รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
ปรกติ

ปรกติ คือ ความเป็นธรรมชาติของสิ่งนั้นในระยะ steady state

เมื่อมีคนยกแก้วน้ำมาให้คุณดื่ม เมื่อแก้วน้ำวางบนโต๊ะ น้ำในแก้วจะไม่นิง จะเคลื่อนไหลไปมา สักครู่ ก็จะนิ่งสนิท นี่คือปรกติ

เมื่อน้ำเคลื่อนไหล นี่คือ ไม่ปรกติ เพราะเกิดด้วยเหตุปัจจัย (มีการเขย่าในขณะที่คนยกแก้วมา ) แต่เมื่อเหตุปัจจัยหมดลงแล้ว (แก้ววางไว้เฉย ๆ ไม่มีการขยับอีก ) น้ำก็จะนิ่งเข้าสู่สภาวะปรกติของมันเอง

ปรกติของจิตใจคน ก็จะนิ่งแบบน้ำที่ผมยกตัวอย่างไว้
แต่ที่ใจไม่นิ่ง เพราะมีเหตุปัจจัย ทีใจนั้นไปรับรู้สิ่งที่เข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิตใจ

ท่านอาจจะถามว่า ถ้าใจไม่นิ่ง ก็ทิ้งไว้ ใจก็จะนิ่งเอง แบบน้ำในแก้ว ใช่หรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับว่า จิตใจของท่านนั้นยังมีการสร้างเหตุปัจจัยต่อหรือไม่ต่างหาก เหตุปัจจัยที่สร้างต่อไป คือ ความยึดติด หรือ ทางพระเรียกว่า ตัณหา สมมุติว่า ท่านโดนคนเขียนสบประมาทในเวป เมื่อท่านอ่านพบ จิตใจท่านจะไม่นิ่งในขณะที่อ่าน แต่เมื่อท่านกลับบ้าน ไปนอนแล้ว ถ้าท่านยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ก็เท่ากับการเติมเชื้อ เติมเหตุปัจจัยลงไป ใจของท่านก็จะไม่นิ่ง
แต่ถ้าท่าน หยุดคิด เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่เป้นการสร้างเหตุต่อ ใจท่านก็จะนิ่งได้

นี่คือธรรมชาติของจิตใจ ที่คนปรกติมักไม่สังเกตกัน ทำให้คนเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป

การฝกฝน สติสัมปัญญะ หรือ สติปัฏฐาน 4 ก็เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเห็นและเข้าใจสิ่งนี้ที่อยู่ในจิตใจของตนเอง เมื่อเห็นได้ ก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจ ก็จะไม่เสริมแต่งสร้างเหตุต่อไป เมื่อไม่สร้างเหตุต่อ ใจก็จะนิ่ง เมื่อใจนิ่ง ก็ไม่ทุกข์
นี่คือตรรกที่เป็นวิทยาศาสตร์แท้ ๆ

ท่านจะเห็นว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นัน ก็เพื่อสิ่งนี้ ความปรกติของใจ ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด ถ้าท่านเข้าใจมันสักนิด แล้วสังเกตจิตใจตนเองในยามทีมันเป็นปรกติตามธรรมชาติอยู่ นั่นแหละ ธรรมชาติแท้ของใจอยู่ที่นั่นแหละ

เมื่อใจท่านไม่ทุกข์ จะมีอะไรจะวิเศษกว่านี้อีกครับ

ท่านที่มีเรื่องราวในกลางวัน กลางคืนนอนก็ไม่หลับ ก่ายหน้าผากลืมตาโพลงอยู่อย่างนั้น ถ้าท่านอนแบบนั้นทำให้ท่านหายทุกข์ได้ ก็ทำไปเถิด ถ้ามันยิ่งทำให้ท่านทุกข์ใจอยู่เหมือนเดิมอยู่ ก็น่าจะเปลี่ยนวิธีการเสีย

ตัณหา นี้คือ อริยสัจจ์ขอที่ 2 ที่บอกว่า ให้ละทิ้งเสีย
ละได้ ก็ไม่สร้างเหตุต่อในจิตใจ ใจก็นิ่ง
แต่ไม่ใช่ว่าจะละกันง่าย ๆ
มันฉลาดในการหลบตัวเอง วันดีคืนดี เมื่อท่านน๊อตหลวมเมื่อไร
มันจะมาทันที

ผมอยากเน้นครับว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น เพื่อความเป็นปรกติ ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด ถ้าท่านอยากได้มรรคผล นิพพาน ท่านจะไม่ปรกติ แต่ถ้าท่านเฉยๆ ไม่ใช่ไม่อยาก หรือ อยาก แต่ให้เฉยเสีย ใจท่านจะนิ่ง นั่นแหละมันอยู่ที่นั้น ในใจของท่านนั้นเอง

บทความนี้ ขอมอบให้กับคนที่นอนไม่หลับอยู่ในคืนนี้ครับ




Create Date : 15 สิงหาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:32:53 น. 6 comments
Counter : 1086 Pageviews.

 
ยอมรับว่าหลายครั้ง และลึกๆ ในใจมันอยากจะเจอ อยากให้เกิดสภาวะบางอย่างที่เหนือธรรมดาอยู่ อย่างพอรู้สึกตัวง่ายๆ กายเคลื่อนก็รู้ มันก็มักมีความคิดแวปต่อมาว่า "อะไรอ่ะ ทำไมไม่เห็นมีอะไรมหัศจรรย์เลย .. "
หลายครั้งมันไม่ใช่แค่ดู มันจะดูเพื่อจะรอบางสิ่ง เพื่อจะให้ได้บางสิ่ง
ซึ่งบางครั้งก็รู้ได้ถึงความอยากได้บางสิ่ง นี้บ้าง ไม่ทันบ้าง ก็จะหมั่นตามรู้ต่อไปคับ


โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.75 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:16:10:53 น.  

 
ยอมรับว่าหลายครั้ง และลึกๆ ในใจมันอยากจะเจอ อยากให้เกิดสภาวะบางอย่างที่เหนือธรรมดาอยู่ อย่างพอรู้สึกตัวง่ายๆ กายเคลื่อนก็รู้ มันก็มักมีความคิดแวปต่อมาว่า "อะไรอ่ะ ทำไมไม่เห็นมีอะไรมหัศจรรย์เลย .. "
หลายครั้งมันไม่ใช่แค่ดู มันจะดูเพื่อจะรอบางสิ่ง เพื่อจะให้ได้บางสิ่ง
ซึ่งบางครั้งก็รู้ได้ถึงความอยากได้บางสิ่ง นี้บ้าง ไม่ทันบ้าง ก็จะหมั่นตามรู้ต่อไปคับ


โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.75 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:16:10:57 น.  

 
ธรรมชาติที่คนมองไม่ออก ที่จริงทีมองไม่ออก เพราะมันไม่มีครับ เลยมองไม่ออก แต่เมื่อเราฝึกฝน มองสิ่งที่มีที่ไม่ธรรมชาติก่อน คือ การปรุงแต่ง เห็นมัน เข้าใจมันแล้ว เมื่อมันหายไป เราก็จะเห็นความไม่มีของธรรมชาติได้เอง

เรื่องนี้ ต้องใจเย็น ๆ ต้องรอได้ คอยได้
แต่อย่าอยาก เพราะความอยาก มันเป็นโมหะ
เมื่อโมหะมา มันจะปิดบังความจริงไว้นั้นเอง


โดย: นมสิการ วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:17:25:35 น.  

 
ความไม่มีของธรรมชาติ ?! งงเลยคับ

แต่ช่างมันเถอะ คิดไปก็เท่านั้น ผมก็จะตามรู้ของผมต่อไปแหล่ะคับพี่

ขอบคุณมากคับ


โดย: บั๊กคุง IP: 58.64.123.75 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:18:47:46 น.  

 
อนุโมทนาสาธุค่ะ เตือนสติได้ดีมากๆค่ะ ถูกจริตกับแนวสติสติปัฏฐาน 4 ค่ะ ทุกอย่างเกิด ตั้งอยู่และดับไปในที่สุด ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์ค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:15:27:50 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:33:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.