Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
++++++อักษรไทยมิได้คิดค้นประดิษฐ์ขึ้นเอง แต่หยิบยืมประยุกต์มาจากอักษรลาว++++++

ผมไปอ่านเจอข้อเขียนชิ้นหนึ่งเข้า เห็นว่าน่าสนใจเลยหยิบมาเล่าสู่กันฟัง

บทความชิ้นนี้ ลงในหนังสือพิมพ์มติชนวันที่ 10 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมานี้เอง ถ้าจำไม่ผิดเขียนโดยคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ (หรือ อ.ศรีศักร ผมไม่แน่ใจเท่าใดนัก)

ก่อนอื่นบอกก่อนนะครับว่านี้เป็นเพียงทัศนะทางวิชาการ (opinion) ที่อิงบนหลักฐานที่คุณสุจิตต์มี ซึ่งคุณสุจิตต์ก็สันนิษฐานจากข้อมูลที่พบ แต่ทว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง (fact) ที่ยืนยันอย่างร้อยเปอร์เซนต์ว่าเหตุการณ์ต้องเป็นไปอย่างที่บอก

เรื่องมีอยู่ว่า มีการค้นพบศิลาจารึกในหลวงพระบาง ประเทศลาว ซึ่งได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ โดยได้จารึกปีจุลศํกราชที่สลักไว้ด้วย เมื่อลองเทียบกับปีไทยแล้วพบว่ามากกว่าศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงถึง 113 ปี

ปัญหาเริ่มต้นขึ้นที่ว่า ความเชื่อทางวิชาการของประวัติศาสตร์ไทยนั้น เราเชื่อกันว่าอักษรไทยถูกประดิษฐ์โดยพ่อขุนรามคำแหง โดยที่ลาวนั้นได้หยิบยืมเอาไปใช้ในภายหลัง

หลักฐานในข้างต้นที่คุณสุจิตต์พบได้แย้งข้อคิดเห็นทางวิชาการนี้ว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมีอักษรลาวมาก่อนหน้าตั้ง 113 ปี ไม่มีทางที่พ่อขุนรามคำแหงจะอายุเป็นศตวรรษเพื่อมารอบันทึกเรื่องราวของพระองค์ในศิลาจารึก

คุณสุจิตต์ทิ้งท้ายไว้ก่อนว่าอย่างพึ่งเชื่อสิ่งที่ตนกล่าว ขอให้ไปพิจารณาข้อมูลแล้วพิจารณาเองว่าความจริงจะเป็นเช่นใดกันแน

มีนักวิชาการหลายท่านเห็นแย้งกับคุณสุจิตต์มากมาย เขียนแย้งเขียนด่า แต่สุดท้ายอยู่ที่ตัวเราครับว่าจะเชื่ออย่างไร หลังจากที่ได้พิจารณาซึ่งหลักฐานแล้ว

ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับเพราะผมอ่านเพียงคร่าว ๆ ในหนังสือพิมพ์ คงต้องอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์ออกมาแล้วเปรียบเทียบถึงจะพิจารณาได้

-------------------------------------------------------------------------------------------

ปัญหาที่กล่าวมาในข้างต้นนี้จะไม่มีปัญหามาเถียงกันเลยนะครับ ถ้าเราไม่มองประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นความจริงแท้ฝังแน่นระดับมายาคติ

มายาคตินี้แปลตามตัวก็คือ ตำนานต่าง ๆ นะครับ ในทางสังคมวิทยาหรือมานุษยวิทยา คำว่ามายาคตินั้นคือ ความคิดที่เข้าไปฝั่งลึกอยู่ในระดับรากของวัฒนธรรม จนเราแยกไม่ออกครับว่านี้คือเรื่องธรรมชาติ หรือเรื่องที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น อย่างเรื่อง พรหมจรรย์ หรือ ความเป็นลูกผู้ชาย นะครับ หากผมถามว่าเรื่องแบบนี้ธรรมชาติสร้างขึ้นหรือมนุษย์คิดขึ้น ก็ยากนะครับที่จะตอบได้

การมองประวัติศาสตร์แบบว่ามันเป็นมายาคติก็คือ มองว่าส่ิงที่ปรากฎในประวัติศาสตร์นั้นล้วนคือความจริงเสียทั้งหมด จะมีความจริงอื่นมาทดแทนมิได้ เหมือนกับฝังลึกลงในรากฐานความคิดของชนชาติเสียแล้ว

การฝังลึกแบบมายาคติเช่นนี้ มันก็มีทั้งดีและร้ายนะครับ ข้อดีก็คือ มันเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวคนในชาติให้มีความรู้สึกร่วมกันได้ อย่างเช่นเรื่องของสมเด็จพระนเรศวร เมื่อพูดถึง เราจะเกิดความฮึกเฮิม ฯลฯ แต่ข้อร้ายของมันก็คือเมื่อมันฝังอยู่ระดับความคิดวัฒนธรรมแล้ว มันก็ยากที่จะถอนออกได้ การเปิดรับเรื่องใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก และมีโอกาสในการถูกต่อต้านสูง

อาทิเช่น หากผมพูดเรื่องของพระศรีสุริโยทัย (ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ ก็รู้เรื่องของท่านดี) ว่ามีหลักฐานชี้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์กลางคอช้างเพราะเหตุจากไปเที่ยวชม แล้วช้างเกิดตื่นฝูงคน วิ่งเข้าไปในสนามรบ แม่ทัพพม่ามิได้สังเกตเลยสอยซะ

หลาย ๆ ท่านที่อ่านข้อความผมข้างบน คงโกรธเคืองผมอย่างแรงที่บังอาจหมิ่นวีรสตรีของไทย ปัดไม่ยอมรับความจริงถึงหลักฐานที่ผมยกมา (สมมตินะครับ)

นี้ละครับตัวอย่างง่าย ๆ ของการที่ประวัติศาสตร์ฝังลึกในระดับมายาคติแล้วไปแตะต้องมันไม่ได้

------------------------------------------------------------------------------------------

ผมเห็นด้วยกับข้อเขียนของคุณสุจิตต์ที่ว่า อย่าไปยึดติดอยู่กับประวัติศาสตร์ที่จารึกขึ้นมา อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยินมาว่า "ประวัติศาสตร์ถูกจารึกโดยผู้ชนะ" ดังนั้นความจริงบางอย่างที่ผู้ชนะไม่อยากพูดถึงก็อาจไม่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็ได้

ในฐานะที่ผมเป็นนักเรียนที่เรียนเกี่ยวกับการสื่อสาร ในยุคปัจจุบันนี้การสื่อสารเป็นยุคการต่อรอง (Negotiation) ตัวเราระดับปัจเจก สามารถที่จะคิด จะเชื่อ จะต่อรองข้อมูลต่าง ๆ ที่ออกมาจากสื่อ (ประวัติศาสตร์ก็เป็นสารที่ออกมาจากสื่อเหมือนกัน) ดังนั้นตัวเราสามารถพิจารณาเองได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด

เพราะเราไม่ได้อยู่ในยุคที่หลวงวิจิตรวาทการสร้างประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเทียมขึ้นมาให้คนปฎิบัติ เราไม่ได้อยู่ในโลกที่สื่อไร้น้ำยาจนไม่มีใครเชื่อ และเราไม่ได้อยู่โลกที่ทรงพลังล้นฟ้า

ที่สำคัญคืออย่ายึดติดเพียงเพราะว่ามันเคยเป็นเช่นนี้แล้วมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้

เปิดใจให้กว้าง แล้วพร้อมต่อรองกับข้อมูลที่ได้มาครับ




ป.ล. ขอนอกเรื่องนิด

วันนี้่พี่ที่สนิทกันทำงานอยู่ที่ห้องสนิทบนตึก GMM บอกว่าอยากให้ไปดูนิทรรศการที่หน้า TCDC ห้าง Emporium

ผมก็ว่างอยู่เลยไปดูครับ นิทรรศการชื่อว่า "ISAN RETROSPECTIVE กันดารคือสินทรัพย์" ดูแล้วนี้เป็นนิทรรศการที่ดีมาก ๆ เลยครับ

เริ่มเรื่องจากอคติของคนสังคมไทยที่มองคนอีสานอย่างดูถูก แล้วก็ชี้ให้เห็นความสามารถของคนอีสานเรื่อยไปจนถึงวิถีชีวิต

นิทรรศการนี้ใช้สื่อได้น่าสนใจมากครับ กลับมาจากเชียงใหม่ผมจะไปดูอีกรอบแล้วเขียนให้อ่านกัน

งานมีตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 1 มกราคมนะครับ

ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ






Create Date : 14 ธันวาคม 2548
Last Update : 14 ธันวาคม 2548 16:41:57 น. 32 comments
Counter : 1912 Pageviews.

 
ผมไม่รู้ว่ามีใครประสบพบเจอชะตากรรมเดียวกับผมบ้างนะครับ

เหมือนคนทำบุญมาน้อยยังไงไม่รู้

คือตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้อัพบล็อกเหมือนทั่วไปแหละครับ พอเสร็จแล้ว บล็อกของเราก็จะไปปรากฎหน้ารวมหน้าแรกใช่ไหมครับ

แต่บล็อกของผมเกือบทั้งหมด ที่พึ่งอัพหมาด ๆ ไปโผล่เอาเสียหน้าสองครับ (จำได้ว่ามีบล็อกเรื่องหนังโป๊อันเดียวที่ขึ้นหน้าหนึ่ง)

โอ้ว ข้าพเจ้าทำบาปอะไรนี้ จึงได้รับผลกรรมเช่นนี้



โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:19:43:16 น.




มันเป้นลางบอกค่ะว่าพี่รุ่งกับการเขียนถึงอะไรแนวนั้น อิอิอิ



โดย: merveillesxx วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:1:22:17 น.





โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:10:28:17 น.  

 
อ่านในมติชนเหมือนกันเรื่องนี้

ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไงกันแน่
หวังว่าผู้เกี่ยวข้องน่าจะค้นหาคำตอบได้นะ
และต้องเปิดใจกว้างด้วย

หวังมากไปไหมเนี่ย



โดย: keyzer วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:10:43:51 น.  

 
อย่างที่ผมกล่าวไปในข้างต้นครับคุณ keyzer ว่าประวัติศาสตร์ชาติไทย มันอยู่ในระดับของมายาคติ

ความจริงระดับชาวบ้านจะเชื่อฝังลึกอะไรมันก็ไม่ผิด แต่สำหรับนักวิชาการ การที่คุณโอนเอียงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ฝังลึกความคิดว่านั้นคือความจริงแท้แน่นอนเพียงอันเดียว มันไม่ได้ครับ

เพราะทฤษฎีที่ตนถือมันคือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้เฉพาะในช่วงเวลานั้น ๆ หากว่ามีแนวคิดทฤษฎีใหม่ขึ้นมาที่อธิบายได้ชัดเจนกว่า ทฤษฎีเก่าก็จะถูกล้มล้างไป

คนส่วนใหญ่บอกว่าหยิบเรื่องนี้มาพูด ไม่รักชาติหรือ ทำไมอยากเปลี่ยนประวัติศาสตร์ชาติ ผมว่ามองคนละจุดแล้วนะครับ

เหมือนภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ตัวของนีโออยู่ในโลกจริงเสมือนที่สร้างขึ้นโดยเครื่องจักร ประวัติศาสตร์ของโลกก็มีลักษณะเดียวกันกับโลกเสมือนนั้น คือสร้างขึ้นมาจากน้ำมือของผู้ชนะ ที่มีโอกาสในการบันทึกประวัติศาสตร์กระแสหลักไว้

แต่เมื่อนีโอต้องเลือกยาระหว่างอยู่กับความจริงแท้กับความจริงปลอม เขาก็เลือกความจริงแท้ ที่เจ็บปวดแต่นั้นก็คือความจริง

อย่างไรก็ตาม ในทัศนะส่วนตัวของผม ผมมองว่าเรื่องนี้มันสามารถเดินไปด้วยกันได้ หากคุณจะเชื่อก็เชื่อไป คุณมีสิทธิเชื่อ เพราะอย่างไรมายาคติเหล่านี้ก็มีประโยชน์อย่างที่ผมกล่าวไว้แล้วข้างต้น

แต่ว่าในวงการวิชาการ การพัฒนาองค์ความรู้จากหลักฐานที่พบจริงก็ควรกระทำต่อเนื่องไปด้วย

มิฉะนั้นเราคงเป็นเพียงคนที่เลือกกินยาเม็ดความจริงปลอมโดยปิดกั้นความจริงแท้ที่ปวดร้าวตลอดไป


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:10:58:22 น.  

 
ผมเห็นด้วยกับคุณที่ว่าปัจจุบันชนชั้นกลางมีสิทธิในการเลือกที่จะบริโภคข้อมูลหรือความเชื่อ แต่ต้องนึกถึงชาวบ้านด้วยที่เค้าไม่มีเวลาว่างในการพินิจพิเคราะห์เหมือนเรา
แต่ก็น่าคิดอีกเหมือนกันว่า มนุษย์จริงแล้วมีการวิเคราะห์ข้อมูลหรือไม่ อันเป็นสาเหตุว่าทำไมละครน้ำเน่าจึงมีอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับพล็อตเรื่องซ้ำซาก หรือหนักโป๊เหตุใดมีส่วนทำให้มนุษย์ข่มขืน


โดย: Johann sebastian Bach (Johann sebastian Bach ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:00:48 น.  

 
รอพิสูจน์อย่างจริงจังกับหลักจารึกหลักนั้นก่อนคะ ถ้าเก่ากว่า ก็ว่าไปตามนั้น เพราะหลักฐานเพิ่งค้นพบใหม่นี่นา เรื่องธรรมดาๆ ที่ไม่เห็นต้องออกมาโวยวายกันเล๊ย (คนไทยกลุ่มหนึ่งกลัวเสียหน้า ว่ายืมลาวมาใช้)

อ่านเจอเจ้าหน้าที่กรมศิลป์คนนึง ที่บอกว่า ใครคิดว่าของลาวเก่ากว่าของไทย คนนั้น โง่...

โห...อันนี้ก็เกินไป


โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:16:02 น.  

 
^
^
^

คุณ ju ผมว่าเจ้าหน้าที่กรมศิลป์คนนั้นรักชาติจนลืมไม่ลืมหูลืมตา แถมยังชอบเหยียดวัฒนธรรมอื่นอีกนะนั้นน่ะ

เกินไปครับ เกินไป


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:18:36 น.  

 
ผมชอบความคิดของคุณคับ
"เปิดใจให้กว้าง แล้วพร้อมต่อรองกับข้อมูลที่ได้มา"

บางอย่างที่เขาโปรโมทกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินจะแตะต้อง ผมก้อไม่ได้เชื่อทุกอย่าง แต่ผมก้อไม่ได้เถียง

เพียงแต่ผมคิดตามข้อมูลและเหตุผล ที่ผมมี

โอว์ สงสัยว่า กว่าจะบอกกล่าวออกมาได้ คงจะเมื่อผมสิ้นอายุขัยกระมัง .....

เอ รึว่า ผมจะเขียนเจ้าความคิดของผมเอาไว้ในBlog Group ที่ต้องใช้Passwordดี

คุณพอรู้บ้างมั้ยว่า Webmasterจะสามารถเข้าไปอ่านได้รึปล่าว? ถ้าผมจะเขียนขึ้น



โดย: yyswim (yyswim ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:30:02 น.  

 
ถึงคุณ yyswim

ความคิดที่เปิดเผยไม่ได้ในสังคมไทยมีอะไรบ้างหนอ

ผมนึกออกเพียงเรื่องเดียวจริง ๆ ครับ (คงรู้ ๆ กันว่าเรื่องไหนที่ไม่น่าไปแตะต้องที่สุดในสังคมไทยนะครับ)

ป.ล. ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเวบมาสเตอร์เข้ามาอ่านได้เปล่า



โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:40:50 น.  

 
รู้สึกว่าประวัติศาสตร์ไทยจากหน่วยราชการจะผูกพันแน่นเหนียวกับคำว่า ชาตินิยมนะคะ


โดย: rebel วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:47:28 น.  

 
เคยอ่านวิทยานิพนธ์อันลือลั่น
เรื่อง วีรกรรมของท้าวสุรนารี ไหมคะ
วิทยานิพนธิ์นี้ลองตั้งคำถามว่า วีรกรรมของท้าวสุรนารี อาจเป็นแค่วาทกรรม ที่เกิดขึ้นมาเพียงรองรับอุดมการณ์ชาตินิยม
ท้าวสุรนารี อาจจะไม่มีอยู่จริง

สำหรับตัวเอง คิดว่าการเขียนประวัติศาสตร์ ก็ไม่ต่างกับการเขียนนิยาย มีพล็อต มีชุดความคิดมารองรับ และอาจจะมีจินตนาการ (จริงๆ ไอเดียนี่เป็นของอาจารย์ท่านหนึ่ง และอิชั้นก็ชอบไอเดียนี้มาก )

อยากรู้ไหมว่าเรณู ปัญญาดี เป็นใคร


โดย: grappa วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:09:24 น.  

 
ชาตินิยมโดยปราศจากเหตุผลนี่.. เวลาคุยด้วยแล้ว เหนื่อยหน่ายเอาจริงๆ

เรื่องสุริโยทัย จุรู้มาเหมือนคุณนะ.. ที่ว่า ไปยืนดูเขารบกัน แล้วช้างเตลิดเข้าไปในดงข้าศึกน่ะ

และมีบางเรื่องราว ที่ใช้ปืนยิง ไม่ใช่การฟันด้วยดาบ

แต่นั่นก็ต้องว่ากันด้วยหลักฐาน...นอกเหนือจากหลักฐานแล้วยังต้องสู้รบปรบมือกับทัศนคติที่ฝังรากลึกเสียด้วยซิ



โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:10:10 น.  

 
อืมม มันเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ที่ฝังอยู่ในความคิดมานาน ย่อมมีการต่อต้านเป็นธรรมดาค่ะ กว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าจริงอาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่เห็นผลงานตัวเองก็ได้ แต่เห็นด้วยมากๆ เลยค่ะ...ที่สำคัญคืออย่ายึดติดเพียงเพราะว่ามันเคยเป็นเช่นนี้แล้วมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ...

ประวัติศาตร์ มันก็คือประวัติศาสตร์ ความจริงเป็นอย่างไรมันย่อมเป็นอยู่อย่างนั้น แต่คนที่เขียนมันขึ้นมาต่างหากที่จะบิดเบือนมันไป มากน้อยแล้วแต่สถานการณ์...และผู้ที่เขียน ย่อมไม่ต้องการเขียนในสิ่งที่ตนไม่พอใจ หรือไม่ชอบ...ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ...อย่ายึดติด จริงๆ


โดย: ฝนทราย วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:22:00 น.  

 
ถึง พี่ grappa ครับ

ไม่เคยอ่านวิทยานิพนธ์เล่มที่ว่าแบบตรง ๆ ครับ เคยแต่อ่านที่เขาหยิบยืมเอามาเขียนเป็นบทความ

ผมคิดว่ามันมีทั้งความเป็นไปได้ แล้วความเป็นไปไม่ได้ นะครับ มีทางเดียวเท่านั้นที่เราจะรู้ได้คือการขอยืมไทม์แมชชีนของโดเรม่อนแล้วนั่งไปดู ว่าเหตุการณ์แท้จริงเป็นเช่นไร

---------------------------------------------------------

ถึง คุณ จุ อีกรอบ

ผมคิดว่าอคติที่เกิดขึ้นในการมองประวัติศาสตร์นี้ เอาให้เด็ดน่าจะเกิดจากงานเขียนของหลวงวิจิตรวาทการนะครับ

งานเขียนของหลวงวิจิตรวาทการเกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคที่สื่อส่งอานุภาพ เนื่องจากประชาชนยังหูตาไม่กว้างไกล หลวงท่านว่าอย่างไร เราก็ว่าอย่างนั้น

ดังนั้นผลงานที่หลวงวิจิตรวาทการผลิตออกมา ล้วนอุดมไปด้วยวาทกรรมในการสร้างชาติ ซึ่ง ส. ศิวรักษ์ กล่าวว่า มีแต่วัฒนธรรม และ คุณค่าปลอม ๆ ทั้งนั้น อย่างเรื่อง การทำตัวอย่างไรให้ดีแต่ไม่เด่น ทำงานให้เลิศแต่คนไม่รังเกียจ ฯลฯ

ตัวอย่างจากแบบเรียน (ที่เราเคยถกกันมาในบล็อกใครผมจำไม่ได้เมื่อไม่นานมานี้) ผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง "เจ้าชีวิต" ของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองศ์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระองค์ก็เริ่มต้นด้วย ชนชาติไทยเริ่มมาจากภูเขาอันไต

ในตรงจุดนี้มีฟุตโน้ต ด้วยว่า ความเชื่อนี้สืบมาจาการศึกษานานมาแล้ว นักประวัติศาสตร์หลาย ๆ ท่าน ก็ไม่เห็นด้วย เช่น กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านก็ทรงไม่เห็นด้วยว่าจะเดินมาไกลอะไรกันขนาดนั้น

ที่นี้เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่มีการปฎิวัติการปกครอง พ.ศ. 2475 บรรดาเจ้านายหลายพระองศ์เสด็จลี้ภัยยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าฟ้าบริพัตร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ฯลฯ

คนที่เข้ามาบริหารบ้างเมืองก็เปลี่ยน น่าเสียดายความรู้ความสามารถของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพนะครับ ผมก้ไม่เข้าใจว่า จอมพลแปลกกลัวอะไรหนักหนา ขนาดบอกว่า ถ้าท่านเสด็จเข้ามาในประเทศไทยเมื่อใด จะยิงทิ้งทันที

ทีนี้ เรื่องประวัติศาสตร์ก็เลยกลายเป็นหน้าที่ของหน่วยงานข้าราชการแทน คนที่เข้ามาควบคุมใหญ่เลยก็คืออย่างหลวงวิจิตรวาทการ

ในฟุตโน้ตนั้นชี้แจงอีกว่า ทางราชการไทย รู้ทั้งรู้ครับว่ามีหลักฐานอื่นว่าชนชาติไทยมาจากไหน ที่ชัดเจนกว่าการมาจากเทือกเขาอันไต แต่ก็ยังเอาเรื่องนี้ออกไปจากหลักสูตรเพราะรู้สึกว่ามาจากเทือกเขาอันไตแล้วยิ่งใหญ่ มีความอุตสาหะพยายาม เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ประมาณนั้น

ฟังแล้ว ก็ได้แต่อึ้งครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:40:02 น.  

 
ถึงคุณฝนทราย

ประวัติศาตร์ มันก็คือประวัติศาสตร์ ความจริงเป็นอย่างไรมันย่อมเป็นอยู่อย่างนั้น แต่คนที่เขียนมันขึ้นมาต่างหากที่จะบิดเบือนมันไป........


เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ




โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:43:32 น.  

 
ประวัติศาตร์ มันก็คือประวัติศาสตร์ เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว


โดย: ครีเอทีฟ หัวเห็ด วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:13:05:12 น.  

 
^
^
^

ผมกลับคิดแย้งนะครับ

เราไม่รู้ใช่ไหมครับว่าอะไรคือประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ประวัติศาสตร์ที่เรารับรู้เกิดจากการที่เราสันนิษฐานจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ (ซึ่งอาจจะจริงหรือเท็จเราก็ไม่รู้ได้) ดังนั้นประวัติศาสตร์ที่แท้จริงมันไม่มีอยู่จริง

ดังนั้นหากมีหลักฐานอะไรใหม่ ๆ ขึ้นแย้ง ประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นมาย่อมเปลี่ยนแปลงครับ นอกเสียจากที่ผมกล่าวไปแล้วว่า นั่งไทม์แมชชีนย้อนไปดูกันเลยว่าเป็นไงแน่

ถ้าประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ย่อมไม่ใช่ประวัติศาสตร์ครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:13:09:11 น.  

 
เพิ่งอัพแล้วเปลี่ยนหน้านั้นผมก็เป็นเหมือนกันครับ

ทางบ็อคแก๊งเค้าบอกว่าเป็ฯความผิดพลาดที่ระบบ แต่ยังแก้ไขไม่ได้เหมือนกัน


โดย: สายัณห์ ตะวันเพลิง วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:13:12:26 น.  

 
แต่เรากลับคิดว่าทั้งลาวทั้งไทยแหละยืมภาษาอินเดียมาผสมกับเขมร หุๆ

ส่วนใครจะมาประยุกต์ใช้ก่อนไทยหรือลาวก็ว่ากันอีกที


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:13:31:11 น.  

 
ถึงว่า ตัวอักษรลาว คล้ายอักษรไทยมั่ก ๆ คิดว่าลาวมายืมของไทยไปใช้ซะอีก


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:13:49:50 น.  

 
จริงๆแล้วเวลาอัพบล็อค ไม่ค่อยเห็นมันขึ้นหน้ารวมเช่นกันค่ะ

ก็ทำใจ แล้วก็ใช้วิธีไปเยี่ยมเพื่อนๆ ตามบล็อคแทน

ไม่ต้องสนใจว่ามันจะขึ้นหน้ารวมมั้ย


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:13:56:09 น.  

 
เข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็น เจอนี่เข้าไป มึนเลย

"ประวัติศาตร์ มันก็คือประวัติศาสตร์ เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว"

โอ๊ยยย น้องเห็ดนี่น่าตี จริงๆ

ประวัติศาสตร์ ไม่มีวันตายตัว ประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับหลักฐาน ความน่าเชื่อถือ ขึ้นอยู่กับคนเขียน ( มีความรู้ มีข้อมูล มีหลักฐาน มีทัศนคติ มีเบื้องหลัง แค่ไหน ยังงัย)

เพราะฉะนั้น ประวัติศาสตร์ จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ค่ะ ตามหลักฐานที่ปรากฏขึ้นใหม่ ไม่มีข้อยุติ

เหมือนสมัยหนึ่งเราเคยเชื่อว่า กษัตริย์องค์แรกของสุโขทัย คือ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ต่อมา เราเจอจารึก พระมหาเถรศรีศรัทธา เราจึงรู้ว่า ก่อนหน้านั้น มีราชวงค์ของพ่อขุนศรีนาวนำถมปกครองสุโขทัยมาก่อน ก่อนที่จะถูกขอมสมาดโขลนลำโพงยึดครอง จน พ่อขุนบางกลางหาว(พ่อขุนศรี) กับพ่อขุนผาเมือง ต้องตีเอาเมืองคืน

มีอีกหลายเรื่องค่ะ.. ที่ต้องเปลี่ยนตำรา เปลี่ยนความเชื่อ
แม้กระทั่ง ไม่มีนางนพมาศ ก็ถกกันมาแล้ว

ประวัติศาสตร์สนุกนะคะ สนุกเพราะมันไม่มีวันลงตัวนี่ละคะ


โดย: กระจ้อน วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:15:27:18 น.  

 
เรื่องนี้พูดยากครับพี่ อย่างที่พี่พูดนะละครับ

เรื่องบางเรื่องมันกระทบถึงความภูมิใจในชาติก็อาจจะโดนโวยได้

เอาเป็นว่า รอหลักฐานต่อไปดีกว่า


โดย: Bird (House Of FlyingBird ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:16:55:28 น.  

 
^
^
^

ผมเข้าไปดู profile

คุณ Bird แก่กว่าผมเกือบปีเลยครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:17:29:47 น.  

 
ตกใจ


โดย: chalam.exteen.com IP: 61.91.107.120 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:21:19:55 น.  

 
ชอบเพลงอ่ะ... แต่นึกไม่ออกว่าเคยฟังมาแล้วที่ไหน...(เกี่ยวกะเรื่องที่เค้าพูดกันมะเนี่ย???)

เข้าเรื่องๆๆๆ...

ประวัติศาสตร์ทำไมจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในเมื่อไม่มีสิ่งใดชี้ชัดตายตัวได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์นั้นไม่มีข้อโต้แย้ง
มันไม่มีใครในตอนนี้ที่อยุ่ตอนที่พ่อขุนรามสลักอักษรลงบนศิลาจารึก
มันไม่มีพยานหลักฐาน พยานบุคลลใดที่มาชี้แจงได้ ประวัติศาสตร์จึงอาจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ...

ชอบจังที่คุณสุจิตต์ลงท้ายว่า ไม่ต้องเชื่อเค้า แต่ให้เราคิดหาข้อมูลต่อเอง... อย่างน้อยก็ไม่ปิดกั้นความคิดเรา


โดย: stubborn IP: 203.188.25.127 วันที่: 15 ธันวาคม 2548 เวลา:0:01:26 น.  

 
เพลงของริคนะค่ะหนู


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:13:42:56 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านครับ

ส่วนตัวผมเองนี่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์น้อยมากถึงน้อยที่สุด แต่เห็นด้วยกับผู้เขียนนะ ประวัติศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเป็นความจริง สำหรับผมมองประวัติศาสตร์ว่ามันเป็น "เรื่องเล่า" ดีกว่า ซึ่งเรื่องราวมันจะเป็นยังไงตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเล่า เล่าทำไม เพื่ออะไร อาจจะสร้าง "เรื่องเล่า"ขึ้นมาสนับสนุนชุดอุดมการณ์หนึ่งๆ หรือเอามาเป็นเครื่องยึดโยงสังคมให้เกิดอันหนึ่งอันเดียวกัน ฯลฯ

สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนกับเป็น "วาทกรรม" ที่เป็น "มายาคติ" มาหลอนๆ เราอยู่ หน้าที่ของเราคงไม่ได้อยู่ที่การรับรู้อย่างเดียวแล้วเลิก แต่ต้องพินิจพิจารณามันด้วย คงเป็นไปไม่ได้ที่ "เรื่องเล่า" เรื่องหนึ่งจะเป็นจริงไปตลอดกาล.....

มีประเด็นเรื่องน้คืบหน้ายังไงนำเสนอต่อเลยนะครับ รออ่านอยู่


โดย: gelgloog IP: 221.128.109.193 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:23:19:43 น.  

 
มาอ่านช้าหน่อย แต่เนื้อหาน่าสนใจมาก เพราะเคยคิดอยู่เหมือนกันว่าตัวหนังสือไทยเนี่ย อาจจะไม่ใช่คนไทยคิด หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้คิดเอาเองทั้งหมด หรือโดยคน ๆ เดียว แต่ตัวเองก็ไม่มีข้อมูลอะไร จึงสรุปอะไรไม่ได้
ก็ยอมรับว่าค่อยข้างจะเชื่อเรื่องที่ว่าตัวหนังสือเอามาจากลาว แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าใครเป็นผู้คิดค้นหรือกำหนดมันขึ้นมา ก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของเราทั้งนั้น


โดย: kittykit IP: 202.183.233.27 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:03:11 น.  

 

เมื่อก่อน อาณาจักรต่างๆ ไม่ใช่ประเทศครับ
อักษรลาวหรืออักษรไทย คือ ต้นกำเนิดเดียวกัน

แต่แตกแขนงออกไป

ถ้าศิลาจารึกที่ลาว จะมีมาก่อนไทย ก็ไม่แปลก เพราะต้นกำเนิดเดียวกัน ภาษาพูดก็เหมือนกัน

จะว่าที่น่าสนใจคือ พ่อขุนรามคำแหง ใช่ผู้ประดิษฐ์อักษรลาว-ไทยหรือเปล่านี่สิ น่าศึกษาต่อไป

ไทยลาว หรือ ไทยสยาม ก็คือเผ่าเดียวกันนั่นแหละ


โดย: เผ่าไทย IP: 124.120.130.44 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:12:29 น.  

 
เราอยากแสดงความคิดบ้าง เราว่าประวัติศาสตร์มักจะถูกบิดเบือนจากผู้ชนะ หรือผู้มีอำนาจ ณ เวลานั้น


โดย: รู้น้อยแต่อยากพูด IP: 68.231.174.231 วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:12:49:53 น.  

 
ไทสยามไม่ใช่ ไทลาว ไทสยาม ตระกูลเดียวกะมอญ แขมร์ครับ


โดย: สยาม IP: 202.137.146.63 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:11:27:13 น.  

 
อยากให้ทุกท่านศึกษาเรื่องขุนบรมราชาธิวาสดูครับ จะเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้นอีกแง่มุมหนึ่งครับ


โดย: ศิลป์ชัย IP: 115.87.16.129 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:21:44:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I will see U in the next life.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add I will see U in the next life.'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.