สิงหาคม 2564

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ใครไหวไปก่อนเลย....
จากหน้าก่อนที่เล่าว่าไปหาหมอตามนัด แล้วฟ้องหมอว่าเหมือนอาการมันจะกำเริบ มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น 156

ก็เหมือนคนทั่วไปแหละ เสพข่าวมากเกินไป มากที่ว่าของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากันแน่นอน และการรับมือกับข่าว กับความรู้สึกของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันเช่นกัน

สำหรับเรา ความต้านทานต่อความเครียด ความหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง ความกลัว ความกังวลในเรื่องต่างๆ อาจจะน้อยกว่าคนทั่วไปเค้าหน่อยนึง ถึงต้องไปพึ่งหมอ เพื่อหาตัวช่วย  149

ความรู้สึกที่มันกลับมาเหมือนอาการมันจะกำเริบ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่วัน สองวัน หรืออาทิตย์ สองอาทิตย์ ระยะเวลานัดหมอของเราคือ 4 เดือนครั้ง เพราะฉะนั้น ความรู้สึกนั้นมันค่อยๆ สะสมมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา

แม้มันจะหายไปนานเป็นปีๆ แล้วก็ตาม

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มมีโรคระบาดใหม่ๆ ยังรู้สึกว่ารับมือได้ มาตลอด อาการไม่เคยกำเริบจนถึงระดับที่น่ากังวลใจเลย อาจจะมีบ้างนานๆ ครั้ง แต่ก็ยังสามารถจัดการให้มันหายไปได้ โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้มากนัก

แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกับคราวก่อนๆ ตรงที่ ความถี่ในความรู้สึกมันมากขึ้น

สาเหตุคงเดาได้ไม่ยาก ก็เพราะอ่านข่าว ดูข่าว ที่มันกระทบต่อความรู้สึกมากเกินไป บางคนดูแล้วก็อาจจะไม่รู้สึกอะไร หรือดูแล้วก็แล้วกัน ไม่เอามาเก็บมาคิดต่อให้วุ่นวาย นั่นนับว่าเป็นการเสพข่าวที่ถูกต้องแล้ว ยินดีด้วย 128

แต่บางคนกลับไม่เป็นอย่างนั้น อาจจะด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะความเครียดมันสะสมได้ บางทีมันอาจจะถูกสะสมไว้ทีละนิด ทีละหน่อย โดยที่เราไม่รู้ตัว จะรู้ตัวอีกทีมันก็เยอะมากพอที่จะทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้แล้ว

โกรธง่าย ฉุนเฉียวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ใครพูดไม่เข้าหูหน่อยก็พาลโกรธโดยไม่มีสาเหตุ หรือเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด อารมณ์เสียง่ายทั้งกับคนในครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน

ถ้าสถานการณ์ปกติ หลายคนที่เครียดกับงานมากๆ ก็อาจจะมีบ้างที่มีอารมณ์โกรธ โมโห ไม่ได้ดั่งใจ แต่ ตอนนั้นมันยังสามารถหาวิธีผ่อนคลายให้ความเครียดมันลดลง จนหมดไปได้ตั้ง 108 วิธี แต่กับสถานการณ์ตอนนี้ มันไม่ใช่ไง พอวิธีคลายเครียดมันถูกจำกัดให้เหลือแค่ไม่กี่วิธี บางคนก็ไม่ได้กำจัดมันออกไป และมันก็ถูกสะสมอยู่อย่างนั้น

แต่ถ้าใครที่สามารถกำจัดมันออกไปได้ด้วยวิธีที่เหลืออยู่ไม่กี่อย่างนั้น ก็ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้ไปต่อ....

ถ้าใครคิดว่าไม่ไหว ก็ไม่อยากให้ฝืน ในเมื่อสถานการณ์นี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ และในอนาคตข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน (แต่ก็ภาวนาให้มันเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นละกัน) เพราะฉะนั้น เราคงต้องอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ไปอีก อย่างน้อยๆ ก็น่าจะหลายเดือน

ช่วงซักประมาณเดือน มิย.- กค. นี่ น่าจะเป็นช่วงที่คาดหวังและรอคอยวัคซีนมากที่สุด และด้วยจำนวนยอดคนติด/คนตาย ที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นด้วย ในช่วงที่เริ่มล็อคดาวน์ ใกล้บ้านเราห่างไปไม่กี่ก้าวก็มีคนที่เสียชีวิตในบ้านเหมือนกัน รถตำรวจ รถมูลนิธิฯ รถพ่นยา ก็มาจอดกันตรงหน้าบ้านเรานี่ล่ะ เป็นช่วงที่เริ่มมีข่าวมีคนเสียชีวิตคาบ้านออกใหม่ๆ เห็นแบบนั้น ไม่แย่ยังไงไหว 123

ปกติเราติดตามเพจหมอ และเพจทั่วไปอยู่ 3-4 เพจ ซึ่งส่วนมากก็เอาไว้ตามข่าวสารบ้านเมืองทั่วไป เพจหมอก็เอาไว้อ่านสาระ สุขภาพ วัคซีน ติดตามข่าว ขนาดว่าแต่ละเพจที่ติดตามไม่ใช่เพจที่การเมืองจ๋าๆ คอมเมนท์ 95% ก็อย่างที่ทุกคนที่เสพโซเชียลต่างรู้ดีนั่นแหละ คือการด่ารัฐบาล

เราก็ไม่ได้ชอบหรอกนะ แต่การเห็นข้อความการด่าทอ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และไร้เหตุผลบ่อยๆ มากๆ ซ้ำๆ กันทุกวัน มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร

บางคนอาจจะบอกว่า การด่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลนี้ขับเคลื่อนด้วยการด่า ต้องด่า ด่า ด่า ด่าต่อไป อันนี้ก็แล้วแต่เลย ยาวไป ยาวไปเลย...ลวกเพ่

แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ขนาดนั้น และพอจะยังรับฟังสิ่งอื่นอยู่บ้าง อยากให้ฟังทางนี้หน่อย

ความโกรธ นอกจากจะมีผลต่อจิตใจโดยตรงแล้ว จากการวิจัยยังพบว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางร่างกายหลายๆ โรคด้วย เช่น โรคหัวใจ ลิ่มเลือดอุดตันในสมอง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคเครียด นอกจากนี้ ยังทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง จนถึงทำให้อายุสั้นในระยะยาวเลยทีเดียว

และนอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้ว มันยังกระจายไปสู่คนในครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรอบข้างอีกด้วย ลองนึกดูถ้าคนในครอบครัว เอาแต่ก่นด่า สบถถ้อยคำหยาบคาย อารมณ์ร้าย รุนแรง ตลอดทั้งวัน บรรยากาศในบ้านคงไม่น่าอยู่นัก

การเสพข้อมูลด้วยการอ่าน ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ถ้าอ่านมากๆ ก็ทำให้เกิดความเครียดได้เหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ก็ระบายออกมาด้วยอารมณ์โกรธทั้งนั้น บางครั้งมันเกินขอบเขตไปมาก เพจหมา-แมว ก็ยังโยงไปแขวะ ไปด่ารัฐบาลได้อีก นับถือจริงๆ จนพักหลังๆ เพจที่เราตามทุกเพจไม่มีข่าวเกี่ยวกับการเมืองเลย ไปคุยกันเรื่องอื่นแทบจะทั้งหมด คงเบื่อคอมเมนท์ผีดิบการเมืองเหมือนกัน

แต่...กว่าศึกครั้งนี้จะจบ เราไม่อยากเห็นคนป่วยด้วยโรคจิตเวชเพิ่มมากขึ้น ไม่อยากเห็นข่าวใครเครียดจัดจนออกมาทำร้ายคนในครอบครัว หรือคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่อยากเห็นข่าวคนคลั่งทำร้ายคนรัก หรือข่าวร้ายใดๆ ที่เกิดจากความเครียดเพิ่มขึ้นอีก แค่นี้ก็มีรายวันอยู่ละ...

ลองทบทวนจิตใจตัวเองกันดูนะคะ...ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้

ด้วยความเป็นห่วงจากใจจริงๆ

17



 

 



Create Date : 16 สิงหาคม 2564
Last Update : 16 สิงหาคม 2564 19:40:19 น.
Counter : 619 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

i_mafuang
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ผู้หญิงธรรมดาที่ชอบเพ้อเอาถ้วย
MY VIP Friends