BlogGang.com : : Merchant Dream : 117. หนังสือแปลชุด"นวทัศน์" เล่มที่ 19: เกลียวชีวิต เรื่องเล่าเกี่ยวกับการค้นพบโครงร่างของดีเอ็นเอ

117. หนังสือแปลชุด"นวทัศน์" เล่มที่ 19: เกลียวชีวิต เรื่องเล่าเกี่ยวกับการค้นพบโครงร่างของดีเอ็นเอ

หนังสือแปลชุด"นวทัศน์" เล่มที่ 19

เกลียวชีวิต เรื่องเล่าเกี่ยวกับการค้นพบโครงร่างของดีเอ็นเอ

โดย เจมส์ ดี วัตสัน
ผู้แปล
ดร. สิรินทร์ วิโมกข์สันถว์
ดร. ภิญโญ พานิชพันธ์

แปลจาก
The Double Helix
by James D. Watson

พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พฤษภาคม 2518
จัดพิมพ์โดย แพร่พิทยา
ราคา 25 บาท

จากปกหลังหนังสือ

เกลียวชีวิต
เจมส์ ดี. ว้ตสัน

"เกลียวชีวิต" เป็นเรื่องเล่า เกี่ยวกับการค้นพบโครงร่างของสารทางพันธุกรรม เรียกว่า กรดดีออกซีไรโบนิวคลิอิค( De-oxyribonucleic Acid) หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ผู้เขียน (ศาสตราจารย์ เจมส์ ดี. วัตสัน) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการค้นพบอันนี้ เขาบรรยายถึงเหตุการณ์ สถานที่ และ บุคคลรอบตัวเขา ขณะที่กำลังศึกษาวิจัยในทวีปยุโรป (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ) ระหว่างปี ค.ศ.1951-1953

หนังสือเล่มนี้เป็นที่นิยมชมชอบกันมาก และ ได้รับการตีพิมพ์อย่างแพร่หลาย ลีลาการเขียนนั้นเป็นไปตามแบบหนังสือพิมพ์ การดำเนินเรื่องสนุกและตรึงผู้อ่าน นอกจากนี้ยังให้สาระทางวิชาการและชีวิตของนักวิทยาศาสตร์อีกด้วย

ในที่นี้ ผู้แปลพยายามให้เนื้อเรื่องเป็นไปอย่างมีรสชาติ และ มีความหมายใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด และ ได้เติมภาคอธิบายศัพท์ สถานที่ และ บุคคลไว้ตอนท้ายของหนังสือด้วย.

คำนำ

โดย เซอร์ ลอเร็นซ์ แบรกก์

การรวบรวมเหตุการณ์ซึ่งนำไปสู่การค้นพบโครงร่างของดีเอ็นเอ อันเป็นรากฐานของสารพันธุกรรมนี้ มีลักษณะพิเศษอยู่หลายประการ ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจเมื่อวัตสันได้ขอให้ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้

สิ่งสำคัญประการแรกคือ เรื่องนี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ การค้นพบโครงร่างดีเอ็นเอ โดยคริกและวัตสัน ซึ่งเป็นโครงร่างที่มีความหมายทางชีววิทยาอยู่พร้อมมูล เป็นเหตุการณ์สำคัญทางวิทยาศาสตร์อันหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ในศตวรรษนี้ นับเป็นแรงดลใจซึ่งก่อให้เกิดการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์อีกมากมาย และทำให้เกิดการทดลองทางชีวเคมีกันอย่างขนานใหญ่ ซึ่งทำให้มีการเปลี่ยนโฉมหน้าของวิทยาศาสตร์แขนงนี้ ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งซึ่งได้คะยั้นคะยอให้ผู้เขียนบันทึกความทรงจำของเขาไว้ในขณะที่เหตุการณ์เหล่านี้ยังสดๆอยู่ โดยคิดว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นหลักฐานในประวัติของวิทยาศาสตร์ หนังสือเล่มนี้ดีเกินกว่าที่คาดคิด โดยเฉพาะบทท้ายๆซึ่งได้บรรยายถึงความคิดอันใหม่ไว้อย่างแจ่มแจ้ง เป็นตอนที่น่าตื่นเต้นมาก ความตึงเครียดต่างๆได้ทับถมมากขึ้นๆจนถึงจุดสุดยอด ข้าพเจ้าเองยังไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์อื่นใดที่ตนเองมีส่วนรู้เห็นอย่างใกล้ชิดในการผจญภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับความกังขา และกับความสำเร็จของนักวิจัย เท่ากับเหตุการณ์ที่เล่าไว้นี้

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีแสดงให้เห็นความยุ่งยากใจ ซึ่งนักวิจัยอาจต้องเผชิญ ขณะที่เขารู้ว่าเพื่อนร่วมงานของเขาคนหนึ่งได้ทุ่มเทเวลาอยู่หลายปี ในการแก้ปัญหาอันหนึ่ง และได้รวบรวมข้อมูลต่างๆไว้มากมายแต่ยังไม่เคยตีพิมพ์เลย เพราะคิดว่าความสำเร็จกำลังอยู่แค่เอื้อม เขาได้เห็นหลักฐานเหล่านี้และมีเหตุผลที่เชื่อว่าเขาสามารถจะแก้ปัญหานี้ได้ โดยใช้แนวความคิดใหม่ๆซึ่งจะนำเขาตรงไปสู่คำตอบ การเสนอตัวเองเพื่อขอร่วมงานด้วย ในขั้นนั้นอาจจะถูกหาว่าเป็นการล่วงล้ำ เขาควรจะทำเสียเองดีไหม ? แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าแนวความคิดสำคัญอันใหม่นี้เป็นของเขาเอง หรือ เป็นสิ่งที่เขารวบรวมสร้างขึ้นมาจากการพูดคุยกับคนอื่นๆ เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตระหนักถึงความยุ่งยากใจอันนี้ ก็เลยตั้งกฏเกณฑ์กันอย่างคร่าวๆว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องเคารพในสิทธิของเพื่อนร่วมงานในด้านของเขา แต่ก็ทำได้เพียงถึงขั้นหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีผู้แข่งขันจากหลายๆแห่ง ก็ไม่จำเป็นที่ต้องยับยั้งไว้อีก ความยุ่งยากใจนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนในเรื่องของดีเอ็นเอ อันเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความพึงพอในอย่างยิ่งสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดทุกคน ในการแจกรางวัลโนเบลในปี ค.ศ. 1962 ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของงานค้นคว้าที่ยาวนานและอดทน โดยวิลคินส์ ที่คิงส์คอลเลจ(ลอนดอน) รวมทั้งคำตอบที่ได้มาจากความปราดเปรื่องและฉับไวของคริกและวัตสันที่เคมบริดจ์

ประการสุดท้าย เรื่องนี้ยังมีความน่าสนใจทางด้านบุคคล นั่นคือ ความตรึงใจของหนุ่มอเมริกันที่มีต่อยุโรปและอังกฤษ เขาเขียนด้วยความรู้สึกซื่อๆแบบเด็กๆ ผู้ที่มีบทบาทในหนังสือเล่มนี้ควรจะอ่านเรื่องนี้ด้วยจิตใจที่ปราศจากอคติ และ ควรสังวรณ์ไว้ด้วยว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่เป็นการบันทึกส่วนตัวซึ่งอาจจะใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเขียนประวัติศาสตร์ในวันข้างหน้าได้ อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกความประทับใจมากกว่าที่จะเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องต่างๆมักจะยุ่งยากและเหตุจูงใจของคนเหล่านั้นมักจะไม่ซับซ้อนอย่างที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในขณะนั้น แต่เราก็ต้องยอมรับว่า เขาสามารถเข้าใจถึงจุดอ่อนของคนได้อย่างถึงแก่น

ผู้เขียนได้เคยส่งบทร่างมาให้พวกเราที่เกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องอ่าน และ เราก็ได้แนะนำให้เขาแก้ไขข้อเท็จจริงบางแห่ง สำหรับข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าไม่อยากจะเปลี่ยนอะไรมากนัก เพราะรู้สึกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจก็คือ ความมีชีวิตชีวาและความเปิดเผยตรงไปตรงมาของผู้เขียน

วิลเลียม ลอเร็นซ์ แบรกก์

The Double Helix: A Personal Account of the Discovery of the Structure of DNA (Paperback)
by James D. Watson (Author)

Create Date : 09 กรกฎาคม 2551

Last Update : 4 ธันวาคม 2556 13:01:51 น.

2 comments

Counter : 3562 Pageviews.

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อเขียนของ อ.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ในคอมเมนต์ข้างบนนี้
โดยเฉพาะผลงานของอาจารย์หลายๆอย่าง ผมก็ติดตามมาตลอด ดีใจที่มาพบกับอาจารย์ที่นี่

โดย: หนุ่มร้อยปี (หนุ่มร้อยปี

) วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:50:57 น.

Copy จาก
ชัยวัฒน์ คุประตกุล
Kshaiwat๒. .hotmail.com

หนังสือ เป็นบันทึกภูมิปัญญาของผู้เขียน และยังเป็นบันทึกสภาพการณ์ความรู้-ความคิดของมนุษย์ในแต่ละยุคส มัยอีกด้วย กล่าวกันว่า สิ่งประดิษฐ์ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษยชาต ิ คือ ภาษาเขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาเขียนที่ถูกบันทึกรวบรวมไว้ในรูปของหนังส ือ ถ้าปราศจากหนังสือ มนุษย์ก็จะมีปัญหาในการก้าวเดินไปบนถนนสายอนาคตอย่างมีเป้าหมาย เพราะไม่มีอดีตที่ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ให้คนยุคต่อ ๆ มาได้ศึกษา เรียนรู้ และก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็น

สำหรับผู้เขียนชอบอ่านหนังสือทุกประเภท ทั้งหนังสือสาระความรู้และบันเทิง ที่ชอบมากเป็นพิเศษคือนิยายวิทยาศาสตร์ของ อาร์เทอร์ ซี. คลาร์ก และ ไอแซก อาซิมอฟ แต่ที่ชอบอ่านมากเป็นพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก คือหนังสือที่เขียนโดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เป็นเจ้าของความคิดทฤษฎ ีที่เปลี่ยนโลก ดังเช่น Dialogues Concerning Two New Sciences ของกาลิเลโอ

นิตยสาร Discover ฉบับเดือนธันวาคม ค.ศ. ๒๐๐๖ ได้ตีพิมพ์รายชื่อหนังสือวิทยาศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ๒๕ เล่ม ตั้งแต่อดีตกาลถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งคัดเลือกโดยคณะบรรณาธิการ พร้อมบทวิเคราะห์วิจารณ์สั้น ๆ เชื่อว่า นักอ่านทุกคน...ไม่ว่าจะชอบอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์หรือไม่...จะ ต้องตื่นเต้นและอยากอ่าน

หนังสือวิทยาศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ๒๕ เล่มมีอะไรบ้าง ? มีเล่มไหนบ้างที่ตรงกับใจของท่านผู้อ่าน ? หรือเล่มไหนบ้างที่ทำให้ท่านอยากตามไปอ่าน ? ต่อไปนี้คือหนังสือวิทยาศาสตร์ ๒๕ เล่มดังกล่าว เรียงตามการจัดลำดับความสำคัญของหนังสือ

1 ใน 25 เล่มดังกล่าวคือ หนังสือ The Double Helix โดย James D. Watson (ค.ศ. ๑๙๖๘)

เรื่องราวการค้นพบโครงสร้างดีเอ็นเอที่รู้จักกันในชื่อ “Double Helix of Life” (เกลียวชีวิตคู่) โดยหนึ่งในสองผู้ค้นพบคือ Francis Crick

โดย: หนังสือ เป็นบันทึกภูมิปัญญาของผู้เขียน (Merchant Dream

) วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:55:16 น.