|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ชุดเลือดทรนง - เพลิงพยัคฆ์, ไฟรักมังกร & อัสดรพิโรธ
เรื่อง เพลิงพยัคฆ์, ไฟรักมังกร และ อัสดรพิโรธ โดย ณารา
ใช้เรื่อง 'เพลิงพยัคฆ์' ตอบโจทย์เล่น Reading Bingo Challenge 2013 ข้อหนาเกิน 400 หน้า ส่วน 'ไฟรักมังกร' มั่วข้อผู้แต่งแคนาเดียน โดยถือว่าผู้แต่งอยู่แคนาดาแล้วกันค่ะ 555
--- SPOILER ALERT ---
เพลิงพยัคฆ์ เรื่องเกิดเมื่อปี 2477 พยัคฆ์ (อาโฮ่ว) ที่อายุยี่สิบกับน้องชายอายุสิบสี่ สินธพ (อาแบ้) เป็นลูกจีนโพ้นทะเล พ่อแม่ เตียบุ่งป้อ และ มุ่ยแช เช่าที่ปลูกผักเลี้ยงเป็ดอยู่ฝั่งธน ถึงลำบากแต่ก็มีความหวังกับลูกๆ โดยเฉพาะพยัคฆ์ที่เรียนเก่งจนได้เข้าเรียนที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์เมื่อสองปีก่อน เจ้าของที่ดีนคือ พล.ต.ต. พระยาพิทักษ์สันติชน ผู้มีลูกกับภรรยา คุณหญิงพริ้ง สองคน คือ ร.ต.ท. ขุนปราบพาลชน (ไกรศรี) และ แพรพรรณราย (อายุสิบเจ็ด) และสนิทกับอาโฮ้วตั้งแต่เล็ก ขอให้ช่วยสอนหนังสือให้บ่อยๆ จนเข้าข่ายแอบหลงรัก ^^ แต่พระยาพิทักษ์สันติชนจะแต่งลูกสาวกับ ร.ต.ต. เสริม ลูก พระยาฤทธิ์นฤนาท เพื่อนสนิทที่กำลังรุ่งเรือง เลยทำให้แพรพรรณรายมาขอให้อาโฮ้วพาหนี แต่ความแตกเพราะสาวใช้ เง็กจู (และคู่หมั้นของอาโฮ้วเพราะพ่อสนิทกัน) เตียบุ่งป้อถูกไกรศรียิงตายแล้วป้ายความผิดให้อาโฮ้ว มุ่ยแชและอาแบ้หนีหายสาบสูญ
อาโฮ้วก็หนีไปอยู่กับคณะงิ้วเล่าซัวบ่วงเฮงที่ใกล้วัดเล่งเน่ยยีซึ่งมี เฮ้งซัว เป็นซือแป๋ สนิทกับพระเอกบู๊ มังกร (อาเล้ง) ลูกกำพร้าที่เฮ้งซัวรับไว้แต่เด็ก โดยอาโฮ้วได้เรียนกังฟูแลกกับการสอนหนังสือให้อาเล้ง เวลาผ่านไปเกือบสองปี ชีวิตพลิกผันเมื่อทั้งสองได้ช่วยชีวิต เตียเอี๊ยงกวง ตั่วเฮียของพรรคอั้งทิมึ้ง (จากประสบการณ์กำลังภายใน ขอเดาว่าแปลเป็นไทยคือพรรคเหล็กแดง) ที่คุมเยาวราช ทำให้ทั้งคู่ถูกทาบทามเข้าไปทำงานเป็นคนสนิทที่ไว้ใจ ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เป็นเลือดใหม่มือดี โดยเฉพาะอาโฮ่วในชื่อใหม่ อาไซ ที่ฉลาดและมีความคิดสุขุมรอบคอบ ส่วนอาเล้งออกจะเลือดร้อนบุ่มบ่ามไป เมื่อเกิดสงคราม อาโฮ่วเห็นช่องทางใหญ่ตั้งบริษัทกับอาเล้งเพื่อกักตุนสินค้า ทำกำไรสูงจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีใหญ่
ทางด้านพระยาพิทักษ์สันติชน ไกรศรีได้แต่งงานกับ นวลลออ ที่มีเส้นสายดี ได้มาประจำที่สถานีแถวเยาวราช เรียกเงินค่าคุ้มครอง แต่ก็ติดการพนันอย่างหนัก ส่วนแพรพรรณรายที่โดนลงหวายเจ็บหนักก็อาศัยเรื่องที่เสริมได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศขอให้ตาช่วยประวิงงานแต่งไว้ (แต่ชาวบ้านนึกว่าแต่งงานไปแล้ว) และได้เข้าเรียนอักษรศาสตร์ จบด้วยคะแนนยอดเยี่ยมจนได้เข้ามาเป็นอาจารย์ สุดท้ายเง็กจูมีลูกชาย กำจร (อาตือ) ที่เธออ้างว่าเป็นลูกของอาโฮ้ว เหตุการณ์พลิกผันเมื่อมีลูกระเบิดลงที่บ้านพอดี ทรัพย์สินเสียหายไปมาก พระยาพิทักษ์สันติชนบาดเจ็บหนักจนเรียกได้ว่าพิการ ไกรศรีเสียการพนันจนหมดตัว ขายที่ดินออกไปจนหมด ทำร้ายภรรยาจนหนีกลับบ้าน มีเพียงเงินเดือนของแพรพรรณรายที่ทำให้ครอบครัวไม่ถึงกับอดตาย
ที่เยาวราชมีปัญหากลุ่มจีนใหม่ที่ท้าทายอำนาจเดิม การแตกแยกในระดับหัวหน้ากลุ่ม อย่างผู้อาวุโส หุ่ยเพียว ที่ดูดีก็มีเรื่องลับลมคมในบางอย่าง และเรื่องการวางทายาทสืบอำนาจอิทธิพล เอี๊ยงกวงมีภรรยาสี่คน ลูกชายคนโตจากเมียหลวง เสี่ยมเอ็ง (ลูกสาวอดีตหัวหน้ากลุ่มที่ทรงอิทธิพล) ก็ถูกฆ่าตายไปแต่ยังหนุ่ม ทำให้ส่งลูกสาว นงนภา (อาฮุ้ง) ไปเรียนที่สิงคโปร์เพื่อความปลอดภัย ส่วนลูกชายที่เกิดจากเมียสองสามก็ยังเด็ก เมื่อเกิดสงครามทำให้นงนภาหาโอกาสกลับกรุงเทพฯ กลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่เมื่ออาจมีการเลือกลูกเขยมารับช่วง ซึ่งอาเล้งก็หลงรักรุนแรง แต่ตัวเก็งคืออาโฮ้วที่ความจริงไม่สนใจ ต้องการถอนตัวจากวงการ และถึงเวลาที่จะแก้แค้น ...
เรื่องนี้ จขบ. ก็ว่าสนุกดีนะคะ (ถึงจะไม่ทำให้อยากอ่านซ้ำนัก) เป็นเรื่องแก้แค้นที่น่าสนใจและแสดงให้เห็นถึงกรรมตามทันและทางเลือกที่แตกต่างกัน นางเอกประเภทอดทนเงียบถือได้ว่าไม่แปลกนัก (แต่ชอบนะคะ ถึงจะเงียบแต่ก็กล้าแบบไม่นอกกรอบของยุค รู้สึก relate ได้มากเลย) พระเอกเป็นพวกร้ายๆ ตามสมัยนิยมตอนนี้ คือถ้าเป็นนิยายที่แต่งสมัยก่อน นึกไม่ออกเลยว่าจะมีเรื่องไหนที่ให้โอกาสพระเอกที่กักตุนสินค้าและขูดรีดประชาชนในช่วงทุกข์ยากได้ (>_<) แต่ก็ไม่มีปัญหากับความสนุกในการอ่านของ จขบ. นะคะ ถ้าพูดถึงตัวประกอบ ตอนสุดท้ายเซ็งกับอาไซหน่อย แต่ซือแป๋เท่มากค่า
มีที่สงสัยนิดหน่อยเป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอนต้นที่พยัคฆ์เรียนรัฏฐประศาสนศาสตร์เพราะก่อนช่วงนั้นช่วงนั้นกำลังมีเรื่องเลิกคณะเปลี่ยนชื่อกันพอดี (อ้อ สะกดชื่อคณะคนละแบบด้วยค่ะ) หรือระยะหลังที่หุ่ยเพียวเรียกอาโฮ่วตลอดเลย แต่ที่สะดุดจริงคือภาษาสำนวนไม่ค่อยเข้ากับยุคสมัยที่โผล่มาให้เป็นบ่อยๆ อย่าง เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ หรือเรียกนักศึกษาที่จุฬาฯ ฯลฯ ที่ทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยอินเท่าไหร่ รออีกสองเล่มของมังกรและอัสดรนะคะ (ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧
[10/04/14, 23/01/16] ไฟรักมังกร เรื่องย้อนไปปี 2458 ที่หัวหน้าพรรคอั้งทิมึ๊ง โอ๊วบุ่งฮง ที่สุขภาพย่ำแย่กำลังจะลงจากตำแหน่ง อึ้งกวงไท่ ที่เป็นคนมาใหม่ไฟแรง สร้างตัวจากศูนย์จนมีบ่อนและโรงน้ำชาเล็กๆ ก็อยากชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ถึงจะมีโอกาสดีที่เสี่ยมเอ็งลูกสาวคนโตจากเมียหลวงของบุ่งฮงมาหลงรัก แต่กวงไท่กลับเลือกไปแต่งกับอดีตนางเอกงิ้ว เซาะฮวย และมีลูกชายแบเบาะ อึ้งบุ่งเล้ง คู่แข่งคนสำคัญทั้งด้านความรักและตำแหน่งของอึ้งกวงไท่คือเตียเอี๊ยงกวงที่ชอบเซาะฮวยเช่นกัน แถมยังมีแบ็คของครอบครัวอีก ทำให้เมื่อ หุ่ยเพียวติดต่อบอกกวงไท่ว่าจะสนับสนุนเลยแอบไปพบเพื่อเจรจาหลังไปดูงิ้วเล่าซังบ่วงเฮงที่พาภรรยาและลูกไปด้วย แน่นอนว่างานนี้เป็นการหักหลัง เหลือลูกชายที่รอดมาคนเดียวและได้เฮ้งซัวช่วยไว้ ตั้งชื่อใหม่เป็น เฮ้งหั่งเล้ง หรือมังกรนั่นเองโดยมีหยกประจำตระกูลเป็นหลักฐาน
ความตายของกวงไท่เป็นประโยชน์ต่อเตียเอี๊ยงกวงจนร่ำลือกันว่าเป็นคนลงมือ แต่เรื่องก็เงียบไปเมื่อเอี๊ยงกวงแต่งงานการเมืองกับเสี่ยมเอ็งโดยทางตระกูลโอ๊วที่ได้ ไต่หั่ง น้องชายคนเล็กของบุ่งฮงและมือขวา มุ่ยเซ้ง ที่บุ่งฮงเก็บมาเลี้ยงต้องการจะกลืนกิจการของตระกูลเตีย แต่กลายเป็นเอี๊ยงกวงน้ำนิ่งไหลลึกกว่าบวกกับเสี่ยมเอ็งที่หลงรักเข้าด้วยทำให้สามารถคุมกิจการของตระกูลโอ๊วได้ในระดับหนึ่ง จนทั้งคู่มีลูกสาวคือนงนภา ภายหลังเมื่อเอี๊ยงกวงมีเมียน้อยก็ทำให้ทั้งคู่เย็นชากันไป เมียน้อยสามคนมีอายุห่างกันคนละสิบปีและได้ลูกชายหลายคน เรื่องวนกลับมาเมื่อเอี๊ยงกวงต้องการลงจากตำแหน่ง ไม่สามารถใช้ลูกชายที่ยังเด็ก เลยต้องการลูกเขยฝีมือดีมารับช่วง
จากเรื่องที่แล้วคือตัวเลือกหลักเป็นพยัคฆ์และมังกร แต่พยัคฆ์ถอนตัวทำให้มังกรที่ค่อนข้างบุ่มบ่ามเป็นผู้ชิงตำแหน่งลูกเขยแถวหน้า แต่มังกรที่หุนหันพลันแล่นกว่าพยัคฆ์ก็เจอศึกหนักไปหลายยก โดยเฉพาะโดนวางยาพิษ ที่เรื่องโยงไปหาอดีตที่น่าสงสัยเมื่อนงนภาแอบได้ยินเสี่ยมเอ็งพูดเรื่องอดีตของมังกรกับคนอื่น ระหว่างนี้มังกรก็แอบติดต่อร่วมมือกับอัสดรที่ต้องการกวาดล้างอั้งยี่ และได้พยัคฆ์เป็นกุนซือแบ็คอยู่ข้างหลังอีกที คงไม่ต้องบอกนะคะว่าเรื่องสำเร็จ มังกรแก้แค้นได้ พี่น้องพยัคฆ์อัสดรพบกันอีก ถึงคนทั้งหลายจะสะบักสะบอมโชกเลือดไปไม่น้อย ...
สำหรับเรื่องนี้ จขบ. ว่าอ่านได้เรื่อยๆ สำหรับผู้แต่งก็ชอบในระดับกลางๆ โครงเรื่องอยู่ในช่วงน่าสนใจ (ถึงจะไม่ได้ลุ้นอะไรนะคะ) โยงกับเหตุการณ์นองเลือดเยาวราช 21 กันยายน 2488 ด้วย แต่ในภาพรวมยังไม่ชอบเท่าเรื่องก่อน อาจจะเพราะรู้สึกแปลกๆ ในหลายเรื่อง อย่างเรื่องพิษที่ใช้เงินทดสอบ คือปกติใช้ทดสอบกำมะถัน ไม่ใช่ว่าทดสอบพิษครอบจักรวาล โดยเฉพาะพิษมาจากดอกไม้พิษ หรือคำบรรยายที่รู้สึกแปลกๆ อย่างหม้ายขันหมากหรือนงนภาใช้ท่าเตะจรเข้ฟาดหางที่เป็นแม่ไม้มวยไทยไม่ใช่กังฟู (ทำให้นึกถึงเรื่อง 'สองเทพบุตรโลกันตร์' ที่มีแนะนำว่ามวยหย่งชุนเหมาะกับผู้หญิงฝึก แต่นั่นก็ไปเผยแพร่ที่ฮ่องกง ^_^) คืออ่านแล้วรู้สึกอารมณ์และสำนวนเหมือนจะหลวมๆ ไม่รู้สึกเนียนเข้าสมัยเหมือน 'มังกรเยาวราช' น่ะค่ะ อ้อ ตอนต้นเล่มบอกว่าอัสดรซึ่งเป็นลูกบุญธรรมรองผู้ว่าประจวบคีรีขันธ์แต่ท้ายเล่มเป็นผู้ว่า ส่วนนางเอกตอนหน้าออกมาแล้วคือน้องสาวบุญธรรม บุษบา ที่เป็นผู้ช่วยพยาบาลในเยาวราชระหว่างโรงเรียนปิดยาวเพราะสงครามนะคะ
[27/11/14] อัสดรพิโรธ หลังจากเตียบุ่งป้อถูกฆ่าตาย มุ่ยแชพาอาแบ้หนีไปหาญาติที่บางกอกน้อยแต่ไม่พบ แถมยังถูกอันธพาลสองคนปล้น อาแบ้พยายามช่วยแม่จนถูกทุบตีใกล้ตาย เมื่อฟื้นมาก็พบว่าถูก หลวงนราภิบาล และ คุณหญิงบัว ที่เป็นแม่ช่วยไว้ ส่วนมุ่ยแชหายตัวไป คาดว่าถูกข่มขืนฆ่าเอาศพลอยแม่น้ำ
หลวงนราภิบาลที่ถูกใจอาแบ้ก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อัสดร รับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม พาไปอยู่ที่ชะอำเพราะมีตำแหน่งเป็นนายอำเภอ ครอบครัวมีภรรยาชื่อ มะลิ และลูกสาวคนเดียว บุษบา ซึ่งก็สนิทสนมกับอัสดรอย่างรวดเร็จจนกลายเป็นความรัก แต่ตัวอัสดรรู้สึกว่าฐานะไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง จึงหาทางเลี่ยงความจริงมาตลอด
หลังจากเรื่อง 'ไฟรักมังกร' อัสดรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมังกร แต่ก็ยังโกรธแค้นเรื่องพ่อแม่จนไม่ยอมรับพยัคฆ์ ส่วนการงานก็ไล่ตามจับ ปวยฮู้ ที่ขายฝิ่นและประสบความสำเร็จมีผลงานดีเยี่ยมจนกลายเป็นหนามยอกอกปวยฮู้ถึงขนาดหาทางกำจัดทั้งตัวตำรวจและสายที่วางไว้ ทำให้มังกรหา ฮั่งตง หลานของคนสนิทพยัคฆ์ที่เพิ่งมาจากเมืองจีนให้เป็นสายในกลุ่มปวยฮู้ต่อ โดยนอกจากเงินก็ต้องการสถานภาพที่จะอยู่เมืองไทยได้อย่างถูกกฏหมาย
เนื่องจากคุณหญิงบัวสนิทสนมกับญาติผู้ใหญ่ของเสริม จึงจะให้หมั้นกับบุษบาที่กำลังเรียนพยาบาลอยู่ ถึงหลวงนราภิบาลจะพยายามถ่วงเวลาให้เรียนจบก่อนก็ไม่ไหว ตัวบุษบาเองก็เกลียดเสริมมาก ก่อนถึงวันหมั้นถึงไปหาอัสดรแล้วก่อนหนีไปเชียงใหม่โดยความช่วยเหลือของนงนภา งานนี้เสริมย่อมฟาดงวงฟาดงาเอาเรื่องมาไล่บี้กับอัสดรอย่างแรง แถมด้วยนิสัยกินนอกกินในไปทั่วจึงร่วมมือกับปวยฮู้เพื่อจะเอาอัศดรให้ตาย ...
เรื่องนี้ก็อ่านได้เรื่อยๆ นะคะ แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนเป็นการเอายุคเก่ามาครอบเรื่องสมัยใหม่ค่อนข้างมาก เวลาอ่านไม่ค่อยได้อารมณ์ยุดหลังสงครามโลกเท่าไหร่ ทั้งคำพูด แนวคิด (ไทย/จีน) และคำอธิบาย ที่มีหลุดเห็นชัดๆ เช่น มีชุดไทยจักรี (สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้โปรดให้มีชุดไทยพระราชนิยม) เลยทำให้รู้สึกลอยๆ แบบเล่มก่อนหน้าน่ะค่ะ อ้อ เรื่องนี้มีมีดบินด้วยนะคะ แต่แหม หน้าปกที่เป็นรูปปืน (จขบ. ดูว่าคล้าย Colt Navy Revolver) ต้องบอกว่าโบราณไปสักร้อยปีนะ 555
[23/01/16] ที่มา [1] ณารา. เพลิงพยัคฆ์. ชุดเลือดทรนง, สำนักพิมพ์พิมพ์คำ, 664 หน้า, 2557. [2] ณารา. ไฟรักมังกร. ชุดเลือดทรนง, สำนักพิมพ์พิมพ์คำ, 596 หน้า, 2557. [3] ณารา. อัสดรพิโรธ. ชุดเลือดทรนง, สำนักพิมพ์พิมพ์คำ, 480 หน้า, 2558.
Create Date : 10 เมษายน 2557 |
|
16 comments |
Last Update : 23 มกราคม 2559 17:56:41 น. |
Counter : 8677 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: polyj 10 เมษายน 2557 19:06:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: Aneem 10 เมษายน 2557 19:47:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ข้าวปั้น IP: 192.99.14.34 10 เมษายน 2557 20:50:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสม 10 เมษายน 2557 21:20:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: pui IP: 180.183.151.91 4 พฤษภาคม 2557 8:53:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ta IP: 202.44.135.34 23 กุมภาพันธ์ 2558 14:21:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: opor IP: 114.109.26.221 3 มีนาคม 2558 19:38:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสม 14 เมษายน 2558 16:24:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: Wahnita IP: 223.207.134.250 19 พฤษภาคม 2558 22:38:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|