เล่าสู่กันฟังว่าด้วยองค์ประกอบของนวนิยาย ตอนที่ 1
***จากหนังสือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวรรณคดี โดย ดร. ยุวพาส์ (ประทีปะเสน) ชัยศิลป์วัฒนา
วันนี้ผู้สาวมาแนววิชาการวิชาเกิน แฮ่ ๆ เนื่องจากได้คุยกับเพื่อนบางคนเกี่ยวกับองค์ประกอบของนวนิยายว่ามีอะไรบ้าง เป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็เกิดอาการสับสนกันเองด้วย เลยไปค้นหนังสือที่ว่าด้วยวรรณกรรม วรรณคดี นวนิยาย ได้มาหลายเล่มเหมือนกันค่ะ แต่มาถูกใจเล่มนี้ เพราะอาจารย์อธิบายเข้าใจง่ายดีจัง ผู้สาวเลยขอนำมาเล่าสู่เพื่อนชาวบล็อกหนังสือทั้งที่เป็นนักอ่านและนัก(อยาก)เขียนได้อ่านกัน แต่ตัวอย่างในหนังสือของอาจารย์นั้นเป็นวรรณกรรมภาษาต่างประเทศซะส่วนใหญ่ ผู้สาวก็เลยขอหยิบยกมาแค่ทฤษฎี ส่วนตัวอย่างมาหาเอาแถว ๆ นี้ เพื่อที่พวกเราจะได้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น
**************************
องค์ประกอบของนวนิยาย ตามหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น >โครงเรื่อง (plot) >ตัวละคร และการสร้างตัวละคร (character and characterization) >มุมมอง (point of view) >ฉาก (setting) >สัญลักษณ์ (symbol) >แก่นเรื่อง (theme)
บล็อกวันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของโครงเรื่องกันก่อนค่ะ
โครงเรื่อง (plot) คือ การลำดับเรื่องของเหตุการณ์ที่ผู้แต่งผูกขึ้นมา แต่ละเหตุการณ์จะต้องมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล นั่นคือ เหตุการณ์หนึ่งจะต้องส่งผลกระทบให้เกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งตามมาและต่อเนื่องกันไปเป็นลูกโซ่จนกว่าเรื่องนั้นจะจบลง
สำหรับเรื่องสั้นมีโครงเรื่องไม่ซับซ้อนเท่านวนิยาย ด้วยเหตุที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาดความสั้นยาวและจุดสนใจของเรื่อง ที่เรื่องสั้นควรมีเพียงจุดเดียว ทำให้เรื่องสั้นมักจะมีโครงเรื่องเดียว ผิดกับนวนิยายส่วนใหญ่จะมีมากกว่า 1 โครงเรื่อง คือ
1.โครงเรื่องหลัก (main plot) คือ โครงเรื่องหลักที่ผู้แต่งผูกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกันและมีผลกระทบโดยตรงกับตัวเอกของเรื่องขึ้น เพื่อแสดงทัศนคติและความคิดที่ต้องการเสนอ
2.โครงเรื่องรอง (subplot) เป็นเหตุการณ์ที่ผู้แต่งผูกเรื่องซ้อนอยู่ในโครงเรื่องใหญ่ ทำให้โครงเรื่องใหญ่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น โครงเรื่องรองทำหน้าที่สนับสนุนโครงเรื่องใหญ่ให้มีความสมบูรณ์โดยผู้แต่งอาจผูกเรื่องให้คล้ายคลึงในลักษณะที่ขนานไปกับโครงเรื่องใหญ่ หรือให้ตรงกันข้ามเพื่อเน้นโครงเรื่องใหญ่ให้เด่นขึ้นก็ได้
ตัวอย่างของนิยายที่มีพล็อตหลักและพล็อตรองสนับสนุนกัน
นึกไปนึกมา หากินง่าย ๆ จากบล็อกของน้องนางมารน้อยดีกว่า อิอิ ตอนนี้นางมารน้อยเพิ่งรีวิวเรื่อง วิมานมะพร้าว ไป เราก็ขอยืมมาเป็นตัวอย่างซะเลย แหะ ๆ
พล็อตหลักของเรื่องนี้คือ ผีอาก๋งที่ยังห่วงโรงงาน ไม่ยอมไปผุดไปเกิด อยู่เฝ้าโรงงาน แล้วได้มาเจอะเจอกับสาวเจ้าว่าที่หลานสะใภ้ผู้ไม่กลัวผี (แถมยังดุผีได้ด้วย) และผีกับคนก็ช่วยกันสกัดกั้นคนเพี้ยน ๆ ที่พยายามจะปรับปรุง? คุณภาพโรงงานให้ออกไปได้ในที่สุด
พล็อตรอง เรื่องนี้มีหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบวุ่น ๆ ระหว่างลูกชายเจ้าของโรงงานกับวิศวกรสาวที่คนภายนอกเห็นแล้วจะนึกว่าเป็นคู่เกย์ หรือ ความรักระหว่างดอกฟ้ากับหมาวัดที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจากว่าที่พ่อตาโดยความช่วยเหลือของบรรพบุรุษที่จากโลกนี้ไปแล้ว เอิ๊กกกกกก
นิยายเรื่องวิมานมะพร้าวมีพล็อตหลักและพล็อตรองที่ส่งเสริมกันไปทำให้เกิดเรื่องราวที่ต่อเนื่องกัน สร้างความสนุกสนานให้ผู้อ่าน ส่งเสริมให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามกับการกระทำของตัวละคร ทำให้ได้ลุ้นได้เอาใจช่วย ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นให้วิศวกรสาวได้แต่งตัวเป็นสาวจริง ๆ ให้ได้สักครั้ง หรือลุ้นว่าเมื่อไรดอกฟ้าจะใจอ่อนกับหมาวัดสักที
ดูนิยายที่พล็อตหลักและพล็อตรองส่งเสริมกันไปแล้ว คราวนี้มาดูตัวอย่างนิยายที่พล็อตหลักกับพล็อตรองไปกันแบบแปลก ๆ บ้าง จริง ๆ มันก็หาตัวอย่างได้ไม่ง่ายนักหรอกค่ะ แต่เรื่องที่จะยกตัวอย่างนี่แทนที่พล็อตรองจะส่งเสริมสนับสนุนให้พล็อตหลักโดดเด่นขึ้น กลับไม่เป็นเช่นนั้น ไป ๆ มา ๆ พล็อตรองขโมยความเด่นจากพล็อตหลักไปซะเฉย ๆ เลย นิยายแบบนี้ผู้สาวเคยแอบนินทากับนางมารน้อยว่า เป็นนิยายประเภทต้นเรื่องอย่าง ท้ายเรื่องเป็นอีกอย่าง หรือจะเป็นเพราะนักเขียนคุมโทนเรื่องไม่อยู่ก็ว่าได้
ตัวอย่างของนิยายที่เป็นแบบนี้คือเรื่อง กลับบ้านเรานะ...รักรออยู่ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องโปรดของใครหลายคนค่ะ ผู้สาวก็ชอบเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ แต่ชอบครึ่งเรื่องแรกเท่านั้น
เรื่องนี้เปิดเรื่องมาตอนแรกคือ นางเอกตกงานเพราะพิษเศรษฐกิจเลยกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด และพยายามประกอบอาชีพเกษตรกร โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และการกลับบ้านครั้งนี้ก็ทำให้นางเอกได้พบรักกับพระเอก นี่คือพล็อตหลักของเรื่อง ซึ่งเหมาะสมกับชื่อเรื่องของนิยายมาก โดยมีพล็อตรองที่เสริมคือเรื่องปมและปัญหาทางบ้านของพระเอกที่มีน้องชายที่ต้องการในสิ่งที่พี่ชายมีทุกอย่างจนเข้าขั้นโรคจิต ซึ่งพอนักเขียนเขียนไปเขียนมา พล็อตรองนี้กลับโดดเด่นแซงหน้าพล็อตหลักไปหน้าตาเฉย ทำให้คนอ่านเกิดอาการก๊ง เป็นงงอยู่นานเหมือนกัน
ทีนี้เรามาดูนิยายลูกกวาดในตลาดหนังสือทุกวันนี้บ้าง สำหรับโครงเรื่องของนิยายลูกกวาด เท่าที่ได้อ่านมา จะพบว่านิยายลูกกวาดส่วนใหญ่จะมีแต่โครงเรื่องหลักเท่านั้น น้อยเรื่องมากที่จะมีโครงเรื่องรองมาสนับสนุนโครงเรื่องหลักให้ซับซ้อนขึ้น แทบจะเรียกได้ว่านิยายลูกกวาดคือ เรื่องสั้นที่นำมาเขียนขยายให้ยาว ๆ เพื่อขายเป็นนวนิยายก็ว่าได้
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะคนเขียนยังเป็นมือค่อนข้างใหม่ยังไม่สามารถคิดพล็อตได้ซับซ้อนหลากหลายเหมือนกับนักเขียนรุ่นป้า หรืออาจจะเป็นตามที่เคยได้ยินมา บางสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือแนวนี้เองก็ไม่ค่อยอยากได้เรื่องที่ซับซ้อนมากนัก เพราะเกรงว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสำนักพิมพ์ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มาสาว ๆ วัยรุ่นถึงวัยทำงานตอนต้นจะไม่ค่อยชอบ (อันนี้แบบว่าเคยได้ยินมานะ อาจจะไม่ถูกซะทีเดียวก็ได้ อย่าเพิ่งมาบึ้มเค้านะ กิ๊ดดด)
ยกตัวอย่างนิยายลูกกวาดที่มีแต่พล็อตหลัก ไม่ต้องไปหาดูยากเลยค่ะ เลื่อนลงไปดูที่ผู้สาวเคยรีวิวไว้ก็ได้ เรื่อง นาคาลัย ไงคะ เหมาะจะยกเป็นตัวอย่างมาก ถึงคนเขียนจะเขียนอยู่ในระดับดีพอใช้ได้ แต่อ่านยังไงก็ไม่เจอพล็อตรองเลย อย่างนี้ถ้านัก(อยาก)เขียนต้องการจะยืนระยะอยู่ในวงการนาน ๆ เป็นนักเขียนอาชีพ ต้องพยายามพัฒนาเรื่องพล็อตด้วยค่ะ
******************จบตอน 1******************
คุยกันหลังจบตอน
ขอออกตัวไว้ก่อนค่ะผู้สาวไม่ใช่คนเก่งหรือแม่นยำเกี่ยวกับทฤษฎีพวกนี้เท่าไหร่นัก เรื่องที่ยกตัวอย่างก็คิดเอาเองตามประสบการณ์การอ่านเท่าที่เคยอ่านมา แล้วก็พยายามเลือกเอาเรื่องที่(คิดว่า) ทุกคนอาจจะได้ผ่านสายตามาแล้ว เอาเป็นว่าถ้าผิดพลาดยังไงก็ลองท้วงติงหรือมาแลกเปลี่ยนทัศนะกันได้นะคะ
Create Date : 15 ธันวาคม 2549 |
|
34 comments |
Last Update : 15 ธันวาคม 2549 23:36:15 น. |
Counter : 2470 Pageviews. |
|
|
|
ไว้จะไปค้นคว้ามาแลกเปลี่ยนกันนะคะ