รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ขอคิดจากภาพยนต์ 2012 วันสิ้นโลก

ผมได้ดูภาพยนต์เรื่อง 2012 วันสิ้นโลก
ในฉากที่พระลามะหนุม ไปสนทนากับ พระอาจารย์บนเขา พระอาจารย์ได้เทน้ำชาใส่ลง
ในถ้วยของลูกศิษย์จนล้น แต่ยังไม่หยุดเท จนลูกศิษย์ต้องบอกกับพระอาจารย์
ขอให้พระอาจารย์หยุดเทน้ำชาได้แล้ว

พระอาจารย์ตอบว่า
**ถ้าสมองคนยังเต็มอยู่ด้วยความคิด ก็จะไม่มีวิชาความรู้ใหม่ใส่ลงไปได้
เปรียบเหมือนถ้วยน้ำชาที่เต็มแล้ว ย่อมไม่อาจรับน้ำชาใหม่ลงไปได้**

จากคำพูดนี้ ทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ที่จิตโผล่งธรรมออกมาเองที่ผมพบ
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในขณะนั้น จิตใจไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ
ของความเป็นอยู่ของคนนั้น

ในพระไตรปิฏก ก็มีกล่าวถึงพระอานนท์ที่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด
ก็เกิดขึ้นในขณะที่กำลังเอนตัวลงเพื่อจะพักผ่อนหลังจากที่ได้ฝึกฝนสมาธิจนเหน็ดเหนื่อย

เมื่อท่านอ่านถึงตรงนี้ ท่านอาจเกิดสงสัยขึ้นมาว่า
แล้วอย่างนี้ จะต้องไปลงมือฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิทำไมกัน
ก็แค่ทำให้สมองมันโล่ง ๆ ว่าง ๆ ก็พอแล้ว เดี๋ยวธรรมมันก็จะโผล่ง
ออกมาเมื่อสมองมันโล่งว่างเอง

ในขบวนการโผล่งความรู้ออกมาไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรมจะเหมือนกันอยู่อย่างหนี่งก็คือ
สมองของท่านจะต้องมีวิชาการในสิ่งนั้นอยู่ด้วยแล้วอันเป็นต้นเรื่องที่จะทำให้เกิดการโผล่ง
ความรู้ออกมาได้
ผมจะยกตัวอย่างทางโลกประกอบให้ท่านเข้าใจ เช่น
ท่านเคยทำแกงเขียวหวานไก่มาแล้วเป็น พัน ๆ ครั้ง
นี่คือต้นวิชาที่มีอยู่ในสมองของท่าน แต่ต่อมา ท่านเกิดโผล่งความคิดออกมา
ว่าดัดแปลงโน้นนิด นี่หน่อย จากแกงเขียวหวานไก่ ก็กลายเป็นอาหารชนิด
ใหม่รสเลิศ ที่ท่านสามารถทำขายได้เงินเข้ากระเป็าได้ โดยที่คนอื่น
ไม่รู้จักแบบท่านเลย เพราะท่านคิดได้ออกมาเอง ไม่ได้ลอกแบบมาจากใคร

ในทางธรรม
การฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิ
จะทำให้เกิดต้นเรื่องในด้านธรรมขึ้นในสมองของท่าน
ในขณะที่ท่านฝึกฝนอย่างถูกต้อง (ที่ไม่ใช่การทำจิตแน่นิ่งแบบก้อนหิน)
ในขณะที่ฝึกฝน ท่านจะเห็นสภาวะธรรมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แปรเปลี่ยนไปมา
อย่างถี่ยิบ ท่านรู้สึกได้ รู้ได้ แบบนี้ แต่เป็นแบบ .จิตตมยปัญญา.
แต่เมื่อมีการโผล่งธรรมออกมาจริง ๆ นี่เป็นการรู้แบบ .ภาวนามยปัญญา.
มันรู้ลึกต่างกันครับท่าน

ภาวนามยปัญญา เป็นการรู้ด้วย .จิต. ที่แท้จริง เป็นการรู้ลึกไปถึงแก้นแท้ก้นลึกใน
จิตใจ

ท่านที่เคยอ่านพระไตรปิฏก ตอนที่พระพุทธเจ้าโปรดปัจจวัคคีย์
แล้วท่านโกณทัญญะมีดวงตาเห็นธรรม ที่ว่า
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา
แล้วพระพุทธเจ้าเปล่งวาจามาว่า โกณทัญญะรู้แล้วหนอ

ท่านเคยคิดไหมว่า คำว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา
คนทั่้ว ๆ ไปก็รู้ได้ เข้าใจได้ แต่มันเป็นการรู้แบบจิตตมยปัญญา
อันต่างจากท่านโกณทัญญะ ที่ท่านรู้แบบโผล่งในธรรมของจิต อันเป็นภาวนามยปัญญา


นำมาเล่าสู่กันฟังครับ ว่าอะไรมันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ถ้าท่านหมั่นฝึกฝน สักวันหนึ่ง ท่านคงพบเองด้วยตนเองครับ

แต่ว่า อย่าไปทำจิตให้นิ่งแบบก้อนหินก็แล้วกัน




 

Create Date : 06 มกราคม 2553
1 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:28:07 น.
Counter : 934 Pageviews.

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 18:38:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.