343. มังรายศาสตร์ : ฉบับ ดร.ประเสริฐ ณ นคร เรียบเรียงเป็นภาษาปัจจุบัน
มังรายศาสตร์ เป็นหนังสือใบลานที่เก่าแก่ที่สุด ต้นฉบับเดิมเขียนเป็นภาษาไทยเหนือ มังรายศาสตร์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วินิจฉัยมังราย หมายความว่าเป็นคำพิพากษาของพระเจ้ามังราย
ผู้แต่ง พระเจ้ามังรายหรือพระยามังราย กษัตริย์แห่งอาณาจักรลานนาไทยพระราชโอรสของพระเจ้าลาวเม็ง เจ้าแห่งวงศ์หิรัญนคร ผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อเจริญวัย พระราชบิดามีรับสั่งให้ไปครองนครเชียงราย พระเจ้ามังรายก็ทรงทำหน้าที่ในการปกครองได้อย่างดีเยี่ยม ทรงตีเมืองหริภุญไชยที่อยู่ในการครอบครองของมอญได้สำเร็จ ขณะมีพระชนมายุได้ 43 พรรษา เมื่อขึ้นครองราชย์ปกครองอาณาจักรลานนา พระองค์ได้ทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรลานนา
ความมุ่งหมาย เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีความ
ลักษณะการแต่ง แต่งเป็นร้อยแก้ว
เนื้อหาสาระ มังรายศาสตร์เป็นหนังสือกฎหมายที่ได้รวบรวมเรียบเรียงมาจากหนังสือธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นคัมภีร์กฎหมายเก่าแก่ของอินเดีย ที่ถูกมอญดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพของตนไปบ้างแล้ว ตอนแรก กล่าวถึงการสืบสันตติวงศ์ลานนา การสร้างเมืองเชียงใหม่และวัตถุประสงค์ในการแต่ง คำนำ ใช้คำว่าสิทธิสวัสดี กล่าวถึงกฎหมายที่ได้รู้มาแต่โบราณ พระเจ้ามังรายจึงบัญญัติไว้เพื่อให้ท้าวพระยาทั้งหลายผู้เป็นลูกหลานเหลน และเสนาอมาตย์ผู้ปกครองเมืองสืบไปได้รู้จักผิดรู้จักชอบ ตอนที่สอง กล่าวถึงเรื่องระเบียบการปกครอง ซึ่งสมัยนั้นได้มีการจัดการปกครองออกเป็นหมู่ๆ หมู่ละ 10 คนบ้าง 100 คนบ้าง 1,000 คนบ้าง 10,000 คน 100,000 คนบ้าง โดยมีหัวหน้าทำหน้าที่ในการปกครองในแต่ละหมู่
ตอนที่สาม กล่าวถึงเรื่องของตัวบทกฎหมาย ที่มีคำอธิบายพร้อมเหตุผลประกอบ มีจริยธรรมสอดแทรก และมีลักษณะของความยืดหยุ่นเพื่อความเหมาะสมอีกด้วย
คุณค่า
ทางด้านด้านนิติศาสตร์
มังรายศาสตร์เป็นกฎหมายที่ให้คุณค่าทางนิติศาสตร์หลายประการ ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ กฎหมายแต่ละบทมีเหตุผลประกอบ และยังสอดแทรกคุณค่าทางจริยธรรมเข้าไปอีก
Resource ://www.thaigoodview.com/library/teachershow/trang/rootjarin_ch/sec04p06.html
:วัดเจดีย์เหลี่ยม ตั้งอยู่บรเวณ เวียงกุมกาม อ.เมือง จ. เชียงใหม่ เคยได้ยินผู้เฒ่าว่า เวียงกุมกาม นี้ เดิมเรียกว่า "เวียงกุมการ" คือ กุมการงาน หรือ คุมการงาน แต่เกิดการเพี้ยนไปเป็น เวียง "กุมกาม"
ไพร่สิบคน ให้มีนายสิบผู้หนึ่ง ข่มกว้านผู้หนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อ (ล่าม) ป่าวประกาศเรื่องงานการประจำนายสิบทุกคน
นายสิบ 5 คน ให้มีนายห้าสิบผู้หนึ่ง มีปากขวาและปากซ้ายเป็นผู้ช่วยรวม 2 คน
นายห้าสิบ 2 คน ให้มีนายร้อยผู้หนึ่ง
นายร้อย 10 คน ให้มีเจ้าพันผู้หนึ่ง
เจ้าพัน 10 คน ให้มีเจ้าหมื่นผู้หนึ่ง
เจ้าหมื่น 10 คน ให้มีเจ้าแสนผู้หนึ่ง
ปกครองเมืองแบบนี้เพื่อมิให้ขัดเคืองใจ พระเจ้าแผ่นดิน
พ่อขุนเม็งรายเป็นโอรสของพระเจ้าลาวเมงแห่งราชวงค์ ลวจักราชผู้ครองหิรัญนครเงินยาง กับพระนางอั้วมิ่งจอมเมืองหรือพระนางเทพคำขยาย ราชธิดาของเท้ารุ่งแก่นชาย เจ้าเมืองเชียงรุ้งพระองค์ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุนเอกศกจุลศักราช 601 ตรงกับพ.ศ.1781 ในปีพ.ศ.1819 พ่อขุนเม็งรายได้ยกทัพไปประชิดเมืองพะเยา พ่อขุนงำเมือง ผู้ครองเมืองพะเยาออกมารับเสด็จด้วยไมตรีแล้วยกตำบลบ้านปากน้ำให้แก่พ่อขุนเม็งรายแล้วปฏิญาณเป็นมิตรกัน ต่อมาอีกราว 4 ปี พ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนงำเมืองและพ่อขุนเม็งราย ได้กระทำสัตย์ปฏิญาณเป็นพระสหายกัน โดยทรงเอาโลหิตที่นิ้วพระหัตถ์ผสมกับน้ำสัตย์เสวยทั้งสามพระองค์ สัญญาว่าไม่เบียดเบียนกันตลอดชีวิต
และในปี พ.ศ.1834 พ่อขุนเม็งรายได้เสด็จไปสร้างเมืองใหม่ที่เชิงดอยสุเทพ ใช้เวลาสร้างนาน 5 ปี ในปี พ.ศ.1839 จึงเสด็จและสถาปนานครแห่งนี้ว่า "เชียงใหม่" พ่อขุนเม็งรายทรงประสูติมาเพื่อเป็นผู้กอบกู้และรวบรวมชาวไทยให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน เพื่อระงับทุกข์เข็ญต่างๆ ในแผ่นดินและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นในแคว้นลานนาเป็นเอนกประการ
พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์โดยสังเขปมีดังนี้
1.ทรงสร้างเมืองเอกในแว่นแคว้นถึง 3 เมืองได้แก่ เมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ.1805 เมืองกุมกาม ( ปัจจุบันคืออำเภอสารภีจังหวัดเชียงใหม่ ) พ.ศ.1829 เมืองเชียงใหม่ พ.ศ.1834 นอกจากนั้นพระองค์ได้ทรงบูรณะเมืองหิรัญนครเงินยาง ในปี พ.ศ.1811 ได้บูรณะเมืองฝาง เพื่อใช้เป็นที่ชุมนุมไพร่พลของพระองค์ (ซึ่งแต่เดิมเมืองฝางตกเป็นเมืองขึ้นของเมืองหิรัญนครเงินยางมาก่อน) และโปรดให้ขุนอ้ายเครือคำลก หรือขุนเครื่อง ราชโอรสองค์ใหญ่ไปครองเมืองฝาง
2.ทรงแผ่พระเดชาในทางการรบ กล่าวคือหลังจากได้ส่งกองทัพไปปราบเมืองมอบ เมืองไร และเมืองเชียงคำไปแล้วในปี พ.ศ.1824 ตีเมืองหิริภุญชัยจากพระยายีบาได้สำเร็จดินแดนภาคเหนือทั้งหมด พ่อขุนเม็งรายได้ครอบครองโดยทั่วอาณาจักรลานนาในรัชสมัยของพระองค์มีอาณาเขตกว้างไกล ดังนี้ ทิศเหนือ จดสิบสองปันนา ทิศใต้ จดอาณาจักรสุโขทัย ทิศตะวันออก จดแคว้นลาว ทิศตะวันตก จดแม่น้ำสาละวิน
3.ทรงนำความเจริญในด้านศิลปกรรรม และพาณิชยกรรมมาสู่แคว้นลานนาโดยเมื่อครั้งที่ยกทัพไปตีเมืองพุกาม พระองค์ได้นำช่างฝีมือต่างๆ เช่น ช่างฆ้องช้าง ช่างทอง และช่างเหล็ก ชาวพุกามเข้ามาฝึกสอนชาวลานนาไทย เพื่อให้เข้าใจในศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ทรงจัดหาทำเลที่เหมาะสมในการเกษตรและการค้าเพื่อให้มีอาชีพทั่วหน้า พระองค์ทรงพระปรีชาในด้านการปกครองด้วยเช่นกัน ได้แก่การวางระเบียบการปกครองหรือกฎที่ทรงตั้งขึ้นไว้เป็นพระธรรมศาสตร์ ใช้ในการปกครองแผ่นดิน เรียกว่า "กฎหมายมังรายศาสตร์" เพื่อให้ลูกขุนใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาในการพิพากษาผู้กระทำผิด สมควรแก่โทษานุโทษ
4.ทรงเป็นนักปกครองที่สามารถ และประกอบด้วยคุณธรรมสูงส่ง พ่อขุนเม็งรายทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยเป็นองค์ศาสนูปถัมภก และทรงนำหลักธรรมทางศาสนามาใช้ในการปกครองราษฎรของพระองค์ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมีศีลธรรมอันดี มีความโอบอ้อมอารีย์ แม้ว่าพระองค์ทรงเป็นนักรบผู้แกล้วกล้าแต่การใดที่เป็นทางนำไปสู่ความหายนะเป็นเหตุให้เสียเลือดเนื้อระหว่างคนไทยด้วยกัน พระองค์ทรงหลีกเลี่ยง ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรงรับไมตรีจากเจ้าผู้ครองนครต่างๆ และการกระทำสัตย์ปฏิญาณระหว่างสามกษัตริย์
เจ้าขุนครามหรือพระเจ้าไชยสงคราม พระราชโอรสของพญามังรายได้ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ หลังจากที่พญามังรายได้สวรรคต เจ้าขุนครามได้โปรดให้สร้างกู่บรรจุอัฐิของพระบิดาไว้ ณ บนดอยงำเมือง นอกจากบนวัดงำเมืองจะมีกู่พ่อขุนเม็งรายแล้ว ยังมีอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชขนาดเท่าครึ่งตัว ประทับนั่งบนบัลลังก์ ทรงเครื่องทรงแบบเดียวกับอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชบริเวณห้าแยก ทรงถือดาบด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง วางบนพระเพลา ทั้งสองสิ่งนี้เป็นที่นับถือของประชาชนชาวเชียงราย และผู้นับถือท่านอีกแห่งหนึ่งด้วย
อ้างอิง
//www.chiangrai.ru.ac.th/
ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
Create Date : 06 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 12:45:06 น. |
|
15 comments
|
Counter : 11757 Pageviews. |
|
|
|
ในการรบ ผู้ใดหลบหนีละทิ้งผู้บังคับบัญชา ให้ฆ๋าเสีย
ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น มีดังนี้ ไพร่ นายสิบ นายห้าสิบ นายร้อย เจ้าพัน เจ้าหมื่น เจ้าแสน และ พระยา
เมื่อฆ่าแล้ว ให้ริบครอบครัวทรัพย์สินทั้งสิ้นเพื่อมิให้ผู้อื่นดูเยี่ยงอย่าง ให้สักหมึกไว้ที่หน้าผาก ว่ามันผู้นี้เจ้านายไม่รับเลี้ยงเพื่อให้เป็นที่น่าละอายยิ่งนัก
ในทำนองเดียวกัน ให้ฆ่าผู้ซึ่งละทิ้งลูกน้องในที่รบ
ผู้บังคับบัญชามีลำดับลงมาดังนี้ เจ้าแสน เจ้าหมื่น ล่ามหมื่น เจ้าพัน ล่ามพันและพันน้อย ล่าวบ่าว กว้าน ไพร่ เมื่อฆ่าแล้ว ให้ริบเอาครอบครัวทรัพย์สินทั้งสิ้น
ข้อความดังนี้ มีมาแต่โบราณ ผู้เป็นใหญ่และสัปบุรุษก็ควรพิจารณาว่า ชาติสัตว์ทั้งหลายมียศศักดิ์มากนักยังไม่รักเจ้านายตน ขี้ขลาดละทิ้งเจ้านายเสียดังนี้ ผู้ขี้ขลาดอื่นๆก็จะกระทำอย่างเดียวกันนี้ ให้สักหน้าผากด้วยหมึกแล้วปล่อยเสียเถิด
ฉบับวัดเชียงหมั้น อธิบายว่า ทำดังนี้ เสียหาย (ร้าย) ยิ่งกว่าตายเสียอีก
อนึ่ง พระยาเจ้าผู้มีธรรมกรุณา ก็ควรพิจารณาถึงคุณความดีของผู้ขี้ขลาดนี้ หากทำดีไว้ก่อน ก็ควรกรุณาตามควร เพราะคนทุกคนก็ย่อมกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น ควรลงโทษบ้างเพื่อมิให้คนอื่นดูเยี่ยงอย่าง แต่ไม่ควรประหารชีวิต เพราะการเกิดเป็นคนนี้ ยากนัก.
(การลดหย่อนโทษนี้ คงเป็นข้อความที่เติมเข้ามาในชั้นหลัง)