|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
อาหาเรปฏิกูลสัญญา หน้าที่ 1
............... อาหาเรปฏิกูลสัญญา แปลว่า พิจารณาอาหารให้เป็นของน่าเกลียด อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตก็จริง แต่ทว่าอาหารนี้เป็นภัยแก่นักนิยมบำเพ็ญความเพียรเพื่อเผาผลาญกิเลสให้เร่าร้อนไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าจะพูดกันให้ตรงแล้ว อาหารนั้นไม่เป็นภัยเลย แต่ความรู้สึกของคนเองสร้างความเป็นภัยให้เกิดแก่ตัวทราบกันอยู่เป็นปกติแล้วว่าสัตว์ทุกประเภทต้องการอาหาร แต่ความต้องการอาหารของร่างกายนี้ ร่างกายต้องการเพียงยังอัตภาพให้เป็นอยู่ชั่วคราว ร่างกายมิได้มีความต้องการสีสันของอาหาร มิได้ต้องการรสเลิศของอาหาร ร่างกายไม่เคยบัญชาว่าต้องการอาหารที่มีราคาแพงไม่เคยบอกว่าอาหารที่ทำด้วยสัตว์ตายเองมีรสไม่อร่อย และอะไรอีกนับไม่ไหวที่มวลหมู่นักกินทั้งหลายต้องการล้วนแล้วแต่เสกสรรเพื่อความเร่าร้อนด้วยการกินทั้งสิ้น มีไม่น้อยรายที่ต้องยากจนเพราะเรื่องกินที่เกินพอเหมาะพอดี หลายรายที่ต้องตายเพราะการกินที่เกินพอเหมาะพอดี เรื่องอาหาร ความจริงแล้วไม่มีอะไรน่าหนักใจเลยที่หนักหนักในการแสวงหาอาหารมาบำรุงบำเรอเพื่อความเหมาะสมด้วยสีของอาหาร รสของอาหาร ประเภทของอาหาร และสถานที่ทำอาหารจนต้องล้มละลายตายจากกันและยากจนเข็ญใจเพราะอาหารความสลายตัวและความเร่าร้อนทั้งหลายเหล่านี้ เกิดจากอำนาจของกิเลสและตัณหาที่สิงใจอยู่นั่นเอง กิเลสคอยบัญชาการให้เกิดความต้องการ ล่อลวงให้ล้มละลายจากความดี สร้างความทุกข์ให้เกิดด้วยการยั่วเย้ายุแหย่ให้เกิดความพอใจในอาหารที่เกินควรอาหารนั้นจะเป็นอาหารประเภทใดก็ตามอาหารราคาถูกหรือราคาแพงก็เป็นอาหารที่กินแล้วหิวใหม่ทั้งสิ้น อาหารจานละหนึ่งบาท หรืออาหารจานละหนึ่งร้อย หรือหลายแสนบาท กินแล้วก็กลับหิวใหม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรวิเศษกว่ากันความที่ไม่รู้จักความพอดีในการอาหาร เป็นการถ่วงความดีทั้งในการทรงความเป็นอยู่ในด้านฐานะและทั้งความเป็นผู้รู้เท่าถึงการณ์ คนเลือกในอาหารเกินพอดี เป็นคนไร้ความดี คนที่รู้จักบริโภคอาหารตามความพอเหมาะพอดีเป็นคนดีที่รู้เท่าถึงการณ์ เรื่องการกินของชาวโลกที่เสกสรรกินเพราะกิเลสตัณหาสนับสนุน และเจ้าตัวเองก็ยังมัวเมาอยู่ จะขอยกไว้ไม่นำมากล่าว ............... คนที่ควรจะพูดกันได้ก็คือคนประเภท พระโยคาวจร คำว่า โยคาวจรหมายถึงท่านที่เริ่มเจริญสมถกรรมฐาน และเจริญวิปัสสนากรรมฐานท่านเรียกว่า พระ หมายถึง เริ่มเข้าถึงความเป็นผู้ประเสริฐ โยคาวจร แปลว่า ผู้มีความประพฤติที่ประกอบด้วยความเพียร รวมความแล้วได้ความว่า ท่านผู้มีความประพฤติประกอบความเพียรเพื่อให้ถึงความเป็นผู้ประเสริฐ ท่านที่เริ่มกรรมฐานท่านเรียกว่า พระ ดูเหมือนจะได้เปรียบกว่าพวกพระที่บวชท่านเรียกว่า สมมติสงฆ์ ท่านยังไม่ยอมเรียกว่า พระ เพราะเพียงแต่เอาตัวมาเข้าพวกยังไม่เอาใจมาเข้าเป็นพวก ต่อเมื่อเริ่มปฏิบัติกรรมฐานนั้นแหละ ท่านจึงเรียกว่า พระโยคาวจร ต่อเมื่อได้สำเร็จมรรคผล จึงยอมรับถือว่าเป็น พระแท้ พระโยคาวจร หมายถึง การฝึกเพื่อความเป็นพระแท้ แต่ก็เริ่มเป็นพระจากเล็กน้อยไปหามาก จนเป็นพระเต็มตัว คำว่าพระโยคาวจรนี้ ท่านเรียกทั้งท่านที่บวชเป็นพระและอุบาสกอุบาสิกาที่เริ่มทำความเพียรเพื่อเผาผลาญกิเลสด้วยการเจริญพระกรรมฐาน ท่านพวกนี้เท่านั้นควรที่จะพูดกันเรื่องอาหารในที่นี้
พิจารณาอาหาร
............... นักปฏิบัติต้องเว้นจากอาหารที่เป็นโทษทางร่างกายทุกชนิด อาหารทุกประเภทที่บริโภคแล้วเป็นโทษเป็นพิษแก่ร่างกาย พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้จำและเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะการเจริญสมาธิหรือวิปัสสนา ถ้าสุขภาพไม่ปกติ โดยเฉพาะถ้ามีอาการไม่ปกติทางท้องแล้วการเจริญสมาธิหรือพิจารณาวิปัสสนาญาณจะไร้ผล เพราะอาการวิปริตทางอุทรเป็นสมุฏฐาน ฉะนั้น อาหารประเภทใดที่เคยบริโภคแล้วทำให้ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ท่านให้เว้นเด็ดขาดไม่ควรเกรงใจผู้ให้ การเกรงใจจนตนเองเป็นโทษ เป็นการเกรงใจที่ไม่พอเหมาะพอดี ............... อาหารที่ยั่วราคะ คือเมื่อกินเข้าไปแล้วเป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ในกามารมณ์ ควรเว้นเด็ดขาด
............... อาหารที่เป็นภัยแก่ชีวิตของผู้อื่น โดยการทำด้วยการเจาะจงให้ เมื่อรู้แล้วไม่ควรบริโภค ไม่ควรเกรงใจผู้ให้ เพราะจะเป็นไปเพื่อสนับสนุนให้เขาทำบาปมากขึ้น
............... ก่อนบริโภคอาหารทุกครั้ง ควรพิจารณาอาหารก่อนว่า
๑. จะบริโภคเพื่อความเป็นอยู่
............... ท่านสอนว่า ควรคิดว่า เราจะบริโภคอาหารเพื่อความเป็นอยู่ของร่างกาย เพราะร่างกายต้องการอาหาร เรายังต้องอาศัยร่างกายประกอบความดี เราจะกินเพื่อให้ร่างกายมีกำลังเท่านั้นเราไม่กินเพื่อความผ่องใสของผิวพรรณ เพื่อเป็นการยั่วเย้ากิเลสให้เกิดเพราะความผ่องใสนั้นเราจะไม่สรรหาอาหารที่ไม่จำเป็น เพราะรสในอาหาร เพราะสีสันในอาหาร หรือเพราะความโอ้อวดในการบริโภคอาหาร คือ กินอวดชาวบ้านว่า ฉันมีอาหารที่หาได้ยากมากินดังนี้เป็นต้น ๒. พิจารณาให้เห็นว่าปฏิกูล
............... ก่อนบริโภคท่านให้พิจารณาว่าอาหารนี้จะทำด้วยฝีมือของใครก็ตามที่นิยมว่ารสเลิศหรือเป็นอาหารมีราคาสูง อาหารนี้มีความสำคัญเสมอกันอย่างหนึ่งคือ มีพื้นเพเป็นของสกปรกมาในกาลก่อน เพราะอาหารที่เป็นพืช ย่อมสกปรกมาตั้งแต่ก่อกำเนิดของพืช โสโครกเพราะอาหารของพืชที่เจือด้วยของโสโครก เช่น ปุ๋ยจากอุจจาระของสัตว์และมนุษย์และปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำด้วยมูลขยะที่เต็มไปด้วยของสกปรก และสกปรกด้วยการทอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะมีที่วางไม่เลือกที่ของผู้ขาย พืชมีความโสโครกดังนี้
............... อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ สัตว์ประเภทนั้นต้องมีเลือด คาว น้ำเหลือง น้ำหนอง อุจจาระปัสสาวะ เป็นสิ่งที่มนุษย์เกลียดชังว่าเป็นของสกปรกโสโครกเมื่อบริโภคเข้าไปแล้วไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่นิยมกันว่าประเสริฐเพียงใด ในที่สุดผู้บริโภคที่เลือกแต่อาหารชั้นเลิศต่างก็ต้องบริโภคใหม่ เพราะไม่อิ่มตลอดกาล และก็ถ่ายเทกากอาหารออกมาเป็นสิ่งโสโครกแล้วกากเหล่านั้นก็ไปเป็นอาหารของสัตว์และพืช รวมความแล้ว อาหารที่เรากินทั้งมวลเป็นอาหารสกปรก ไม่ใช่ของเลิศประเสริฐตามที่คิด
............... ท่านสอนให้พิจารณาว่า โสโครกตามความเป็นจริง จากการเกิดของพืชและสัตว์ต่อมาให้พิจารณาให้เห็นว่า โสโครกในเมื่อเข้าไปรวมกันในปาก โดยท่านให้ข้อคิดว่าอาหารที่จัดสรรว่าเลิศราคาแพงคนปรุงจะมาจากโลกไหนก็ตามเมื่อเอาอาหารมารวมกันแล้วทำเป็นคำเพื่อบริโภคพอเอาอาหารที่สรรแล้วใส่ปากแล้วก็คายออกมาเราไม่กล้าที่จะเอาอาหารนั้นใส่เข้าไปในปากใหม่ เพราะรังเกียจว่าเป็นของโสโครก
............... อีกนัยหนึ่งท่านให้พิจารณาว่า อาหารที่บริโภคนี้ห้ามความตายไม่ได้ คนที่มีอาหารเลิศ เช่น พระราชา พระเจ้าจักรพรรดิ์ที่ครองโลกหรือมหาเศรษฐีท่านใดก็ตามท่านทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีอาหารเลิศที่มวลมนุษย์ที่มีฐานะปานกลางไม่สามารถจะหามาบริโภคได้ท่านเหล่านั้นมีอาหารดีเพียงใดท่านก็ตายนับไม่ถ้วนแล้วชื่อว่าอาหารที่เลิศห้ามความตายไม่ได้
............... อาหารเลิศห้ามความเสื่อมไม่ได้ อาหารชั้นเลิศที่ท่านดังกล่าวมาแล้ว บริโภคห้ามมิให้ท่านแก่ คือ เป็นคนหนุ่มสาวตลอดกาล หรือห้ามมิให้เจ็บไข้ได้ป่วยไม่ได้ ท่านเหล่านั้นท่านมีอาหารเลิศ แต่ท่านก็ต้องเป็นคนแก่ เป็นคนมีโรค มีทุกข์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
............... รวมความว่าอาหารนั้นห้ามอนิจจังความเที่ยงไม่ได้จะกินอย่างไรก็ต้องเป็นผู้ไม่เที่ยงตลอดเวลา
............... อาหารห้ามความทุกข์ไม่ได้ กินดีเท่าไร ก็ยังมีทุกข์เป็นธรรมดา ต้องป่วย ต้องแก่หูหนัก ตามืด ร่างกายอ่อนแอ เหมือนกับคนที่บริโภคอาหารตามปกติ คือ อาหารที่ไม่ผิดศีลธรรมและเป็นอาหารที่มีราคาไม่แพง
............... อาหารห้ามอนัตตาไม่ได้ ความทุกข์เป็นอนัตตาของผู้แสวงหาความสุขเมื่อคนทุกคนต้องการแต่ความสุข เมื่อความต้องการทุกข์ไม่มี ไม่ว่าใครทำทุกอย่างเพื่อความไม่มีทุกข์ แต่ทุกคนก็ต้องมีทุกข์ ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ปรารถนา ฉะนั้น ทุกข์จึงเป็นอนัตตาของผู้แสวงสุขเพราะบังคับไม่ให้ทุกข์เกิดไม่ได้ในที่สุดก็ต้องสลายกันจนสิ้นซากแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือไว้เป็นพยาน เขาเหล่านั้นมีอาหารเป็นที่พึ่งทั้งนั้นแต่อาหารก็ห้ามอนัตตาไม่ได้ รวมความว่าอาหารไม่ใช่เครื่องจรรโลงชีวิตให้อยู่ตลอดกาลอาหารเป็นเพียงเครื่องค้ำจุนชั่วคราวท่านจึงสอนไม่ให้เลือกอาหาร เพราะติดในรส สี และฝีมือ สถานที่อันเป็นการมัวเมาในอาหารที่เกินควรเพราะเป็นการส่งเสริมกิเลสเกินพอดี
อาหารพระอริยะ
............... พระอริยะตัวอย่างขอยกเอาพระพุทธเจ้าซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ประกาศพระศาสนามาพูดให้ทราบ สมัยหนึ่งในหลายสิบสมัย พระองค์ทรงเดินทางร่วมกับพระอานนท์ไปบิณฑบาตทรงพบนางบุญทาสีในระหว่างทางนางบุญเป็นคนจนเป็นทาสของเศรษฐี นางเห็นพระพุทธเจ้านางก็ดีใจ คิดว่า วันก่อน ๆ เราเห็นพระอยากจะทำบุญ แต่เราก็ไม่มีของ บางวันเรามีของ เราก็ไม่พบพระวันนี้โชคดี เรามีแป้งจี่ผสมรำห่อพกมาเพื่อบริโภค เราพบพระพอดี เป็นอันว่าเรามีของและพบพระพร้อมกัน เราจะทำบุญให้สมใจนึก นางจึงเอาแป้งจี่เข้าไปถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับแป้งจี่จากนาง แล้วนั่งฉันข้างทางนั่นเอง เป็นเหตุให้นางเลื่อมใส พอพระองค์อนุโมทนา นางก็ได้สำเร็จพระโสดาบัน
**********************
ปล. อาหาเรปฏิกูลสัญญา มีทั้งหมด 2 หน้าครับ ที่มา เวปพลังจิต
ทำนองเพลง ลาวม่านแก้ว
รายชื่อผู้ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพกฐิน จ.สุรินทร์
1. คุณ มินทิวาและครอบครัว..................... 1,000.00 2. คุณ แคทรียาและครอบครัว.................... 2,000.00 3. น.ส. ณัฐชนัญ อัศวจารุวรร....................... 500.00 4. นาย นาริโทชิ ฮายาชิ.............................. 500.00 5. คุณ อิสราภรณ์ ศิรคุณ.......................... 1,000.00 6. คุณ ธัญรัศม์ จิรจรัสธีรโชติ + คุณ รัชดากร ศรีธราพิพัฒน์.......................500.00 8. นู๋บี Beee_bu......................................... 100.00 9. ป้ากุ๊กไก่ ณ ร่มไม้เย็น.............................. 300.00 10. คุณ กาญและครอบครัว.......................1,000.00 11. นางบุษรัสกรณ์ เบามัณณ...................... 500.00 12. คุณนิดและครอบครัว............................150.00
ยอด ณ วันพุธ ที่ 16 กันยายน 2552 เป็นเงิน 7,550.00 บาท
ที่มา: ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี สร้างพระอุโบสถ
Create Date : 16 กันยายน 2552 |
|
48 comments |
Last Update : 16 กันยายน 2552 18:13:51 น. |
Counter : 1193 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 16 กันยายน 2552 18:18:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 16 กันยายน 2552 20:54:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 16 กันยายน 2552 21:03:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) 16 กันยายน 2552 21:06:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: Budratsa 16 กันยายน 2552 22:00:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: busabap 16 กันยายน 2552 22:40:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: tukta (tukta510 ) 16 กันยายน 2552 22:42:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 16 กันยายน 2552 22:52:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 16 กันยายน 2552 22:59:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: golo_me 16 กันยายน 2552 23:24:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 17 กันยายน 2552 5:40:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 17 กันยายน 2552 6:37:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 17 กันยายน 2552 6:49:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 17 กันยายน 2552 7:04:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 17 กันยายน 2552 8:19:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 17 กันยายน 2552 8:47:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 17 กันยายน 2552 9:06:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 17 กันยายน 2552 9:43:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 17 กันยายน 2552 11:23:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) 17 กันยายน 2552 13:05:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) 17 กันยายน 2552 14:37:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (http://beee.blogang.com) IP: 124.121.113.23 17 กันยายน 2552 15:14:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: Budratsa 17 กันยายน 2552 23:01:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 18 กันยายน 2552 7:56:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 18 กันยายน 2552 8:02:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: JohnV 18 กันยายน 2552 8:56:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 18 กันยายน 2552 10:12:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 18 กันยายน 2552 11:21:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตัวp_box 18 กันยายน 2552 11:44:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 18 กันยายน 2552 20:12:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มาอ่านอาหาเรปฏิกูลสัญญาค่ะ
ดีจัง กำลังสนใจอยู่พอดีเลย
พักนี้รู้สึกว่า เริ่มจะอึดอัด
อาหารนั้นไม่เป็นภัยเลย แต่ความรู้สึกของคนเองสร้างความเป็นภัย
เห็นด้วยอย่างยิ่ง อาหารไม่เป็นภัย ความอยากของเราเองสิเป็นภัย
ขอโมทนานะคะ พี่ไผ่