รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

ภาพรวมการปฏิบัติธรรม - มุมมือใหม่

ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่อ่านบทความของผมใน blog แล้วยังสับสนการฝึกฝนการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ แล้วละก็ ขอให้อ่านเรื่องนี้ให้ละเอียดและให้เข้าใจให้ดี ท่านจะมองภาพออกว่า การปฏิบัติธรรม คืออย่างไร และ ท่านจะเข้าใจได้ดีขึ้นในการฝึกฝนการปฏิบัติธรรม

1. สภาพปรกติของจิตปุถุชนที่จมอยู่ในกองทุกข์เป็นเช่นไร



อธิบายภาพ
ระยะที่ 1 คือสภาพของจิตปุถุขนในขณะที่ยังไม่มีทุกข์ใจ จิตใจจะยังสดใสไร้ทุกข์
ระยะที่ 2 เมื่อไปพบเหตุที่ทำให้เกิดการทุกข์ใจ จะเกิดจิตปรุงแต่งที่เป็นลักษณะอาการของการทุกข์ใจขึ้น จิตปรุงแต่งที่เกิดขึ้น จะถูกตัณหาอันเป็นแรงยึดเกาะ ทำให้จิตที่สดใสในระยะที่ 1 ถูกจิตปรุงแต่งยึดเกาะไว้ แล้วเข้าผสมรวมเข้าด้วยกัน เป็นระยะที่ 3 ทำให้จิตใจที่สดใสไร้ทุกข์ในระยะที 1 กลายเป็นจิตที่เป็นทุกข์ในระยะที่ 3 ไปทันที

2. แล้วจะหลุดจากกองทุกข์ในข้อ 1 ได้อย่างไร
ในการหลุดจากกองทุกข์ในข้อ 1 นั้น ในขณะที่อยู่ในระยะที่ 1 ในภาพ จิตใจของคนต้องประกอบด้วยความรู้สึกตัวที่มีความเข็มแข็ง ซึ่งในทฏษฏีจะเรียกว่า การมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น

การมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น เมื่อเกิดเหตุแบบระยะที่ 2 ขึ้น
พลังแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น จะเห็นการเกิดขึ้นของจิตปรุงแต่งอันเป็นทุกข์ และตราบใดที่ความตั้งมั่นของสัมมาสติ สัมมาสมาธิยังดีอยู่ กำลังแห่งความตั้งมั่นจะชนะแรงยึดเกาะ (ตัณหา) ทำให้จิตปรุงแต่งไม่สามารถเข้าผสมรวมกับจิตใจในระยะที่ 1 ได้ และ จิตปรุงแต่งก็จะสลายลงไปเอง เมื่อหมดเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดจิตปรุงแต่งนี้ขึ้น
ทำให้จิตใจยังคงสดใสไม่เป็นทุกข์อยู่ต่อไป

ขอให้อ่านเรื่อง ชักกะเย่อ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2009&date=28&group=1&gblog=68

3.ท่านจะเห็นว่า ความสำเร็จของการไร้ทุกข์อยู่ที่พลังความตั้งมั่นแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ที่ว่าตั้งมั่น หมายความว่า มันต้องพร้อมใช้อยู่ทุกขณะที่ท่านตื่นอยู่ ที่ท่านทำกิจการงานอยู่ เสมอ ถ้าท่านไม่สามารถปลุกพลังความตั้งมั่นให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ท่านต้องลงมือฝึกฝน ซึ่งก็คือการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิอยู่เสมอ ๆ ให้กลายเป็นนิสัยประจำตัว (ภาษาพระเรียกว่า การเป็นผู้ปรกติเจริญสติปัฏฐาน) ซึ่งถ้าท่านเป็นมือใหม่ ท่านคงต้องลงมือฝึกฝนโดยจำลองแบบชิวิตประจำวันของท่านเอง

หลักการฝึกฝนก็คือ ให้ทำกิจการงาน หรือ ทำกิจวัตรประจำวัน ประกอบด้วยความรู้สึกตัว ( ผมขอย้ำ ต้องประกอบด้วย .ความรู้สึกตัว. )

ดังนั้น ท่านควรพิจารณาดูกิจวัตรของตนเองตามหลักการดังนี้..
ในชิวิตประจำวัน ท่านจะมีการเดินบ่อย ๆ ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ท่านควรฝึกฝนด้วยการเดินจงกรม การเดินจงกรม ก็คือ การเดินพร้อมด้วยการมีความรู้สึกตัวแบบสบาย ๆ อันเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องไปกังวลแห่งความสวยงามในการเดิน แต่ท่านต้องเน้นว่า การเดินย่างก้าว ต้องสบาย ๆ และพร้อมด้วยความรู้สึกตัว

ถ้ากิจวัตรของท่านต้องใช้มือทำโน้นทำนี่ เช่นทำกับข้าว ล้างจาน ถูบ้าน ล้างรถ กวาดบ้าน ท่านก็เอาสิ่งที่ท่านทำประจำมาฝึก เช่นกวาดบ้าน ท่านก็กวาดมันเข้าไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีฝุ่นแล้วก็ตามกวาดเข้าไป กวาดบ่อย ๆ แต่ขอให้ท่านกวาดพร้อมความรู้สึกตัว และ ต้องสบาย ๆ

การหัดฝึกฝนดังกล่าว จะทำให้ท่านเกิดความเคยชินในการทำกิจวัตรประจำวันพร้อมดัวยความรู้สึกตัว ยิ่งเคยชินมากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นธรรมชาติ และ ความตั้งมั่นแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ก็จะตามมาเองโดยที่ผู้ฝึกฝนไม่รู้ตัวเลยว่า มันได้ค่อย ๆ เจริญงอกงามอย่างเงียบเงียบในจิตใจของท่านเอง

4.ผมเชื่อว่า จะมีหลาย ๆ ท่านที่อ่านบทความนี้มาถึงข้อ 3 แล้วจะเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า มันจะง่ายอย่างที่ผมเขียนเชียวหรือ เพราะไปเห็นพระตามวัด เห็นสำนักปฏิบัติธรรมต่าง ๆ มีการสอน มีการฝึกแบบเอาเป็นเอาตาย ซึ่งเรื่องนี้ ผมกล้ารับรองว่า เป็นไปได้อย่างแน่นอน ถ้าท่านหมั่นฝึกฝนดังที่ผมแนะนำให้ข้อ 3

5.ข้อดีของการฝึกฝนให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของท่าน ก็คือความเป็นธรรมชาติที่เป็นไปของท่านเอง มันจะง่ายและท่านก็ได้งานด้วยและได้ผลเร็วด้วย เพียงแต่ท่านทำอะไรก็ตามพร้อมด้วย .ความรู้สึกตัว. + .สบาย ๆ .

6.การฝึกฝนที่มีการเกร็ง จะทำให้จิตใจท่านไม่เป็นธรรมชาติ อาจเกิดอาการเวียนศรีษะ เครียด เกิดการจ้อง โดยที่ท่านอาจไม่รู้ต้ว หรือ อาจรู้ว่าเวียนศรีษะ หรือ รู้ว่าจ้อง รู้ว่าเครียด แต่ว่า ท่านก็แก้มันได้ด้ เพราะท่านมีการเกร็งขึ้น

7.เมื่อท่านฝึกฝน มันจะต้องเป็นธรรมชาติ จิตใจท่านต้องเป็นปรกติ จึงจะถูกทางในการเจริญสติปัฏฐาน ไม่มีอะไรพิสดารไปกว่าความเป็นปรกติของคนธรรมดานี่เอง
แนะนำให้อ่านเรื่อง ปรกติ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=15&group=1&gblog=74

แนะนำอ่าน
เพียงรู้สึกตัว ก็พอแล้วหรือในการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=10-2009&date=26&group=5&gblog=9




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552
5 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:00:59 น.
Counter : 1889 Pageviews.

 

กิจวัตรประจำวันไปอยู่ที่การทำขนม ล้างอุปกรณ์ เสร็จจากงานตรงนี้ก็เหนื่อยมากค่ะ หมดแรง แต่พอลงนั่งหรือนอน ก็พยายามกระดุกกระดิกมือ ขา เท้าให้รู้สึกตัวไว้ค่ะ

 

โดย: kaoim IP: 119.31.126.141 15 พฤศจิกายน 2552 18:28:10 น.  

 

ท่านอน ใช้ผ่ามือลูบที่นอน หรือ ลูบผ้าห่ม ลูบหมอนข้าง ก็ได้เหมือนกัน

 

โดย: นมสิการ 15 พฤศจิกายน 2552 18:42:55 น.  

 

อนุโมทนาค่ะ

 

โดย: benyapa IP: 68.183.49.153 15 พฤศจิกายน 2552 22:22:03 น.  

 

ขอบคุณครับ

 

โดย: golden-bullet IP: 125.26.194.205 16 พฤศจิกายน 2552 20:59:24 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:00:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.