รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ขณะฝึกฝน เพ่งเกินไป หรือ ฟุ่งไป ให้ทำอย่างไร - มุมมือใหม่

มีผู้ถามมาดังนี้ว่า...
หากระหว่างที่เราฝึกสังเกตกาย เช่น ลูบแขน กำมือ ฯ แล้วขณะที่ทำนั้น เราไปเพิ่งตรงนั้นมากเกินไป หรือไม่ก็ฟุ้งไปที่อื่น ควรจะทำอย่างไรดี...

คำถามนี้มีประโยชน์สำหรับมือใหม่ สมัยที่ผมเริ่มฝึก ผมก็มีปัญหานี้มาก เอ.. นี่คือ เพ่งหรือเปล่า

มาอ่านความเห็นของผมกันครับ
-------------------------------------
ก่อนอื่น ผมขอบอกท่านที่อาจเพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องใน blog ของผม วิธีปฏิบัติธรรมของผม ไม่ใช่แนวทีมีการเพ่งใด ๆ ทั้งสิ้น

ก่อนที่ท่านจะรู้ว่า ท่านเพ่งหรือไม่ ท่านสมควรเข้าใจ 2 เรื่องนี้ก่อนครับ

1. เพ่ง คือ การตั้งใจที่จะรู้สิ่งใด สิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างที่ 1 ท่านนั่งทำงานในบริษัท พลันได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆ ที่เป็นคนไม่ถูกกัน กำลังพูดโทรศัพท์แบบกระซิบกระซาบ ถ้าท่านไม่ตั้งใจฟัง ท่านจะไม่รู้ว่า เขากำลังพูดอะไร หรือ กำลังนินทาอะไรท่านหรือเปล่า ดังนั้น ท่านก็ตั้งใจฟังเสียงที่เบาๆ นั้นเป็นพิเศษ นี่คือ การส่งจิตเพื่อไปเจาะจงการรู้ที่จุดที่เป็นแหล่งเสียง

ตัวอย่างที่ 2 สมมุติว่า ท่านกำลังเดินสวนทางกลับสาวหุ่นดีนางหนึ่งในศูนย์กลางค้า เธอแต่งตัวเปรี้ยวมาก ใส่เสื้อผ้าคับติ้ว พอนางสาวหุ่นดีคนนั้น กำลังเดินใกล้เข้ามาแล้ว ท่านก็ส่งสายไปไปจับแถว ๆ เรือนร่างทีโชว์ส่วนสัดที่ท่านสนใจจะดูของนางสาวหุ่นดีคนนั้น

ตัวอย่างที่ 3 สมมุติว่า ท่านกำลังทำครัว เมื่อท่านได้เติมน้ำปลาลงในหม้อแกงแล้ว ท่านก็ตักน้ำแกงนั้นมานิดหน่อย เพื่อชิมรสดู ในขณะที่ท่านชิม ท่านก็จะสนใจว่า รสชาดดีหรือยัง

จาก 3 ตัวอย่างนี้ ขอให้ท่านลองทำจริง ๆ ดู แล้วท่านจะเข้าใจว่า การเพ่งนั้นคือ การใช้จิตเพื่อบังคับจิตไปยังจุดที่ท่านต้องการรู้เป็นพิเศษ
เมื่อท่านเพ่ง การรับรู้อย่างอื่นในระบบประสาทของท่านจะทำงานไม่ดี หรือ อาจไม่ทำงานเลย เช่น
ถ้าท่านเพ่งเสียง ตาที่ท่านมองสิ่งของ ท่านอาจมองไม่ชัด หรือ มองไม่เห็น
ถ้าท่านใช้สายตาเพ่งมองสิ่งของ หูท่านอาจได้ยินเสียงต่าง ๆ รอบตัวไม่ชัด หรือ ไม่ได้ยินเลย
ถ้าท่านใช้ลิ้นชิมรสเพื่อเพ่งรส ตา และ หู ก็ทำงานไม่ได้เต็มที่
**************
2. เมื่อท่านอ่านข้อ 1 เรื่องการเพ่งเป็นอย่างไรแล้ว ขอให้มาลองอ่านดูข้อนี่ต่อไปว่า ไม่เพ่งคืออย่างไร
ขอให้ท่านทำการทดลองกับผมตามไปด้วย ขอให้ท่านเปิด TV หรือ วิทยุ มีเสียงเบา ๆ พอได้ยิน เปิดพัดลมส่ายไปมา แต่กระทบตัวท่านได้ ขอให้ท่านสามารถมองไปนอกห้องได้ ยิ่งถ้ามองไปเห็นสิ่งไกล ๆ ได้ก็ยิ่งดี เช่น มองไปทีท้องฟ้าได้

ขอให้ท่านนั่งสบาย ๆ ไม่ต้องนั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้สบายๆ สมองไม่ต้องคิดอะไรเลย ไม่ต้องอยากรู้อะไรทั้งสิ่น
เมื่อท่านกำลังรู้สึกตัวอยู่ ขอให้ท่านสังเกต

***ขอให้ท่านลืมตาขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ต้องการมองสิ่งใด ตาที่ท่านมองเห็น ก็จะมองเห็น แต่อาจเป็นภาพกว้าง ๆ ที่ไม่ได้เจาะจงการมอง หรือ เป็นภาพเบลอ ๆ เล็กน้อย ก็ได้ ที่เป็นดังนี้ เพราะท่านไม่ได้ใช้ตาเพ่งมองสิ่งใด
ถ้าท่านนึกไม่ออก ขอให้นึกถึงตอนที่ท่านไปเที่ยว แล้วมองไปที่ทิวทัศน์ของธรรมชาติอย่างกว้าง ๆ อาการจะเหมือนกัน คือ เห็น แต่ไม่ได้เจาะจงการเห็น เมื่อท่านเห็นแบบนี้ ท่านจะไม่เห็นรายละเอียดในสิ่งที่เห็น แต่จะเห็นเป็นภาพรวม ๆ กว้าง ๆ

**** หูท่านจะยังได้ยินเสียง ทีวี หรือวิทยุ แต่เมื่อท่านไม่ได้เพ่งเสียง ท่านจะได้ยินเสียง แต่อาจไม่รู้ว่า เสียงนั้น พูดเรื่องอะไร แต่ได้ยินว่ามีเสียงอยู่ ข้อนี้ ถ้าท่านนึกไม่ออก ขอให้ท่านนึกถึงตอนขับรถ ท่านเปิดวิทยุไปด้วยในรถ แต่บางครั้ง ท่านไม่ได้สนใจเสียงวิทยุ จึงไม่รู้ว่า เสียงวิทยุที่ได้ยินนั้น พูดถึงเรื่องอะไร แต่ก็ได้ยินเสียงอยู่

*** เมื่อท่านเปิดพัดลมอยู่ พอลมมากระทบร่างกายก็จะรับรู้ได้ถึงการกระทบของลม

---------
ขอให้ท่านสังเกตว่า เมื่อท่านไม่เพ่งสิ่งใด เพียงรู้สึกตัวที่สบาย ๆ ระบบประสาทจะทำงานของเขาอย่างเป็นอิสระ ท่านสามารถรับรู้การทำงานของระบบประสาทได้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ อย่าง

ขอให้ท่านเปรียบเทียบเรื่องข้อ 1 ที่เกี่ยวกับ เพ่ง และ ข้อ 2 ที่ไม่เพ่ง
ท่านมองข้อแตกต่างออกหรือไม่ครับ

เมื่อท่านเข้าใจ การเพ่งและไม่เพ่งแล้ว
ทีนี้ พอท่านฝึกการลูบแขนดังที่ผมเขียนไว้ในเรื่อง ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=30&group=1&gblog=20

เวลาท่านฝึก ก็เพียงรู้สึกตัว แล้วก็ลูบไปสบาย ๆ โดยไม่มีการเพ่งสิ่งใด การลูบแขนนี้ ก็จะคล้ายกับพัดลมในตัวอย่างที่ผมกล่าวถึงข้างต้น คือ พอท่านไม่อยากรู้อะไรก็จริง แต่เมื่อท่านรู้สึกตัว ระบบประสาทจะเป็นอิสระและมันก็จะทำงานของมันเอง ดังนั้น ท่านจึงจะมีอาการเหมือนไม่เพ่ง ก็คือ ตาก็มองเห็น หูก็ได้ยิน เมื่อลูบแขนก็รู้สึกถึงการลูบได้

อย่าลืมที่การฝึกต้องสบาย ๆ นะครับ เพียงให้รู้สึกตัว สบาย ๆ แล้วไม่ต้องอยากรู้อะไร ก็ใช้ได้แล้ว

**************************
ทีนีมาถึงคำถามที่ว่า ถ้าใจฟุ่งไป ให้ทำอย่างไร
เมื่อใจฟุ่งไป เมื่อรู้สึกตัว ก็กลับมาใหม่ครับ ไม่ต้องไปสนใจ ในสิ่งที่ฟุ่งไปแล้ว เพราะการฝึกฝน เราไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันผ่านก็ผ่านไป ไม่ต้องไปคิด ไม่ต้องไปสนใจอะไรกับมันเลย เพียงแต่ กลับมาฝึกต่อ ด้วยความรู้สึกตัว สบาย ๆ ไม่ต้องอยากรู้อะไร แล้วก็ลูบแขนไปสบาย ๆ ครับ

**********





 

Create Date : 31 มกราคม 2553
2 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:20:08 น.
Counter : 1259 Pageviews.

 

ขอบพระคุณมากๆๆเลยค่ะ

 

โดย: ป้อม IP: 203.144.144.165 31 มกราคม 2553 17:37:56 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 18:22:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.