อย่าอยากรู้ธรรม เพียงมีสัมมสติสัมมาสมาธิเป็นนิสัย แล้วจะรู้ธรรมได้เอง
นักปฏิบัติส่วนมาก มักติดนิสัยทางโลก ที่คิดว่า ต้องทำอะไรขึ้นมา จึงจะมีได้ เช่น ถ้าต้องการกินผลไม้ ก็ต้องปลูกต้นไม้ชนิดที่ให้ผลแบบทีต้องการ ความเข้าใจแบบนี้ มักจะส่งผลไปถึงทางธรรมด้วยเสมอ
นักปฏิบัติธรรมที่เป็นนักอ่าน นักฟัง หรือ ที่เรียกกันในเชิงลบว่า .ใบลานเปล่า. คนพวกนี้จะรู้มาก รู้ไปหมด ใครว่าอะไรรู้ไปหมด พูดได้เป็นฉาก ๆ ใครมาพูดในสิ่งใด ก็สามารถงัดเอาตำรามาแย้งอีกฝั่งได้อย่างเด็ดขาด แต่เขาจะไม่รู้ตัวเลยว่า นี่คือ พลังต้านแห่งการรู้แจ้งในธรรมด้วยตนเอง คนประเภทนี้ มักไม่เชื่อใคร เชื่อแต่ตำราที่ตนอ่านมาเท่านั้น ตำราว่าอย่างไร ก็จะ .พยายามทำ. ให้เกิดขึ้นตามตำราเสมอ
ในครูอาจารย์สายวัดป่า ที่ท่านมีเจโตปริยญาณ หยั่งรู้จิตใจคน เมื่อคนประเภทนี้มากราบท่าน มาขอธรรมจากท่าน ท่านมักจะเงียบ ถ้า.ใบลานเปล่า.รุกเร้าท่านมาก ๆ เข้า ท่านอาจตอบในเชิงเลี่ยงได้ว่า .โยมมีปัญญามากแล้ว อาตมาไม่รู้จะสอนอะไรโยมอีก. ไม่ใช่ท่านไม่มีเมตตา แต่เพราะท่านรู้วาระจิตได้ว่า สอนไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร กลับเป็นโทษเสียอีก ถ้าคำสอนของจริงนั้น จะไม่เหมือนในตำราที่.ใบลานเปล่า. กำลังยึดถืออยู่ เมื่อไม่ตรงกับใจ.ใบลานเปล่า. เหล่า.ใบลานเปล่า.ก็มักจะคิดปรามาสท่านอยู่ในใจ นี่คือการปิดกั้นตนเองให้เข้าถึงธรรมแท้อย่างที่แท้จริงของเหล่า.ใบลานเปล่า.ทั้งหลาย
ในทางธรรมนั้น การรู้ธรรมได้ จะเกิดได้สถานเดียว คือ การมีสัมมาสติสัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น ยิ่งตั้งมั่นมากเท่าใด การรู้ธรรมก็ยิ่งลึกล้ำขึ้นไป ไม่มีการใช้ความคิดพิจารณาธรรมอะไรเลย เพราะเมื่อสัมมาสติสัมมาสมาธิเกิดแล้ว นักปฏิบัติจะพบกับสภาวะต่าง ๆ ที่เกิดเองด้วยเหตุปัจจัยในจิตใจของพวกเขา เมื่อเขาพบแล้ว เขาก็จะเห็นสภาวะ และเข้าใจสภาวะเองโดยไม่ต้องสอน มันเป็นประสบการณ์ตรงที่คนไม่เคยเห็นจะไม่เข้าใจได้เลย นี่คือสิ่งที่เรียกว่า .ปัจจัตตัง. รู้ได้เฉพาะตนจริง ๆ
อนึ่งคำว่า พิจารณา ที่มักใช้ในการบรรยายธรรม ก็ไม่ได้หมายความว่า การใช้ความคิดไปขบปัญญาในธรรม เพราะความคิดที่ใช้ ย่อมเป็นจิตตสังขาร ไม่ใช่ของจริง แต่ถ้าผู้ปฏิบัติตนมีสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่ตั้งมั่น เมื่อสภาวะธรรมเกิด เขาจะเห็นสภาวะธรรมนั้น เมื่อสภาวะธรรมดำเนินไปเอง เขาก็ยังเห็นได้อยู่ เมื่อสภาวะธรรมนั้นสิ้นสุดลง เขาก็ยังเห็นได้อยู่ นี่คือการพิจารณาธรรมในการปฏิบัติธรรม
ในการปฏิบัติ จะมีสภาวะธรรมเป็นอันมาก ที่เกิด เปลี่ยนแปลงแล้ว หยุดไป ไม่ขาดสาย นักปฏิบัติเพียงเห็นมันด้วยสัมมาสติ สัมมาสมาธิ มันย่อมส่งผลมาที่ส่วนลึกของจิตใจของนักปฏิบัติได้เองทั้งสิ้น ท่านไม่ต้องไปสนใจเลยว่า ฉันเป็นโสดาบันหรือยัง เป็นโน้น เป็นนี่หรือยัง ถึงมันจะเป็นหรือไม่เป็น ผลของการปฏิบัติธรรมก็ต้องส่งผลให้กับผู้ปฏิบัติเองอยู่แล้ว นั่นคือ การไม่ทุกข์ การเข้าสู่มรรคเพื่อเดินทางไปเพื่อถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้
ผมหวังว่า บทความนี้ คงให้แง่คิดแก่ท่านที่ติดตามอ่าน blog ของผมเสมอมา มันเป็นสิ่งที่ง่าย ๆ ในการรู้ธรรม คือการสร้างเหตุด้วยการหมั่นเจริญ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ อย่างถูกต้องเท่านั้น แล้วผลทางธรรม ก็จะปรากฏออกมาได้เองเมื่อถึงเวลาอันควรเมื่อสัมมาสติ สัมมาสมาธิตั้งมั่นขึ้นเรื่อย ๆ
....................... ข้อแตกต่าง ระหว่าง ใบลานเปล่า และ นักปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทกข์
.ใบลานเปล่า. อ่านอย่างเดียว ไม่ปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติก็แต่น้อย รู้ธรรมมาก แต่ไม่เคยเห็นธรรม ความสามารถพิเศษ คือ ถกเถียงธรรมได้เป็นฉาก ๆ อยากที่ใครจะโต้เถียงได้
.นักปฏิบัติ.อ่านเพียงพอรู้และเข้าใจในธรรม มีความเพียรในการปฏิบัติ ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลังแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ไม่ชอบโต้เถียงธรรมกับใคร เถียงใครไม่ค่อยเป็น
Create Date : 30 ตุลาคม 2552 |
|
7 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:33:44 น. |
Counter : 1383 Pageviews. |
|
|
|