ขณะฝึกฝน เพ่งเกินไป หรือ ฟุ่งไป ให้ทำอย่างไร - มุมมือใหม่
มีผู้ถามมาดังนี้ว่า... หากระหว่างที่เราฝึกสังเกตกาย เช่น ลูบแขน กำมือ ฯ แล้วขณะที่ทำนั้น เราไปเพิ่งตรงนั้นมากเกินไป หรือไม่ก็ฟุ้งไปที่อื่น ควรจะทำอย่างไรดี...
คำถามนี้มีประโยชน์สำหรับมือใหม่ สมัยที่ผมเริ่มฝึก ผมก็มีปัญหานี้มาก เอ.. นี่คือ เพ่งหรือเปล่า
มาอ่านความเห็นของผมกันครับ ------------------------------------- ก่อนอื่น ผมขอบอกท่านที่อาจเพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องใน blog ของผม วิธีปฏิบัติธรรมของผม ไม่ใช่แนวทีมีการเพ่งใด ๆ ทั้งสิ้น
ก่อนที่ท่านจะรู้ว่า ท่านเพ่งหรือไม่ ท่านสมควรเข้าใจ 2 เรื่องนี้ก่อนครับ
1. เพ่ง คือ การตั้งใจที่จะรู้สิ่งใด สิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น ตัวอย่างที่ 1 ท่านนั่งทำงานในบริษัท พลันได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆ ที่เป็นคนไม่ถูกกัน กำลังพูดโทรศัพท์แบบกระซิบกระซาบ ถ้าท่านไม่ตั้งใจฟัง ท่านจะไม่รู้ว่า เขากำลังพูดอะไร หรือ กำลังนินทาอะไรท่านหรือเปล่า ดังนั้น ท่านก็ตั้งใจฟังเสียงที่เบาๆ นั้นเป็นพิเศษ นี่คือ การส่งจิตเพื่อไปเจาะจงการรู้ที่จุดที่เป็นแหล่งเสียง
ตัวอย่างที่ 2 สมมุติว่า ท่านกำลังเดินสวนทางกลับสาวหุ่นดีนางหนึ่งในศูนย์กลางค้า เธอแต่งตัวเปรี้ยวมาก ใส่เสื้อผ้าคับติ้ว พอนางสาวหุ่นดีคนนั้น กำลังเดินใกล้เข้ามาแล้ว ท่านก็ส่งสายไปไปจับแถว ๆ เรือนร่างทีโชว์ส่วนสัดที่ท่านสนใจจะดูของนางสาวหุ่นดีคนนั้น
ตัวอย่างที่ 3 สมมุติว่า ท่านกำลังทำครัว เมื่อท่านได้เติมน้ำปลาลงในหม้อแกงแล้ว ท่านก็ตักน้ำแกงนั้นมานิดหน่อย เพื่อชิมรสดู ในขณะที่ท่านชิม ท่านก็จะสนใจว่า รสชาดดีหรือยัง
จาก 3 ตัวอย่างนี้ ขอให้ท่านลองทำจริง ๆ ดู แล้วท่านจะเข้าใจว่า การเพ่งนั้นคือ การใช้จิตเพื่อบังคับจิตไปยังจุดที่ท่านต้องการรู้เป็นพิเศษ เมื่อท่านเพ่ง การรับรู้อย่างอื่นในระบบประสาทของท่านจะทำงานไม่ดี หรือ อาจไม่ทำงานเลย เช่น ถ้าท่านเพ่งเสียง ตาที่ท่านมองสิ่งของ ท่านอาจมองไม่ชัด หรือ มองไม่เห็น ถ้าท่านใช้สายตาเพ่งมองสิ่งของ หูท่านอาจได้ยินเสียงต่าง ๆ รอบตัวไม่ชัด หรือ ไม่ได้ยินเลย ถ้าท่านใช้ลิ้นชิมรสเพื่อเพ่งรส ตา และ หู ก็ทำงานไม่ได้เต็มที่ ************** 2. เมื่อท่านอ่านข้อ 1 เรื่องการเพ่งเป็นอย่างไรแล้ว ขอให้มาลองอ่านดูข้อนี่ต่อไปว่า ไม่เพ่งคืออย่างไร ขอให้ท่านทำการทดลองกับผมตามไปด้วย ขอให้ท่านเปิด TV หรือ วิทยุ มีเสียงเบา ๆ พอได้ยิน เปิดพัดลมส่ายไปมา แต่กระทบตัวท่านได้ ขอให้ท่านสามารถมองไปนอกห้องได้ ยิ่งถ้ามองไปเห็นสิ่งไกล ๆ ได้ก็ยิ่งดี เช่น มองไปทีท้องฟ้าได้
ขอให้ท่านนั่งสบาย ๆ ไม่ต้องนั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้สบายๆ สมองไม่ต้องคิดอะไรเลย ไม่ต้องอยากรู้อะไรทั้งสิ่น เมื่อท่านกำลังรู้สึกตัวอยู่ ขอให้ท่านสังเกต
***ขอให้ท่านลืมตาขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ต้องการมองสิ่งใด ตาที่ท่านมองเห็น ก็จะมองเห็น แต่อาจเป็นภาพกว้าง ๆ ที่ไม่ได้เจาะจงการมอง หรือ เป็นภาพเบลอ ๆ เล็กน้อย ก็ได้ ที่เป็นดังนี้ เพราะท่านไม่ได้ใช้ตาเพ่งมองสิ่งใด ถ้าท่านนึกไม่ออก ขอให้นึกถึงตอนที่ท่านไปเที่ยว แล้วมองไปที่ทิวทัศน์ของธรรมชาติอย่างกว้าง ๆ อาการจะเหมือนกัน คือ เห็น แต่ไม่ได้เจาะจงการเห็น เมื่อท่านเห็นแบบนี้ ท่านจะไม่เห็นรายละเอียดในสิ่งที่เห็น แต่จะเห็นเป็นภาพรวม ๆ กว้าง ๆ
**** หูท่านจะยังได้ยินเสียง ทีวี หรือวิทยุ แต่เมื่อท่านไม่ได้เพ่งเสียง ท่านจะได้ยินเสียง แต่อาจไม่รู้ว่า เสียงนั้น พูดเรื่องอะไร แต่ได้ยินว่ามีเสียงอยู่ ข้อนี้ ถ้าท่านนึกไม่ออก ขอให้ท่านนึกถึงตอนขับรถ ท่านเปิดวิทยุไปด้วยในรถ แต่บางครั้ง ท่านไม่ได้สนใจเสียงวิทยุ จึงไม่รู้ว่า เสียงวิทยุที่ได้ยินนั้น พูดถึงเรื่องอะไร แต่ก็ได้ยินเสียงอยู่
*** เมื่อท่านเปิดพัดลมอยู่ พอลมมากระทบร่างกายก็จะรับรู้ได้ถึงการกระทบของลม
--------- ขอให้ท่านสังเกตว่า เมื่อท่านไม่เพ่งสิ่งใด เพียงรู้สึกตัวที่สบาย ๆ ระบบประสาทจะทำงานของเขาอย่างเป็นอิสระ ท่านสามารถรับรู้การทำงานของระบบประสาทได้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ อย่าง
ขอให้ท่านเปรียบเทียบเรื่องข้อ 1 ที่เกี่ยวกับ เพ่ง และ ข้อ 2 ที่ไม่เพ่ง ท่านมองข้อแตกต่างออกหรือไม่ครับ
เมื่อท่านเข้าใจ การเพ่งและไม่เพ่งแล้ว ทีนี้ พอท่านฝึกการลูบแขนดังที่ผมเขียนไว้ในเรื่อง ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=30&group=1&gblog=20
เวลาท่านฝึก ก็เพียงรู้สึกตัว แล้วก็ลูบไปสบาย ๆ โดยไม่มีการเพ่งสิ่งใด การลูบแขนนี้ ก็จะคล้ายกับพัดลมในตัวอย่างที่ผมกล่าวถึงข้างต้น คือ พอท่านไม่อยากรู้อะไรก็จริง แต่เมื่อท่านรู้สึกตัว ระบบประสาทจะเป็นอิสระและมันก็จะทำงานของมันเอง ดังนั้น ท่านจึงจะมีอาการเหมือนไม่เพ่ง ก็คือ ตาก็มองเห็น หูก็ได้ยิน เมื่อลูบแขนก็รู้สึกถึงการลูบได้
อย่าลืมที่การฝึกต้องสบาย ๆ นะครับ เพียงให้รู้สึกตัว สบาย ๆ แล้วไม่ต้องอยากรู้อะไร ก็ใช้ได้แล้ว
************************** ทีนีมาถึงคำถามที่ว่า ถ้าใจฟุ่งไป ให้ทำอย่างไร เมื่อใจฟุ่งไป เมื่อรู้สึกตัว ก็กลับมาใหม่ครับ ไม่ต้องไปสนใจ ในสิ่งที่ฟุ่งไปแล้ว เพราะการฝึกฝน เราไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันผ่านก็ผ่านไป ไม่ต้องไปคิด ไม่ต้องไปสนใจอะไรกับมันเลย เพียงแต่ กลับมาฝึกต่อ ด้วยความรู้สึกตัว สบาย ๆ ไม่ต้องอยากรู้อะไร แล้วก็ลูบแขนไปสบาย ๆ ครับ
**********
Create Date : 31 มกราคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:20:08 น. |
Counter : 1259 Pageviews. |
|
|
|