รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ปฏิบัติธรรมอย่างไร ไม่ให้เป็นบ้า

การปฏิบัติธรรมแบบพุทธนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีทางเป็นบ้า
แต่ที่เป็นบ้า เพราะไม่ถูกต้องที่ไม่ใช่แบบพุทธ

ที่เป็นบ้า เขาปฏิบัติกันอย่างไร

ในความเป็นปุถุชน จะมีความเชื่ออย่างหนึ่งเสมอ ก็คือ สิ่งที่เห็นด้วยตา สิ่งที่ได้ยินด้วยหู สิ่งที่สัมผัสได้ทุกอย่าง นั้นคือความเป็นจริง
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ปุถุชน พอนอนหลับแล้วฝัน ก็มักจะทึกทักเอาว่า ความฝันนั้นเป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นตามฝันอย่างแน่นอน

ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งของคนไทย ที่มักเชื่อว่า การปฏิบัติธรรมแบบพุทธนั้น คือ การนั่งสมาธิหลับตาให้ตัวนิ่งแข็ง ยิ่งวันไหน นั่งแล้วตัวยิ่งนิ่งแข็ง กลับคิดว่านั่งได้ดี ถึงกลับมาเขียนกระทู้แจกบุญกับคนอื่นอีก นี่คือความเชื่อที่ฝังหัวในคนไทยเกือบทั้งประเทศ

การนั่งสมาธิเพื่อให้ตัวนิ่งแข็ง จะต้องกระทำด้วยการกดข่มจิตอย่างมาก ไม่ให้จิตไปรับรู้อะไรเลย เมื่อกดข่มจิตอย่างหนัก จิตจะนิ่งไม่ไหวติง แต่จิตที่นิ่งอย่างนี้ คือ จิตที่นิ่งด้วย .โมหะ. ครับท่าน ไม่ใช่บุญ แต่เป็นมิจฉาทิฐิสมาธิ ที่พวกฤาษีในสมัยพุทธกาลเขาฝึกกัน และเจ้าชายสิทธัตถะก็เคยไปเรียนกับดาบส 2 คนและได้รู้แล้วว่า สมาธิแบบนี้ไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์ ซึ่งมีกล่าวไว้ในพุทธประวัติแล้ว แต่เหตุไฉนคนไทยกลับไปหลงเชื่อว่าสมาธิแบบนิ่งตัวแข็งนี้คือ
สมาธิแบบพุทธที่พระพุทธเจ้าสอน

ด้วยความเป็นปุถุชน เมื่อจิตถูกกดให้นิ่งสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม ไม่มีทางที่จิตจะนิ่งได้ตลอด ด้วยความเป้นไตรลักษณ์ จิตจะเกิดการปรุงแต่ง สร้างเป้นนิมิตขึ้นมาให้ผู้ทำสมาธิได้เห็น ถ้าเป็นนิมิตที่ดี เช่นเห็นนางฟ้า เห็นสวรรค์ ก็จะเกิดโลภะ เกิดความอยากที่จะได้ไปอยู่ที่นั้น อยากที่จะได้เห็นนาน ๆ ถ้านิมิตหายไป ก็จะเกิดเสียดาย เกิดทุกข์ตามมาที่นิมิตทีต้องการหายไปแล้ว ยิ่งถ้านิมิตหายเพราะคนอื่นมาทำให้เสียสมาธิ ก็จะเกิดอาการโกรธคน ๆ นั้นทันที

ถ้านิมิตที่เกิดเป็นนิมิตที่ไม่ดี เช่นเห็นภาพนรก เห็นภาพยักษ์ หรือ เห็นอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการกลัวขึ้นมา ก็มักจะทำให้สดุ้งตกใจกลัว บางรายตกใจมาก รีบออกจากสมาธิโดยเร็ว หรือ บางรายก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีอย่างเร็ว ซึ่งอาการนี้ บางอาจารย์จะเรียกว่า กรรมฐานแตก ก็คือกลัวจนเป็นบ้าไปแล้วครับ

ส่วนพวกที่เห็นนิมิตดี ก็จะเฝ้าฝันต้องการเห็นอีก บางรายก็พร่ำเพ้อถึงแต่นิมิตนั้น จิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว นี่ก็จะกลายเป็นบ้าในไม่ช้าเช่นกัน

ผมไม่ปฏิเสธกรรมฐานนั่งที่เป็นแบบพุทธเพื่อการพ้นทุกข์ ท่านั่งเป็นท่าที่ดีท่าหนึ่ง แต่ผู้ปฏิบัติต้องเข้าใจว่า การนั่งอย่างไร จึงจะเป็นแบบพุทธ ที่ไม่เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติ นั่งแบบใดเป็นแบบฤาษี ที่จะเป็นอันตรายถ้าไม่มีครูอาจารย์คอยควบคุมอย่างใกล้ชิด

นี่คือเหตุผลหนี่ง ที่ใน blog ของผม จะไม่นำกรรมฐานนั่งนิ่งมา กล่าวถึง ยกเว้นเรื่องเดียวที่ผมเขียนถึง ก็คือ .การเจริญวิปัสสนาในอิริยาบทนั่งนิ่ง.
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=23&group=1&gblog=78
เพราะผมทราบดีว่า กรรมฐานนั่งนิ่ง ถ้าไม่มีครูอาจารย์ดูแลอย่างใกล้ชิด โอกาสที่ผู้ปฏิบัติที่ไปฝึกเองจะกลายเป็นบ้า เป็นไปได้อย่างง่าย ๆ ครับ
ดังนั้น ใน blog ของผมจึงเป็นกรรมฐานเคลื่อนไหว ที่ลืมตาปฏิบัติ ซึ่งผมมั่นใจว่า ใครที่เดินตามใน blog ของผมจะไม่ต้องไปพบกับจิตหลอนอันเป็นนิมิตอย่างแน่นอน

การแก้กรรมฐานแตก เป็นสิ่งทียากลำบากมาก ผู้แก้ต้องรู้จริง ๆ ถ้าไปหาคนที่ไม่รู้จริง จะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ดังนั้น ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไร้ครูอาจารย์ควบคุม การทำกรรมฐานควรคิดให้ดี ถ้าเกิดพลาดพลั้งไปแล้ว จะแก้ยากหรือหาคนมาช่วยแก้ไม่ได้เลย

>>>>>>>>>>>



จากภาพเป็นภาพสมมุติของปรมัตถ์ธรรมทั้ง 4 หมุ่
ส่วนที่แปรปรวน ไม่มีนิ่ง คือ รูปปรมัตถ์ และ เจตสิก (วงกลมสีฟ้า)
ส่วนที่นิ่ง ไม่แปรปรวน คือ จิต(ธรรมชาติที่รู้อารมณ์) และ นิพพาน ( วงกลมสีเหลือง )

ในปุถุชน จะไม่เห็น จิต ไม่เห็นนิพพาน จึงไม่เห็นส่วนที่นิ่งทีแท้จริง
แต่การทำมิจฉาสมาธิ จะไปกด รูปปรมัตถ์ และ กด เจตสิก ให้นิ่ง ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับความเป็นจริงตามธรรมชาติทีว่า รูปปรมัตถ์ และ เจตสิก จะแปรปรวน ไม่นิ่ง (ส่วนนี้คือไตรลักษณ์ )

ยิ่งไปกดรูปปรมัตถ์ให้นิ่ง กดเจตสิก ให้นิ่ง ก็เป็นการปิดบังปัญญาไม่ให้เห็นสัจจธรรมแท้แห่งธรรมชาติ

การปฏิบัติตามแนวพุทธ ก็เพื่อการเห็น การเข้าใจในสัจจธรรมแห่งธรรมชาติ เมื่อปฏิบัติแล้วไปปิดบังธรรมชาติแท้ ก็ไม่ใช่วิถีทางแห่งพุทธศาสนา

>>>>>>>>

Blog เรื่องนี้จะไม่ให้ comment เพราะผมทราบดีว่า คนที่ชื่นชอบกรรมฐานนั่งนิ่งตัวแข็ง เขาจะไม่เห็นด้วย ผมไม่อยากต่อความยาวกับใครครับ

การเป็นบ้า.... กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน ครับท่าน



Create Date : 11 ธันวาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:30:37 น. 1 comments
Counter : 2444 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:43:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.