะ


โดย: นายกุหลาบ วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:47:31 น.  

 
หวัดดีค๊ะ พี่ไผ่
ช่วงนี้ไม่ได้แวะมาทักเลยยยย
สบายดีน๊ะค๊ะ
หมวยเล้กจะพยายามบริโภคเพื่อความเป็นอยู่น๊าค๊ะ

ฝันดีตลอดคืนค๊ะ


โดย: หมวยเล็ก_รักไม่ช่วยอะไร วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:20:08:22 น.  

 
อ่านแล้วนึกถึงการทำอสุภกรรมฐานเลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:20:54:13 น.  

 
ธัญมาส่งเข้านอนนะคะ



โดย: tanjira วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:21:03:22 น.  

 
มาส่งเข้านอนคะ หลับฝันดีนะคะ


โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:21:06:13 น.  

 
อนุโมทนาสาธุค่ะคุณไผ่ 3 วันแล้วทานข้าวมื้อเที่ยงมื้อเดียวและผลไม้ ตอนเช้าทานธัญญพืชใส่นม และดื่มโอวัลตินผสมนม โล่งเบาตัว ย่อยง่าย อยู่ได้มาเจอบล็อกคุณไผ่วันนี้แล้วปลงเข้าไปอีก ปกติเห็นรูปแบบนี้น้ำลายไหลค่ะ แต่วันนี้เฉยๆค่ะ ฮิฮิ ขอบคุณมากค่ะที่นำมาเตือนสติ มาส่งเข้านอนคะ นอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:00:38 น.  

 
เน็ตโหลดช้ามาก แต่แปะโป้งหน้าก่อนไว้
ก็เลยมาอ่านหน้านั้น และ หน้านี้ด้วยใน
คราวเดียวค่ะ ..ยิ้ม..

(อ่านแล้ว นึกถึงอาหารมื้อเย็นที่ทานไป
แล้ว... อืม...)

ขอให้สุข สงบ ในทุกเวลานะคะ ฝันดีค่ะ


glitter-graphics.com


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:28:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไผ่
จิ๋มไม่ได้มาหาเป็นอาทิตย์แล้ว คิดถึงมากเลย
มีภาระกิจมากมายจนไม่มีเวลาไปเม้นท์ที่ไหนเลย
ได้แต่ดูอย่างเดียวค่ะ เข้าดูแบบรีบด่วนบางทีก็เหนื่อยมากจนไม่สามารถไปหาใครได้
นี่พอได้ช่องว่างก็รีบมาหาเลยค่ะ
หวังว่าคงไม่โกรธกันน้า จิ๋มเกรงใจมากเลยเมื่อเข้ามาดูบล้อกทีไรก็จะเห็นคุณไผ่ทุกครั้ง ดีใจมาเลยค่ะ ก็ถ้ามีเวลาจะพยามมาหา และมาอ่านเรื่องดีดีมีประโยชน์ให้คติ และคำสอนต่างๆให้ได้ค่ะ
มีความสุขมากๆนะคะ





โดย: busabap วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:40:36 น.  

 
มารายงานตัวแล้วค่ะพี่ไผ่ หนูจะเล่าว่าตอนหนูไปปฏิบัติธรรม อาจารย์ ให้หลับตาทานข้าวอะคะ


โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:42:27 น.  

 
๐ มาเยือนยามดึกครั้น.........ราตรี
คอยฝากดวงฤดี..................บ่อยครั้ง
หวังเพียงหลับฝันดี..............เวียนส่ง ใจนอ
เพียงอย่าลืมเลือนรั้ง............จากน้องแรมลา ฯ

ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ พี่ไผ่


โดย: พ่อระนาด วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:52:53 น.  

 
นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: redclick วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:59:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาอ่านแล้วระอายตัวเองจังค่ะ


โดย: golo_me วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:23:24:35 น.  

 


สวัสดีค่ะ คุณไผ่
วันนี้เข้าบล๊อกดึกมาก
ไว้พรุ่งนี้มาอ่านนะคะ
วันนี้ไม่ไหวง่วงนอนแล้วค่ะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:4:40:30 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:5:40:36 น.  

 
พูดถึงอาหารกับพุทธศาสนานี่สักหน่อยก็ดีเหมือนกันครับ

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นของตนเอง ที่อาจไม่สอดคล้องกับหลักความเชื่อของใครต่อมิใครสักหน่อย

ก่อนอื่น ผมเชื่อว่า สัตว์ชนิดใดจะบริโภคพืชหรือสัตว์ หรือบริโภคทั้งพืชและสัตว์นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความต้องการของสัตว์ชนิดนั้น ๆ

หากแต่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ในอันที่จะปรับสมดุลย์ในธรรมชาติเอง

เสือต้องกินเนื้อ, กวางต้องกินหญ้า ฯลฯ

เหล่านี้เสือหรือกวางเอง ไม่อาจตัดสินใจว่าตนกินเพราะตนชอบ แต่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

คนอันเป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่งก็เช่นกัน

ไม่อาจเลือกที่จะเป็นหรือเลือกที่จะกินให้ผิดแผกแตกต่างจากสิ่งที่ธรรมชาติให้มาได้

คนเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ นั่นเป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้มา

พระพุทธเจ้า ก็ทรงเล็งเห็นถึงความเป็นไปเยี่ยงนี้ จึงมิได้กำหนดในพุทธบัญญัติว่า ห้ามกินเนื้อสัตว์

แต่ภายหลัง มีบางสำนัก บางอาจารย์ เห็นว่าการกินพืชถูกกับจริตของตน

จึงได้ตีความขยายพุทธบัญญัติออกไปให้กว้างกว่าเดิม

กลายเป็นพวกมังสวิรัติ หรือกินเจ

ถ้าเข้าใจร่วมกันดังนี้แล้ว ก็จะเห็นร่วมกันได้ว่า

ในทางพุทธ ไม่ถือว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นสิ่งผิด สิ่งเลวร้าย

ส่วนการพิจารณาอาหารตามที่ท่านจขบ. ว่ามานั้น

ควรเข้าใจว่า นั่นเป็น "อุบาย" อย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง

เพื่อให้การกินของมนุษย์ มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น

คนเราควรมีสติระลึกรู้ในทุกขณะจิต ในทุกอิริยาบท

ไม่ปล่อยตัวเองล่องลอยไปตามความต้องการทางสรีระ หรือที่ทางพุทธเรียกว่า กิเลส

การระลึกรู้สิ่งที่ตนเองกินเข้าไปแต่ละอย่างแต่ละชนิด แต่ละคำ นับเป็นอุบายที่ดียิ่ง

โดยเฉพาะเมื่อระลึกรู้ได้ว่า

สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้น หาได้มีสาระอะไรมากไปกว่า การหล่อเลี้ยงสังขารให้คงอยู่ไม่

อย่าได้ยึดติดกับรสชาติจนลืมสาระเช่นนี้

ผมเชื่อว่า

นี่คือ หัวใจของการพิจารณาอาหาร

ที่ท่านจขบ. นำมาเผยแพร่ในวันนี้

ขอขอบพระคุณครับ.


โดย: ลุงแว่น วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:6:37:24 น.  

 
สาวก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบติดรูป รส กลิ่นของอาหาร ขอบคุณที่เอามาฝากค่ะพี่
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: sawkitty วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:6:49:35 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าจ้า.....



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:6:56:42 น.  

 
ยามอุษานภากระจ่าง
ทั่วนภางค์สว่างแล้ว
ตื่นนิทราเสียเถิดพี่แก้ว
สว่างแล้วนะพี่ยา ...



โดย: พ่อระนาด วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:7:04:01 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ทักทายยามเช้ากันด้วยรอยยิ้ม
ยิ้มจากใจ ด้วยความห่วงใยทุกวัน
สวัสดีเช้าวันพฤหัสบดีค่ะคุณไผ่



โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:7:16:22 น.  

 
ธรรมมะสวัสดีตอนเช้าค่ะรับกาแฟสักแกัว แล้วจะสุขทุกๆนาทีค่ะ



โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:8:19:11 น.  

 
พฤหัสสวัสดิมังคะละมุตตมัง
ขอรับท่านหมึกฯ


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:8:26:18 น.  

 

โมทนาด้วยครับ คุณบุษ

ผมฝึกมาหลายกองครับ ตั้งใจว่า จะนำพระกรรมฐาน ทยอยมาอัพให้ครบ 40 กองกันไปเลยครับ

อาหาเรปฏิกูลสัญญา เป็นเรื่องของลิ้น
อสุภะพระกรรมฐานเป็นเรื่องของตา

กรรมฐานทุกๆ กอง ล้วนลงไปที่ใจ

ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นหัวหน้า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ

อย่างกองอาหาเร ผมก็เริ่มจาก อาหารคำไหนที่คิดอร่อย ผมก็จะไม่ทานครับ

ปฏิบัติมา ทำมา เรื่อยๆ เวลาลวกมาม่า ก็ไม่ได้ใส่เครื่องปรุงครับ

ต่อมาๆๆ ก็ทานแต่พวกผักและผลไม้ครับ


สีเดือนผ่านไป จากน้ำหนัก 75 เหลือ 63 ครับ

กรรมฐานกองนี้ ลดน้ำหนักได้ดีนักแล

ผมเคยเบื่อ อาหาร ทานแต่กล้วยครับ ทานวันละมื๊อ เวลาประมาณ 10โมง เพียงมื๊อละ 3ลูก ครับ

เรื่อง อาหาร
1 ต้องไม่ติดใจในรสชาติของอาหาร

2 เห็น อาหารเป็นเพียงธาตุ 4 เพราะร่างกาย
สังขารเราก็ประกอบไปด้วย เป็นเพียง ธาตุ4

3เรื่องศีลนั้น ความบริสุทธิ์นั้นอยู่ที่ใจ
วิธีสังเกต ศีล8 ง่ายๆ นะครับ
หลังเที่ยง หากเห็น อาหารแล้ว น้ำลายไหล อันนี้ถือว่ายังไม่บริสุทธิ์นะครับ



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:8:45:25 น.


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:8:47:37 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไผ่
ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ซึ่งผู้แต่งเป็นผู้ปฏิบัติเจริญในธรรมมากท่านหนึ่ง
ท่านเขียนว่าผู้ที่ทานเนื้อสัตว์
และผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์ มีความเท่าเทียมกัน
ในเรื่องการปฏิบัติให้ถึงซึ่งนิพพาน
แต่ถ้าลดละได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ยังอยากลดเหมือนกัน แต่ปัจจุบัน
ก็ยังทานเหมือนเดิม..
เพียงก่อนทานก็แพร่เมตตาก่อน...

แม้นอาหารจะเลิศรส
สุดท้ายก็ต้องเป็นปฏิกูล..นะค่ะ




โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:8:54:01 น.  

 
กำลังไดเอทอยู่อ่ะพี่ไผ่ พี่อัพบล็อกนี้พอดีเลยอ่ะ..
จะได้มีแรงใจลดอาหารที่มันยั่วน้ำลายไปได้นิดนึง

แต่เมื่อคืนกินข้าวไปเจ็ดช้อน หิวมากกก..สุดท้ายต้องลุกมากินตอนห้าทุ่ม กร๊ากกก..หนักกว่าเดิมอีกคราวนี้...

วันนี้แถวบ้านแดดแรงมาก..เหมากับการเอาผ้าอกตาก เดี๋ยวไปตากผ้าก่อนนะพี่ อิอิ.. แแ


โดย: ตัวp_box วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:9:06:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ...

เรื่องกรรมฐาน ๔๐ กอง ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้น
ป้ามีหนังสือที่รับจากมือท่านโดยตรงอยู่ ๑ เล่ม
ทุกวันนี้ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงท่าน ไม่มีอะไรอ่านก็หยิบเอามาอ่าน
อ่านไปนับได้น่าจะเกิน ๑๐ รอบ แล้ว...ค่ะ

โชคดี มีความสุข...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:9:43:32 น.  

 
ชอบเรื่องสมเด็จโตจังครับพี่ไผ่
ท่านมีเรื่องราวมากมายที่น่าทึ่งจริงๆนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:11:23:39 น.  

 
- หวัดดียามเที่ยงครับ

- ผมชอบกองที่เป็น ดิน - น้ำ - ลม - ไฟ ครับผม

- เคยได้ยินมาว่าสมเด็จโตฯ เวลาท่านเคี้ยวอาหารแล้ว ท่านก็จะนำออกมาพิจารณาอยู่หลายครั้งก่อนที่จะฉันเข้าไปในร่างกาย (ไม่ยึดติดกับรสชาดของอาหาร)


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:12:36:13 น.  

 
หวัดดีตอนบ่ายจร้า คอมฯ ตัวเองเข้าเนทไม่ได้ แอบเล่นของคนข้างๆ รีบมารีบไปคะ เจ้าของเขามาแล้ว


โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:13:05:25 น.  

 
ป้าอิ่มพิจารณาทีไร
ไม่เคยเห็นอาหารเป็นของน่าเกลียดสักที
มันหมู
หนังไก่


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:14:37:15 น.  

 
มาแล้วค่ะพี่ไผ่

กรรมฐานกองนี้ พยายามปฏิบัติให้เป็นเป็นกิจวัตรอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยจะสำเร็จเวลาเจอของหวาน น่าทานนี่สิคะ อิอิ ^_^ แต่ปรกติก็กินอาหารมื้อเดียวอยู่แล้วค่ะ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (http://beee.blogang.com) IP: 124.121.113.23 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:15:14:11 น.  

 
ขอบคุณค่ะ.....


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:18:48:48 น.  

 
สายัญสวัสดิ์ค่ะท่าน
มิตรคนดีคุณไผ่สีทอง

ช่วงนี้คุณแคทท่าจะแย่ค่ะท่าน
เจริญอาหารยิ่งนัก..ร่างกายเลยมากด้วยของน่าเกลียด




พยายามให้รู้จักพอ..แต่ไม่ค่อยรู้จักพอเลยค่ะช่วงนี้
อิอิอิ


มีความสุขท่านผู้หุ่นต้องดีแน่เลยค่ะ
อาหารนี้เป็นภัยแก่นักนิยมบำเพ็ญความเพียรเพื่อเผาผลาญกิเลสให้เร่าร้อนไม่น้อย

ท่านย่อมเลือกรับแต่เพียงพอเหมาะเป็นแน่แท้


นอนหลับฝันดีนะค่ะท่าน




โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:19:57:58 น.  

 
ขอบคุณมากๆและอนุโมทนาสาธุค่ะคุณไผ่ ดีจังที่มีกัลยานมิตรเช่นคุณไผ่ แบ่งปันประสบการณ์และให้ข้อคิด ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปน่ะค่ะ นอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:23:01:34 น.  

 
แวะมาอ่านอาหาเรปฏิกูลสัญญา
วันนี้สมองโปร่งอ่านได้แล้วค่ะ
เมื่อคืนง่วงมาก

น่าสนใจนะคะ กำลังไดอดอยู่พอดี
ตอนเย็นนี้ไม่สนใจอาหารชนิดใดเลยค่ะ
นอกจากน้ำ เช้าก็ละจากเนื้อสัตว์ เที่ยงยังปลงไม่ได้ค่ะ

หลับฝันดีนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:2:07:14 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าจ้า...คุณไผ่สีทอง ผ่องอำพัน



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:6:18:35 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เริ่มวันฟ้าใหม่ด้วยใจที่สดชื่น
สวัสดีเช้าวันศุกร์สุดสัปดาห์ค่ะคุณไผ่


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:6:50:25 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:7:56:26 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไผ่ขา

เมื่อวานเน็ตที่บ้านธัญหลบฝนค่ะ
ธัญไม่ได้มาส่งความคิดถึงกันเลย
วันนี้ฝนไม่ตก..ธัญเลยมาได้ปกติค่ะ
วันนี้คุณไผ่มีความสุขมากๆกับวันดีๆนะคะ
..คิดถึงเสมอค่ะ...



โดย: tanjira วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:8:02:46 น.  

 
- หวัดดียามเช้าครับ

- ตอนบวชพระ ผมก็เคยได้นำอาหารทุกอย่างมารวมกันแล้วถึงจะฉันอ่ะครับ จากของน่ากินหลายๆ อย่าง เมื่อมาอยู่รวมกัน ... ไหง มันกลับไม่น่านำพาใส่ร่างการเอาซะเล้ยยยย


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:8:51:14 น.  

 
โห ! อ่านแล้วไม่อยากกินไรเลยอ่ะ เอาเป็นแบบกลางๆไม่ได้เหรอครับ ไม่ต้องพิจารณาว่าอาหารเป็นของน่าเกลียด แบบกินเพื่ออยู่น่ะครับ


โดย: JohnV วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:8:56:07 น.  

 
มารายงานตัวช้าไปหน่อย คนมันกินข้าวได้จิ๊ดนึงก้งี้แหละพี่ไผ่...อารมณ์ไม่เบิกบานเท่าทีควร..แต่เดี๋ยวก้คงชิน ดีกว่าอ้วนเนอะ อิอิ...

ปล วันหยุดไม่ได้เข้ามาเยี่ยมนะคะพี่ไผ่ เพื่อนบล้อกส่วนใหย่รุ้ว่าแพทติดภารกิจระดับชาติกับไอ้ตัวเล็ก วะ ฮะ ฮ่า...พี่ไผ่ก้พักผ่อนๆมากนะจี ตื่นสายๆโลด...


โดย: ตัวp_box วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:10:12:19 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:11:21:21 น.  

 
โมโหหิวงัยพี่ไผ่ กำลังไดเอทอ่ะ หิวโพ่ดดด..แง แง


โดย: ตัวp_box วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:11:44:05 น.  

 
คุณไผ่ขา..ธัญมาส่งคุณไผ่เข้านอนค่ะ
...คืนนี้คุณไผ่หลับฝันดีนะคะ...

files/2150/emoticon/43.gif>files/2150/emoticon/43.gif>


โดย: tanjira วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:20:12:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.