รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ทำไมต้องปฏิบัติธรรมด้วยครับ บอกว่าดับทุกข์ได้ จริงหรือแค่โฆษณาชวนเชื่อ -มุมมือใหม่

ถ้าท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน มาว่า การปฏิบัติธรรมแล้ว
สามารถใช้ดับทุกช์ได้ แต่ท่านได้ลองปฏิบัติดูแล้ว ไม่เห็นดับทุกช์ได้จริงเลย แล้วที่ได้ยิน ได้ฟังมา ถูกหรือไม่ หรือว่า เป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้นเอง

ถ้าท่านมีความคิดเช่นนี้ ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ดูครับ

ขอให้ท่านนั่งให้สบาย ๆ แล้วหลับตา นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาซิครับ
ว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านทุกข์ใจบ้าง ให้นึกถึงเรื่องเหล่านั้น ถ้านึกไม่ออก ผมยกตัวอย่างให้ก็ได้ เผื่อจะเข้าในกรณีของท่านบ้าง

พ่อแม่ทะเลาะกันอย่างหนัก จนพ่อแม่ไม่อยู่ด้วยกันอีก ท่านต้องเลือกข้างว่าจะอยู่ข้างไหน
แฟนไปมีกิ๊กคนใหม่
ผู้จัดการคาดโทษการทำงานที่ไม่ได้เป้าหมาย อาจถูกไล่ออกจากงานได้เร็ว ๆ นี้
มีคนมายืมเงินไป แล้วไม่ยอมใช้คืน
บ้านถูกเวนคืน ไม่มีที่จะซุกหัวนอน
ตกงานมาเป็นปี เงินที่เก็บไว้กำลังจะหมดลง ครอบครัวต้องใช้เงินอีก
หรือ เรื่องอื่น ๆ....

ท่านจะพบว่า การเกิดเป็นคนนั้น มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เกิดการทุกข์ใจ
เมื่อท่านทุกข์ใจเรื่องใด ก็จะคิดเรื่องนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ จะหยุดคิดก็ไม่ได้
ยิ่งอยากหยุดคิด ยิ่งคิดหนักเข้าไปอีก พอทุกข์เรื่องนี้จบลง ก็จะมีทุกข์เรื่องใหม่เข้ามาอีก นี่เป็นมันอย่างนี้ครับ

สาเหตุที่คนที่เป็นทุกข์ ต้องคิดมากมาย หยุดคิดไม่ได้ นั้น เพราะการยึดติดครับ (ทางตำราพระท่านเรียกว่า ตัณหา) การยึดติดนี้ มันติดมากับจิตใจตั้งแต่เกิด (นี่ว่ากันตามตำราครับ)

ในการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น จะเป็นการพัฒนากำลังของสัมมาสติ ที่คนทั่ว ๆ ไปมีอยู่แล้ว แต่อ่อนแอ ให้เข็มแข็งขึ้น

เมื่อสัมมาสติ ถูกพัฒนาขึ้นเพราะการฝึกฝน กำลังแห่งสัมมาสติที่เข็มแข็ง จนตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ จะมีพลัง ที่สามารถสยบ พลังการยึดติดของ ..ตัณหา.ได้
เมื่อ พลังการยึดติดของตัณหาอ่อนลง คนที่เป็นทุกข์เพราะการคิดไม่หยุดในเรื่องที่ทำให้ทุกข์ ก็จะมีความสามารถในการหยุดคิดเรื่องนั้น ๆ ได้ เมื่อหยุดคิดได้ ทุกข์จะจางคลายออกไป นี่เป็นผลจากการปฏิบัติธรรมที่ได้จากการฝึกฝนสัมมาสติ จนตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ อันเป็นผลขั้นแรกที่ได้รับ

ในการปฏิบัติธรรมนั้น จะมีอีกผลหนึ่งอันเป็นผลขั้นที่ 2 ผลอันนี้ภาษาพระเรียกกันว่า มีปัญญา คำว่า มีปัญญา ในทางภา่ษาพระนั้น หมายความว่า การได้รู้ความจริงแห่งธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ว่า ที่แท้นั้น ตัวตนที่เป็นมนุษย์มันไม่ได้เป็นอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เข้าใจกัน
การมีปัญญานี้แหละ จะเป็นผลแห่งการปฏิบัติธรรมในขั้นสูงสุดที่สามารถดับทุกข์ใจลงได้อย่างเด็ดขาด

การที่ท่านบอกว่า ได้ลงมือปฏิบัติธรรมแล้ว แต่ไม่เห็นได้ผลเลยนั้น
มีข้อสังเกตให้แก่ท่านดังนี้

1. ที่ท่านลงมือปฏิบัติธรรมนั้น ท่านได้ปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน 4 ถูกต้องหรือไม่ เพราะการปฏิบัติสมาธินั้น จะมี 2 แบบ ดังที่ผมเขียนไว้ในเรื่อง สมาธิเพื่อการหลุดพ้นทุกข์ คือ การรู้ที่ต่อเนื่องด้วย .จิตรู้.-มุมมือใหม่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=03-01-2010&group=5&gblog=55
ถ้าท่านไปปฏิบัติสมาธิแบบฤาษี ท่านก็จะไม่ได้ผลแห่งการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์
ท่านต้องปฏิบัติ สัมมาสมาธิ เท่านั้น จึงจะพ้นทุกข์ได้จริง

2. ถึงแม้ว่า ท่านได้ปฏิบัติสัมมาสมาธิอย่างถูกต้องแล้ว ท่านมีความขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องหรือไม่
ในการปฏิบัติสัมมาสมาธิ อย่างต่อเนื่องเท่านั้น จึงจะได้ผล
แต่ผมบอกไม่ได้ว่า ท่านจะใช้เวลานานเท่าใด ขอเพียงแต่ท่านหมั่นเพียรการฝึกฝนเท่านั้น ท่านต้องได้ผลอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่ได้ผลในขั้นที่ 2 ด้านปัญญา แต่ก็ได้ผลแน่นอนในขั้นที่ 1 อันเป็นผลของกำลังสัมมาสติที่เข็มแข็งขึ้น แล้วทำให้ท่านสามารถหยุดคิดเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจได้

เรื่องที่ผมเขียนนี้ ผมกล้ารับประกันว่าเป็นไปได้จริง ไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อ ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่ได้นับถือพุทธศาสนา แต่การปฏิบัติสัมมาสติ สัมมาสมาธิ นั้นสามารถปฏิบัติได้ทุกศาสนา และสามารถได้ผลจริงในทุก ๆ คน ทุก ๆ ศาสนาครับ ขอเพียงท่านมีความตั้งใจ มีความม่งมั่น ปฏิบัติได้ถูกเท่านั้น ผลย่อมได้อย่างแน่นอนครับ






Create Date : 05 มกราคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:28:15 น. 1 comments
Counter : 1075 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:38:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.