ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
บทที่ 6. "เจ้าหญิง" องก์สุดท้าย...ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์ "ช่อคราม"









ทุกวันอาทิตย์ - อังคาร และ วันเสาร์ พบกับนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ขม ๆ ของ“ช่อคราม” ”เจ้าหญิง...องก์สุดท้าย ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์”

และ

ทุกวัน พุธ – ศุกร์ พบกันนิยายตื่นเต้น ระทึก ๆ ของ... “ริมหาด”
“เงาเพลิง”

*********************************

เรื่องยาวจบบริบูรณ์...ของ "ช่อคราม"
”ณ ปลายฟ้า...คือเธอ”



*********************************





"เจ้าหญิง" องก์สุดท้าย... ให้เพลงนี้บอกรักชั่วนิรันดร์
(Last Act of Princess...Love songs forever)
"ช่อคราม"



บทที่ 6


“ไหนเล่าสิ ประชุมวันนี้เป็นอย่างไร น้องไปคนเดียว ไปทำอะไรให้คุณอาทิตยาเขาบ่นหรือเปล่า ยังไงผู้พันต้องช่วยแนะนำน้องด้วยนะ” คุณย่าเอ่ยปากทันที เมื่อวัศนิกับพันเอกบดินทร์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

“ไม่เลยครับ น้องโน้ตเก่งมาก ทำงานคล่องดีทีเดียว..." เขาส่งยิ้มหวานมายังเธอและคุณย่า เธอพยายามไม่ใส่ใจตามเคย

"นี่ตกลงกันแล้วว่าจะเป็นละครการกุศล มีร้องเพลงสลับด้วย อาทิตย์หน้าน้องโน้ต จะส่งเรื่องมาให้โหวตก่อนว่าจะเป็นเรื่องอะไร แล้วค่อยคัดใครมาเป็นตัวแสดง พร้อมกับจัดคิวให้ใครในสมาคมฯ หรือนายทหารท่านใดร้องเพลงกันบ้าง..." นายทหารหนุ่มหยุดหายใจก่อนพูดต่อ

"เสียดายนะครับตอนเด็ก ๆ ผมยังจำได้ว่าคุณหญิงกับท่านนายพลร้องเพลงคู่ได้ไพเราะจับใจทีเดียว ” ผู้พันรายงานอย่างคล่องแคล่ว พร้อมเอาใจไปในตัวตามนิสัย

“ผมจะติดต่อเช็คทางวงดุริยางค์ออเครสตร้ามาเล่นให้ คุณย่ากับคนร้อง แล้วก็ซ้อมละคร กะว่ามีเวลาเตรียมตัวสักสองเสามดือน...น่าจะพอ“

“อุ้ย! ย่าไม่ได้ร้องเพลงมานานแล้ว ร้องกับวงใหญ่แบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างนี้ก็ต้องรีบซ้อมแล้วสิ… ช่วงเดือนกันยาก็ดีนะ วันเกิดสมาคม ฯ น่าจะเหมาะ”

“ดีครับมีประเด็นดี ทิ้งช่วงเวลาไปอย่างนี้จะได้มีเวลาเตรียมงานได้

“หนูขอไปอาบน้ำก่อน” หญิงสาวทำหน้าเมื่อย ๆ ปล่อยผู้พันกับคุณย่าไว้ตามลำพังดูท่าจะคุยกันได้ถูกคอ

จริง ๆ ไม่ต้องมีเธอทำงาน แค่คุณย่าคนเดียวก็เหลือเฟือ

“แล้วรีบลงมาแล้วกัน จะได้ทันอาหารเย็น...ผู้พันก็อยู่ทานข้าวกันก่อนนะ”

“ด้วยความยินดีเลยครับ” พันเอกบดินทร์ตอบรับคุณหญิง แต่สายตาไม่ห่างจากวัศนิอีกตามเคย



ว่ากันตามจริง ครึ่งวันที่หญิงสาวได้เข้าร่วมประชุมจัดงาน เธอรู้สึกว่าเธอได้กลับเป็นตัวของตัวเอง แม้การต้องเผชิญหน้ากับพันเอกบดินทร์อยู่ค่อนวันจะกวนใจอยู่มาก แต่เธอก็พยายามจัดเขาอยู่ในที่ไม่มีตัวตน

มื้อกลางวันเธอก็ตื้อให้คุณอาทิตยาไปทานด้วยกันสำเร็จ เป็นอีกครั้งที่เธอไม่ต้องไปกินข้าวเพียงลำพังกับนายทหารหนุ่ม

การเดินทาง บนรถทั้งรับไปและส่งกลับเธอยังคงใช้มุขเดิมหลับ อาจเพราะเขาขับรถได้นิ่มมากจนเธอหลับได้จริง ๆ อย่างน้อยเธอก็ได้พักผ่อน และตัดบทการสนทนากับเขาไปโดยปริยาย

มองไปมองมาพันเอกบดินทร์ก็มีภาษีเยอะกว่านายเทพเทวดาแห่งเมืองโคราช แต่ก็นั่นแหละเธอรู้นิสัยคุณย่าดี เธอต้องไม่ชะล่าใจยังคงมีชายหนุ่มในลิสต์เตรียมไว้ให้เธออีกอย่างไม่ต้องสงสัย

แค่คิดเรื่องนี้เธอก็รู้สึกเบื่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด...



อีกเกือบชั่วโมงจะถึงเวลาอาหารเย็น เธอตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเว็บไซต์ทั้งของนิตยสาร และของรายการวิทยุ

มีคำถามฝากไว้ถึงเธอไม่กี่คำถาม ส่วนช่องคุยของช่วงเวลาอธิศ มีข้อความสุดท้ายให้เธอประหลาดใจ

อธิศ: จริง ๆ ผมชอบชื่อ A-Z แต่เห็นข้อความสุดท้ายคุณใช้ชื่อ saxophone รู้มั้ยว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ผมชอบเล่นมากที่สุด...

อธิศ: จะบังเอิญหรือว่าตั้งใจ ... ผมก็ขอให้คุณหลับฝันดี ตื่นขึ้นมาอย่างสดใสสดชื่น...ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ


วัศนิขมวดคิ้ว เธอไม่แน่ใจความหมายที่เขาหมายถึงว่าบังเอิญ หรือตั้งใจคืออะไร

ข้อความก่อนหน้า เธอใช้ชื่อนี้จริง ๆ ทำไมเธอถึงเลือกใช้ชื่อนี้ไปได้ก็ไม่รู้ และเธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเล่นดนตรี

มันจะบังเอิญอะไรได้ขนาดนั้น ตั้งแต่เพลงแรก ๆ แล้ว พรหมลิขิตระหว่างเขากับเธอหรืออย่างไร

แต่จะอย่างไรก็เถอะ เธอ รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งดี เป็นความสุข

เป็นเสมือนน้ำที่มาหล่อเลี้ยงชะโลมความรู้สึกของเธอที่แห้งผากมาแสนนาน แค่ตัวหนังสือ กับเสียงเพลงทำให้เธอล่องลอยอยู่ในความสุขนั้น...

ความสุขอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย...
มันเป็นความอบอุ่นอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนด้วยเช่นกัน


พี่กฤษณ์ไม่สนใจเรื่องเพลงอย่างที่เธอชอบ หลายสิ่งของเธอกับเขาตรงข้าม เขาไม่มีอะไรสักนิดที่โรแมนติก เป็นผู้ชายที่มุ่งมั่นทำแต่งาน หาเงิน ดูจริงจัง เหมือนเป็นคนดีที่จะปกป้องให้เธอหลุดจากชีวิตเดิม ๆ ได้

เธอเองยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ ว่าเขาเข้าสู่ด้านมืดเล่นการพนันไปได้อย่างไร เธอไม่เคยระแคะระคายเลยสักนิด

ชั่วแวบหนึ่งเธอเริ่มสะท้อนในอก พยายามลบภาพพี่กฤษณ์ให้พ้นไปจากห้วงความทรงจำ....

ใครจะมาสนใจเธอจริงจัง กับแม่ม่ายที่ผ่านการหย่าร้าง เคยมีสามีมาแล้ว ถึงจะไม่มีลูกก็ตาม...

อีกทั้งอธิศก็ดูสนิทสนมกับพี่รินยามากกว่า เธอแทบจะไม่มีอะไรสู้รินยาได้เลย ผู้หญิงที่สวยและเก่งขนาดนั้น

คิดได้แค่นี้ เธอก็ตกลงมาจากห้วงแห่งความสุข รู้สึกเหมือนตัวเองลอยเคว้งคว้างไร้ทิศทางในจักรวาลตามเดิม

อธิศเหมือนจะล่องลอยอยู่ในโลกแห่งความฝัน...ที่เธออยากจะหลับ และจินตนาการอยู่เรื่อยไป

ให้เป็นความสุขอย่างที่เธอกับเขาอาจจะสัมผัสเชื่อมกันได้แค่เสียงเพลงจากวิทยุเท่านั้นเอง...

วัศนิถอนใจ...
หากเธอจะเลือกรักใครสักคนเอง.....ใครสักคนที่ถูกใจ เข้ากันได้ในทุก ๆ เรื่อง เป็นเจ้าชายของเธออย่างแท้จริง

ครั้งนี้เธอจะเลือกคนที่เธอรัก คนที่เธอจะอยู่ด้วยทั้งชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่คนดี...อย่างครั้งที่แล้ว


แต่ก็นั่นแหละ คงไม่พ้นเรื่องวุ่นวายตามมาเหมือนเคย
หรือบางทีเธอควรจะก้มหน้ายอมรับผู้ชายในลิสต์ของคุณย่า อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ได้ยินเสียงคุณย่าพร่ำบ่น รื้อฟื้นความหลัง ให้เธอต้องปวดร้าวใจ

วัศนิได้แต่ถอนใจอีก ผลักความคิดสับสนก่อนเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อ แล้วมาตั้งใจอ่านปัญหาเด็ก ก่อนเตรียมตัวตอบ พร้อมกับอ่านรายละเอียดที่เรียนวิชาที่เธออยากเรียน เธอควรตัดสินใจเลือกที่เรียนอย่างจริงจังเสียที

งานสมาคมฯ เก็บไว้ก่อนแล้วกัน...สรรหาเรื่องมาให้คนเล่นละคร ไม่ใช่เรื่องยาก และก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คงต้องใช้เวลาอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ในหัวเธอยังไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ยิ่งต้องมีดนตรี มีคุณหญิงคุณนายมาร้องเพลงสลับฉาก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจทย์แบบนี้ จะสร้างสรรค์ให้งานออกมาเป็นธีมไหน ทำงานแค่ไหนจะให้ถูกใจใครต่อใคร

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...
ไหนจะเรื่องโน้นเรื่องนี้ งานเลี้ยงน้ำชาของคุณย่าอีก
คิดเรื่องนี้เธอก็เริ่มปวดหัวขี้นมาทันควัน




ช่วงเย็นที่โต๊ะอาหาร ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เธอคาดคิด คุณย่ากับผู้พันบดินทร์วางแผนร่วมกันมากมาย ว่าไปก็ดีเหมือนกันเธอไม่ต้องไปหาเรื่องหลายเรื่องมาให้เสียเวลา

“คุณย่ากับพี่คิดว่าลองเลือกเรื่องเทพนิยายมาเล่น จะได้มีเด็กมาดูเยอะ ๆ น่าจะสนุกกว่าละครผู้ใหญ่ สปอนเซอร์ก็หาง่าย หากบัตรขายได้เต็ม มีเงินบริจาคเยอะยังจัดแบ่งให้เป็นทุนการศึกษาลูกหลานทหารก็ได้อีก”

“ฟังดูแล้วเหมือนงานใหญ่จัง ทีมงานแค่นี้จะพอหรือเปล่า” วัศนิเริ่มคิดตาม อะไรที่เกี่ยวกับเด็ก ๆ เธอเริ่มรู้สึกอยากทำมากขึ้น อีกทั้งก็ง่ายกับการหาผู้อุปถัมภ์ แต่ก็เริ่มหวั่นใจกับทีมงาน

สมแล้วที่ผู้ชายคนนี้เป็นเสนาธิการ ไม่ใช่แค่วางแผนรบ ดูเขาจะจัดการทุกอย่างให้เหมือนง่ายจริง ๆ

“ไม่ต้องห่วงเลยนะจ๊ะ พี่มีลูกน้อง เรียกใช้ได้สบาย บอกแล้วว่ามันเป็นกิจกรรมของฝ่ายพี่ด้วยนี่นา”

“ค่ะ” วัศนิรับคำสั้น ๆ กลัวเขาจะร่ายยาวที่มาของกิจกรรมให้ฟังเหมือนเมื่อครั้งนั่งมาในรถ จนเธอหลับรอบไหนเธอก็ไม่ค่อยแน่ใจ

แม้เธอจะเกิดในครอบครัวทหารทั้งฝ่ายคุณปู่และคุณย่า เธอเองก็กลับมาอยู่เมืองไทยไม่ทันเห็นคุณปู่ที่มียศเป็นถึงนายพลทหารบกด้วยซ้ำ

เธอคงจะได้นิสัยพ่อมาเต็ม ๆ ที่ไม่ชอบชีวิตแบบทหาร ไม่ชอบอยู่ใต้คำสั่ง เธอจึงไม่แปลกใจที่พ่อไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วไม่ยอมกลับมา

และนั่นคือข้อพิพาททางครอบครัว ที่เธอเป็นคนรับไว้เพียงคนเดียว หลังจากที่พ่อและแม่เสียชีวิตลง
และนี่คือหลาย ๆ เหตุผลที่เธอไม่ชอบขี้หน้านายพันเอกจ๊ะจ๋าคนนี้

“ดีจ๊ะ น้องโน้ตจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก...ดูสิหน้าซีดออกขนาดนี้ ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ” ไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น ผู้พันแห่งกองทัพบกยังตักอาหารบนโต๊ะให้ทั้งเธอและคุณย่า

“ทำไมหน้าซีด กลางคืนไม่ค่อยนอนหรือไร” คุณหญิงรัชนีเอ่ยปากถาม เอ หรือว่าจะหน้าซีดจนใครต่อใครจับสังเกตได้หมด

ขืนคุณหญิงรู้เรื่องว่าเธอนอนน้อย มีหวังทุกสิ่งที่เธอแอบทำมาคงกลายเป็นเรื่อง ไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย แถมยังกระเทือนไปถึงรินยาอีก

คราวนี้เธอคงอ้างรินยากับคุณย่าไม่ได้อีกเลย....

“มีแขกก็ควรแต่งหน้า แต่งตา ปล่อยให้ตัวเองซีดเซียว เหมือนคนไม่มีวิญญาณ” คุณหญิงรัชนียังคงหาเรื่องว่าเธอเหมือนเด็กเล็ก ๆ ได้เหมือนเคย

“หน้าใส ๆ ก็ดีนะครับ แต่งอ่อน ๆ ดูเป็นเด็ก ไม่ต้องแต่งหน้าจัดมาก” เสียงผู้พันเสริมรับ จนวัศนิอยากรีบอิ่มให้เร็ว ๆ ขอห่าง ๆ สองคนนี้ได้ เธอคงสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดอยู่แบบนี้

“เอ่อ...แค่ปวดหัวน่ะค่ะ วันนี้ข้างนอกร้อนมากเลย...งั้นโน้ตขอตัวอิ่มเลยนะคะคุณย่า จะได้รีบเข้านอนไว ๆ พรุ่งนี้จะได้ทำอะไรอีกเยอะ...ลาผู้พันตรงนี้เลยนะคะ” วัศนิยกมือไหว้ผู้พันอย่างสวยงาม แต่ไม่ได้มองหน้าเลยด้วยซ้ำ

เธอกลั้นใจลุกขึ้น เดินออกจากโต๊ะ ไม่ใส่ใจสายตาเขียว ๆ ของคุณย่าที่ไล่หลังมา


“คงปวดหัวมากจริง ๆ งั้นเดี๋ยวผมคงต้องกลับเหมือนกันครับ...มีธุระนัดเพื่อนไว้ตอนสามทุ่มด้วย” เสียงแว่ว ๆ ของผู้พันกับธุระยามค่ำ ทำให้เธอนึกไปถึงข่าวซุบซิบร้านขนมที่รินยาเล่าให้ฟังเมื่อคราวที่ผ่านมา

วัศนิแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เมื่อพ้นห้องอาหาร เธอก็วิ่งแน่บขึ้นบันไดไปห้องของเธอทันที



“เก่งขึ้นเยอะแล้วนะ คราวหน้าพี่จะได้ไม่ต้องไปเป็นตัวกันแล้วสิ” รินยาหัวเราะเบา ๆ ผ่านมาทางโทรศัพท์

“ไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ แค่โน้ตหาแต่ละมุข ก็ฝืดสิ้นดี ต้องทนฝืนอยู่ตลอด…ไม่รู้จะทนไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ทั้งคุณย่า และผู้พัน เฮ้อ ยังไม่รู้จะมีใครอีกบ้าง”

“เอาเถอะ คิดซะว่า ทำ ๆ ไปให้คุณหญิงย่าสบายใจ จะได้ไม่ต้องมาจู้จี้ รื้อฟื้นความหลังเรื่องของเธออีก”

“โน้ตพยายามคิดอย่างนั้นแหละค่ะ แต่มันก็ทำใจยากอยู่ดีนี่นา”

“ยังไงคุณย่าก็เป็นคุณย่าของเธอเอง ดีกว่าให้ใครอื่นมาพูด หรือเจ้ากี้เจ้าการกับตัวเธอนะเจ้าหญิง” รินยาเงียบ วัศนิถอนใจเสียงดัง จนรินยาต้องเปลี่ยนเรื่องคุย

“แล้วที่ว่ามีเรื่องคุย เรื่องแค่นี้หรือเปล่า...เบื่อเรื่องผู้พันน่าหมั่นไส้แล้ว มีเรื่องอื่นอีกมั้ย” รินยาตั้งคำถาม

วัศนิเองอยากถามอะไรที่เกี่ยวกับใครคนหนึ่ง แต่เธอก็ตัดใจเก็บมันเป็นความลับต่อไป

ขืนรินยารู้เข้า มีหวังคงสะดุ้งไปแปดตลบ ว่าเธอประทับใจผู้ชายจากรายการวิทยุ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ารินยาเองจะสนใจเขาด้วยหรือเปล่า

“เออ...เห็นเขาว่าเว็บไซต์มีคนเข้าเยอะขึ้นเลยนะ ท่าทางจะไปด้วยดี”

“ดีใจที่มันเป็นอย่างนั้นค่ะ จริง ๆ ที่โน้ตอยากปรึกษาคือเรื่องเกี่ยวกับตอบปัญหานี่แหละ โน้ตอยากเรียนต่อจิตวิทยาค่ะ จะได้ดูดีมีวุฒิพอเป็นคนแนะนำ แนะแนวเด็กได้เป็นเรื่องเป็นราว พ่อแม่เขาจะได้ไม่มาว่าเอาทีหลัง”วัศนิหยุดหยั่งเสียงรินยา แต่ปลายสายไม่ได้โต้อะไรกลับมา

“โน้ตดูที่เรียนไว้หลายที่ แต่บ้านเราไม่มีหลักสูตรโดยตรง มีแต่ที่เมืองนอก แต่ก็ดีที่เป็นแบบเรียนทางไกล มีทั้งหลักสูตรคอร์สสั้น ๆ กับคอร์สเป็นปี แต่โน้ตติดขัดเรื่องเงินเรียน.... จะกวนพี่รินยาก่อนได้มั้ยคะ พอโน้ตมีเงินแล้วจะใช้คืน” เธอเอ่ยเสียงอ่อย ๆ ไม่แน่ใจว่ารินยาจะว่าเธอดิ้นรนอะไรเกินตัวหรือเปล่า ที่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยเมืองนอก ให้มันเสียเงินมากเกินเหตุ

“เอาจริงขนาดนี้เลยวุ้ย เจ้าหญิง... เป็นเรื่องเป็นราวก็ดี มองการณ์ไกลมาก ไม่มีปัญหาหรอกเรื่องเงิน ยังไงเธอก็ทำงานให้พี่อยู่แล้ว เดี๋ยวพี่หักจากค่าเรื่องในคอลัมน์ของเธอก็ได้” รินยาหัวเราะเสียงดังตามสไตล์ตัวเอง

วัศนิถอนใจอย่างโล่งอก เธอบอกรายละเอียดหลักสูตร มหาวิทยาลัย ค่าเรียนทางไกลกับรินยาอีกเกือบครึ่งขั่วโมง

“งั้นพรุ่งนี้เธอแวะมาเอาเงิน พี่จะได้เตรียมไว้ให้…เวลาเธอนี่มุ่งมั่นทำอะไร เธอทำมันจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวทุกที” รินยาเอ่ยอย่างชื่นชม

“งั้นพรุ่งนี้ โน้ตจะแวะส่งต้นฉบับ แล้วคุยเรื่องละครที่เล่าให้ฟังตอนแรกด้วย คุณย่าจะไม่สงสัย...อีกอย่าง ความเป็นเจ้าหญิง คอลัมน์ของโน้ต คงต้องกวนพี่รินเก็บเป็นความลับด้วยนะคะ ...โน้ตกำลังสนุก ไม่อยากให้คุณย่าเข้ามายุ่งวุ่นวาย”

“ไม่มีปัญหาหรอก ใครอยากเสียคนเก่ง ๆ อย่างเธอไปล่ะ...งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ”

วัศนิปิดโทรศัพท์ รู้สึกดีใจที่ความตั้งใจของเธอกำลังคืบหน้าเป็นผล หญิงสาวหันมาทางโน้ตบุ้คเปิดโปรแกรมพิมพ์งาน ไฟของเธอกำลังคุกรุ่น กระตือรือร้นด้วยความรู้สึกอยากทำงานอย่างเต็มที่

อย่างน้อยมันเป็นอีกความสุขในโลกของเธอ ที่คุณย่าไม่อาจก้าวเข้ามาให้เธอต้องอึดอัดไม่สบายใจ

เธอจะเลือกประเด็นไหนมาเขียนดี วัศนิครุ่นคิด เธอย้อนนึกไปถึงดาว นึกไปถึงปัญหาที่เธอได้รับบ่อย ๆ ตั้งแต่เริ่มนั่งตอบปัญหามีหน้าคุย Dear Princess ในเว็บไซต์

บางทีมันควรเริ่มต้นที่ความเหงา ความว้าเหว่ การไม่มีเพื่อน ไม่มีคนเข้าใจ...

เมื่อเรื่มต้นแบบนี้เธอก็เริ่มคิดถึงใครคนหนึ่งมาทันที หากมีเพลงช่วยปลอบใจ แต่ก็อีกหลายชั่วโมงกว่าอธิศจะเข้ามาจัดรายการ

ทำใมนะอธิศถึงตามมาวนเวียนในความรู้สึกเสียเหลือเกิน วัศนิส่ายหน้าก่อนเปลี่ยนความรู้สึก หันไปตั้งประเด็นคุยกับเด็ก ๆ แทนดีกว่า

อาจช่วยให้บทความชิ้นแรกของเธอสมบูรณ์ขึ้น...


วัศนิใช้เวลาคุยกับเด็ก ๆ อยู่เป็นชั่วโมง ก่อนเด็ก ๆ ทยอยกันไปนอน เธอพยายามจัดลำดับข้อเขียนบทความของตัวเอง เธอจะนำเสนออย่างไรดี โดยรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมากับการพูดคุยตอบปัญหากับเด็ก ๆ บนหน้าเว็บไซต์

เขียนให้เป็นกึ่งขำ สนุก ๆ อาจเรียกให้เด็กสนใจมากขึ้น...

เธอพิมพ์ไปลบไป พยายามทบทวนวิชาความรู้ การเขียนเรียงความ บทความ รายงานให้วุ่นวายไปหมด เกือบสองชั่วโมงเธอถึงได้เขียนเสร็จเรียบร้อย


***เหงา เหงา เหงา เหงา ฯลฯ

“พี่หญิงหนูว่าหนูกำลังมีปัญหา อยากฆ่าตัวตายหนีไปให้พ้น มันเหงามากเลยค่ะ หนูไม่รู้ว่าหนูจะทำยังไงแล้ว…………”

“พี่หญิงครับ ไม่มีใครอยู่บ้านเลย ผมเหงาจริง ๆ นะ เมื่อเช้าก็ไปทำการบ้านกับเพื่อนอยู่เลย ผมทำไงดี………….ไปเที่ยวคนเดียวกลับมาแล้วเหงาอีก ว๊าาา ไม่ดีเลย”

“โลกนี้ตูนไม่มีใครแล้วค่ะ แฟนก็ทิ้งไปแล้ว วันนี้ก็ทะเลาะกับเพื่อนอีก เหงาจัง ไม่มีใครเม้ากับตูนเลย กวนขอเม้ากับพี่หญิงแล้วกันนะ”

ตั้งแต่เริ่มนั่งหน้าเครื่องคอมพ์มา รับฟัง พูดคุยถกปัญหา ปัญหาที่มาแรงท้อปฮิตติดอันดับหนึ่ง ก็คงเป็นเรื่องเด็กขี้เหงา แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอก ผู้ใหญ่ขี้เหงาเองก็มีเยอะแยะ ก็เรื่องความเหงานี่มันเข้าใครออกใครเสียทีไหนล่ะ

จริง ๆ แล้ว ไอ้เจ้าความเหงานี่มันเป็นอย่างไรนะ ทำไมมันช่างมีอิทธิพลทำใครต่อใคร เป็นโรคเศร้าซึม กันได้มากมาย อย่างที่ฆ่าตัวตายไป เหตุผลกลุ่มใหญ่ ๆ ก็ได้อิทธิพลจากความเหงารวมอยู่ด้วยเหมือนกันนั่นแหละ

ความเหงาเป็นอารมณ์ เป็นอีกหนึ่งความรู้สึก ที่พ่วงความว้าเหว่ เศร้าซึม หดหู่ โอ๊ย! อะไร อะไรที่เป็นด้านลบอ่ะ แหม! ไป ๆ มา ๆ ก็จับอธิบายไม่ได้เสียแล้วสิว่า เจ้าตัวความเหงานี่มันมีหน้าตาเป็นอย่างไร เอาเถอะเมื่อยังไม่รู้ ก็แทนค่าด้วย X ไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน

เรามาจับอารมณ์ และความรู้สึก รู้จักหาจุดอ่อนจุดแข็ง เพื่อละลายความเหงากันดีกว่า

เวลาที่เราเหงา เหมือนโลกอ้างว้าง เหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงจักรวาล เหมือนเดินไปบนถนนคนเดียว ท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตา ที่เสมือนคนแปลกหน้า

เหมือนอยู่ในครอบแก้ว โดมใส ๆ แต่กลับเหมือนว่าไม่มีใครมองเห็น เหมือนถูกทอดทิ้งให้ เผชิญอยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง…………เหมือนหนึ่งว่าไม่มีใครเข้าใจ และสนใจ

ส่วนใหญ่เฉลี่ยแล้วอารมณ์เหงา ว้าเหว่นี่จะรู้สึกของแต่ละคนจะคล้าย ๆ กัน เหมือนกับข้างบนนี่แหละเพราะ

โดยสรุปรวมคร่าว ๆ แล้ว มักจะมาลงอยู่ตรงที่ว่า เหมือนต้องอยู่ลำพังคนเดียว เหมือนหนึ่งว่าไม่มีเข้าใจ สนใจ

งั้นหมายความว่าคนขี้เหงา นี่เป็นพวกเรียกร้องความสนใจสินะ อุ๊ อุ๊ !! หญิงไม่ได้หมายความว่าทั้งหมด

แต่เราต้องยอมรับความจริงว่า สิ่งนั้นมันเป็นกลไกอันแสนจะซับซ้อนของสภาวะจิตใต้สำนึก และอารมณ์ต่างหาก แหม!! ถ้าให้หญิงอธิบายตรงนี้ คงต้องหยิบตำราเล่มโต ๆ มากองเป็นห้องสมุดแน่ ๆ

เอาเป็นว่า ส่วนใหญ่แล้ว คนขี้เหงามักจะมีบาดแผลทางอารมณ์ ทางจิตใจ จนสภาวะจิตใต้สำนึกเรียกร้องขอความสนใจ ความเข้าใจ เพื่อเข้ามาชดเชย ทดแทน สมานบาดแผลนั้น

ถ้าใครมีบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงเหงาแบบวูบ ๆ วาบ ๆ แต่ถ้าใครมีบาดแผลลึก ๆ อย่างมีพื้นฐานที่ผิดพลาด หรือเลวร้ายในแต่ละช่วงวัยก็อาจจะเหงาเรื่อย เหงาบ่อย และเหงานาน

นอกเหนือจากพวกที่บาดแผลทางจิตใจ อารมณ์แล้ว คนที่ถูกสภาวการณ์ทอดทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียว อย่างคนชรา ผู้เกษียณอายุ สาวโสด หนุ่มโสด ผู้อยู่ชุมชนคานทองนิเวศน์ทั้งหลายทั้งปวง บุคคลกลุ่มนี้ไม่เหงา ก็แปลกแล้วล่ะ



เมื่อเราเข้าใจกับเจ้าตัวความเหงากันบ้างแล้ว มีวิธีไหนบ้างหนอที่จะทำลายมันเสียก่อนที่มันจะทำลายเรา ฟังคุ้น ๆ เหมือนเป็นไวรัสอย่างนั้นแหละ

ใช่แล้วค่ะ เราต้องมีโปรแกรม anti-lonely เขี่ยความเหงาให้ห่าง ๆ อย่าได้มากล้ำกรายสภาวะจิตเราเชียวหนอ

อีอม์! แล้วอะไรหนอที่จะมาเป็นตัวต้านปะทะความเหงาได้บ้างล่ะนี่

พยายามอย่าอยู่คนเดียว มนตร์พิเศษที่ต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจ ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนมีบาดแผล ความเหงาอาจปะทุขึ้นได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ต้องพยายามหาเพื่อนสนิทไว้หลาย ๆ คนหน่อย หาเพื่อนนะคะ ไม่ใช่หาแฟน

แหม!! แต่ถ้ามีเพื่อนคนพิเศษ เป็นแฟนที่แสนดีแล้วล่ะก้อ อาการป่วยของเราก็จะทุเลา ไม่ปะทุขึ้นมาง่ายๆ เป็นแน่

แต่ในทางมุมกลับกัน มีปัญหากับแฟนเมื่อไหร่ ไอ้เจ้าความเหงาจะปะทุหนักอย่างน้องตูนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต้องระมัดระวังหน่อยแล้วกันนะคะ

ความเป็นเพื่อน มิตรภาพเป็นยาวิเศษแสนจะมหัศจรรย์ เอ! ความจริงแล้วทำไมเขาไม่จัดนับให้ความเป็นเพื่อนไปรวมอยู่ในปัจจัยสี่เสียเลย

การคบเพื่อนไม่ใช่เรื่องยาก และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก คงต้องอยู่กับบุคคล ทำตัวเองให้สดชื่น สดใส รู้จักให้ เสียสละ แบ่งปัน และช่วยเหลือ

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้คุณมีเพื่อนไว้พูดคุย ปรึกษา ไม่ปล่อยให้คุณอยู่ลำพังหรอกค่ะ

นะ…อย่างน้อยที่สุดหญิงก็นั่งอยู่หน้าเครื่องตรงนี้มีทั้งโปรแกรมคุย มีอีเมล มีห้องคุยไว้คอยเป็นเพื่อนอยู่แล้วนะคะ

หญิงมีความสุข ความรัก มีมิตรภาพ กำลังใจแจกจ่ายให้กับทุกคนอยู่แล้วค่ะ

แต่บางคนอาจจะทำเสียงอ่อย ๆ กลับมาอีกว่าหาเพื่อนมันยากจริง ๆ นะ ยิ่งถ้าเป็นคนขี้อาย ขี้เขิน อยากนะอยาก แค่อยากจะคุยกับพี่หญิง หรือแม้แต่จะไปไหน ๆ กับเพื่อนในห้อง มันยังไม่ค่อยกล้าเอาเลย

บางคนน่ะมีเพื่อนกลุ่มโตแล้วว่าอยู่ที่โรงเรียนก็สนุกสนานดี พอกลับบ้านแล้วสิ ไม่รู้ไอ้เจ้าตัวเหงา ตัวว้าเหว่มันมาจากไหน รุมกัดกินแทบไม่เหลือซาก แล้วตรงนี้จะทำยังไงดีล่ะ

ข้อนี้ตอบไม่ยากหรอกนะคะ เพราะวิสัยและจริตของคนบางคนอาจไม่ชอบการเข้าสังคม หรือบางคนอาจมีจุดบกพร่องบ้าง ทำให้เข้าสังคมลำบากหน่อย

แหม! ไม่มีอะไรต้องวิตกหรอกค่ะ เลือกหาสิ่งนันทนาการอื่น ๆ ที่เราชอบก็ได้ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อ่านหนังสือ เขียนบันทึก ทำกิจกรรม เล่นกีฬา ท่องอินเตอร์เน็ต แล้วอารมณ์เหงา ว้าเหว่ก็จะผ่อนเบาลง แถมได้ความรู้ ความบันเทิงเพิ่มตามมาด้วย

“ไม่หรอกพี่หญิง ยิ่งดูหนัง ฟังเพลงที่เศร้า ๆ เหงา ๆ ก็ยิ่งเหงา เล่มเกมคนเดียวหงอย อ่านหนังสือ ก็โหวงเหวงเลย”

อันนี้เห็นจะเป็นประเภทเหงาเรื้อรังค่ะ การบำบัดมันต้องใช้เวลานะคะ ต้องเลือกสิ่งสันทนาการด้วย จะไปอ่านเรื่องเหงา เศร้า ชวนว้าเหว่ทำไมล่ะ เรื่องราวสนุกสนานยังมีอีกตั้งเยอะแยะนี่

จะว่ากันตามจริงแล้ว คนขี้เหงานี่ก็เหมือนคนป่วยล่ะนะ ต้องค่อย ๆ แก้ ค่อย ๆ ใช้ยา ใช้เวลาเป็นตัวบำบัด จะผ่าตัดตัดทิ้งไป คงเป็นไปไม่ได้ ก็ความเหงา มันไม่ใช่ต่อมไร้ท่อ ถึงจะเป็นส่วนเกินที่ไม่ต้องการก็เถอะ

ข้อพึงปฏิบัติที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งคือ ตัวเราเอง ต้องลุกขึ้นมาสู้ มาทำลายไอ้เจ้าความเหงา เพราะถ้ารั้งอยู่แต่ในมุมนั้น ก็มีหวังมีแต่จะปล่อยให้เจ้าตัวแสบนี่เกาะกิน จนตัวเราผุพังไปไม่วันหนึ่งวันใด ซึ่งผลกระทบจากความเหงา เป็นชนวนให้คนฆ่าตัวตายไปไม่น้อย อย่างน่าเสียดาย

แต่สำหรับความเหงาที่เกิดจากสภาวการณ์ที่ถูกทอดทิ้ง การที่ต้องอยู่ลำพังคนเดียว วิธีเอาชนะอีกวิธีหนึ่งก็คือ ดึงเอาความเหงาที่มันเกิดขึ้นมาเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจ ใช้ให้เกิดประโยชน์เสียเลย

การเขียนหนังสือ บันทึก แต่งเพลง เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลแทบจะทุก ๆ เรื่อง เมื่อความเหงามา ก็จับความเหงามาเป็นตัวหนังสือ แต่งขึ้น ร้อยรสเป็นกวี ลำนำ บทความ บทเพลงไปเสีย

จะเห็นจากผู้สูงอายุ ผู้ที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณใช้ชีวิตกับสิ่งเหล่านี้ สร้างสรรค์ให้เป็นผลงานใหม่ ๆ ขึ้นมา แค่นี้ก็คุ้มค่ากับการเหงา ได้ชื่อเสียง ได้เงินทองตามมาอีกต่างหาก


แหม! ไม่อยากบอกเลยที่หญิงมานั่งเป็นเพื่อนคุย ตอบปัญหานี่อ่ะ ก็เพราะเป็นคนขึ้เหงาเหมือนกัน เลยใช้ตรงนี้แหละ รับฟังเรื่องราวของคนอื่นก็เลยทำให้เราห่างไกลจากความเหงา แถมมีเพื่อนอีกเยอะแยะมากมาย ….

เอ! ใครจะมาใช้วิธีนี้มาช่วยหญิงเตอบปัญหา เป็นวิธีบำบัดทำลายเจ้าตัวเหงาก็ได้นะ…..แล้วอย่าบ่นว่า เบื่อแล้วกัน

มีคนช่างสังเกตเคยถามว่า โลกอินเตอร์เน็ตนี่ส่วนใหญ่ร้อยละร้อยนี่เป็นคนขี้เหงาทั้งนั้นใช่หรือเปล่า...

จะว่าไปแล้วก็มีส่วนถูกเหมือนกันนะ คนขี้เหงามักจะเหงามาจากข้างใน แล้วแรงกระตุ้นจากภายในก็ทำให้ต้อง เสาะแสวงหาสิ่งมาคลายเหงา นั่นตรงนั้นแหละอินเตอร์เน็ตก็เข้ามาตอบสนองตรงนี้

แล้วก็ในอินเตอร์เน็ตมีคนทั่วทั้งโลก ติดต่อสื่อสารกัน มีเพื่อนให้พบปะพูดคุย อีกทั้งสด รวดเร็วทันใจ ติดต่อสื่อสารคุยผ่านกันได้ ทั้งตัวหนังสือ อารมณ์ และความรู้สึก ทั้งเห็นหน้า และไม่เห็นหน้า ทั้งมีเสียง และไม่มีเสียง

และข้อสำคัญอินเตอร์เน็ตก็ตอบรับ และสนองได้ตลอดเวลาทุก 24 ชั่วโมง

แต่อินเตอร์เน็ตก็เป็นแค่เครื่องมือ อุปกรณ์การสื่อสาร ที่อำนวยความสะดวกสบาย รวดเร็วไว้ให้ อาจเป็นสิ่งชดเชย ทดแทนเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่ ตลอด 24 ชั่วโมงนั้นเราจะฝังตัวเองอยู่บนเก้าอี้ หน้าแป้น หน้าจอคอมพิวเตอร์


ดังนั้น จับเจ้าตัวเหงาเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจของคุณเสียเลย เพราะบางครั้งเพื่อนของคุณ หรือแม้แต่หญิงอาจไม่ได้นั่งหน้าแป้นเป็นเพื่อนอยู่กับคุณ คุยกันได้ทั้งวันทั้งคืน แล้วตัวคุณเองก็ด้วยเหมือนกันนะ มีอะไรตั้งมากมายที่จะให้พบ ให้ได้ทำ...

ค่อย ๆ ใช้เวลาต่อสู้ ให้กำลังใจกับตนเอง หายาบำบัดที่ถูกต้องแล้ววันหนึ่งจิตใต้สำนึกของเราคงไม่เรียกร้องให้ใครมาสนใจ ถ้าเราแค่สนใจ ห่วงใย และดูแลตัวเองให้ดี

และสูตรพิเศษเคล็ดลับอีกข้อคือ ดูแล และใส่ใจกับผู้อื่น แบ่งปันความรัก ความเอื้ออาทรให้กับผู้อื่น แล้วห่วงโซ่นั้นก็จะส่งผลสะท้อนกลับมายังตัวเราด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว เหงาไปทำไมเสียเวลาเปล่านิ…………ใครยังเหงาอยู่ ข้างๆ หญิงมีเก้าอี้ว่างนะ….ยินดีต้อนรับคนเหงาเสมอ...




วัศนิพยายามตรวจทานบทความที่จะต้องตีพิมพ์ในนิตยสารสัปดาห์หน้าอย่างละเอียดอีกหลายรอบ ไม่รู้ว่าบรรณาธิการใหญ่สาวเก่งของเธอจะว่าอย่างไร มันจะใช้ได้ หรือว่าจะต้องแก้ไขตรงไหนอีก

อย่างน้อยก็เป็นบทความชิ้นแรก ที่เธอไม่ได้เขียนอะไรมานาน นับตั้งแต่เรียนจบมา

หญิงสาวบิดตัวไล่ความขี้เกียจ เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง เธออยากพักสายตาสักครู่ แต่ก็กลัวว่าจะหลับไปเป็นเรื่องเป็นราวตื่นมาช่วงจบรายการอีกเหมือนเมื่อหลายคืนก่อนอีก

บางทีถ้าได้กาแฟอุ่น ๆ สักแก้ว คงยืดพลังงาน อยู่กับอธิศไปได้ทั้งคืน ว่าแล้วเธอก็ออกจากห้องไปหากาแฟ และบอกตัวเองว่า เธอคงต้องหากาน้ำร้อน หรือกากาแฟมาไว้ข้างบนโดยไม่ต้องลงมาข้างล่างแบบนี้




“ทำอะไร ทำอะไร พี่อธิศมาแต่หัววัน ยังทำตัวแปลก ๆ อีก “ อ้วนชะโงกหน้าเท้าคางบนฉากกั้น มองเลยไปยังหน้าจอโน้ตบุ้คบนโต๊ะผู้ช่วยจัดรายการภาคกลางวันด้านหลังโต๊ะของเขา

“ก็...แค่อยากดูเว็บไซต์รายการ” อธิศพยายามกลบเกลื่อน จะให้เขาบอกนายอ้วนไปได้อย่างไรว่า ที่เขามาเร็วกว่าปกติ แล้วเสียบโน้ตบุ้คเข้าแลน เพียงแค่เข้ามารอใครบางคนขอเพลง

เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้ มีแฟนรายการขอเพลงบ้าง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ไม่เคยมีใครแปลกประหลาด น่าอัศจรรย์ใจเท่ากับคนที่ลงชื่อว่า Saxophone

มันจะบังเอิญ หรือตั้งใจก็ตาม เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครกำลังเล่นตลกกับเขาหรือเปล่า เพราะหากไม่ใช่คนที่รู้จัก เชาก็ยังอยากรู้จักเธออยู่ดี

“ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยดูเว็บรายการ มาเร็วก็ไปนอน ไม่นอนก็ไปเป่าแซ็กเซ๋นเทวดา ไม่เหนื่อยหรือไงพี่ ทำงานแบบพี่ แทบไม่ได้เจอใครแบบนี้ ผมต้องตายแน่ ๆ “ อ้วนยังบ่นต่อ ก่อนรีบวิ่งไปแสตน์บายที่เครื่องตัวเอง เมื่อเห็นพี่แก้วสอดส่ายสายตามองลอดกระจกออกมา

อธิศหัวเราะ จริงอย่างที่อ้วนว่า สองสามวันมานี้เขาแปลกไปจริง ๆ แม้แต่การนั่งเฝ้ามองกล่องฝากข้อความขอเพลง

มันไร้สาระไปสำหรับเขาหรือเปล่า อาจเป็นความบังเอิญที่ไม่มีอะไรเคลือบแฝงอยู่ก็ได้

แต่ไม่ทันคิดอะไรต่อได้มาก การนั่งเฝ้ามองอยู่เป็นนานก็เป็นผล

ข้อความจากชื่อโน้น ชื่อนี้ เข้ามาขอเพลงในกล่องของเขา เธอมาตามเวลา เขายังสงสัยอยู่ว่าทำไมเธอต้องใช้ชื่ออื่น ๆ

แค่ขอเพลงไล่ตามตัวอักษร เขาก็จำได้ในทันที ว่าเป็นใครอื่นไปไม่ได้

อธิศ : หากคุณเห็นมุมขวาบน เขาให้สมัครสมาชิก ไม่ยากหรอกนะ จะได้ไม่เสียเวลาพิมพ์ชื่อใหม่บ่อย ๆ หรอกคุณแซ็กโซโฟน

ใครแซ็กโซโฟน : ก็พอใจจะใช้หลายชื่อ เขาห้ามด้วยเหรอ

อธิศ : แค่ไม่อยากเห็นคุณต้องเมื่อย พิมพ์ชื่อโน้นชื่อนี้บ่อย ๆ คุณ A-Z

เรื่องของฉัน : เดี๋ยวไว้เมื่อยแล้วค่อยสมัครแล้วกัน เตรียมเพลงไว้ให้ด้วยล่ะ เปิดสลับเพลงเหมือนเมื่อวานไม่เอานะ จำไม่ได้ว่าเพลงไหนยังไม่ได้เล่น

อธิศ : นอนดึกอย่างนี้เป็นประจำ ไม่กลัวไปเรียน หรือ ไปทำงานสายหรือ

Blue Eyes : เพิ่งทำการบ้านเสร็จ ยังไม่อยากนอนเร็ว เป็นห่วงคุณดีเจจะไม่มีเพื่อนอยู่ฟังรายการจนจบ

อธิศอ่านทวนอยู่หลายรอบ รู้สึกเหมือนใครมากระตุกความรู้สึกดี ๆ เขาชั่งใจที่จะตอบกลับไป ทำการบ้าน นี่เธอยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่หรือเปล่านะ ความรู้สึกสบายใจที่ได้คุย เริ่มเปลี่ยนเป็นความไม่สบายใจเข้ามาแทน

แม้จะไม่มีกฎเป็นเรื่องเป็นราวไม่ให้คุยกับคนฟัง แต่เขาเองก็ไม่เคยทำ ยิ่งเป็นเด็กนักเรียนแล้ว อธิศเริ่มหวั่นใจ บางทีเขาควรจะบอกให้เธอไปนอน ไม่ใช่มาคุยเล่นไร้สาระอยู่แบบนี้

อธิศ : ขอบคุณที่ตั้งใจเป็นเพื่อน แต่หากต้องไปเรียนก็ไปนอนเถอะ ไม่อยากเห็นคนไปโรงเรียนสาย เดี๋ยวผมเปิดเพลงให้ตามที่ขอแล้วกันนะ

วัศนิมองหน้าจออยู่เนิ่นนาน เขาเงียบหายไป ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อครู่หายไป สำนวนเขาดูแปลก เธอพิมพ์อะไรผิดไปหรือเปล่า

หรือว่าเขาไม่ชอบที่เธอเปลี่ยนชื่อไปมา หัวใจกระตุกขึ้นมาดื้อ ๆ ไม่นะ เธออยากรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไว้

วัศนิตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิก เขาอาจรีบกลับมาคุยกับเธอต่อ

Saxophone ก็ Saxophone เขาคงชอบชื่อนี้ สงสัยจะชอบเล่นแซ็กจริง ๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลามาพิมพ์ชื่ออยู่ตลอดเวลาที่ส่งข้อความเข้าไป

Saxophone : สมัครแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนนะ เด็กเรียนอย่างนี้ไม่ให้เสียการเรียนหรอก... ก็แค่เหงา คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณ

Saxophone : ว่าแต่คุณเหงาหรือเปล่า ทำไมมาจัดรายการตอนดึก

อธิศ : สัญญาว่าจะไม่เสียการเรียน ไม่อยากให้เป็นตัวต้นเหตุ

Saxophone : รับปาก... เชื่อได้เลย ลงทะเบียนเรียน สอบเมื่อไหร่จะเอาเกรดดี ๆ มาให้คุณดู ทำได้จริง ๆ นะ ไม่ใช่คุย

ชายหนุ่มนั่งนิ่ง ชั่งใจอยู่นาน แต่บางสิ่งก็ทำให้เขาก้าวข้ามผ่านทุกสิ่ง มิตรภาพไม่ใช่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ กับใครสักคนที่เข้ามาในชีวิตเขาแบบแปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างนี้

หากเธอนอกลู่นอกทาง เขาก็รับปากกับตัวเองเช่นกันว่า เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน...

อธิศ : เหงาหรือ ทุกคนก็ต้องเหงานั่นแหละ แต่หาอะไรทำเข้าไว้ก็ไม่เหงา ส่วนที่ต้องมาจัดดึก เพราะกลางวันไม่มีเวลามาจัด และก็ไม่มีเวลาให้จัดด้วย

จริง ๆ วัศนิก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ไม่รู้เธอจะถามเขาไปทำไม เธอได้แต่อมยิ้ม

ความตื่นเต้นที่ได้คุยกัน มิตรภาพผ่านทางตัวอักษร เรื่องโน้น ไปเรื่องนี้ จนเขาเปลี่ยนเข้าไปจัดรายการ เขาและเธอยังคุยกันราวกับคนรู้จักกันมาแสนนาน...

บางทีเขาอาจจะเป็นยาบำบัดอย่างที่เธอเขียนไว้ในบทความ

อธิศเงียบหายไปเป็นช่วงในขณะที่เขาออกอากาศ แต่ก็ยังกลับมาพิมพ์โต้ตอบกับเธอ

จวบจนเพลงพิเศษเพลงสุดท้ายของรายการ...

Saxophone : เพลงพิเศษคุณเลือกให้ใครน่ะ

ความอยากรู้อยากเห็นของเธอเริ่มเพิ่มมากขึ้น อยากรู้จักเขาให้มากขึ้น แม้เพียงแค่นี้ก็ยังดี...

อธิศ : ขอให้ตัวผมเองมั้ง ไม่รู้สิ ให้คนพิเศษ เผื่อเขาจะรับคลื่นวิทยุของผมได้

เขาจำได้ว่าเขาเลือกเพลงนี้ให้เธอไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคืนที่เธอขอเพลงเข้ามาเยอะแยะมากมาย วันแรกที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา...

เขาอยากโต้ตอบให้เธอรู้ ในขณะที่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากเปิดเพลง

Saxophone : มันเท่ดี ได้ฟังคุณครั้งแรก ก็ตรงช่วงนี้ ฉันจำเพลงนี้ได้เพลงที่คุณต่อท้าย Eyes on Me... งั้นคุณก็คงหลงทางในจักรวาล ถึงได้เลือกเพลงนี้

วัศนิน้ำตาคลอ ฟังเสียงเพลงราวกับว่ามันสัมผัสลึกเข้าไปภายใน เพลงนี้ เพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคยมากมาย

คืนนั้นเธอยังจำน้ำตาแห่งความสุข ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นได้

อธิศ : เปล่า...แค่ให้คนขี้เหงาแห่งฟากฟ้าอย่างที่ผมพูดออกรายการไปต่างหาก

Saxophone : ไม่น่าใช้ชื่อนี้เลย ตอนนี้ชอบชื่อ คนขี้เหงาแห่งฟากฟ้าแทนแล้วล่ะ

อธิศยิ้มให้กับตัวเอง กับค่ำคืนนี้เขาเลือกเพลงพิเศษให้ตัวเองจริง ๆ และบางทีอาจเป็นเธอ

Lost in Space คนขี้เหงาแห่งฟากฟ้า ที่ยังไม่สิ้นหวังกับการจะรอคอยพบใครสักคน

อย่างน้อยผู้หญิงที่คุยอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้ค่ำคืนของเขาสดใส สว่างไสว สนุกสนานขึ้น

บางทีเขาคงเหงา เคว้งคว้างอยู่ในจักรวาลมานานเกินไปแล้วจริง ๆ

คนขี้เหงาแห่งฟากฟ้า : ชอบจังเพลงนี้ ชอบที่คุณพูดปิดรายการคืนนี้ด้วย ตรงที่ว่า...ไม่สิ้นหวังที่จะรอคอยพบใครสักคน เมื่อถึงเวลา เราคงได้พบกัน

อธิศหัวเราะ ที่เห็นเธอล็อกเอาท์ แล้วเปลี่ยนชื่อนั้นอย่างที่เธอพูด บางความรู้สึกอยากให้เธอเป็นคนทำงาน เขาคงสนิทใจเป็นเพื่อนได้มากกว่านี้

ไป ๆ มา ๆ ความเหงาไม่ได้ทำให้เธอง่วงนอน แต่เธอกำลังนึกสนุก ที่ได้พูดคุยกับเขายืดยาวในคืนนี้ เธอเริ่มท้าทายหาอะไรประหลาดทำให้เขากับเธอผ่านอีกค่ำคืนหนึ่งไป

Saxophone : มาเล่นเกมฆ่าเวลา ฆ่าตัวเหงากันดีกว่า คืนนี้ฉันจะเลือกเพลงให้คุณอีก แต่คุณต้องเปิดเพลงตอบกลับมา เนื้อเพลงจะต้องตอบโต้กัน หากฉันเลือกผู้หญิง คุณต้องเลือกผู้ชาย..สลับกัน สนใจมั้ย

ชายหนุ่มนึกขำ เขาทั้งยิ้มและหัวเราะบ่อยเหลือเกินวันนี้ และบ่อยกว่าเดิมตั้งแต่มีเด็กผู้หญิงคนนี้เข้ามาในชีวิตเงียบ ๆ ของเขา

แม้จะเป็นแค่ข้อความในช่วงเวลาสั้น ๆ กับมิตรภาพที่สื่อสารส่งผ่านเครือข่ายโยงใยอินเตอร์เน็ตมาก็ตาม...

ฟากฟ้านี่ช่างมีคนเหงามากมาย...

You are my soul satellite หรือบางทีอาจเป็นเธอ...คนที่เขาเฝ้ารอคอย


อธิศส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ไปไกล ๆ ...


อธิศ : ตกลงว่าคืนนี้จะไม่นอน มีเรียนกี่โมงนี่

เขาพยายาม เตือนสติทั้งเธอและเขาอยู่บ่อย ๆ

Saxophone : ยังมีเวลานอนอีกเยอะแยะ ตั้งใจอยู่เป็นเพื่อนคุณหรอกนะ อย่าหาเรื่องโยกโย้ ใจไม่ถึง หรือไม่อยากเล่นก็บอกมา

เอาละสิ ท่าทางแม่คนนี้จะยุ่งวุ่นวายน่าดู ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้ โดนท้าทายขนาดนี้จะไม่เล่นคงเสียดายแย่

ชีวิตน่าเบื่อหงอยเหงาของเขา วิ่งเข้าหาวงโคจรดาวอุกาบาตวุ่นวายดวงนี้สักทีคงไม่เป็นไร นึกเสียว่าทบทวนความรู้เรื่องเพลง เรื่องดนตรี ยกจากกรุออกมาปัดฝุ่นก็คงดี

อธิศ : ไม่เล่นคงเสียชื่อดีเจ.. มาส่งเพลงแรกเข้ามาเลย ...

อธิศขยับแขนเสื้อ ตั้งท่าเอาจริงเอาจัง ทบทวนกติกาของเธอให้เข้าใจตรงกัน ก่อนรอคอยเพลงแรกของเธอด้วยใจระทึก...

...โปรดติดตามตอนต่อไป...











**"”Lost in Space” จากอัลบั้ม Postcards from Heaven เมื่อปี 1997 เสียงร้องของ Tunde Baiyewu และมือคีย์บอร์ด Paul Tucker แห่ง Lighthouse Family ศิลปินจากฟากฝั่งอังกฤษ

เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 6 ของ UK Single Chart เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1998 และอยู่ในชาร์จได้นานถึง 8 สัปดาห์

เพลงหวาน ซึ้ง ชวนละลาย เต็มไปด้วยความหมาย เป็นเพลงโปรดอันดับหนึ่งในหัวใจของคนเขียน โดยเฉพาะเมโลดี้ และเสียงร้องในท่อนแยก จับใจ... เพลงนี้คงเป็นเพลงรักอมตะชั่วนิรันดร์ไปตลอดกาล

***
ตัดตอนมาจากบทความของ Rhea จากเล่ม “ที่นี่มีความรัก” คนเขียนคนเดียวกันค่ะ อย่าประหลาดใจ หากใครคุ้นตา หรือสงสัย

เรื่องของเรื่องมันเกี่ยวโยงกัน และมีที่มาจากแหล่งเดียวกันค่ะ เลยจำเป็นต้องยกมาไว้ผูกกันเท่านั้นแล...




Create Date : 04 มกราคม 2552
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2560 23:09:35 น. 30 comments
Counter : 465 Pageviews.

 
Lost In Space : Light House Family

Sometimes, I get tired of this me first attitude
You are the one thing, that keeps me smiling
That's why I'm always wishing hard for you

'Cos your life shines so bright
I don't feel no solitude
You are my first, star at night
I'd be lost in space without you

And I'll never lose my faith in you
How will I ever get to heaven, if I do

Feels, just so fine
When we touch the sky me and you
This is my idea of heaven
Why can't it always be so good

But it's alright, I know your out there
Doing what you've gotta do
You are my soul satellite
I'd be lost in space without you...hoo

And I'll never lose my faith in you
How will I ever get to heaven, if I do...

And I'll never lose my faith in you
How will I ever get to heaven, if I do...

And I'll never lose my faith in you
How will I ever get to heaven, if I do..

And I'll never lose my faith in you
How will I ever get to heaven, if I do...


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:0:11:34 น.  

 
คืนนี้มาดึกมาก พรายทรายเพิ่งกลับบ้านมาตอนหัวค่ำ กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ง่วงแทนวัศนิ


หวังว่าบทนี้ เพลงนี้คนอ่านจะมีความสุข เหมือนทั้งวัศนิ และอธิศ รวมทั้งคนเขียนด้วย

คงต้องกล่าวลาแทนอธิศ

กับฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยคนขี้เหงา คนเหงา ๆ คนนี้ขอลาไปนอนก่อนนะคะ ตื่นมาอย่างสดใส สดชื่น ทิ้งความเหงาไว้บนฟากฟ้า กับห้วงนิทรารมย์...ฝันดีทุก ๆ คนค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:0:21:33 น.  

 
Happy New Year Ja

Wishes you very happy and successfull with everything

From
Bananastate


โดย: Bananastate IP: 203.146.6.28 วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:13:25:19 น.  

 




ปีใหม่นี้ ขอให้น้องอ้อมีความสุข ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เงินทองเต็มกระเป๋านะคะ



โดย: ป้ามด วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:16:06:27 น.  

 
คุณ bananastate

หายหน้าไปนานเลยนะคะ ขอบคุณที่ยังแวะเวียนมาเยี่ยม สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ ขอบคุณสำหรับคำอวยพร

ขอให้คุณ bananastate ประสบความสำเร็จ แข็งแรงทั้งกายและใจ ร่ำรวย และมีความสุขเยอะ ๆ เช่นกันค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:18:32:28 น.  

 
ธุป้ามด

ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และการ์ดสวย ๆ นะคะ

ป้ามดก็แข็งแรง ร่ำรวย และมีความสุขเช่นกันนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:18:34:14 น.  

 
สวัสดีครับพี่อ้อ ตามาทันอีกแว้ววว

ฮ่าๆๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า

ใครจะชนะน้อ...

ขอเอาใจช่วยดีเจนะครับ


โดย: วรบรรณ วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:19:09:35 น.  

 


มี กุ ห ล า บ ม า ฝ า ก เ พิ่ ม ค ว า ม ส ด ชื่ น ค่ ะ

ลูกป้ากุ๊กมี 3 คน ในบล็อกคือเจ้าสอง กับเจ้าสาม
เจ้าสองนี่อายุเท่าทีวีช่อง 3 ส่วนเจ้าสามล้าหลังมา 3 ปีค่ะ
เป็นไงเทียบกับหนูทรายแล้วใครหนักใครเบากว่า

ป้าดีใจกับคุณแม่หนูทรายนะที่ลูกสาวพาไปเที่ยว
สำหรับพ่อแม่แล้วก็แค่นี้ละหนู แค่ลูกหาของให้กิน หรือพาไปเที่ยวเล็กน้อยแค่นี้ก็เป็นความสุขยิ่งแล้ว
จะพ่อแม่ใครร่ำรวยแค่ไหนก็อยากได้จากลูกแค่นี้แหละไม่ต่างกันเลย

หลับฝันดี และดูแลสุขภาพนะคะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:21:21:01 น.  

 
คุณวรบรรณ

เนอะ คุณอธิศแพ้นี่แย่เลย เสียชื่อดีเจหมด อิอิ

ต่อเพลง คงไม่โดนจับ มะมีหมู่จ่า แต่มีสิทธิ์โดนเจ้านายด่า คริ คริ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:22:16:59 น.  

 
ธุป้ากุ๊กค่ะ

ขอบคุณดอกไม้สวย ๆ สดชื่นขึ้นจริง ๆ ค่ะ แต่หนูยังง่วงไม่เลิก แหะ แหะ

หนูไม่แน่ใจอายุช่องสาม แหะ แหะ แต่น่าจะเกิดหลังหนูนะคะ
หนูมันยุคช่อง 4 บางขุนพรหม ช่อง 5 กับ ช่อง 7 ยังเป็นญาติกัน เป็นขาวดำ มะช่าย เจ็ดสีทีวีเพื่อคุณ

อิอิ หนูกับแม่ไปเที่ยวกันบ่อย แต่ความที่คุณยายเลี้ยง เหมือนลูกสาวคนเล็ก ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เลยเหมือนเพื่อนกันไปโดยปริยาย

แหะ แหะ ทะเลาะกันประจำ แต่ก็รักแม่ที่สุดเลยยยยยย


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:22:23:06 น.  

 
วันนี้ง่วงค่ะ จริง ๆ กลับมาจากงานแอบหลับไปแล้ว แต่ท่าทางจะยังนอนไม่อิ่ม

จะปรับบล็อกก็สมองหนืดมาก ไม่ไหวจริง ๆ งานการก็ล้นโต๊ะ เล่นสเก็ตไถลอู้ซะเคยตัว หุหุห

ขอเข้าสู่โหมดต้อนรับอัตโนมัตินะคะ ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาอ่าน และฟังเพลง

มีความสุขกับค่ำคืนนี้ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ ตื่นมาสดใสสดชื่นนะคะ

สำหรับแฟน ๆ ต่างประเทศ มีความสุขเยอะ มีความสุขกับวันจันทร์เช่นกันค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:22:28:41 น.  

 
มาลงชื่อว่าอ่านแล้วค่ะ
แต่เดี๋ยวค่อยกลับมาเมนต์

ว่าแต่...การศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก
ใครจะชนะเนี่ย...อยากรู้จริง
(เดาว่าคงเสมอ...เพราะเชียร์น้องโน้ตอยู่
แต่ถ้าคุณอธิศแพ้นี่คงตลกน่าดูนะคะพี่อ้อ)



โดย: ธาร นาวา วันที่: 5 มกราคม 2552 เวลา:23:30:24 น.  

 
หนูบัวเเอบเเว่บมาสเเกนตั้งเเต่คืนวันอาทิตย์... เเต่ไม่ทันได้ลงลายมือไว้... เพราะรีบโฉบมาก่อนเจ้าโจรเเปดร้อยจะฟื้นจากอาการหลับใหล... เอิ๊ก


ขอเวลาให้ยัยพลอยฯอีกหน่อยนะคะ...พี่พราย อาทิตย์หน้าคงได้ล้างบางกันหมดจดละ...


โดย: อมิธีสท์ วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:4:38:45 น.  

 
น้องธาร นาวา

เอ เชียร์น้องโน้ต แล้วถึงคิดว่าเสมอละคะ อิอิ
ใช่ค่ะ คุณอธิศแพ้นี่เสียชื่อดีเจแน่ ๆ

เอ แล้วอย่างนี้ให้ใครชนะดีนะ...


โดย: พรายทราย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:9:02:50 น.  

 
หนูบัว อมิธีสท์

เหนื่อยแทนหนูบัวจัดการกับเจ้าโจรนี่จัง ทำไมมันปราบยากขนาดนั้นเลยอ่ะ
ยิ่งโน้ตบุ้คด้วย พี่อ้อว่าจัดการง่ายกว่าเครื่องตั้งโต๊ะอีกนะ เอาใจช่วยให้แก้ไขได้เรียบร้อยหมดจดค่ะ

แต่อย่างไรก็ตามพี่อ้อว่าโน้ตบุ้คไม่สบายแบบนี้ ทำให้หนูบัวมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นนะคะ
ตอนนี้ก็ถือโอกาสพักเยอะ ๆ เลยนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:9:06:31 น.  

 
มาปลื้มกับเพลงโปรดในใจอีกเพลงหนึ่งค่ะ Blog หวานแหววขึ้นทุกวัน
เหมือนรู้ใจเราเลย ชอบสีลูกกวาด เพลงก็เพราะ ดีใจที่ฟังได้แล้ว ก่อนหน้านี้
มันเป็นอะไรไม่รู้สิ อนิจจังเนอะ...

อัพเสร็จแล้วนะคะ ถ้าพี่อ้อได้มาอ่าน สิ่งที่ได้มามีคุณค่ามากๆ เลย
ดีใจค่ะที่ปีใหม่ผ่านมาได้อย่างมีความสุขอิ่มเอม ท่ามกลางเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น
ขอให้พี่อ้อมีปีใหม่และวันคืนที่ดี ที่สดใสนะคะ


โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:11:11:27 น.  

 
น้องนางฟ้า

ขอบคุณนะคะที่ชอบเพลงนี้ เพลงโปรดของพี่อ้อเหมือนกัน
เรื่องนี้อยากให้ออกมาแนวสีลูกกวาด สดใส อุ่น ๆ น่ะค่ะ

เดี๋ยวพี่อ้อว่างแล้วจะรีบไปที่บล็อกนะคะ

ขอให้เรื่องแย่ ๆ ผ่านไปกับปีที่แล้ว รับความสดใสกับปีใหม่เลยนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:12:14:21 น.  

 

เข้ามาที่นี่แล้วมีความสุขกับเสียงเพลงเพราะๆ
ที่มีความหมาย และผ่านการคัดสรรจากดีเจ
ตัวจริงเสียงจริงอย่างคุณช่อครามจริงๆ ค่ะ

ครั้งหน้าจะต้องมาติดตามเชียร์การประลองกำลัง
ของสองขุนพลเพลงคู่นี้เสียหน่อย
ว่าแต่จะเชียรใครกันดีล่ะเนี่ย .. อืมมม เอาเป็นว่า
wait and see ดีกว่านะคะ


ปีใหม่นี้ขอให้คุณอ้อทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ทุกๆ วันด้วยนะคะ ..





โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:14:19:52 น.  

 
ธุป้าติ๋วค่ะ

ป้าติ๋วขมหนูตัวลอยอีกแล้ว อย่างนี้หนูเขียนงานสุดชีวิตให้ป้าติ๋วชมเยอะ ๆ

ขอบคุณนะคะที่เห็นความตั้งใจในการทำงานของหนู ดีใจจริง ๆ ค่ะ

เลือกเชียร์ไม่ถูก wait and see อย่างป้าติ๋วก็ดีค่ะ เดี๋ยวไม่งั้นใครคนใดคนหนึ่ง ดีเจอธิศ หรือน้องโน้ตน้อยใจขึ้นมาไม่ยอมมาแสดงต่อแย่เลยนิ


โดย: พรายทราย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:18:26:00 น.  

 

hospital / glitter /comment hi5 / code hi5



ลูกคนโตป้ากุ๊กนี่เลยเลข 4 แล้วค่ะ
ตัวป้ากุ๊กเองก็เลยแซยิดมาตั้งแต่ปีมะโว้ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม มะวอก ….ฮู้ยยยยย….ไกล
น่ารักดีค่ะ แม่ – ลูกแหง็บๆกันแบบเพื่อน แบบพี่ แบบน้อง

อยู่กับใจที่อิ่มเย็นและดูแลสุขภาพนะคะ





โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:20:58:47 น.  

 
ธุป้ากุ๊ก ร่มไม้เย็นค่ะ

ป้ากุ๊กขา หนูเองก็ใกล้พ้นเลขสี่อีกไม่กี่ปี สงสัยจะต่อท้ายลูกคนโตป้ากุ๊ก นะคะนี่

ส่วนคุณแม่นี่พ้นแซยิดมาอาจใกล้ ๆ กับป้ากุ๊กเช่นกันค่ะ

ป้ากุ๊กก็รักษาสุขภาพนะคะ หนูละมึนหัวอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น แถมช่วงนี้นอนน้อยอีกต่างหาก

เอานะ งานเยอะดีกว่าไม่มีงานเนอะคะ ลุย ๆ

ขอบคุณป้ากุ๊กกับภาพเตือนใจค่ะ ภาพน่ารักจริง ๆ ค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:23:09:51 น.  

 
เพิ่งบอกลุย ๆ ไปแป๊บ ๆ แต่ตากับนิ้วชักไม่ยอมลุยด้วย

ขอเปิดโหมดต้อนรับอัตโนมัติเลยนะคะ พรายทรายขอแวะไปงีบสักหนึ่งห้วน ก่อนแวะแปะโจว์

รับรองแฟนโจว์ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ พรุ่งนี้ได้อ่านแน่นอน

งั้นฝันดี ราตรีสวัสดิ์ก่อนนะคะ ไม่ไหวจริง ๆ


โดย: พรายทราย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:23:12:12 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ครับ
มาด้อมๆมองๆ โจว์

อืมม์
ถึงตอนที่ 4 แล้วตั้งแต่ปลายปี
นี่ข้ามปีแล้วนะครับ
อิอิ

สถานที่นี้ก็ยังคงครึกครื้นดีนะครับ
ใอ่นความเห็นต่างๆ ด้วย
รู้สึกดีจริงๆ

^___^..........


โดย: GTW (GTW ) วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:5:31:30 น.  

 
จานจี

ก็มาไม่ปลุก นี่นา หุหุหุ เปลี่ยนหน้าก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมาอีกทีนะคะ หนูตื่นสายไปหน่อยอ่ะ ขออภัย ขออภัย


โดย: พรายทราย วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:6:59:49 น.  

 


พ รุ่ ง นี้ ไ ป ย้ อ น อ ดี ต วั น เ ด็ ก กั น มั๊ ย

อยู่กับใจที่อิ่มเย็นและดูแลสุขภาพนะคะ




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:2:24:12 น.  

 
ธุป้ากุ๊ก ร่มไม้เย็น

สดใสรับวันเด็ก ป้ากุ๊กมีความสุขเยอะ ๆ นะคะ เดี๋ยวตามไปย้อนอดีตด้วยคน ภาพน่ารักมาก ๆ ค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:13:10:00 น.  

 
สวัสดีครับพี่อ้อ

กว่าจะแก้ไขบล็อคตัวเองกลับคืนมาได้ก็หมดเวลาไปร่วมสองวัน เข้ามาที่บล็อคพี่ก็เจอเพลงหวานๆ กับเรื่องเจ้าหญิงองก์สุดท้าย ในวันที่ คุณชายไฮโซกับเจ้าหญิงโอทอป ซีรีย์เกาหลีจบอีก บรรยากาศความหนาวถูกบั่นทอนไปด้วยความละมุนแห่งรักจริงๆ 5555

เอาภาพสวยๆ มาฝากนะครับ บรรยากาศในเมืองไทยที่ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์

ท่ามกลางไอฝุ่นของดินลูกรังสีแดงๆ ยังมีปลายฟ้าที่ชุ่มฉ่ำด้วยแสงสีราวถูกความหวานฉ่ำของสับปะรดฉาบทาไว้ (วกเข้าหาของกินอีกแล้ว ) แต่ใครจะไปเชื่อหล่ะครับว่า บนเขามีอ่างเก็บน้ำ มีทิวสนและดวงตะวันที่สวยใสจริงๆ



โดย: การิน (karinas ) วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:13:16:24 น.  

 
:) ฟังเพลงแล้วขอแจมด้วยกลอนนะครับ อดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ

เมื่อถึงคราวฉันเหนื่อยใจจนแทบล้า
ภาพเธอมาปรากฎใกล้ที่ใจฉัน
สร้างรอยยิ้มพิมพ์ไว้บนใจกัน
ฟ้ากว้างนั้นแทบชิดคิดเพียงเธอ

วอนหัวใจส่งไปถึงปลายฟ้า
วอนนภาหอบหัวใจอย่าได้เผลอ
วอนให้เธอรับเก็บไว้รอวันเจอ
วอนดาวเหม่อทิ้งแสงไว้ให้เคียงจันทร์

ให้ฉันหลงห้วงใจใกล้ที่รัก
ให้หลงปักหัวใจแม้ในฝัน
ให้ฉันหลงรักไปในทุกวัน
ให้ใจฉันรักมั่นไว้ด้วยใจเดียว

เชื่อฉันสิว่าสวรรค์ยังมั่นรัก
โลกกว้างนักมีที่ใจให้แลเหลียว
คอยประคองสองรักไว้ด้วยใจเกลียว
คอยนำเหนี่ยวสองใจให้ใกล้กัน

แม้ฉันหลงห้วงไกลจนปลายฟ้า
เชื่อเถิดว่าห้วงใจเธอใกล้ฉัน
ข้ามผืนฟ้าหรือจะกว้างกว่าคำว่า"รักกัน"
อย่าได้หวั่นเพียงกายไกลไร้คนเคียง

เชื่อสิ ...

ก้าวไปเถิดดวงใจถ้าได้ก้าว
ฟ้ากว้างพราวดาวกระพริบจงฟังเสียง
โอ้ยอดรักจงเปิดใจฟังสำเนียง
รอฟังเพียงคำย้ำรักเท่านั้นพอ



โดย: การิน (karinas ) วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:13:43:45 น.  

 
สามทุ่มกว่าแล้ว บทที่ 7 ขอมาดึกหน่อยนะคะ เผลอ ๆ อาจจะใกล้ ๆ สองยามเหมือนคราวที่แล้ว พอดีมีงานติดพันอยู่ค่ะ ขออภัยอย่างยิ่งนะคะ

เดี๋ยวคุยกับคุณการินนะคะ



โดย: พรายทราย วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:21:25:07 น.  

 
คุณการิน

นาน ๆ จะได้เห็นในบล็อก ขออภัยมาช้าไปหน่อย อะไร ๆ มันดูวุ่นวายเยอะแยะไปหมด

บทกลอนยาวสวยมากเลยค่ะ

แม้ฉันหลงห้วงไกลจนปลายฟ้า
เชื่อเถิดว่าห้วงใจเธอใกล้ฉัน
ข้ามผืนฟ้าหรือจะกว้างกว่าคำว่า"รักกัน"
อย่าได้หวั่นเพียงกายไกลไร้คนเคียง

เชื่อสิ ...

ก้าวไปเถิดดวงใจถ้าได้ก้าว
ฟ้ากว้างพราวดาวกระพริบจงฟังเสียง
โอ้ยอดรักจงเปิดใจฟังสำเนียง
รอฟังเพียงคำย้ำรักเท่านั้นพอ



ชอบท่อนนี้มากที่สุดเลย ขอบคุณนะคะที่แวะมาฟังเพลง และอ่านบทกลอนสวย ๆ


โดย: พรายทราย วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:17:13:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.