ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

ณ ปลายฟ้า...คือเธอ (Love@Horizon) 3... "ช่อคราม"








บทที่ 3


...หลายครั้งที่เราอาจรู้ตัวว่าสิ่งที่คาดเดาเอาไว้หลากหลายนั้น
อาจผิดไปจากความจริงที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย
แต่ที่แน่ ๆ มักไม่ค่อยผิดไปจากสังหรณ์แรกเลย…



“เขาหลับ?!!?” ธันวาทวนเสียงสูงขณะผลักประตูห้องทำงานตัวเอง วางกระเป๋าเอกสารบนโต๊ะ แขวนเสื้อสูทเข้าที่แขวนเสื้อมุมห้อง ก่อนหันกลับมามองหน้าเลขาอีกครั้งเพื่อยืนยันคำตอบ

“ค่ะ หลับไปแล้ว...ก่อนคุณธันว์มาถึงสักพัก” ธันวาเลิกคิ้ว หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลำคอ คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเข้าไปพบเธออย่างไร

“ไหนว่ามีเรื่องด่วน แล้วหลับไปได้อย่างไร?” เสียงห้วน ๆ ทำเอาพัชรีรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

“คงจะเพลียเดินทางมั้งคะ ...จะให้ไปปลุกมั้ยคะ?”

“ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ อยู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้ ผมก็ไม่ชอบสักเท่าไร ถึงจะว่ามีงานด่วนก็เถอะ แจ้งมาบอกล่วงหน้าก่อนจะมาก็ยังดี” พัชรีได้แต่ทำหน้าจืด ๆ เจ้านายของเธอดูเหมือนจะเริ่มใกล้คืนสู่โหมดปกติ อีกทั้งก็คงยังไม่ได้กินอะไรมาตลอดบ่าย

“งั้นทานข้าวก่อนดีมั้ยคะ? ทานในห้องนี้นะคะ” วิธีการเลี่ยงไปนอกห้องน่าจะดีกว่าในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนธันวากลับไปที่โต๊ะทำงานดึงแฟ้มงานออกจากกระเป๋า ก่อนยกไปวางไว้หลังตู้เอกสารข้าง ๆ

ชั่วอึดใจพัชรีก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวผัดกุ้งที่ส่งกลิ่นหอมตลบไปทั้งห้อง

“สั่งเผื่อไว้สองจาน ไม่รู้คุณเภตราจะทานมั้ย ?” เลขาคนเก่งยังยืนนิ่งเหมือนรอรับคำสั่ง แต่ธันวากลับเสตอบไปอีกเรื่องแทน

“คุณก้อยกลับไปทำงานต่อเถอะครับ หรือจะกลับเลยก็ได้นี่ก็ใกล้จะห้าโมงแล้ว...วันนี้คงยุ่งน่าดู” ธันวามองจานข้าวให้รู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเขาก็ต้องกลับมาทานข้าวหน้ากองเอกสารเหมือนเดิม ๆ

“แล้วคุณเภตรา?” พัชรีรู้สึกเหมือนวันนี้มีแต่คนตอบไม่ตรงคำถามของเธอเลย หรือว่าเธอตั้งคำถามผิดเอง

“เดี๋ยวเขาตื่นแล้วผมจะถามให้เอง ตอนนี้ก็ปล่อยให้เขานอนไปก่อน พอดีผมอยากเคลียร์เอกสารวันนี้ให้เสร็จด้วย” พัชรีขมวดคิ้ว วันนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าได้ยินเสียงเขาหัวเราะ เสียงอารมณ์ดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่น่าแปลกใจพอกลับมาถึงที่ทำงานเสียงเครียด หน้าเครียดก็กลับมาเหมือนเดิม หรือว่าเมื่อช่วงบ่าย ไปข้างนอก องค์น่าจะลงผิดองค์…



จริง ๆ เหมือนอยากแกล้งถ่วงเวลานาน ๆ ที่จะไปเจอกับเธอ ธันวาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากทำแบบนั้น อาจจะเพราะที่คุณก้อยเลขาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันนี้ให้ฟังอย่างละเอียดขณะที่เขาทานข้าวผัดจานนั้น

หรือเพราะกลัวต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขาแนะนำให้ผูกเชือกไว้กับขาโต๊ะ หรือท้ายสุดจริง ๆ แล้ว เพราะเขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรที่จะต้องมีหญิงสาวเป็นเพื่อนร่วมงานถึง 2 ปี เขาไม่ค่อยคุ้นกับการมีเพื่อนร่วมทีมทำงานเป็นผู้หญิงสักเท่าไร

อาจจะเพราะที่เธอบอกว่า เธออยากปรึกษางานก่อนที่สาขาแฟรงก์เฟิร์ตปิด ทำให้เขารู้สึกว่าการถ่วงเวลาไปก็ไม่ส่งผลดีแต่อย่างไร และขณะนี้เขาก็ทำเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธันวาเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ เกือบชั่วโมงแล้วที่เขาเผลอทำงาน และเผลอลืมผู้หญิงในห้องประชุม ดูเหมือนเธอจะหลับสนิทมากกว่างีบหลับ

ธันวามองผ่านกระจกหน้าห้องเลขาของเธอเตรียมกระเป๋ามาตั้ง วันนี้เธอคงโดนมาเยอะแล้ว หากเขายังถ่วงเวลาก็เท่ากับรั้งให้เธอต้องอยู่ต่อในเย็นวันศุกร์แบบนี้ ฝ่ายบัญชีคงบ่นในห้องประชุมอีก หากเขาเซ็นโอทีให้เลขาทุกวัน แถมเลขาพาร์ตเนอร์อย่างคุณก้อยเสียด้วย

“คุณก้อยกลับเถอะ เดี๋ยวผมปลุกเขาเอง....” ธันวาหยุดเอ่ยขึ้นหน้าโต๊ะทำงานของเลขา

“เอางั้นหรือคะ.?..โรงแรมจองให้แล้วนะคะ และก็คอนเฟิร์มว่าเช็คอินแน่นอนให้แล้วด้วย...ข้าวผัดอีกจานถ้าคุณเภตราเธอไม่ทานบอกฐิติมา.... ทางเลขาพูล ฝากงานคุณธันว์ไว้กับเธอนะคะ.... รู้สึกว่าคืนนี้ทางพูลคงอยู่โอทีกัน…” พัชรียังรายงานเรื่องงานต่ออีกสองสามเรื่อง ก่อนที่ธันวาจะเดินต่อไปยังห้องประชุมเล็ก

เลขาของเขาคงดึงม่านกระจกลง ทำให้มองไม่เห็นคนข้างในห้อง เขาเคาะประตูห้องด้วยปลายนิ้ว ตั้งใจจะเคาะแบบเบา ๆ เขาไม่อยากให้เธอตกใจตื่นหากเธอยังหลับอยู่ หรือตื่นแล้วก็ตาม

เงียบ!!...และเงียบ!!!...ไม่มีเสียงใด ๆ ลอดออกมาจากในห้อง

ธันวาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ผู้หญิงคนนี้นอนได้ขี้เซาเสียจริง หรือว่าเขาเคาะห้องเบาไป ชายหนุ่มเป่าลมออกจากปาก พลางบิดลูกบิด ผลักประตูเบา ๆ

เธอยังหลับอยู่จริง ๆ หญิงสาวนอนตะแคงซบแขนตัวเองหันหลังให้หน้าห้อง กระดาษ แฟ้ม โน้ตบุ้คอยู่รอบ ๆ โทรศัพท์มือถือ ดินสออยู่ข้าง ๆ ในมือยังกำโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องไว้แน่น ธันวาเดินอ้อมมามองเธอให้ชัด ๆ แม้จะเห็นเพียงซีกเดียวก็ตาม ดูตัวจริงกลับยิ่งเด็กกว่าในรูปที่ส่งแฟ้มประวัติมา

ใบหน้านวลมีเครื่องสำอางบาง ๆ ทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจ เขาคิดว่าเธอจะแต่งหน้าจัดเหมือนสาวยุโรปหลายคนที่เขาพอรู้จัก หน้าใส ๆ จมูกรั้น ๆ เหมือนเด็กซน ๆ แบบนี้ทำให้เขาเริ่มไม่รู้สึกผิดเท่าใดกับการที่เขาจะผูกเธอไว้ที่ขาโต๊ะ และจับตีที่ทำให้คุณก้อยต้องวุ่นวายไปเมื่อบ่าย

คิ้วสีน้ำตาลเข้ม ขนตาเป็นแผงที่ดูไกล ๆ เหมือนจะไม่ใช่ขนตาปลอมเหมือนสาว ๆ ในฝ่ายเลขาพูลนิยม เสียดายที่เธอหลับตาสนิทแบบนี้ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกรวบมัดเป็นหางม้าที่แผ่กระจายอยู่เต็มโต๊ะ กิ๊บตัวเล็ก ๆ ลายดอกไม้สามตัวหนีบไรผมกันไว้ไม่ให้ตกลงมา

รูปหน้าขณะที่นอนอยู่นี้แลดูกลม ๆ แก้มป่อง ๆ ดูแล้วก็น่าเอ็นดูดี แขนเรียวยาว ช่วงตัวยาว และคงขายาว เธอคงสูงพอสมควร ธันวากะคร่าว ๆ จากท่าที่นั่งอยู่แบบนี้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ผอมราวกับนางแบบ และไม่อ้วนหนาจนเกินไป....

ธันวากอดอกเอียงคอชมโฉมหญิงสาวขณะหลับอย่างเพลิดเพลิน เธอขยับตัวนิด ๆ ทำให้เขารู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่...

“นอนท่านี้ ตื่นมาคงปวดเมื่อยน่าดู” ธันวาพึมพำ แต่เขาก็คุ้นกับการนอนหลับบนโต๊ะทำงาน หากไม่ใช่ในห้องทำงานของเขา เก้าอี้ทำงานพนักสูงที่สามารถเอนหลับได้ เขาก็ฟุบโต๊ะหลับทำงานแบบนี้เหมือนกัน

คงเพราะเสียงของเขาที่ปลุกหญิงสาว หรือเธออาจจะหลับได้ที่พอเพียงแล้วจนตื่นขึ้นเอง เภตราขยับทั้งตัวอีกครั้ง ก่อนค่อย ๆ เผยอเปลือกตาตื่น
“สวัสดีตอนเย็นครับ....ดีที่คุณตื่น หากนอนทับตะวัน คุณอาจไม่สบายได้...คนไทยโบราณเขาถือ” หน้านวลใสสะดุ้งเล็กน้อย กะพริบตาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะยืดตัวรีบลุกขึ้น เธอลูบผม ดึงเสื้อยืดสะบัดแขนที่เริ่มเป็นเหน็บ...

นี่เธอหลับไปได้อย่างไรกันนะ...
ไม่เข้าท่าเลยที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาเห็นเธอในสภาพนี้…

จำได้ว่าส่งเมลเสร็จสักพักแล้วก็เอียงตัวนอนเล่นกดโทรศัพท์หาเมษาไปเรื่อย ๆ เผื่อฟลุ๊กเมษาจะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างจนเผลอหลับไปไม่รู้ตัว…

“ขอโทษด้วยที่เข้ามาแบบนี้ แต่ผมเคาะห้องแล้ว แต่ดูเหมือนคุณจะหลับสนิท...คงจะเจ็ทแล็ก...ยินดีต้อนรับอีกครั้งอย่างเป็นทางการครับ” หญิงสาวยิ้มเก้อ ๆ บาง ๆ ช่างเป็นคำทักทายที่สุภาพ ผิดไปจากเมื่อบ่ายอย่างมาก

เภตราวางโทรศัพท์ที่ยังกำไว้แน่นลงบนโต๊ะ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับกับมือของเขา...ช่างเป็นทางการเสียจริง ๆ

เภตรากัดริมฝีปากเบา ๆ สะบัดแขนซ้ายเบา ๆ ก่อนใช้มือเหน็บผมที่ตกลงมาเคลียร์แก้มไว้เหนือหู รู้สึกเก้อ ๆ อยู่ไม่น้อย ที่ต้องเจอเขาครั้งแรกในสภาพแบบนี้ ผมเผ้าเธอคงยุ่งเหยิงน่าดู...สมองก็เหมือนยังไม่ตื่นดีเสียด้วยซ้ำ

แล้วเขาก็จ้องเธอเหมือนสำรวจอย่างจริงจัง....โอ้!! ไม่น่า ไม่....
กระจก!! กระจกเธออยากส่องกระจก แต่กระจกหน้าต่างใส ๆ ก็ไม่ได้สะท้อนช่วยให้เธอเห็นตัวเองสักเท่าไร เธออาจจะไม่ใช่สาวสวย น่ารัก ติดกระจกรักสวยรักงามเป็นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สมควรให้ตัวเองดูเหมือนยายเพิ้งนี่นา...

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเองต้องขอโทษที่มาก่อนกำหนด และไม่ได้แจ้งมา...” เภตรากะพริบตาถี่ ๆ สมองยังเหมือนถูกกดทับไปข้างหนึ่ง เธอพยายามเรียกสติตัวเองให้ตื่นอีกครั้ง รู้สึกเมื่อยเอว และคอ แขนอีกข้างที่ชา ๆ เพราะงอแขนอยู่นานเริ่มหายดีขึ้นเมื่อสัมผัสมือและเขย่าแขนทักทาย

หญิงสาวมองคนตรงหน้าอีกครั้ง รอยยิ้มบาง ๆ แว่บหนึ่งที่ปรากฏ เภตราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ จะยินดีที่ได้พบเธอจริง ๆ จะหัวเราะเยาะเธอที่นั่งหลับ หรืออยากผูกเธอไว้กับโต๊ะ หรืออยากจะเอาไม้ไล่ตีทั้ง ๆ ที่ตัวโตแบบนี้

ที่เขาพูดเมื่อบ่ายราวกับเห็นเธอเป็นเด็กเล็ก ๆ คงเพราะที่ตัวเองแก่แล้วนี่เอง เธอจำไม่ได้แล้วว่าเขาอายุเท่าไรกันแน่ แต่หน้าเข้ม ๆ ผิวคร้ามแดดบ่งบอกอายุได้ชัดเจนว่าคงใกล้ 40 อีกไม่นาน เธอไม่ค่อยมั่นใจว่าผมของเขาหยักศกหรือถูกดัด แต่ที่แน่ ๆ ดูมันจะยุ่ง ๆ ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไรนัก พอ ๆ กับไรเคราจาง ๆ ที่ดูกวน ๆ พิกล...

เธอค่อนข้างคุ้นกับผู้ชายหน้าใสอย่าง สเตฟาน หรือเมษา หากมีหนวดมีเคราก็เต็มคางอย่างแฮร์โรแบร์ พ่อ หรือปู่ของเธอ สายตากร้าว ๆ เหมือนดุดูเอาจริงเอาจัง หรือเหมือนว่าพยายามวางมาดให้เป็นผู้ใหญ่แก่เกินตัว แต่มันก็ทำให้เธอเกรง ๆ ธันวาอยู่ในที

ความตั้งใจจะข่มเขาไว้ก่อนดูท่าจะใช้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร อีกอย่างดูเขาจะค่อนข้างต่างจากเมษาอยู่พอสมควร จะเป็นพี่ชายคงจะห่างไกล เภตราแอบภาวนาให้เขาเป็นแค่เพียงญาติห่าง ๆ หรือคนที่ไม่รู้จักกันมากกว่า...

คิดถึงเมษา ดูเหมือนสมองเธอจะเริ่มแจ่มใสมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็เหมือนชั่วแว่บเดียว ความเครียด ๆ ก็วนกลับมาอีกครั้ง อดมองกลับไปที่โทรศัพท์ไม่ได้ รู้สึกประหลาดใจที่เมษาปิดโทรศัพท์ยาวนานขนาดนี้

ปกติต่อให้เขาเดินทาง อย่างช่วงที่อยู่เยอรมัน เขาก็เปิดเครื่องและรับสายอยู่เป็นระยะ ๆ เขาคงทำงาน หรือกำลังพักผ่อน เธอเองก็ไม่ได้ถามที่บริษัทเขาต่อว่า เมษาเดินทางไปประเทศส่วนไหนของโลก....

เอาล่ะ...จะเป็นประเทศไหนก็ตามเถอะ อีกสองอาทิตย์เธอก็คงต้องได้เจอเขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุด เธอก็อยู่เมืองไทยแล้วนี่นา... ความทุรนทุรายก็ดูไม่เป็นเอามากเหมือนแต่ก่อน เธอมั่นใจแล้วว่า การเดินทางมาที่นี่ ช่วยให้เธออาการดีขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ถึงแม้ว่าจะเผลอหลับไปหน่อยก็เถอะ อาจไม่ได้สร้างความประทับใจให้เจ้านายคนใหม่ก็ตามที แต่นั่นแหละ เขาคิดว่ามันเป็นเจ็ทแล็กนี่นา คงไม่แปลกอะไร ถ้าเขาไม่มีวันรู้ความจริงว่า จริง ๆ แล้วเธอเพลียเพราะนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ มาหลายคืนก่อนออกเดินทางต่างหาก...

ส่วนธันวาแว่บแรกที่ได้เห็นเธอเต็มตัวเต็มตาแบบนี้ ทำให้เขาอดบอกตัวเองไม่ได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าผสมผสานความเป็นเอเชียและยุโรปไว้อย่างชัดเจน ทำให้เธอดูสวยแบบแปลกตา คิ้วเข้มเรียวยาวรับกับดวงตาสีน้ำตาลใสเป็นประกายคู่นั้น เธอดูสดใสร่าเริง และมุ่งมั่นทั้ง ๆ ที่จะเพิ่งตื่นนอนด้วยซ้ำ

แก้มใส ๆ ข้างซ้ายตอนนี้เป็นรอยแดงปื้น ๆ จากการนอนทับ มันทำให้เธอดูเหมือนเด็กเพิ่งตื่นนอนจริง ๆ เธอสูงเกือบ ๆ จะไล่กับเขา ต้องไม่น้อยกว่า 170 อย่างแน่นอน

“ขอโทษด้วยกับเรื่องเมื่อบ่าย ตอนคุยโทรศัพท์...คุณฟังภาษาไทยได้เข้าใจดีทีเดียว” ธันวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มแหย่เธอเล่น เภตราชักสีหน้า หรือว่าเขาอยากจะตีเธอจริง ๆ

“พอฟังได้ค่ะ แต่พูดคงไม่ดีนัก คุณแม่สอนตอนเด็ก ๆ พอโดขึ้นท่านไม่ค่อยได้อยู่บ้านสอน เลยได้แต่แค่ฝึกฟังอย่างเดียว” เธอตอบกลับห้วน ๆ ตาดุ ๆ วาว ๆ คู่นั้นกลับทำให้เธอไม่อยากโต้คารมด้วยนัก ไม่ใช่กลัวเขาจะตีเธอจริง ๆ สะหน่อย...

“อย่างน้อยคุณคงเห็นแล้วว่าดิฉันก็ไม่ใช่เด็กสามสี่ขวบ” โอ หนอ เภตราหลุดปากชี้โพรงให้กระรอกไปได้อย่างไร เธอควรจบเรื่องนี่ต่างหาก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะหยิบเรื่องนี้มาหัวเราะเธออีกในวันข้างหน้า

ทำไมเธอช่างทำอะไรเปิ่น ๆ ต่อหน้าเขามากมายเช่นนี้....

“ดูเหมือนในประวัติคุณยังเข้าใจได้อีกหลายภาษา” ธันวานึกไปถึงประวัติและความสามารถของเธอ

“ไม่กี่ภาษาหรอกค่ะ เท่าที่ใช้กันทางโน้น อีกอย่างคุณย่าก็เป็นลูกครึ่ง
โปลิชอิตาเลียน....เลยพอได้มาบ้าง ฝรั่งเศสอีกนิด ๆ ” ธันวาเริ่มไม่แปลกใจที่เธอดูสวยแปลก ๆ ไปกว่าสาวเยอรมัน หรือสาวยุโรปคนอื่น ๆ ที่เขารู้จักสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

“พอช่วยให้ทำงานสะดวกมากขึ้นเท่านั้นแหละค่ะ...โอ!! แย่ล่ะ!...แฟรงก์เฟิร์ตใกล้ปิดแล้ว ฉันอยากคุยขอข้อมูล ลูกค้าอยากจะร่วมทุนกับโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูป….ฉันมีร่างไอเดียไว้แล้ว” เภตราเปลี่ยนเรื่องทันควัน เมื่อเห็นนาฬิกาในห้องประชุมหกโมงกว่าเข้าไปแล้ว เธอหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะ และหาเอกสารในทันที...



เข็มนาฬิกาบอกเวลาใกล้สามทุ่ม กว่าหลายชั่วโมงที่เขาและเธอพิจารณาประวัติลูกความ และร่างเอกสารต่าง ๆ เขาค่อนข้างแปลกใจ ผู้หญิงที่ดูเด็ก ๆ คนนี้ทำงานได้เกินอายุ

ความคิดกังวลที่จะลำบากใจทำงานกับผู้หญิงมลายหายไปตั้งแต่เริ่มทำงานกับเธอ เธอดูคล่องแคล่ว มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง และได้เรื่องได้ราวเอามาก ๆ ฟังเธอเจรจาทางโทรศัพท์เป็นภาษาเยอรมันกับสาขาแฟรงก์เฟิร์ต สลับกับภาษาอิตาเลียนกับลูกความอย่างเพลิดเพลินในน้ำเสียงที่เขาไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย

หากหยั่งรู้อนาคตได้ว่าเขาต้องมาทำงานร่วมกับเธอแบบนี้ เขาคงเรียนภาษาเยอรมันแทนศิลป์คำนวณไปสะตั้งแต่สมัยตอนเรียนมัธยม

เภตราทำงานจริงจัง ไม่ยอมทานข้าว จนเขาต้องออกไปขอกาแฟ และของว่างจากเลขาพูลแทน จนเมื่อใคร ๆ กลับบ้านจนหมดออฟฟิศ เภตรายังคงทำงานราวกับเครื่องจักรอัตโนมัติ จนเขาเริ่มจะเหนื่อยก่อนเธอ ด้วยความล้า ๆ อยู่แต่ในห้องประชุมมาทั้งวัน เธอเองต่างหากที่ได้นอนเติมพลังไปเกือบสองชั่วโมงก่อนหน้านี้

“สามทุ่มแล้วหรือนี่... คุณจะกลับไปก็ได้ หากไม่ว่าอะไร ดิฉันอยากทำเอกสารให้เสร็จ ก่อนที่จะหาโรงงาน” เภตราพูดกับเขาโดยไม่ยอมละสายตาจากเครื่องคอมพิวเตอร์

จริง ๆ แล้วเธออยากโทรหาเมษาโดยไม่มีเขาอยู่ด้วยมากกว่า...ความคิดอยากตั้งคำถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเมษา หากเขาเป็นพี่น้องหรือรู้จักกัน เธอจะได้รู้เรื่องราวของเมษาในเรื่องที่เธอน่าจะรู้ หรือยังไม่รู้ ขณะที่เมษายังไม่กลับมา

คิดไปคิดมาสลับกับทำงาน ในที่สุดเธอก็ลบความคิดนั้นทิ้งไป มันยังคงไม่เหมาะในเวลาเช่นนี้ ผู้ชายคนนี้คงไม่โง่พอที่จะไม่สงสัยว่าทำไมเธอถึงถาม ผนวกกับเรื่องราวที่เธอย้ายมาเมืองไทยอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เขาต้องเดาเรื่องต่าง ๆ ออกอย่างไม่ยากเลยสักนิด...

ธันวาเลิกคิ้ว เด็กสาวคนนี้บ้างานมากกว่าที่เขาคิด นี่หากไม่เรียบร้อยเธอคงไม่ยอมเลิกง่าย ๆ แถมยังไล่เขากลับไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น เขาต่างหากที่ควรออกคำสั่ง แต่เหมือนเธอกลับออกคำสั่งให้เขานั่งอ่านประวัติลูกความเป็นหน้า ๆ ที่เธอเตรียมมา เพื่อหาโรงงานที่เหมาะสมและต้องการผู้ร่วมทุนต่างชาติ

“ผมต้องว่าแน่ งานนี้ยังไม่เปิดแอ็คเคาท์เลย แล้วผมจะเขียนลงเวลาทำงานได้ยังไง”

“งก!!” เธอบ่น ว่า หรือแค่พึมพำธันวาชักไม่แน่ใจ เพราะเธอยังง่วงอยู่กับแป้นพิมพ์ แต่ที่แน่ ๆ เขาฟังไม่ผิดอย่างแน่นอน

“ผมให้เวลาถึงสี่ทุ่ม คุณต้องเข้าเช็คอินก่อนห้าทุ่ม ผมขี้เกียจโทรไปคอนเฟิร์ม” ธันวาบอกไปห้วน ๆ ท่าทางเธอจะดื้อได้ใจอย่างที่เขาคาดคิดไว้จริง ๆ

“โรงแรม!?.. ไม่ล่ะ คุณไม่ต้องโทรไปคอนเฟิร์ม แต่โทรไปยกเลิกได้เลย ดิฉันจะทำงานที่นี่ให้เสร็จพร้อมกับทางเยอรมัน” ธันวารู้สึกเหมือนปวดหัวขึ้นมาในทันที พยายามเริ่มต้นนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ...

“ผมว่าคุณควรจะต้องพักผ่อน คุณเพิ่งมาถึง อีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์อาทิตย์ เราหยุดวันเสาร์อาทิตย์ ทำงานใหม่อีกทีวันจันทร์... ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน” ธันวาย้ำเสียงวันหยุด และวันทำงานให้เธอฟังอย่างชัดเจน

“แต่นี่เป็นเรื่องด่วน ทางเยอรมันก็ยังทำงานอยู่ “ ธันวาส่ายหน้า เขาไม่อยากโต้คารมกับเธอโดยไม่ได้อะไร รังแต่จะเสียพลังงานและเสียอารมณ์ สี่ทุ่มเขาจะคุยกับเธออีกครั้ง

จริง ๆ แล้วเขาเองเข้าใจความรู้สึกทำงานค้าง ๆ คา ๆ เขาควรศึกษาอ่านประวัติลูกความต่อไป แล้ววันจันทร์เขาค่อยหาโรงงานอีกที่เหมาะสมอีกที หรือไม่ก็ไปเตรียมหาไม้เรียวโต ๆ มาฟาดเธอแทน



เภตราอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อส่งเอกสารทางอีเมลไปที่เยอรมัน และส่งให้ลูกความเสร็จ เธอชำเลืองเหลือบหางตาไปมองคนข้าง ๆ ธันวาไม่พูดกับเธออีกเลยตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา เขานั่งอ่านเอกสารข้าง ๆ อยู่เงียบ ๆ โน้ตอะไรที่เธอมองไม่เห็น มีหาวบ้างเป็นระยะ ๆ จนเธออดสงสารไม่ได้

หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะแกล้ง แต่อยากให้เขาเห็นว่านิสัยการทำงานของเธอเป็นอย่างไร แต่เธอก็เริ่มมั่นใจว่าเขาก็ทำงานจริงจัง ไม่ใช่แค่หัวหน้าสั่งงานแล้วหายไป ปล่อยให้เธอทำงานเพียงลำพัง

เธอเริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อย คุ้กกี้สองสามชิ้นกับกาแฟที่เขาอุตส่าห์ไปหามาให้ ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก คงใกล้เวลาทานอาหาร ร่างกายของเธอยังไม่ปรับตัว ปกติเธอมักจะทานมื้อแรกตอนเกือบสิบเอ็ดโมงเป็นอย่างช้า ความอ่อนล้าเริ่มรบกวน เธอควรจะพักผ่อนอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

หญิงสาวปิดโปรแกรม ปิดโน้ตบุ้ค เก็บเอกสารส่วนของเธอเข้ากระเป๋า ก่อนเดินไปห้องน้ำแทนที่จะพูดอะไรกับเขา ไม่วายที่จะหยิบโทรศัพท์ติดมือไปด้วย เธอกดโทรศัพท์อีกสองครั้ง แต่เสียงตอบรับก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม จนให้รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

งานวันนี้เสร็จแล้ว นี่เธอจะเอาอะไรมาทำต่ออีกเพื่อให้ลืมคิดถึงเมษา ให้ผ่านวันแรกในเมืองไทยไปได้อย่างไม่ทุรนทุราย...

เมื่อคิดว่าสิ่งที่ต้องทำต่อคือพักผ่อนหาที่พัก เภตราก็ต้องเบ้หน้า เธอไม่ชอบนอนโรงแรม การนอนโรงแรมมันช่างให้ความรู้สึกเหงาและว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก บอกใครไปคงเห็นเป็นเรื่องตลก จริง ๆ แล้วเธอไม่เคยได้เดินทางไปไหนบ่อยนัก นอกจากไปหาปู่ย่า แต่นั่นก็พักที่บ้าน

สมัยเรียนที่อังกฤษเธอก็อยู่รวมกับรูมเมทตั้งสามคน หากไปเที่ยวกับ
อันย่า สเตฟาน มีเพื่อนทั้งสองคนนอนอยู่ด้วยกัน และเธอก็มักจะหาอินน์เล็ก ๆ แบบเบดแอนน์เบรกฟาสต์ที่มีเจ้าของบ้านดูแล ไม่ใช่โรงแรมที่แม้
จะมีห้องพักหรูหราก็ตาม

“ฉันอยากหาอพาร์ตเมนต์” เภตราเอ่ยเมื่อกลับมายืนยิ้มหวานอยู่หน้าห้องทำงานของธันวา ดูเหมือนเขาปิดไฟห้องประชุม ลากกระเป๋าทั้งหลายทั้งปวงของเธอมารอไว้หน้าห้อง ส่วนเขาเตรียมตัวพร้อมที่จะกลับบ้านเช่นกัน คำพูดของเธอเล่นเอาหน้าขรึม ๆ ของเขาเครียดมากกว่าเดิม สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยมาดเท่ ๆ ของทนาย ก่อนเดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ เธอ ท่าทางพร้อมจะเอาเรื่องเต็มที่...

“เฟราไลน์เภตรา... คุณมาก่อนกำหนด จริง ๆ แล้วทางเราเตรียมแมนชั่นอย่างหรูไว้ให้คุณ แต่ห้องจะว่างก็ต้องเป็นเดือนหน้าไปแล้ว...และที่คุณปุบปั๊บมาให้เราไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้ คุณก้อย...คุณพัชรีเลขาของผมก็จัดการแก้ปัญหาจองโรงแรมอย่างหรูสี่ดาวไว้ให้คุณแล้วเช่นกัน... .และข้อสำคัญ ดึกป่านนี้แล้วผมคงไม่มีความสามารถไปตระเวนหาอพาร์ตเมนต์ให้คุณได้”
ธันวาพูดเรียบ ๆ ห้วน ๆ ต่อเนื่องยาวไม่หยุดแบบสุดทนเต็มที่แล้ว

“หากมันลำบาก ดิฉันก็ขอทำงานต่อ นอนมันที่นี่แหละ เรื่องนอนไม่ได้สลักสำคัญอะไร...ที่นี่ก็มีห้องอาบน้ำ” น้ำเสียงเฉย ๆ แฝงอารมณ์หยิ่ง ๆ โต้กลับมา ราวกับเห็นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ธันวาส่ายหัวอยากเอาหัวโหม่งฝาห้อง เธอช่างเก่งหาเรื่องให้เขาวุ่นวาย และโมโหได้จริง ๆ

เขาเริ่มง่วงนอน ปวดตาที่ต้องมานั่งเอกสารหลาย ๆ หน้าตอนกลางคืน และไม่อยากต่อความกับเธอ ธันวาเริ่มเข้าใจดีแล้วว่า วันนี้เลขาของเขาเจอกับอะไรมาบ้าง...

เขาเริ่มเห็นมองภาพตัวเองผูกเธอไว้ที่โต๊ะ และฟาดเธอด้วยไม้เรียวอยู่ในจินตนาการ... นับว่าเธอช่างเก่งมากที่ผลักดันให้เขากลายเป็นคนใจร้าย และมีความคิดไปได้ไกลถึงขนาดนี้

“ฉันไม่ชอบโรงแรมนี่นา…ฉันไม่ชอบพักคนเดียว” เภตราบอกเสียงอ่อย ๆ ทำหน้าปูเลี่ยน ๆ เข้าไว้ มุขนี้เขาน่าจะเห็นใจเธอ ให้เธอพักที่ทำงาน และเขาจะได้กลับไปสะที...

“เฮ้อ! … เอางี้แล้วกัน ผมเหนื่อยแล้ว คุณไปพักที่ห้องผม มีห้องนอนอีกห้อง แล้วมันก็เป็นแมนชั่นใกล้ ๆ กับที่เตรียมไว้ให้คุณนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องย้ายไปย้ายมาหลายรอบ...” อะไรหนอเข้าสิงให้เขาตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น

“อีกอย่างฝ่ายบัญชีคงดีใจที่ฝ่ายของเราใช้เงินประหยัดขึ้น ไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่ายเสียค่าโรงแรม ซึ่งไม่รู้จะกี่คืน ถ้ายังหาที่พักให้คุณไม่ได้” เภตราเบิกตากว้าง ดูเหมือนเขาจะแก้ปัญหาได้รวดเร็วทันควัน สมกับเป็นพาร์ตเนอร์ทนายมือหนึ่งของที่นี่

เธอแอบถอนหายใจ สมองพยายามครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เธอผูกปมเองแท้ ๆ แต่ว่าไปก็ดีเหมือนกัน ถ้ามันทำให้เธอไม่ต้องนอนโรงแรมคนเดียว

“อย่างน้อยมันก็ใกล้ที่ทำงาน สะดวกไปมา กว่าคุณจะไปพักที่โรงแรม และดีกว่าคุณนอนที่นี่แน่นอน” ธันวากล่าวเสริม เขาเห็นรอยยิ้มดีใจแบบเด็ก ๆ บนดวงหน้านั้น และโดยเฉพาะจากตาสีน้ำตาลคู่นั้น เธอหยิบกระเป๋ามาสะพายและถือแทนคำตอบ...

ธันวาเอียงหัวเข้ากับขอบประตูเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ แม้อยากจะโขกมันให้แรงกว่านี้ก็เถอะ นี่เขาปากไวไปหรือเปล่านะที่เลือกวิธีนี้!!…

อดประหลาดใจไม่ได้เหมือนกัน ที่ผู้หญิงไฮโซลูกสาวเศรษฐีอย่างกับคุณหนูอย่างเธอนี่กลับไม่ชอบนอนโรงแรม ทั้ง ๆ ที่เขาก็บอกแล้วว่าอย่างหรูสี่ห้าดาว แต่อย่างน้อยเขาถือว่ามันเป็นทางออกที่ดีกว่าปล่อยให้นอนที่ทำงานแบบนี้

หากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาคงไม่สามารถมีลูกสาวตัวโต ๆ ขนาดนี้ไปใช้ครอบครัวของเธอได้อย่างแน่นอน อีกอย่างเขาจะได้นอนเร็วขึ้น กว่าจะพาเธอไปส่งโรงแรม กว่าจะเช็คอิน กว่าจะกลับถึงห้องคงไม่พ้นตีหนึ่ง

และเขาก็คงไม่ต้องตระเวนไปรับรองเธอในวันหยุดอีกด้วย คงช่วยให้เขาไม่ต้องวุ่นวายลำบากมากนัก เสาร์อาทิตย์เขาชอบออกไปตระเวนข้างนอกเสียเมื่อไหร่ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับงานจริง ๆ วิธีนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดในเวลาเช่นนี้ สถานการณ์แบบนี้...

อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณที่เธอบอกเขาตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ได้ไปโยกโย้โยเยบอกเขาเอาเมื่อไปถึงโรงแรมแล้ว หากเป็นแบบนั้นเขาคงจะปวดหัวเพิ่มมากขึ้นอีกอย่างแน่นอน...



...โปรดติดตามตอนต่อไป...





***
“Listen to What the Man Said” จากเสียงอันเป็นอมตะทื่ทั้งหวานและสุดแสนมีเสน่ห์ ของท่านเซอร์ Paul McCartney อดีตหนึ่งในตำนานของ The Beatles บันทึกเสียงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1974 ตัดเป็นซิงเกิ้ลครั้งแรกเมื่อปี 1975 จากอัลบั้มที่ 4 Venus and Mars ของ Wings ติดอันดับ 1 ทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ และทั่วโลก






 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2551
26 comments
Last Update : 27 พฤษภาคม 2551 4:20:20 น.
Counter : 531 Pageviews.

 

วันนี้มาเลทอีกตามเคย
เนื่องจากเมื่อคืนรออัพโหลดเพลง
รอไป ฝันไป เลยหลับยาว อิอิ...

หวังว่าคงไม่ช้าจนแฟนคลับคุณธันวาหนีหายนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและฝากคอมเมนต์ไว้
และขอบคุณทุกท่านที่แอบเป็นแฟนนายธันวา และสาวเภตราอย่างเงียบ ๆ

ยังไงก็ขอให้อ่านอยากมีความสุขทุก ๆ ท่านนะคะ
แล้วคุยกันค่ะ

 

โดย: พรายทราย 25 พฤษภาคม 2551 18:54:46 น.  

 


โอวววว .. มีนวนิยายให้อ่านด้วย
ตื่นเต้นจัง .. คุณพรายทรายเก่งมากๆ เลยค่ะ
ป้าติ๋วขอไปย้อนอ่านตั้งแต่ตอนที่ 1 ก่อนนะคะ

 

โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) 25 พฤษภาคม 2551 21:22:49 น.  

 


ซีรี่ส์นี้คุณพรายทรายตั้งใจเขียนให้เป็น
เรื่องสั้นขนาดยาว
หรือว่าเรื่องยาวขนาดสั้นคะ ..

 

โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) 25 พฤษภาคม 2551 21:25:05 น.  

 

กรี้ด ๆ ป้าติ๋วแวะมาคืนนี้เลย
ดีใจจังเลยค่ะ ....

ค่อย ๆ อ่านไปก็ได้นะคะ
พรายทรายพยายามมาปะทุกอาทิตย์
เรื่องประมาณ 25 ตอนจบค่ะ
น่าจะเรื่องยาวขนาดสั้นนะคะ

ช่วยกันอ่าน ช่วยเป็นกำลังใจลุ้นให้เขียนจบทีเถอะค่ะ
จะได้กลับไปเขียนเรื่องเก่า ๆ ที่ค้างแช่อิ่มมานานจบสะที

รบกวนป้าติ๋วอ่านแล้วช่วยนินทาตัวละคร
ติฉินคนเขียนด้วยนะคะ
แล้วแวะมาอ่านบ่อย ๆ นะคะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

 

โดย: พรายทราย 25 พฤษภาคม 2551 21:48:54 น.  

 

ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศด้วยดอกไม้สีเข้ากะbg หุหุหุ

glitter-graphics.com
คนเขียนเริ่มขยันอัพแล้ว...

 

โดย: อสิตา IP: 124.121.68.143 25 พฤษภาคม 2551 23:39:18 น.  

 

อิอิ ขยันตอบด้วยค่ะ คอยต้อนรับคนเข้ามาอ่าน
(เห่อ วันแรก อิอิ )

ดอกไม้สวยมาก ชอบ ๆ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ น้องอสิตา
แถมต้นไม้เต้นระบำประกอบเพลงอีกต่างหาก

หวังว่า Bg คราวนี้คงอ่านง่ายขึ้นนะคะ
เปิดตัวแบบแรง ๆ Bg แรง ๆ
(แก้ตัวไปงั้นแหละ อิอิ)
เดี๋ยวจะเข้าสู่โหมดหวานไปเรื่อย ๆ
Bg น่าจะสีหวานได้ใจนะคะ

 

โดย: พรายทราย 26 พฤษภาคม 2551 0:02:08 น.  

 

พื้นหลังสีหวานละมุน อ่านง่ายขึ้นเยอะครับ แบบว่าคนอ่านคนนี้แอบแก่ ฮ่าๆๆ แล้วก็ชอบคนแก่ซะด้วย...

เหย้ย... นายธันวา แค่ใกล้ๆ สี่สิบเอง ไม่แก่เลยครับ กำลังน่ารักน่า...ฟัด... เอ๊ย น่าอบอุ่นดีจริงๆ ยิ่งอ่านมาเจอผมหยักยุ่งไม่เป็นระเบียบ กับไรเคราจางๆ กวนๆ แล้ว โอ้กกกกก... จะละลาย เลยนึกขึ้นได้ ว่าสเป๊กพระเอกเรามาแนวเดียวกัน อิๆๆ (แบบนี้สงสัยจะปันใจไปเทให้หนุ่มน้อยเมษายากหน่อยมั้งเนี่ย)

สาวเภตราก็แอบกวนได้ที่เหมือนกันนะครับ ทำงานเก่งฉับไว แต่ไม่ชอบนอนโรงแรม กร๊าก ปรากฏว่าที่แท้แล้วก็ยังเป็นสาวน้อยอยู่นั่นเอง (เริ่มเสียวๆ จะโดนจับมัดขาเก้าอี้...) ไปอยู่แมนชั่นซะชั่วคราวก็ดีเหมือนกัน เวลาซุกซนจะได้กระหนาบง่ายๆ หน่อย ฮ่าๆๆ (และแอบคิดเลยไปถึงว่า อาจได้รู้เรื่องนายเมษาด้วยนะเนี่ย)

เจอตรงนี้ "ข้าวผัดกุ้งที่ส่งกินหอบตลบไปทั้งห้อง" แอบช่วยดูตัวสะกดด้วย แล้วก็หิวด้วย... แว้ก... จะเที่ยงแล้ว ไปอาบน้ำหม่ำๆ ดีกว่า จะได้มานั่งเขียนงานมั่ง อ่านแล้วไฟลุกพรึ่บ โฮ่ๆๆ

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 26 พฤษภาคม 2551 8:56:00 น.  

 

โอ๊ยน่าอาย ขอบคุณสำหรับคำพลาดค่ะ
หอมกลิ่นกุ้งมากไปแน่ ๆ แหะ แหะ

อิอิ เรามันก๊งเดียวกัน เป็กมันน้อยไป อิอิ
ถูกใจตรงกันหลายคุณพระเอกแล้วเนอะ อิอิ

เดี๋ยวรอตอนหน้านะคะ คุณธันวาอุ่น ๆ น่ารัก น่าฟัด จริง ๆ

ขอบคุณคุณพีทที่แวะมาอ่านและฝากคอมเมนท์ไว้นะคะ
อย่าหนีหายไปไหนน้า
อิอิ คนเขียนสัญญาว่าจะไม่หายค่ะ

เดี๋ยวจะไปปรับปรุงบทที่ 2 ที่อ่านยากด้วยค่ะ

 

โดย: พรายทราย ยังไม่ได้ล็อก แต่ชอบเลขรหัสนี้ IP: 124.121.55.42 26 พฤษภาคม 2551 20:54:51 น.  

 

เเวะมาปักป้ายไว้ก่อนว่า 'มาค่ะ'

เเล้วจะกลับมาอ่านนะคะ พอดีช่วงนี้เพลียๆ
เพราะมิ้ไม่สบายค่ะ เลยต้องทำนั่นนี่บวกกะดูเเลคนป่วย
ไปพลางๆ วุ่นวายเล็กน้อยค่ะ

 

โดย: ใยบัว..เปลี้ยๆ IP: 203.132.65.24 27 พฤษภาคม 2551 17:45:09 น.  

 

..

มานั่งอ่านนิยาย
จิบกาแฟหอมๆยามเช้า

อืมมมม...โรแมนติกดีจัง

 

โดย: ระเบียงดอกไม้ IP: 125.24.14.92 28 พฤษภาคม 2551 6:28:21 น.  

 

รับทราบครับ รอบทหน้า อุ่นๆ ณ แมนชั่น โฮ่ๆๆ

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 28 พฤษภาคม 2551 10:47:19 น.  

 

** น้องใยบัวขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ คุณธันวาเอาใจช่วยค่ะ

 

โดย: พรายทราย 28 พฤษภาคม 2551 19:05:06 น.  

 

** ดีใจที่คุณระเบียงแวะมาจิบกาแฟ อ่านนิยายอุ่น ๆ
อิอิ งั้นเดี๋ยวพรายทรายแวะไปเขียนนิยายใต้ระเบียงดอกไม้แล้วเอามาแปะ

ขอบคุณมากนะคะ แวะมาทุกเช้านะคะ (เช้าจริง ๆ )

 

โดย: พรายทราย 28 พฤษภาคม 2551 19:06:22 น.  

 

น้านนน คุณพีทเจ้าขา รู้อีกนะว่าบทหน้าจะเป็นฉากที่แมนชั่น อิอิ

แต่ที่แมนชั่นมะมีห้องหน้ำสปาอะจิ เสียดาย เสียดาย

 

โดย: พรายทราย 28 พฤษภาคม 2551 19:07:23 น.  

 

เดี๋ยวบอกพี่แพน ส่งช่างไปติดให้ด่วนเลยงับ ^^

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 28 พฤษภาคม 2551 20:20:14 น.  

 

โอ้ สงกาสัยคุณพี่แพนทำงานติดตั้งระบบสปาเครื่องต้มยำ
แน่ ๆ เลยนะคุณพีท

อย่างนี้ต้องพาน้องโต๊ะไปเป็นผู้ช่วยสาธิต
เพราะคุณน้องโต๊ะข้างหน้าต่างสาธิตสปาแผนไทย
เครื่องต้มยำ
ได้น่ามีสปาอย่างมาก ๆ เหยยยยย

 

โดย: พรายทราย 29 พฤษภาคม 2551 20:13:31 น.  

 

กร๊าก กลัวแต่เภตราเห็น แล้วจะไม่กล้าลงสปาอะดิครับ ฮ่าๆๆ

เอ๊... บทที่ 4 ใกล้มาแล้วใช่มั้ยน้อ...

 

โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 30 พฤษภาคม 2551 16:50:29 น.  

 

เภตรากำลังเล็งหามุมสปาอ่ะค่ะ
พอดีกับฉากบรรยายบ้านคุณธันวาพอดี

แวะไปอ่านบทที่ 4 เลยนะคะ
เดี๋ยวนี้อัพตอนหัวค่ำวันอาทิตย์ก็ดีเหมอืนกันนะ อิอิ

 

โดย: พรายทราย 1 มิถุนายน 2551 19:40:50 น.  

 


มาอ่านต่อแล้วนะคะ .. สนุกและไม่ผิดหวังเลย
กับ brand name "พรายทราย" และนามปากกา
"ช่อคราม" ที่แม้จะเพิ่งรู้จัก แต่ต่อไปนี้
เข้าร้านหนังสือแล้วคงต้องมองหานามปากกานี้
ด้วยแน่ๆ เลย

 

โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) 11 มิถุนายน 2551 14:44:31 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคำชมของป้าติ๋วนะคะ
คนเขียนตัวลอยไปแว๊ววว

อ่านจากบล็อกจนจบแล้ว
เดี๋ยวพรายทรายแถมเล่มค่ะ
เฮ้อออ ตอนนี้ช่วยสุมไฟ สร้างกำลังใจ
ให้คนเขียนปั้นเรื่องจนจบหน่อยนะคะ
อืด ๆ อู้ ๆ ชอบกล
จนบล็อกจะตามทันแย้ววว หงือ หงือ

 

โดย: พรายทราย 12 มิถุนายน 2551 22:48:37 น.  

 

Listen to What The Man Said
:Paul McCartney

Any time, any day
You can hear the people say,
That love is blind
well,I don't know
but I say love is kind

Soldier boy kisses girl
Leaves behind a tragic world
But he wont mind, he's in love
And he says love is fine

Oh yes, indeed we know
That people will find a way to go
No matter what the man said

*And love is fine for all we know
For all we know, our love will grow
that's what the man said
So won't you listen to what the man said?
He said . . . . .

Ah, take it away

Oh, yes indeed we know
That people will find a way to go
No matter what the man said

And love is fine for all we know
For all we know our love will grow
That's what the man said
So won't you listen what the man said
He said

Oh, yes indeed we know
That people will find a way to go
No matter what the man said

And love is fine for all we know
For all we know our love will grow
That's what the man said
So won't you listen what the man said
He said

The wonder of it all, baby
The wonder of it all, baby
The wonder of it all, baby
Yeah, yeah, yeah

 

โดย: พรายทราย 12 มิถุนายน 2551 23:02:04 น.  

 

บทนี้ ต้องอารมณ์นี้จริง ๆ
สงสารนายธันว์เหมือนกันที่เจอฤทธ์หนูพรายเอ้ยหนูเภตรา
อิอิ ...


ว่าไปก็พอกันทั้งคู่นิ...

ขอบเมโลดี้ของเพลงนี้
ยิ่งท่อนจบจากเพลงสนุก ๆ
เหมือนหักมุมสะหวาน ๆ ช้า ๆ แบบนั้น

แบบคนแก่ขี้บ่นใครสักคน หุหุห
อารมณ์นั้นจริง ๆ เลย
แล้วลุงธันวาก็พ่ายแพ้หนูเภตรา อิอิ

 

โดย: พรายทราย 12 มิถุนายน 2551 23:07:39 น.  

 

พัชรีรู้สึกเหมือนวันนี้มีแต่คนตอบไม่ตรงคำถามของเธอเลย หรือว่าเธอตั้งคำถามผิดเอง <<< คุณพัชรีตั้งคำถามไม่ตรงกะคำตอบเองอ่ะครับ ชมด. (ช่วยมะได้ อิอิ)


ดูท่า เจ๊เภตราจะไม่เห็นใจคุณอาธันวาเลยนะเนี่ยะ...ทรมาณคนแก่บาปนะเออ...แง้วๆ...

++++++++++++

 

โดย: รักดี (ploy666 ) 3 พฤศจิกายน 2551 16:25:11 น.  

 

ไม่มีพัชรี คุณลุง อ้า เป็นคุณอาเบาลงหน่อย อิอิ
คงแย่อ่ะคะ เลขาฯ แบบนี้หายากน้า


เจ๊เภตรา อาธันวา อิอิ นึกว่าเรื่องใหม่ คนเขียนยิ้มแก้มปริเลย อิอิ

 

โดย: พรายทราย 5 พฤศจิกายน 2551 19:15:56 น.  

 

wow, you got so much feed back, I am so proud of you..yub, I like the story a lot..Nang aek is confidence in herself, I like it .. like it .. like it..hehehe sorry for emphasizing hehehe..!! Oh ..hoh..pra-aek will face the beauty and talent girl..he is going to have migraine instead of just head-aching hehehehe!!

alrighty, be kool..be kool..blah blah ...blah..!! so excited to read the chapter 4..!!

 

โดย: PiCorn (Camille) IP: 71.81.178.101 19 มิถุนายน 2553 12:54:00 น.  

 

คุณคามิลคะ

มีความสุขมากๆ เลยค่ะ ที่เห็นคุณคามิลตั้งใจอ่าน และดูจะสนุกมากเสียด้วย

เภตราเป็นคนที่มุ่งมั่นในเรื่องทำงาน แต่อย่างที่คุณคามิลบอกแหละค่ะ ความรักทำให้คนตาบอด

เวลาความรักผ่านเข้ามา มันยิ่งใหญ่จนสามารถทำให้เราไม่อาจเห็นในอีกหลายๆ สิ่งได้...


ความรักบางทีก็น่ากลัวค่ะ อิอิ หวังว่าคงอ่านบทที่ 4 เร็วๆ นี้นะคะ

 

โดย: พรายทราย 20 มิถุนายน 2553 6:50:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.