1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
ณ ปลายฟ้า...คือเธอ (Love@Horizon) 2... "ช่อคราม"
บทที่ 2
...บางครั้งผู้ใหญ่ก็สร้างความปวดหัวให้ต้องจดจำ จนอาจกลายเป็นความประทับใจ ได้มากกว่าเด็กเล็ก ๆ หลายเท่านัก ... ธันวามองนาฬิกาบนข้อมือ สลับกับนาฬิกาบนฝาในห้องประชุม พลางถอนใจเบา ๆ การประชุมครั้งนี้ดูเหมือนจะยืดยาวเลยเวลา และดูจะยังหาสาระไม่ได้ เขาอยากตัดจบ แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้ เขาจะให้เวลาอีกสิบนาที แค่สิบนาทีเท่านั้น ปกติแล้วตัวเขาไม่ใช่คนเซ็งห้องประชุมง่าย ๆ เหมือนเพื่อนร่วมงานบางคน แต่วันนี้ที่ทำให้เขาเบื่อห้องประชุม เห็นจะเพราะโทรศัพท์จากคุณก้อยเลขาของเขาที่ดังเข้ามาก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าห้องประชุมนั่นต่างหาก คุณธันว์คะจะให้ก้อยทำไงดี จู่ ๆ คุณเภตราก็หอบกระเป๋า เธอมาเมืองไทยก่อนกำหนดแบบนี้...คุณต้นก็ยังทำงานอยู่เลย...ไหนจะโรงแรม เวรกรรม... แล้วแม่สาวเยอรมันเลือดร้อน ทำไมมาตอนนี้...แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ออฟฟิศหรือที่ไหน? ค่ะ ที่นี่ค่ะ ก้อยจะหาโรงแรม แล้วพาเธอไปส่ง เธอก็บอกว่าไม่เป็นไร เธออยากอยู่ที่ออฟฟิศมากกว่า ... คุณไก่ คุณอาร์ตพาร์ตเนอร์คนอื่น ๆ ก็ติดงานข้างนอกกันหมด... คุณสุมิตราแอดมินก็ลาป่วย...วันนี้แทบไม่มีใครอยู่ออฟฟิศเลยค่ะ... ธันวาจับน้ำเสียงคุณก้อยเหมือนกำลังวุ่นวายเต็มกำลัง งั้นก็ให้เธอเดินไปเดินมา หรืออยู่ในห้องประชุมไปนั่นแหละ....ผมกำลังจะเข้าประชุม อีกชั่วโมงเสร็จแล้วผมคงตรงกลับไปออฟฟิศ...บอกเขาหน่อยแล้วกัน ธันวาตัดบทดื้อ ๆ แล้วดูเหมือนว่านั่นจะกลายเป็นการเริ่มต้นเข้าห้องประชุมแบบเซ็งเต็มกำลังเช่นกัน... แล้วก็ต้องเซ็งหนักขึ้น เมื่อการประชุมยืดเยื้อแบบนี้ แถมในกระเป๋าเสื้อเขาโทรศัพท์ก็ดังสั่นเป็นระยะ ๆ ราวกับเครื่องนวดลดน้ำหนัก... ไม่ต้องเดาให้มากความ ว่าเป็นสายมาจากที่ไหน... ทำงานกับคุณก้อยมาเกือบ 10 ปี เธอไม่เคยต่อโทรศัพท์มาในระหว่างเขาประชุมกับลูกความนอกสำนักงาน เดาความได้เลยว่าคงมีเรื่อง หรือมีเหตุการณ์ปั่นป่วนทำให้เลขานุการวัยเกือบ 40 ของเขาต้องเรียกมาถี่ขนาดนี้... ธันวายังคงถอนใจเป็นระยะ ๆ เพื่อช่วยเรียกสมาธิกับรายงานสรุปการเงินของบริษัทลูกความ ที่เหมือนลอยวนไปวนมาในห้องประชุม สมองของเขาวิ่งกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ภาพและประวัติการทำงานของแม่สาวลูกครึ่งไทย-เยอรมันเด่นชัดในความทรงจำ อยู่ ๆ ทางแฟรงก์เฟิร์ตก็แจ้งเรื่องขอส่งทนายมาดูงาน ซึ่งก็ช่างประจวบเหมาะพอดีกับ นายต้นทนายลูกทีมของเขาขอลาออกไปเรียนต่อ อดไม่ได้ที่จะเสียดายทนายเก่ง ๆ แต่ก็นั่นแหละประวัติความสามารถของเภตราก็ดูจะยาวเหยียด ที่น่าจะทดแทนกันได้ หรืออาจจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ... แต่เขาอยากได้ลูกทีมเป็นคนไทย ถึงจะลูกครึ่งลูกเสี้ยวไม่ค่อยอยากได้เท่าไรนัก อีกอย่างทำงานกับผู้ชายง่าย ๆ หัวหกก้นขวิดกันอย่างไรก็ได้ ครั้นจะปฏิเสธบ่ายเบี่ยงไม่รับ ก็ไม่อยากให้ทางฝ่ายบุคคลมีปัญหากับทางสำนักงานใหญ่ และกับทางสาขา ข้อสำคัญความเห็นของพาร์ตเนอร์คนอื่น ๆ ก็อยากได้ทนายเก่ง ๆ ทางด้านการเงินฝั่งยุโรปอยู่แล้ว...เพราะนั่นหมายความว่าลูกค้าอีกหลายเจ้าจะตามขบวนเข้ามาลงทุนในเมืองไทย... ทำไมเขาถึงสังหรณ์ล่วงหน้าว่าเขาจะต้องปวดหัวไปตลอดสองปีแน่ ๆ ความจริงมันน่าจะเป็นความยินดีปรีดามากกว่า หากมีงานเยอะ ๆ ให้ทำ ท่าทางแม่สาวเลือดเยอรมันคนนี้คงจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อย ก็ดูเอาเถอะเริ่มต้นกำหนดการจะมาเดือนหน้า อีกตั้ง 20 วัน นี่เธอนึกครึ้มอะไรที่จะมาก่อนกำหนดให้มันวุ่นวายกับคนทางนี้ อีกทั้งไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด ป่านนี้คุณก้อยอาจสติแตกไปแล้วก็ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่กระหน่ำเรียกเข้าเครื่องอยู่แบบนี้ ... ในที่สุดกว่าประชุมลูกความจะเสร็จสิ้นก็เลยเวลาไปเกือบชั่วโมง....ใกล้บ่ายสามโมง ดูเหมือนท้องของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วงอย่างเอาจริงเอาจัง ก็แน่ล่ะความที่รีบออกมาจากสำนักงานตั้งแต่ตอนกลางวัน ในท้องมีเพียงแซนด์วิชสองชิ้นกับกาแฟตั้งแต่มื้อสายเท่านั้นเอง จริง ๆ เขาตั้งใจจะแวะทานอาหารญี่ปุ่นที่ชั้นล่างของตึกนี้เสียหน่อย...เสียแผนตั้งใจหมด กลายเป็นว่าเขาต้องตาลีตาเหลือกกลับไปสำนักงานเพื่อรับรองยายลูกครึ่งคนนี้ แถมเจ้าหล่อนก็ช่างเลือกวันมาวันศุกร์แบบนี้ วันศุกร์ปลายสัปดาห์สาขาเมืองไทยก็ไม่ค่อยมีใครจะอยู่เสียทีไหน โดยเฉพาะบรรดาพาร์ตเนอร์ทั้ง 6 คน แต่ก็นั่นแหละมันเป็นเรื่องของเขาโดยตรงที่จะต้องดูแลรับรองทั้งในฐานะพาร์ตเนอร์ และหัวหน้าทีมฝ่ายกฎหมายธุรกิจการเงิน และการลงทุนของสำนักงาน
ผมว่าจะแวะกินข้าวก่อน คุณก้อยอยากได้ข้าวปั้น หรือปลาดิบอะไรมั้ย? ธันวาต่อโทรศัพท์กลับไปสำนักงานเมื่อลงมาชั้นล่างแล้ว เอ่อ!!...คือว่า...เอ่อ! ก้อยอยากให้คุณธันว์กลับมาก่อนได้มั้ยคะ? เสียงคุณก้อยดูร้อนรนแปลก ๆ ปกติเธอไม่เคยพลาดของฝากถ้าเขามาพบลูกความเจ้านี้ โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นของที่นี่ อะไรกันหนักหนา หรือว่าแม่สาวเยอรมันวิ่งวุ่นรอบสำนักงานจนคุณก้อยรับมือไม่ไหว...เอาเชือกผูกไว้กับขาโต๊ะ หรือตีเข้าสักป๊าบสองป๊าบ จะได้ไม่ต้องลำบากโทรเรียกผมทุกสิบนาที ธันวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมนึกสนุกล้อเล่นได้ขนาดนี้
ดิฉันไม่ได้เด็กซนสามขวบนะคะ...ที่จะให้ผู้ช่วยลำบากจัดการกับฉันเสียขนาดนั้น ต้องขอโทษด้วยที่มาก่อนกำหนด จนเหมือนว่าจะทำให้ใคร ๆ ที่นี่วุ่นวาย แค่อยากคุยกับใครสักคน... ส่วนที่เรียกไปบ่อย ๆ เพราะคิดว่าประชุมน่าจะเสร็จตั้งนานแล้วนี่คะ
แค่อยากรู้ว่าคุณจะกลับเข้าออฟฟิศหรือเปล่า? เสียงใส ๆ พูดเร็วปรื๋อ ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะขึ้นปรี้ดอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มอดประหลาดใจไม่ได้ แม้ว่าเธอจะตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเยอรมันแปร่ง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องอีกต่างหาก อ่า...เอ่อ...หึหึ... ธันวาได้แต่หัวเราะตอบไปแบบแก้เก้อ ก็ใครจะไปคิดว่าเธอจะมาอยู่ในสาย และได้ฟังคำแนะนำของเขาไปแบบนั้น ฟรอยไลน์เภตราหรือครับ ยินดีต้อนรับสู่เมืองไทย
ชายหนุ่มปรับเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว น่าเอาหัวโขกฝาผนังตึก เขาน่าจะเลือกประโยคอะไรที่มันดีกว่านี้กับการสนทนาครั้งแรกกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่... มันช่างสุดแสนจะเชยชมัดเลย!!.... คุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะคุณธันวา... ดิฉันมีงานจะขอปรึกษา ก่อนที่ทางแฟรงก์เฟิร์ตจะปิดทำการ เสียงใส ๆ สำเนียงอังกฤษแปร่ง ๆ ในสายดูจะเอาจริงเอาจังเป็นพิเศษ ถ้าด่วนมากขนาดนั้น งั้นผมจะกลับเลยก็ได้... ธันวาอดไม่ได้ที่จะเสียดายอาหารญี่ปุ่นร้านโปรด แต่เรื่องงานสำคัญย่อมต้องมาก่อน ยิ่งเจ้าหล่อนท้าทายมาแบบนี้ กลับไปกินข้าวผัดที่ตึกเหมือนเดิมตามเคย ท่าทางเจ้าหล่อนจะบ้างานเหมือนกันแหะ ธันวาพึมพำ พร้อมโบกเรียกรถแท็กซี่หน้าตึก หัวเราะตบท้ายอย่างอารมณ์ดีก่อนขึ้นรถ ขณะที่ท้องยังร้องโครกครากเสียงดังมากกว่าเดิม... แต่ถ้ามันแค่เป็นเรื่องเรียกร้องความสนใจ... เห็นทีเขาต้องวางแผนเอาคืน เธอจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน... เภตรายิ้มหวานก่อนส่งโทรศัพท์คืน คุณเลขาคนเก่งยิ้มตอบด้วยสีหน้าปูเลี่ยนเต็มขีด ขอโทษนะคะ เอ่อ...คุณธันวาโกรธหรือเปล่าคะ? น้ำเสียงที่ถามดูเหมือนจะไม่สบายใจอยู่ลึก ๆ เขาขี้โมโหง่ายหรือคะ? ไม่ค่อยหรอกค่ะ แต่ก็ไม่แน่... ถ้าประชุมทางนั้นมีปัญหา หรือค่อนข้าง ซีเรียส... แล้วโทรไปกวนเธอแบบนั้น คุณพัชรีสบายใจเถอะค่ะ ดิฉันจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง อดไม่ได้เมื่อนึกไปถึงสิ่งที่เขาบอกให้เลขาจัดการกับเธอ...นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กสามขวบมาวิ่งเล่นในออฟฟิศเขาหรืออย่างไร พอดีเป็นเรื่องด่วนจริง ๆ ที่อยากปรึกษา... จริง ๆ เธออยากบอกต่อด้วยซ้ำว่าเขาพูดอะไร แต่คิดว่าไม่พูดไปน่าจะดีกว่า... เออ..... เภตราอยากตั้งคำถามอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแทน ที่นี่เงียบแบบนี้ทุกวันศุกร์หรือคะ? ไม่บ่อยนักหรอกค่ะ แต่ก็ประจำที่เป็นแบบนี้สำหรับบ่ายวันศุกร์ ส่วนใหญ่จะมีแต่พวกเลขานาย หรือเลขาพูล เลขาส่วนกลาง แล้วก็เด็กมอเตอร์ไซค์ แม่บ้านที่จะอยู่ติดออฟฟิศ ทนายของเรามักไม่ค่อยอยู่กัน...พอดีคุณสุมิตราแอดมินเธอลาป่วยเสียด้วย คุณพัชรีไม่ต้องกังวลนะคะ แค่นี้ก็เหมือนทำให้หลาย ๆ คนต้องวุ่นวายเยอะแล้ว ดิฉันกลับไปที่ห้องประชุมทำงานต่อดีกว่า...หากเขามาถึงช่วยเรียกดิฉันด้วยนะคะ ร่างสูงเพรียวเดินกลับหายเข้าไปในห้องประชุมเล็ก ที่ใช้เป็นห้องประชุมของแผนกนี้ พัชรีถอนหายใจ หันกลับไปนั่งเก้าอี้ของตัวเอง แม้ว่าเจ้านายของเธอจะไม่ใช่คนขี้โมโห แต่มีสิทธิ์ลมออกหู ที่จู่ ๆ เธอปล่อยให้คุณเภตราแย่งโทรศัพท์ไปพูดเองอย่างนั้น ว่าไปแล้วทนายสาวจากเยอรมันคนนี้ก็ดูจะคล่องแคล่ว เอาการเอางาน ดูจริงจังเกินอายุ และดูจะเก่งกว่าคุณต้นทนายผู้ช่วยมือหนึ่งของคุณธันวาเป็นไหน ๆ เสียอย่างเดียวที่เธอรู้ดีว่าเจ้านายที่ร่วมงานกันมากว่า 10 ปี จะไม่ค่อยชอบทำงานร่วมทีมกับผู้หญิงเสียเท่าไร อย่างเด็กฝึกงานเมื่อปีก่อน ๆ เจ้านายของเธอ ก็ทำเอาร้องไห้ไปหลายราย แต่ก็นั่นแหละพวกเด็กเหล่านั้นไม่ทำงานเอาจริงเอาจังอย่างที่เขาต้องการให้เป็นเลย เมื่อย้อนกลับมาดูสาวลูกครึ่งคนนี้ อดประหลาดใจที่เธอมาก่อนกำหนดเงียบ ๆ และมาที่สำนักงานเองแบบนี้ แถมลากกระเป๋าเดินทางใบโต อีกทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าโน้ตบุ้คพะรุงพะรังเกินตัว แถมนั่งคอยยิ้มแป้นรอที่หน้าแผนกต้อนรับ ในเวลาที่เธอยังไม่กลับมาจากพักทานอาหารกลางวันเสียด้วยซ้ำ ดิฉันไม่เคยมาเมืองไทยหรอกค่ะ ถึงคุณแม่จะเป็นคนไทยก็เถอะ...ตึกสำนักงานนี้อยู่กลางเมือง หาไม่ยาก...แต่ค่าลีมูซีนจากสนามบินโหดเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ ท่าทีของหญิงสาวดูเป็นมิตร พัชรีรู้สึกได้ อัธยาศัยเป็นกันเอง และดูจะอารมณ์ดี ไม่ได้วางมาดวางท่าเหมือนสาว ๆ จากสาขาอื่นที่เคยเดินทางมาประชุม หรือเป็นทนายของลูกความของอีกฝ่ายหนึ่ง แค่เพียงสองชั่วโมงในสำนักงาน พัชรีเห็นหญิงสาวทำงานง่วน แฟ้มเอกสาร เอกสารอยู่เต็มโต๊ะ สลับกับการกดโทรศัพท์มือถืออยู่หลาย ๆ ครั้ง พร้อม ๆ กับมีทีท่าขัดใจอยู่หลายครั้งเช่นกัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยคือการขอให้เธอหาโทรศัพท์มือถือพร้อมซิมเครื่องใหม่แทนที่จะใช้โทรศัพท์ของสำนักงาน... ใช้เครื่องเบอร์เมืองไทยโทรเมืองไทยน่าจะทำงานสะดวกกว่า...ต้องรบกวนคุณพัชรีด้วยนะคะ แน่ล่ะดูเหมือนจะรบกวนมาก ที่หญิงสาวส่งธนบัตรเป็นดอลลาร์มาให้ รอยยิ้มเก้อ ๆ นั่น ทำให้พัชรีรู้สึกผู้หญิงคนนี้น่ารัก อ่อนโยนมากมาย ขอโทษค่ะ ไม่ทันได้แลกเงินมา ลงเครื่องก็มาที่นี่เลย เรียกรถมานี่ก็รูดการ์ดไป...ต้องรบกวนคุณพัชรีเยอะเลยนะคะ....ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ งั้นเก็บเงินไว้เถอะค่ะ เดี๋ยวสำรองเงินในฝ่ายไปให้ก่อน แล้วค่อยทำเรื่องเบิกไปกับฝ่ายบัญชี...แล้วเรื่องที่พักละคะ? ขอบคุณมากค่ะ เรื่องที่พักไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากัน...ขอกวนเรื่องโทรศัพท์ก่อนดีกว่านะคะ พัชรีอดไม่ได้จะสงสัย โทรศัพท์จะจำเป็นอย่างไรมากไปกว่าคืนนี้จะนอนที่ไหน จริง ๆ แล้วมือถือดูเหมือนว่าเภตราจะมีอยู่แล้ว โทรศัพท์สำนักงานก็มีหากจะต่อเฉพาะในเมืองไทย ซึ่งเธอก็แนะนำการใช้ให้ไปแล้ว แต่ทนายสาวต่างแดนคนนี้ก็ยังยืนยันการซื้อเครื่องใหม่อยู่ดี และเมื่อเธอให้นายแป้งม้าเร็วประจำออฟฟิศไปซื้อโทรศัพท์กลับมาให้ ดูเจ้าตัวจะดีใจมากมายจนไม่สนใจเรื่องที่พักอีกต่อไป แม้เธอจะถามย้ำไปอีกครั้งก็ตาม แมนชั่นที่เตรียมไว้ให้กว่าจะย้ายเข้าได้ก็ต้องเป็นเดือนหน้าตามกำหนดการเดิม เพื่อไม่ให้เสียเวลาก่อนเลิกงานพัชรีตัดสินใจจองห้องพักที่โรงแรมประจำสำหรับรับรองลูกค้าต่างประเทศ งานนี้หากบิลมาเรียกเก็บออฟฟิศ ทั้งฝ่ายบัญชี และฝ่ายบุคคล คงเล่นงานเธอย่ำแย่ ที่ไม่มีการเตรียมการแจ้งล่วงหน้า แถมยังมีมือถือเครื่องใหม่อีกต่างหาก... ใกล้ ๆ สี่โมงเย็น พัชรียังแทบไม่ได้ทำงานอะไรของตัวเองเลย จนต้องเรียกเลขาส่วนกลางมาเอางานด่วนไปทำแทน เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง... คุณก้อยครับ ผมหิวมากเลย... ใกล้จะถึงแล้ว กวนช่วยสั่งข้าวผัดกุ้งไว้ให้ผมหน่อยนะ...แล้วนี่เขากินอะไรหรือยัง? เขา!?... พัชรีทวนคำอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก อ๋อ! คุณเภตราหรือคะ...ยังค่ะ มีแต่เสิร์ฟกาแฟกับน้ำ สั่งเผื่อไว้เลยมั้ยคะ...แล้วเมื่อกี้คุณธันว์ไปพูดอะไร เล่นเอาเธอตาดุ เสียงเขียวเชียว" ธันวาหัวเราะตอบกลับไปแทน ตาดุ...เสียงเขียว!! ธันวาพึมพำอยู่ในใจ ยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก อึมม์!...ดี งั้นผมกลับไปตีเขาแทนแล้วกัน...หึหึ
รีบสั่งข้าวผัดให้ก่อนดีกว่า... หญิงสาวอดขมวดคิ้วให้ประหลาดใจอีกครั้งไม่ได้ นี่เจ้านายของเธอกำลังอารมณ์ดีนี่นา เธอจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะ และเสียงฟังสบาย ๆ แบบนี้ มันนานแค่ไหนมาแล้ว ตามปกติธันวามันจะเก็บอารมณ์ เงียบ ๆ มากกว่านี้ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาให้ใครเห็นได้ง่าย ๆ วันทั้งวันก็ซีเรียสเอาจริงเอาจังกับงาน ราวกับสาวใหญ่ขึ้นคาน อ้อ! ต้องหนุ่มใหญ่ขึ้นคานมากกว่า แต่ก็อดขำไม่ได้ที่ทั้งคู่ต่างเรียกว่า เขา มากกว่าจะเรียกชื่อ ทำอย่างกับว่ารู้จักคุ้นเคยสนิทสนมกันเป็นอย่างดีงั้นแหละ
เภตราถอนหายใจขณะค่อย ๆ ละเมียดจิบกาแฟในถ้วย เหม่อมองหมู่ตึกสูง ๆ ผ่านกระจกใส ท้องฟ้าเบื้องหน้าเป็นสีฟ้าสว่างใส แสงแดดยามบ่ายทอดเป็นลำแสงสีส้ม รู้สึกปวดใจเล็ก ๆ ความตื่นเต้นกับการได้พบกับเมษาจางหายไปอย่างรวดเร็ว ความตั้งใจ แผนการต่าง ๆ ที่วางไว้ดับวูบลงราวกับใครปิดสวิทช์ไฟ ทันทีที่มาถึงเมืองไทย สิ่งแรกที่เธออยากทำมากที่สุดคือการได้ยินเสียงของเมษา แต่ดูเหมือนว่าเมษาจะปิดเครื่องโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ เธอพยายามติดต่อไปอีกหลายครั้ง แต่ก็มีเพียงเสียงตอบรับจากระบบ จนเธอตัดสินใจลงทุนซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เพื่อใช้โทรไปที่ทำงานของเขาแทน คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เธอรู้สึกจุกอยู่ลึก ๆ มันเหมือนความรู้สึกอัดแน่นอยู่ในหน้าอก... บางทีก่อนหน้านี้เธอน่าจะบอกเขาล่วงหน้าว่าเธอกำลังจะมาเมืองไทย... คุณเมษาเดินทางไปต่างประเทศค่ะ อีกสองอาทิตย์ถึงจะกลับ...ไม่ทราบว่าจะฝากเรื่องไว้มั้ยคะ? ไม่มีอีเมล ไม่มีข่าวสาร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีทริปไปต่างประเทศช่วงนี้ ความหดหู่ทำให้เธอซึมกร่อยไปหลายนาที จนต้องหยิบแฟ้มงานขึ้นมาทำ เพื่อเรียกสติกลับมาหาตัวอีกครั้ง โชคดีที่คุณปู่ของเธอฝากลูกความรายใหม่มาให้ อย่างกับรู้ว่าเธอจะเจอสถานการณ์อย่างไร
ทำงานเข้าไว้ ทำงานเข้าไว้ เภตราพยายามบอกตัวเอง เธอมาถึงเมืองไทยแล้ว หนึ่งเดือนเธอยังผ่านมาได้ แม้จะอย่างยากเย็นก็ตาม แล้วนี่อีกสองอาทิตย์เธอก็น่าจะผ่านไปได้ อย่างน้อยก็ให้สาขาใหม่ เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเธอประทับใจ... คนอะไรคิดได้อย่างไรกันว่าเธอมาป่วนสำนักงานเป็นเด็ก ๆ ไปได้ เภตราขมวดคิ้ว พยายามหาเรื่องอื่นมาทดแทนความคิดถึงเมษาให้วุ่นวายใจ ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมากับตัวเอง... เมษา...ธันวา...พัฒนวรรต เภตราพึมพำกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ส่ายหน้าไปมา เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นเมื่อมาถึงที่นี่ ความกระตือรือร้นที่จะมาเมืองไทยอย่างเดียว ทำให้เธอไม่ได้เอะใจคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย นี่พรหมลิขิตเล่นตลกอะไรกับเธอหรือเปล่า เธออยากจะถามเลขาของเขาเสียด้วยซ้ำ ว่าสองคนนี้เป็นญาติกันหรือไม่ บ่อยครั้งที่เธอเจอคนนามสกุลเดียวกัน แต่ไม่เคยรู้จักกันมาเลย และเธอก็ภาวนาอยากให้มันเป็นอย่างนั้น แต่ชื่อเดือนที่คล้าย ๆ กันแบบนี้ ช่างไม่สนับสนุนคำภาวนาของเธอเสียเลย มันเหมือนบอกอยู่กลาย ๆ แล้วว่าสองคนนี้อาจจะเป็นญาติ หรืออาจเป็นพี่น้องกันเสียด้วยซ้ำ
สิ่งหนึ่ง...สิ่งแรกที่เธอต้องยอมรับความจริง เมษายังไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว ญาติพี่น้องให้เธอได้รับรู้เลย
. และนี่หากทั้งคู่เป็นญาติกัน เธอจะทำอย่างไร เภตราถอนหายใจ... เธอคงให้ธันวารู้ไม่ได้เลยว่า เหตุผลการขอย้ายมาทำงานที่เมืองไทยจริง ๆ นั้นคืออะไร... บางครั้งเภตราก็อยากยอมรับความจริงว่า อารมณ์เด็ก ๆ คิดอะไรชั่ววูบขาดเหตุผลกำลังตามมาทำร้ายตัวเธอ แต่ช่างเถอะ... เภตรารู้ตัวดีว่าอะไรจะเกิด เธอมีสติดีทุกครั้ง ที่ทำอะไรหรือตัดสินใจอะไรลงไป และเธอก็สามารถรับมือกับมันได้แน่นอนอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุด เธอก็รู้ว่าเธอสั่งให้ธันวารีบกลับมาออฟฟิศได้ นี่เธอแค่ทนายธรรมดาสามัญ ธันวาเป็นถึงพาร์ตเนอร์หุ้นส่วนของสาขากรุงเทพ ฯ นึก ๆ แล้วก็ขำดีเหมือนกัน ถือเป็นการตัดไม้ข่มนามเริ่มต้นทำงานให้เธอมีขวัญและกำลังใจมากขึ้นอีกเยอะเลย..... ข่มแบบนี้ไว้ก่อน น่าจะปลอดภัย...ต้องอยู่กันไปอีกตั้ง 2 ปี เภตราอมยิ้ม แต่ถึงอย่างไรก็เธอก็รู้สึกว่าที่ทำงานที่นี่ดูอบอุ่นคล้าย ๆ กับที่แฟรงก์เฟิร์ต แม้ว่าเธอจะยังไม่เจอคนอื่นมากนัก แต่เลขานุการของธันวาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดี และทำงานด้วยไม่ยากนัก ส่วนธันวาเธอยังไม่ค่อยแน่ใจนัก เพียงแค่ที่ได้คุยกัน แม้จากประวัติการทำงานเขาจะเป็นคนเก่งของที่นี่ แต่ข้อมูลก็ยังไม่มากพอไม่รู้ว่าหัวหน้างานคนใหม่จะทำงานจริงจังอย่างเธอหรือไม่ แต่ก็ต้องทำงานด้วยกันไปอีกนาน อย่างไรก็ตามเธอเชื่อว่าการทำงานที่นี่คงช่วยทำให้เธอไม่คลุ้มคลั่งเสียสติ ในขณะที่ยังติดต่อเมษาไม่ได้ 2 อาทิตย์ คงทรมานไม่เบา อาการแน่น ๆ ในหน้าอกเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรู้สึกเหมือนปวดหัวจี๊ดขึ้นมาแทน ชีวิตเริ่มต้นที่ฟากฟ้านี้ก็ไม่เป็นตามแผนที่วาดฝันไว้เสียแล้ว เธอจะบอกกับอันย่ากับสเตฟานว่าอย่างไรดี หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะละสายตาจากภาพนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ค่อย ๆ เดินกลับมานั่งลงหน้าโน้ตบุ้คบนโต๊ะประชุมกลางห้อง ชั่งใจว่าจะอีเมลบอกเมษาว่าเธออยู่ที่ไหนดีหรือไม่ เธอนั่งนิ่งอยู่หลายอึดใจ ขยับหมุนเก้าอี้ไปซ้ายไปขวาช้า ๆ อย่างครุ่นคิด มองหน้าเว็บเมลนั้นอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ ปู่ย่า และเพื่อน ๆ แทน ...โปรดติดตามตอนต่อไป...** "*เพลง Tin Man ประพันธ์โดย Dewey Bunnell หนึ่งในมือกีตาร์และนักร้องนำแห่งวง America อันเลื่องชื่อ อยู่ในอัลบั้ม Holiday เมื่อปี 1974 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ ทำให้ America กลายมาเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้
Create Date : 18 พฤษภาคม 2551
19 comments
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 20:12:41 น.
Counter : 466 Pageviews.
โดย: พรายทราย 18 พฤษภาคม 2551 18:40:29 น.
โดย: ใยบัว IP: 203.132.65.24 19 พฤษภาคม 2551 16:55:24 น.
โดย: พรายทราย 19 พฤษภาคม 2551 19:48:44 น.
โดย: พรายทราย 19 พฤษภาคม 2551 19:51:41 น.
โดย: พรายทราย 19 พฤษภาคม 2551 20:05:24 น.
โดย: พรายทราย 19 พฤษภาคม 2551 20:13:35 น.
โดย: ใยบัว IP: 203.132.65.24 22 พฤษภาคม 2551 22:01:39 น.
โดย: อสิตา IP: 124.121.62.237 25 พฤษภาคม 2551 1:35:31 น.
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 25 พฤษภาคม 2551 13:04:26 น.
โดย: พรายทราย 25 พฤษภาคม 2551 17:04:13 น.
โดย: พรายทราย 25 พฤษภาคม 2551 17:05:32 น.
โดย: พรายทราย 25 พฤษภาคม 2551 17:08:17 น.
โดย: พรายทราย 12 มิถุนายน 2551 22:12:08 น.
โดย: พรายทราย 12 มิถุนายน 2551 22:27:21 น.
โดย: รักดี (ploy666 ) 3 พฤศจิกายน 2551 16:11:15 น.
โดย: พรายทราย 5 พฤศจิกายน 2551 19:09:53 น.
โดย: PiCorn (Camille) IP: 71.81.178.101 19 มิถุนายน 2553 12:00:41 น.
โดย: พรายทราย 20 มิถุนายน 2553 6:45:53 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา... ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ... **สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ** คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ... ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้ แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว.. ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร... **และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย ****************************** Friends' Blogs นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก
ส่วนเพลงคงต้องรอสักพักเมื่อไหร่เน็ตออกต่างประเทศ
ราบรื่นคงได้ฟังเพลงเพราะ ๆ กันนะคะ
อ่านอย่างมีความสุขนะคะ