ปัญหาเด็กไทยอ่านไม่ออก
ปัญหาเด็กไทยอ่านไม่ออก
เรียน บรรณาธิการข่าวสด ที่นับถือ
จาก ข่าวป.3 ถึง 6 หมื่นคน อ่านไม่ออก...ดังที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ผมในฐานะเคยเป็นครูเก่าและได้ติดตามวงการศึกษามาตลอด ขอเสนอมุมมองดังนี้
1.วิชา ภาษาไทยปัจจุบันได้ลดการฝึกทักษะการอ่าน-พูด-เขียนลงไปมาก เช่น วิชาอ่านเอาเรื่อง เรียงความ เด็กไม่สามารถพูดหรือเขียนสรุปเนื้อหาได้ เราใช้เทคโนโลยีแทนการเขียนรายงานด้วยลายมือ เด็กจะฟังมากกว่าอ่าน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ฟังมากกว่าอ่าน จะมีสักกี่คนที่อ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนมากจะดูและฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อ การใช้ภาษาในคอมพิวเตอร์ก็วิบัติจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าคำไหนอ่านอย่างไร เขียนอย่างไร ไม่มีแล้วครับที่ถ้าเขียนผิดให้คัดใหม่มา 10 จบ 20 จบ
2.ครู ผู้สอนก็เป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มปัญหา ดังที่มีรายงานว่าทั้งนักเรียน-ครู-ผู้บริหาร ไม่สามารถผ่านเกณฑ์ในการเขียน ตามคำบอกที่เป็นพื้นฐานภาษาไทย ป.1 นี่ชี้ให้เห็นว่า วันๆ ไม่ค่อยได้เขียน ได้อ่าน เด็กเดี๋ยวนี้แค่พูด พูด พูดทั้งวัน ไม่ฟังครูสอนเพราะครูไม่มีอะไรน่าสนใจในการสอน ไม่มีการเตรียม ไม่มีแผน ไม่มีอุปกรณ์ที่ดี ซึ่งครูจะมีปัญหาต้องทำผลงาน, เรียนต่อ, ทำโครงการที่รับผิดชอบ, ห้องเตรียมผลงานเพื่อรอการตรวจและประเมินจาก สมศ.และเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ, ร่วมกิจกรรมของชุมชนของสังคมจนแทบไม่มีเวลา อีกทั้งปัญหาส่วนตัวอีกจิปาถะ ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งให้ไม่มีเวลาจะเคี่ยวเข็ญ การอ่าน พูด เขียนให้เด็ก ยิ่งได้ผู้บริหารประเภทไม่กินข้าวกลางวัน กินมื้อเช้าชาม-มื้อเย็นชาม ก็ยิ่งไปกันใหญ่
3.สำหรับในกทม.ปัญหาจะ มีเฉพาะโรงเรียนรัฐ เพราะเอกชนจะเข้มข้นทางวิชาการอยู่แล้วเพื่อชื่อเสียงและเงินของโรงเรียน ส่วนผู้ปกครองก็ติวเข้มเพราะกลัวจะเสียหน้า กลัวสู้ลูกคนอื่นๆ ไม่ได้ โรงเรียนสังกัด กทม.เด็กอ่านไม่ออกมีเยอะครับ เพราะต้องรับเด็กมาจากทุกแหล่ง ทุกเชื้อชาติ ปัญหาส่วนตัวเยอะ แต่จากการสอบถามครูผู้สอนที่เคี่ยวเข็ญเอาใจใส่การอ่าน-พูด-เขียน ภายในระยะเวลา 3 เดือนเด็กสามารถอ่านและเขียนได้ดีขึ้นอย่างน่าพอใจ ไม่เว้นแม้เด็กพม่ารามัญ เพราะโรงเรียนมีชั่วโมงรักการอ่าน (อ่านแล้วต้องบันทึกในสมุด), ห้องสมุด, คัด-เขียนและโครงการ "อ่านกันสนั่นเมือง" รองรับอยู่ แต่ก็น่าเสียดายที่ครูเหล่านั้นที่มีจิตวิญญาณครูแท้ๆ ต้องโดนให้ออกไปเลี้ยงหลานแทนด้วยข้อหา "เกษียณอายุ" ครับ
พรพจน์
ตอบ คุณพรพจน์
เป็น มุมมองจากครูเก่าที่น่าสนใจว่าการอ่าน-พูด-เขียน เป็นหัวใจสำคัญของมาตรฐานการศึกษา แต่ทุกอย่างลดลงไปเพราะเทคโนโลยีใหม่ ตรงนี้แหละที่ต้องขบคิดกันให้หนัก เราไม่สามารถปฏิเสธคอมพิวเตอร์ได้ ต้องมี แต่จะต้องผสมผสานกับการอ่านโดยละเอียดจากตำราจากหนังสือให้ได้ ในชีวิตประจำวันก็จำเป็นต้องอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน จะฟังแต่ข่าวสั้นๆ จากสื่ออื่นคงไม่เพียงพอ
ที่มา //www.kruthai.info/view.php?article_id=6204
Create Date : 02 ตุลาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2556 6:24:01 น. |
Counter : 5934 Pageviews. |
|
|
|