รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
จิตเที่ยงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นเลย ถ้าท่านไม่ได้ฝึกมาแบบสมถยานิก

ถ้าท่านฝึกมาแบบสมถยานิก ด้วยการบังคับจิตให้จดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง เช่น ลมหายใจ หรือ กสิณ จิตรู้ของท่านจะเกิดแบบเป็นดวงครับ
เมื่อจิตรู้เป็นดวง ท่านจะยังมีความมีตัวตนอยู่ และมีความรู้สึกเสมอว่า ตัวท่านเองเป็นศูนย์กลางของการรู้ ดังนั้น เมื่อท่านมองอะไรสักอย่าง ก็จะเป็นว่า ท่านเป็นคนมอง เมื่อท่านได้ยินอะไรสักอย่าง ท่านก็จะเข้าใจว่า ท่านเป็นคนได้ยิน นี่คือความเป็นตัวตนที่ท่าน ที่ท่านได้สร้างขึ้นมาเองจากการฝึกแบบสมถยานิก ส่วนการแก้จิตเป็นดวง แก้ไม่ให้ท่านเป็นตัวตน ท่านต้องไปหาครูอาจารย์เพื่อแก้ใขเอาเอง ผมแก้ให้ท่านไม่ได้ครับ ความรู้ผมไม่พอจะช่วยท่านได้ในเรื่องนี้

แต่ในบทความใน blog ของผมนี้ ในการฝึกฝน มันไม่ใช่เป็นแบบสมถยานิก แต่เป็นวิปัสสนายานิก ที่ใช้ความความรู้สึกตัวเป็นตัวนำ แล้วไปรับรู้สภาวะการรู้ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยไม่ใช่การเพ่งจ้อง เมื่อท่านฝึกแบบนี้จนชำนาญ จิตรู้ของท่านจะไม่เป็นดวง และท่านจะรู้สึกได้ว่า ท่านไม่ได้เป็นศูนย์กลางแห่งการรับรู้ แต่การรับรู้มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่มันเกิดขึ้นเอง ไม่มีตัวตนของท่านเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรเลย มีแต่การรู้ ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รู้ ไม่รู้ว่า การรู้อยู่ที่ไหนด้วยครับ

ในตำราบอกว่า การรับรู้ด้วย จิต หรือ วิญญาณขันธ์
นั่นคือตำรา ที่ผมขอไม่โต้แย้ง และไม่ขอยอมรับ เพราะผมไม่มีความเห็น

ในการฝึกฝนแบบวิปัสสนยานิก ถ้าสัมมาสติ สัมมาสมาธิของท่านตั้งมั่นอย่างมั่นคง ท่านจะเห็นการทำงานของวิญญาณขันธ์ได้ด้วยจิตรู้
เมื่อจิตรู้เห็นวิญญาณขันธ์ จิตรู้ ก็ไม่ใช่วิญญาณขันธ์ ครับ
เพราะมันเป็นคนละสิ่งอย่างชัดแจ้งในตัวแล้ว
ไม่ต้องมาคิดเลยว่า จิตรู้มันคืออะไรกัน
เนื่องจากจิตรู้ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันโล่ง ๆ ว่างๆ ไร้ตัวตน
ไม่รู้อยู่ที่ไหน มีแต่สภาวะรู้ที่เข้าไปรู้สภาวะธรรมอย่างถี่ยิบ
ปานประหนึ่ง จิตรู้รู้ตลอดเวลาที่ท่านยังตื่นอยู่ มันไม่เคยหายไปไหน
ไม่สามารถบอกได้ว่า จิตรู้ คืออะไร เที่ยงหรือไม่เทียงแต่อย่างไร

ถ้าจะเปรียบทางโลก เปลวไฟที่เทียนทีท่านเห็นที่มันยังติดอยู่ตลอด
(กรุณาอย่าตะแบง ว่าพอเทียนหมด เปลวไฟมันก็ดับนะครับ )
เปลวไฟมันเที่ยงหรือไม่ละ ถึงเปลวไฟที่เทียนมันจะแว๊บ ๆ ว๊อบ ๆ แต่มันก็ไม่ดับ ถึงแม้เปลวเทียนเดี๋ยวจะสว่างขึ้น เดี๋ยวมืดลงไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่ดับไป จิตรู้ ก็จะคล้าย ๆ เปลวเทียนอย่างนั้นละ เดียวโล่งแจ้ง เดียวแคบหน่อย เดียวแรง เดียวอ่อน แต่ไม่หายไปไหน

ถ้าท่านว่าเปลวไฟของเทียนไม่เที่ยง เพราะเดี๋ยวสว่าง เดียวมืด มันก็เป็นความเห็นของท่านเอง
ถ้าท่านว่าเปลวไฟของเทียนเที่ยง ถึงแม้ว่าเดียวสว่าง เดียวมืด แต่มันไม่ดับก็ถือว่าเที่ยง มันก็เป็นความเห็นของท่านอีกเช่นกัน

การที่ท่านเห็นว่า เปลวไฟในเทียนเที่ยงหรือไม่เที่ยง หรือ มีความเห็นว่า จิตเที่ยงหรือไม่เทียง นั้นก็เป็นขบวนการที่ท่านหลงไปกับอวิชชาเข้าให้แล้ว โดยที่ท่านไม่รู้ตัวเลย

ท่านที่อ่านตำราว่าอย่างโน้น ว่าอย่างนี้ แล้วเชื่อไปตามตำรา นั่นก็คือท่านก็หลงเชื่อไปกับความคิด หลงไปกับอวิชชาเช่นเดียวกัน

ในการปฏิบัติ เมื่อจิตรู้แผ่กว้าง โดยที่ไม่ใช่ตัวท่านเป็นศูนย์กลางแห่งการรู้ ไม่ต้องไปสนใจเลยว่า มันเที่ยงหรือไม่เทียง มันใช่จิตหรือไม่ใช่จิต ไม่ใช่เป็นสิ่งสำคัญเลยในการเข้าถึงการรู้แจ้งแห่งการปล่อยวางเพื่อการพ้นทุกข์
มันจะเป็นอย่างไรก็ช่าง จิตรู้ มันรู้ของมันเองก็ใช้ได้แล้ว ท่านไม่ต้องไปยุ่งอะไรกะมันเลย ปล่อยมันให้มันทำงานอย่างเป็นอิสระนั่นแหละ ใช้ได้แล้ว
ไม่ต้องไปสอนมันเลยว่า นี่ ๆ จิตรู้ แกไม่เทียงนะ หรือว่า นี่ ๆ จิตรู้ แกเที่ยงนะ นั่นเป็นการปรุงแต่งแล้วครับท่าน มันเป็นจิตตสังขาร ไม่ใช่ จิตรู้ครับ

การปฏิบัติมันง่ายกว่านั้นมาก ไม่ต้องรู้อะไรมากเกินจำเป็น อ่านมากก็ยุ่งมาก การปรุงแต่งเข้าจับความคิดจากที่อ่าน ท่านยังไม่รู้ตัวเลย แล้วท่านจะยิ่งติดกับดักแห่งความปรุงแต่ง ยิ่งยากเย็นในการแกะอวิชขาให้หลุดไปได้จากการยึดติด

เขียนเรื่องนี้มา ผมทราบครับ มีแต่คนไม่เห็นด้วย เพราะไปค้านกับตำรา
ค้านกับคำสอนของพระดัง ๆ บางรูปที่ท่านศรัทธาอยู่

แต่เท่าที่ผมอ่านในอินเตอร์เนท ก็มีพระดัง ๆ บางรูปท่านเทศน์เหมือนที่ผมเขียนนี้เช่นกัน

เรื่องอย่างนี้ ถ้าท่านเป็นนักภาวนา ท่านควรทำใจเป็นกลางแล้ว ลงมือฝึกฝนให้เห็นแจ้งด้วยตนเอง ว่าอะไรเป็นอะไร ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ยอมรับหรือปฏิเสธ

ผมเพียงฝากไว้ให้ท่านพิจารณาด้วยปัญญาของท่านเอาเอง

บทความนี้ไม่มี comment ครับ ให้อ่านได้อย่างเดียว

แนะนำอ่านเพิ่มเติม
จิตรู้ 2 แบบ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=05&group=1&gblog=26

----------------
ท่านว่า รูปวงกลม มีเหลี่ยม หรือ ไม่มีเหลี่ยมครับ ?
ท่านเชื่อว่า โลกกลม แล้วท่านเคยเห็นโลกมันกลมจริง ๆ หรือไม่
ถ้าสิ่งที่ท่านเห็นว่าโลกกลม แล้วโลกกลมจริง ๆ อย่างที่ท่านเห็นหรือเปล่า ??




Create Date : 17 ธันวาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:30:07 น. 1 comments
Counter : 982 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:41:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.