|
ขอเป็นหวานใจของนายน้ำแข็ง VS แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก แรงบันดาลใจที่เกินขอบเขต?

เรื่องย่อจากเว็บสำนักพิมพ์
เมื่อ คีติกา นักเรียนสาวห้องบ๊วย!! ดั๊นไปตกหลุมรัก ดิชดรัณฑ์ หนุ่มหล่อห้องคิง ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังเก่งไปซะรอบด้าน ถ้าพูดตรงๆ ก็คือ...เธอแตกต่างกับเขาราวฟ้ากับเหวเลยล่ะ แล้ว...แล้วเธอจะทำยังไงดี? เพราะเขาคนนี้น่ะ...ท่าทางหยิ่งยโสโอหังจะตาย สมกับฉายา เจ้าชายน้ำแข็ง ที่ใครต่อใครพากันตั้งให้เป็นที่สุด แต่จะทำยังไงได้ล่ะ...ก็หัวใจเธอมันกระโดดไปอยู่ในหัวใจเขาแล้วนี่ ถึงแม้ว่าเรื่องเรียน...เธอจะไม่ถนัดสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องรักล่ะก็...เธอตั้งใจกับตัวเองไว้แล้วว่า จะต้องเอาคำว่า รัก ออกมาจากปากของนายน้ำแข็งให้ได้ เธอจะต้องเป็นหวานใจของเขาให้ได้...ไม่เชื่อก็คอยดู!!!
**************************
บล็อกนี้เขียนขึ้นเนื่องจากการรีวิวหนังสือเล่มนี้ของคุณพุดน้ำบุศย์ เมื่อนานมาแล้ว ที่พอผู้สาวเข้าไปทักในบล็อกว่าเรื่องนี้คล้ายกับการ์ตูนแกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก คุณพุดน้ำบุศย์ก็บอกกลับมาว่าเรื่องนี้คนเขียนบอกไว้ในคำนำของหนังสือว่าได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูน และคนเขียนก็ออกมาบอกในบล็อกคุณพุดน้ำบุศย์เช่นกันว่า ใช่การ์ตูนเรื่อง แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก จริง ๆ
ที่จริงผู้สาวฯ ลืม ๆ ไปแล้วเหมือนกันว่าเคยทักเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบล็อกของคุณพุดน้ำบุศย์ จนกระทั่งได้รับหลังไมค์จากคน 2 คน คือนักเขียนและ บก. ของสำนักพิมพ์นั้น ทำให้ต้องกลับไปทบทวนว่าตัวเองแค่เห็นพล็อตเรื่องแล้วจำได้เลยแล้วทักไปเช่นนั้น อาจจะไม่ยุติธรรมต่อน้องนักเขียนได้ และน้อง บก. เองก็อยากจะให้ผู้สาวฯ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ดูว่า ใช่หรือไม่ใช่แรงบันดาลใจ ส่วนทางน้องนักเขียนได้บอกมาว่าอาจเป็นแรงบันดาลใจที่เข้มไปหน่อย
ผู้สาวฯ จึงนำกลับไปคิดอีก ทำให้อยากรู้ว่าน้อง ๆ นักเขียนสมัยนี้เข้าใจคำว่าแรงบันดาลใจมากแค่ไหน เพราะตอนนี้ผู้สาวฯ เองก็เริ่มสับสนเหมือนกันว่าต้องมากน้อยเท่าใดจึงจะเรียกว่า แรงบันดาลใจ
ขอออกตัวไว้ก่อนค่ะว่าการเขียนบล็อกครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีนิยายของเด็กรุ่นใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่อยากจะวัดความเข้าใจของตนเอง และเพื่อความสบายใจของน้องนักเขียนและน้อง บก. ของสำนักพิมพ์
ผู้สาวฯ ได้เข้าไปตั้งกระทู้ถามในเว็บของอาจารย์นักเขียนท่านหนึ่งว่า แรงบันดาลใจกับการลอกนั้นต่างกันอย่างไร ซึ่งท่านก็ได้ให้ความกรุณาตอบมาดังนี้
ในงานชิ้นใหม่นั้นมีอะไรที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีเค้าของของเก่า กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นตัวของตัวเองเกิน ๗๕% ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจเบาๆ แต่ถ้ามีของเก่าถึง ๕๐ % ถือว่าก้ำกึ่ง มากพอแล้ว แยกตามนี้ ๑)พล็อตเรื่อง ๒) ตัวละครเอกๆ ๓) เหตุการณ์ในเรื่อง รวมการลำดับและคลี่คลายเรื่อง ๔) บทสนทนา ๕) ฉาก ๖) ถ้อยคำสำคัญๆในเรื่อง ๗) แนวคิดที่ไม่ซ้ำกับของเดิม
ข้อ ๗ สำคัญที่สุดค่ะ
ผู้สาวฯ จึงลองนำหลักที่ได้มา มาวัดกับนิยาย VS การ์ตูน ได้ออกมาดังนี้
1. พล็อตเรื่อง พล็อตใหญ่ของเรื่องคือความรักของสาวห้องบ๊วยกับชายหนุ่มที่เรียนเก่งที่สุดในโรงเรียน ผู้แสนจะเย็นชา ตรงนี้ผู้สาวฯ ถือว่าน้องนักเขียนยกพล็อตหลักของการ์ตูนมาเขียนเลย แต่น้องก็ยังมีการเพิ่มซับพล็อตให้นิยายด้วยคือ เรื่องของคู่รอง คือ เพื่อนพระเอกและเพื่อนนางเอก ทำให้มีเรื่องราวที่คิดขึ้นเองด้วย
2. ตัวละครเอก ๆ ตรงนี้น้องนักเขียนเคยยอมรับว่ายกพระเอกมาจากการ์ตูน และผู้สาวฯ เองคิดว่าน้องก็ยกนางเอกมาจากการ์ตูนเช่นกัน เพราะนางเอกคือคนที่เรียนไม่เก่ง หลงรักพระเอก และตัวละครอื่น ๆ ที่คล้ายกับในการ์ตูนก็น่าจะเป็นแม่พระเอก ในการ์ตูนเป็นแม่บ้าน แต่ในนิยายทำงานเป็นดีไซเนอร์ แต่จุดที่เหมือนกันคือ แม่พระเอกชอบเด็กผู้หญิงและอยากมีลูกสาวมาก เลยชอบนางเอก
3. เหตุการณ์ในเรื่อง ในการ์ตูนเรื่องจะดำเนินไปตั้งแต่เรียนมัธยมจนทำงาน แต่งงาน แต่นิยายส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยมัธยม มีตอนขอแต่งงานฉากต้นเรื่องและท้ายเรื่องนิดหน่อยที่อยู่ในวัยทำงาน
4. บทสนทนา มีหลาย ๆ ที่เหมือนจะยกมาจากการ์ตูน เช่น ตอนที่พระเอกบอกว่าเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่ปกป้องนางเอกได้
5. ฉาก ส่วนใหญ่จะเป็นฉากในโรงเรียน (ก็เป็นเรื่องของนักเรียนนี่นา) มันก็เลยคล้าย ๆ กัน
6. ถ้อยคำสำคัญของเรื่อง ขอยกมาเปรียบเทียบให้เห็นเลยนะคะ
การ์ตูน เล่ม 9 หน้า 72 : แต่ความรักที่ฉันแบกไว้ มันหนักเหลือเกิน อาจจะมากกว่าอิริเอะคุงซะอีก
นิยาย หน้า 216 : ความรักที่ฉันมีให้กับนายไง ทำไมมันหนักแบบนี้ก็ไม่รู้ หนักจนฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นนาย ต้องเป็นแค่นายเท่านั้นด้วย
7. แนวคิดที่ไม่ซ้ำกับของเดิม ขอบอกเลยค่ะว่าผู้สาวฯ หาแนวคิดใหม่ที่ไม่ซ้ำเดิมไม่เจอ
วิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์มันดูยากลำบากสำหรับผู้สาวฯ จริงจริ๊ง ขอยกตรงที่คล้าย ๆ กันที่ยังไม่ได้ยกตัวอย่างไว้ด้านบนมาให้ดูเพิ่มเติมเป็นข้อ ๆ แล้วกันค่ะ
1. นางเอกเป็นคนทำให้พระเอกตัดสินใจเรียนหมอ การ์ตูน : ถ้าเป็นอิริเอะคุง ต้องรักษานนจังได้แน่ นิยาย : ตอนที่ฉันเห็นเด็กคนนั้นเสีย แวบหนึ่งฉันคิดนะ คิดว่าถ้าเป็นดิช เด็กคนนั้นอาจจะรอดก็ได้
ในการ์ตูน พระเอกเรียนวิศวกรรมศาสตร์แล้วจึงเปลี่ยนใจไปเรียนหมอตามที่นางเอกบอก ในนิยาย พระเอกได้ทุนไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่เยอรมันแต่สละสิทธิ์ เปลี่ยนใจเอนท์เข้าหมอ
2. ศวิตา เพื่อนข้างบ้านที่รู้จักพระเอกมาตั้งแต่เล็กและเรียนห้องเดียวกันด้วย หลงรักพระเอก แล้วพูดกับนางเอกในทำนองว่านางเอกไม่คู่ควรกับพระเอก เพราะนางเอกไม่เก่งไม่ดี คำพูดมาในทำนองเดียวกันกับญาติของอิริเอะที่หลงรักอิริเอะมาตั้งแต่เด็กที่พูดว่านางเอกไม่คู่ควรกับพระเอก เพราะเธอรู้จักพระเอกมาก่อน รักมาก่อน (อันนี้แค่รู้สึก ยกผลประโยชน์ให้จำเลยก็ได้)
3. ตอนที่คีติกาไปแอบฟัง ศวิตาสารภาพรักกับดิช ก็คล้ายกับในการ์ตูนนะ ต่างสถานการณ์แต่คล้ายกัน ในการ์ตูนนางเอกจะแอบตามไปพร้อมกับรุ่นพี่อีกคน ส่วนในนิยายเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนไปค่าย
4. พระเอกปกป้องนางเอกจนตัวเองได้รับบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล อันนี้มีทั้งในนิยายและการ์ตูน ในการ์ตูนพระเอกรับนางเอกตอนตกบันไดจนตัวเองขาหักนอนโรงพยาบาล ส่วนการ์ตูนหัวแตกเพราะรับลูกบาสแทนนางเอก และก็เป็นช่วงที่พระเอกยุ่งมาก ๆ นางเอกเลยรู้สึกผิดที่ทำให้พระเอกเข้าโรงพยาบาล การ์ตูนกำลังเป็นแพทย์ฝึกหัด งานเยอะ ส่วนนิยายกำลังจะเอนท์
5. พ่อนางเอก ในการ์ตูนทำร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นพ่อครัวที่เก่งมาก ในนิยายเป็นเชฟทำขนมที่เก่งมาก ๆ อยู่ต่างประเทศ
6. ตอนที่นางเอกเจอพระเอกครั้งแรกในวันปฐมนิเทศแล้วหลงรักเลย ตรงนี้น้องนักเขียนเคยบอกแล้วว่ายกมาจริง
7. พระเอกต้องเป็นติวเตอร์จำเป็นให้นางเอก ในการ์ตูนพระเอกโดนแบล็กเมล์ด้วยรูปถ่ายตอนเด็ก ส่วนในนิยายเพื่อนพระเอกขอให้พระเอกช่วยติวให้นางเอก
จากที่อ่านนิยาย และได้อ่านการ์ตูน (แบบลืม ๆ ไปบ้างแล้ว) คิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีแรงบันดาลใจที่มากถึง 50 เปอร์เซ็น
นี่คือเฉพาะที่ผู้สาวฯ เปรียบเทียบจากนิยายที่เป็นเล่มกับการ์ตูนเท่านั้นค่ะ ส่วนที่เป็นตอนพิเศษในเน็ท (พอดีมีน้องส่งลิงค์มาให้อ่าน) มันแทบจะยกออกมาจากการ์ตูนเกือบทั้งนั้นเลยนะคะ แต่ไม่ขอพูดถึงดีกว่า
**************************
ข้ามช่วงจับผิด (เอิ๊กกก) มาถึงความรู้สึกหลังอ่าน
เล่มนี้ใช่ไหมคะที่คุณยาคูลท์บอกว่าทำไมพระเอกต้องทำเท่ห์พานางเอกไปส่งบ้านทั้งที่เลือดกำเดาไหล ทำไมโรงเรียนนี้มันไม่มีห้องพยาบาล แล้วอาจารย์ก็ปล่อยไปแบบนั้นได้ไง อาจารย์โรงเรียนนี้ไม่ไหวไม่ยอมดูแลเด็กเลย พระเอกก็เก่งจริงเลย รู้ได้ไงว่าบ้านนางเอกอยู่ไหน พาไปส่งถูกด้วย
เด็กมัธยมจะมีอ้อมแขนแข็งแกร่งได้ไงหว่า อ่านแล้วไม่สมจริงเล้ยยย
ฝากถึงคนเขียน น้องอาจประทับใจการ์ตูน ประทับใจพระเอกในการ์ตูน น้องจะยกเอาเฉพาะบุคลิกไปเขียนได้ แต่อย่าเอามาทั้งหมดหรือมากขนาดนี้ จงคิดเรื่องใหม่ให้เป็นแบบของตัวเอง พยายามฉีกหนีไปจากเรื่องเดิมให้มากที่สุด จำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ
ฝากถึง บก. อย่างที่เคยบอกไว้ แล้วแต่สำนักพิมพ์จะตัดสินใจ ทางสำนักพิมพ์ควรไปพิจารณาอีกครั้งอย่างรอบคอบ เพราะนี่คืออนาคตของเด็กคนหนึ่งค่ะ
ขอบอกเลยค่ะว่าอ่านเรื่องนี้แล้วเครียดกว่าปกติ ทั้งที่เรื่องมันไม่น่าเครียดเลย ฮือ ต่อไปนี้ผู้สาวฯ จะไม่ไปทักว่าเรื่องไหนคล้ายกับเรื่องไหนอีกแล้ว เหนื่อยมั่ก ๆ
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2549 23:48:52 น. |
|
37 comments
|
Counter : 2634 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนง่วง...น้า ไปนอนฝ่า ^^" (=p o o k p u i= ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:48:43 น. |
|
|
|
โดย: iNt_GaL วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:48:44 น. |
|
|
|
โดย: yadegari วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:4:08:21 น. |
|
|
|
โดย: ต้อง - Hug Publishing IP: 203.113.56.9 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:43:43 น. |
|
|
|
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.18.142 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:19:28 น. |
|
|
|
โดย: =p o o k p u i= IP: 203.113.39.12 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:15:29 น. |
|
|
|
โดย: =p o o k p u i= IP: 203.113.39.12 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:16:45 น. |
|
|
|
โดย: โรส (int_gal) IP: 58.136.216.232 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:55:59 น. |
|
|
|
โดย: เต็มที่ IP: 124.121.0.223 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:30:14 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:59:01 น. |
|
|
|
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:07:04 น. |
|
|
|
โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:24:43 น. |
|
|
|
โดย: Clear Ice วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:53:19 น. |
|
|
|
โดย: เคียงจันทร์ (เคียงจันทร์ ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:27:40 น. |
|
|
|
โดย: สายลมอิสระ IP: 222.123.36.62 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:42:58 น. |
|
|
|
โดย: piccy วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:35:45 น. |
|
|
|
โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:21:32 น. |
|
|
|
โดย: wanwitcha วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:36:15 น. |
|
|
|
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:20:29 น. |
|
|
|
โดย: เมฆแก่ ๆ IP: 203.113.56.73 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:46:54 น. |
|
|
|
โดย: piccy วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:46:47 น. |
|
|
|
โดย: ผู้สาวเมืองยศ IP: 210.246.160.2 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:05:07 น. |
|
|
|
โดย: pumpam IP: 58.8.74.221 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:49:35 น. |
|
|
|
โดย: emrys IP: 80.129.0.44 วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:21:01:11 น. |
|
|
|
โดย: ... IP: 58.8.196.68 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:14:42:01 น. |
|
|
|
โดย: นกหวีด IP: 117.47.153.108 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:13:40:48 น. |
|
|
|
โดย: แพนด้าจัง IP: 117.47.153.108 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:13:45:51 น. |
|
|
|
โดย: 555+ IP: 125.26.64.61 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:16:46:59 น. |
|
|
|
โดย: แมว=เหมียว IP: 117.47.98.223 วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:59:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วก็อึ้งๆ นะคะ
มันก็กลับไปหลักเดิมที่เราคุยกันมานานมั่กๆ แล้ว
- พล็อตหลักเหมือนกันได้ - ไม่แปลก โลกนี้ไม่มีกี่พล็อต
- พล็อตย่อยพล็อตรองเหมือนกัน เยอะเยอะ - ไม่งามมมมม ^^"
ในกรณีนี้...คนเขียนยอมรับอยู่เองว่าได้แรงบันดาลใจมานะคะ
แน่นอนว่าพล็อตมันคงต้องเหมือนกันอยู่บ้าง...
แต่โดยมาก เรื่องรับแรงบันดาลใจนี่
คนเขียนก็จะต้องระวังตัวอยู่แล้วให้เหมือนกันแต่พล็อตหลักอ่ะค่ะ
พล็อตรองระหว่างทางเดินเรื่อง คาแรคเตอร์ตัวละคร มุข บท ฉาก ฯลฯ
ต้องคิดเองแล้วล่ะ ^^"
เพราะถ้าจะให้เหมือนแบบ อ้าว เหมือน เอ๊ะ ฉากนี้ก็เหมือนนี่
เอ๊ะ คนนี้ก็เหมือน เอ๊ะ เรื่องตรงนี้ก็เหมือนอีกแล้ว
อย่างนั้นเขาเรียกกันอยู่ว่า fanfiction อ่ะค่ะ
ซึ่งเขียนได้ไหม ก็เขียนกันอยู่เต็มไปในเนท
แต่ต้องยอมรับให้ได้ว่าเราจะ "ไม่มี" สิทธิเต็มปากเต็มคำในงานนั้น
เขียนเล่นคงได้ เพราะโดยมากนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเขาไม่เคือง ยังไงก็แฟนงานของเขา
ในญี่ปุ่น โดจิน กับแฟนฟิคเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ อยู่แล้ว
แต่สิทธิคงอยู่ที่เจ้าของงานจริง หากเขาประสงค์จะเอาเรื่องขึ้นมา
ในกรณีนี้เท่าที่อ่านที่พี่นกเล่า น้องคนเขียนน่ารักอยู่แล้วที่ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมา
ในขณะที่นิยายบางเรื่อง โอ้แม่เจ้า มันเหมือนการ์ตูนแทบจะว่าฉากต่อฉาก
แม่เจ้าประคุณคนเขียน (เขียนเป็นอาชีพ เป็นล่ำเป็นสัน) ยังทำทองไม่รู้ร้อนได้ เหอเหอ
ถ้าอย่างนั้น...คิดว่าประเด็นอยู่ตรงที่ว่า
งานเขียนชิ้นนี้ถือเป็น original work หรือเป็น fanfiction
ถ้าคิดว่าเป็นแฟนฟิค จะเหมือนอะไรก็เหมือนไปอ่ะค่ะ
แต่คงต้องยอมรับว่าเราเขียนแฟนฟิค
แต่หากมั่นใจว่าเป็น original work
เป็นงานที่เราสร้างสรรค์ขึ้นเองอย่างแน่นอน เพียงแต่ได้รับแรงบันดาลใจมา "บ้าง"
ต้องระวังผลงานให้ "หลุด" ออกมาจากต้นเรื่องให้ได้น่ะค่ะ
ต้องดึงตัวเองให้ออกจากการ์ตูนเรื่องนี้ให้ได้
ให้มีระดับของ originality กับ creativity ในระดับที่มากพอ
ไม่อย่างนั้น...การหยิบมุข หยิบฉาก หยิบคาแรคเตอร์ของตัวเอกและตัวแวดล้อม
หยิบเหตุการณ์เขามาใช้ ทั้งที่เจ้าของเขาคิดหัวแทบแตก
เป็นนักเขียนในญี่ปุ่นก็...เนอะ ก็เข้าใจว่านี่คือจุดนึงด้วยที่เราก็ไม่ค่อยระวังกัน
แต่ถ้าเป็นนักวาดการ์ตูนไทย หรือนักเขียนนิยายไทย
มีเคืองกันป่าแตกแน่ๆอ่ะค่ะ
หมายเหตุ เขียนตอนง่วงนะคะ ผิดพลาดอะไร พี่นกลบได้นะพี่ re-write ล่าย
ยังไงก็...ถ้าพายุมา เรายินดียืนเป็นจำเลยร่วมที่หนึ่งค่า...แฮ่ะ แฮ่ะ