ขอคิดจากภาพยนต์ 2012 วันสิ้นโลก
ผมได้ดูภาพยนต์เรื่อง 2012 วันสิ้นโลก ในฉากที่พระลามะหนุม ไปสนทนากับ พระอาจารย์บนเขา พระอาจารย์ได้เทน้ำชาใส่ลง ในถ้วยของลูกศิษย์จนล้น แต่ยังไม่หยุดเท จนลูกศิษย์ต้องบอกกับพระอาจารย์ ขอให้พระอาจารย์หยุดเทน้ำชาได้แล้ว
พระอาจารย์ตอบว่า **ถ้าสมองคนยังเต็มอยู่ด้วยความคิด ก็จะไม่มีวิชาความรู้ใหม่ใส่ลงไปได้ เปรียบเหมือนถ้วยน้ำชาที่เต็มแล้ว ย่อมไม่อาจรับน้ำชาใหม่ลงไปได้**
จากคำพูดนี้ ทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์ที่จิตโผล่งธรรมออกมาเองที่ผมพบ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในขณะนั้น จิตใจไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ของความเป็นอยู่ของคนนั้น
ในพระไตรปิฏก ก็มีกล่าวถึงพระอานนท์ที่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด ก็เกิดขึ้นในขณะที่กำลังเอนตัวลงเพื่อจะพักผ่อนหลังจากที่ได้ฝึกฝนสมาธิจนเหน็ดเหนื่อย
เมื่อท่านอ่านถึงตรงนี้ ท่านอาจเกิดสงสัยขึ้นมาว่า แล้วอย่างนี้ จะต้องไปลงมือฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิทำไมกัน ก็แค่ทำให้สมองมันโล่ง ๆ ว่าง ๆ ก็พอแล้ว เดี๋ยวธรรมมันก็จะโผล่ง ออกมาเมื่อสมองมันโล่งว่างเอง
ในขบวนการโผล่งความรู้ออกมาไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรมจะเหมือนกันอยู่อย่างหนี่งก็คือ สมองของท่านจะต้องมีวิชาการในสิ่งนั้นอยู่ด้วยแล้วอันเป็นต้นเรื่องที่จะทำให้เกิดการโผล่ง ความรู้ออกมาได้ ผมจะยกตัวอย่างทางโลกประกอบให้ท่านเข้าใจ เช่น ท่านเคยทำแกงเขียวหวานไก่มาแล้วเป็น พัน ๆ ครั้ง นี่คือต้นวิชาที่มีอยู่ในสมองของท่าน แต่ต่อมา ท่านเกิดโผล่งความคิดออกมา ว่าดัดแปลงโน้นนิด นี่หน่อย จากแกงเขียวหวานไก่ ก็กลายเป็นอาหารชนิด ใหม่รสเลิศ ที่ท่านสามารถทำขายได้เงินเข้ากระเป็าได้ โดยที่คนอื่น ไม่รู้จักแบบท่านเลย เพราะท่านคิดได้ออกมาเอง ไม่ได้ลอกแบบมาจากใคร
ในทางธรรม การฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะทำให้เกิดต้นเรื่องในด้านธรรมขึ้นในสมองของท่าน ในขณะที่ท่านฝึกฝนอย่างถูกต้อง (ที่ไม่ใช่การทำจิตแน่นิ่งแบบก้อนหิน) ในขณะที่ฝึกฝน ท่านจะเห็นสภาวะธรรมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แปรเปลี่ยนไปมา อย่างถี่ยิบ ท่านรู้สึกได้ รู้ได้ แบบนี้ แต่เป็นแบบ .จิตตมยปัญญา. แต่เมื่อมีการโผล่งธรรมออกมาจริง ๆ นี่เป็นการรู้แบบ .ภาวนามยปัญญา. มันรู้ลึกต่างกันครับท่าน
ภาวนามยปัญญา เป็นการรู้ด้วย .จิต. ที่แท้จริง เป็นการรู้ลึกไปถึงแก้นแท้ก้นลึกใน จิตใจ
ท่านที่เคยอ่านพระไตรปิฏก ตอนที่พระพุทธเจ้าโปรดปัจจวัคคีย์ แล้วท่านโกณทัญญะมีดวงตาเห็นธรรม ที่ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา แล้วพระพุทธเจ้าเปล่งวาจามาว่า โกณทัญญะรู้แล้วหนอ
ท่านเคยคิดไหมว่า คำว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา คนทั่้ว ๆ ไปก็รู้ได้ เข้าใจได้ แต่มันเป็นการรู้แบบจิตตมยปัญญา อันต่างจากท่านโกณทัญญะ ที่ท่านรู้แบบโผล่งในธรรมของจิต อันเป็นภาวนามยปัญญา
นำมาเล่าสู่กันฟังครับ ว่าอะไรมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ถ้าท่านหมั่นฝึกฝน สักวันหนึ่ง ท่านคงพบเองด้วยตนเองครับ
แต่ว่า อย่าไปทำจิตให้นิ่งแบบก้อนหินก็แล้วกัน
Create Date : 06 มกราคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:28:07 น. |
Counter : 934 Pageviews. |
|
|
|
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน