โคบอลต์ (COBALT) ขาดแล้วเป็นโรคโลหิตจาง
โคบอลต์ (COBALT)
เป็นส่วนประกอบของวิตามินบี 12 ดังนั้นจึงเป็นสารที่จำเป็นในการสร้างเลือด มีการดูดซึมน้อย ส่วนใหญ่ถูกขับออกโดยไม่ได้ดูดซึมเลย ส่วนที่ดูดซึมไว้จะถูกขับออกทางปัสสาวะและปนกับน้ำดีที่ยังอยู่ในร่างกายพบ ที่ตับ และม้าม ไต ตับอ่อน ประมาณ 1 ug ต่อ 100 ซี.ซี. พบใน blood plasma หน้าที่ของ โคบอลต์ เกี่ยวข้องกับการสร้างเลือด เพราะเป็นส่วนประกอบของวิตามินบี ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด เช่น เอนไซม์บางตัวที่เกี่ยวข้องกับกรดอะมิโนและกลูโคส และอื่นๆ ปริมาณที่รับประทาน ปริมาณที่ควรรับประทานควรน้อยกว่า 1 ug ต่อวัน ได้จากอาหารพวกเนื้อสัตว์ พืชมีน้อย มากที่สุดในตับ ไต หอยนางรม เนื้อสัตว์และนม ผลของการขาด โคบอลต์ ยังไม่พบในคน ส่วนการได้รับ โคบอลต์ มากเกินไป มีผู้รายงานว่า การเติม โคบอลต์ ลงในเบียร์ จะทำให้คนที่ ดื่มเบียร์มาก ๆ เกิดโรคตับและหัวใจได้
ข้อมูลทั่วไป โคบอลต์ จัดเป็นเกลือแร่ในร่างกาย และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิตามิน บี 12 หรือ COBALAMIN วิตามินบี 12 เป็นส่วนใหญ่ เกลือแร่ โคบอลต์ ร่างกายจะใช้เพียงเล็กน้อย และเมื่อร่างกายได้ใช้งานแล้วจะปล่อยให้ออกจากร่างกายทางปัสสาวะ โคบอลต์ ในร่างกายจะพบมากในเลือด น้ำเหลือง ตับและม้าม ร่างกายไม่สามารถจะผลิตเองได้ และได้มาจากอาหารเท่านั้น ม้าม
ประโยชน์ต่อร่างกาย o ช่วยในการปฏิบัติงานของน้ำย่อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น o มีความสำคัญต่อการปฏิบัติงาน และรักษาสุขภาพของเม็ดโลหิตแดง และเซลล์ต่างๆของร่างกาย o ช่วยร่างกายในการผลิตโคลีน o ช่วยร่างกายเติบโตอย่างปกติ o รักษาความเยาว์วัยให้คงนาน o ช่วยการทำงานของเซลล์ปลายประสาทที่รับความรู้สึกจากภายนอกร่างกาย o รักษาเยื่อหุ้มเส้นใยประสาทให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสล้างพิษหรือละลายพิษจากอาหาร และอื่นๆ เช่น บุหรี่ คาเฟอีน o โคบอลต์ มีผลต่อการขยายของหลอดเลือด ดังนั้นจึงช่วยในการลดความดันสูง
แหล่งที่พบ o อาหาร ที่เป็นแหล่งที่ดีที่สุดคือ เนื้อ โดยเฉพาะตับและไต หอยนางรม นม โคบอลต์ จะพบมากจากอาหารที่ได้จากทะเลและพืชทะเลมากกว่าพืชผักที่ปลูกบนพื้น ดิน ดังนั้น ผู้ที่รับประทานมังสวิรัตมักจะขาดเกลือแร่ชนิดนี้อยู่บ่อยๆ โคบอลต์ จะเก็บที่เม็ดเลือดแดง พลาสมา และบางส่วนจะเก็บไว้ที่ตับ ไต ตับอ่อน
ปริมาณที่แนะนำ o ยัง ไม่มีมาตรฐานกำหนด ในรายที่จำเป็นต้องเสริมเกลือแร่ โคบอลต์ ร่างกายไม่สามารถรับ โคบอลต์ ได้โดยตรงได้จึงต้องรับประทานวิตามินบี 12 ในปริมาณที่มี โคบอลต์ 5-8 ไมโครกรัมต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กมักจะไม่พบการขาดเกลือแร่ชนิดนี้ ยกเว้นในถิ่นที่ขาดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผู้ใหญ่ที่รับประทานมังสวิรัตติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 3-6 ปี จะทำให้เกิดการขาด โคบอลต์
ผลของการขาด เกิดเป็นโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปรกติและอายุไม่สมบูรณ์ ( pernicious anemia ) ถึงแม้ว่าโรคโลหิตจางชนิดนี้จะเกิดจากการขาด โคบอลต์ ก็จริง แต่จะรักษาโดยให้ผู้ป่วยรับประทาน โคบอลต์ โดยตรงไม่ได้ ต้องรักษาโดยการฉีด หรือรับประทานวิตามินบี 12 เพิ่ม และถ้าเราขาด โคบอลต์ ยังทำให้เกิดภาวะอัตราการเจริญเตอบโตจะช้า ถ้าขาด โคบอลต์ นั้นไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดความผิดปรกติทางประสาทอย่าง ถาวร
ผลของการได้รับมากไป การได้รับมากเกินไปจะทำให้เกิดผลข้างเคียง สำหรับบางคนโดยที่ต่อมธัยรอยด์โต การลดปริมาณการบริโภค โคบอลต์ จะทำให้ต่อมธัยรอยด์ที่โตกลับคืนสู่ขนาดปกติได้
ข้อมูลอื่นๆ o การดูดซึม + ประมาณ ร้อยละ 70-80 ของ โคบอลต์ ที่กินเข้าไปจะถูกดูดซึมได้ที่ลำไส้เล็ก และส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 65 จะถูกขับถ่ายออกทางปัสสาวะ ส่วนน้อยที่ขับออกทางอุจจาระโดยถูกขับออกมาในน้ำดี โคบอลต์ จะถูกเก็บไว้ในเม็ดเลือดและพลาสมา บางส่วนจะถูกเก็บไว้ในตับ ไต ตับอ่อน และม้าม o อาหารหรือสารเสริมฤทธิ์ + ทองแดง เหล็ก และสังกะสี
ที่มา //www.nutritionthailand.com/nutrition/miniral/339-cobalt
Create Date : 08 มิถุนายน 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 11:43:20 น. |
Counter : 9014 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีครับ