|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
++++++อักษรไทยมิได้คิดค้นประดิษฐ์ขึ้นเอง แต่หยิบยืมประยุกต์มาจากอักษรลาว++++++
ผมไปอ่านเจอข้อเขียนชิ้นหนึ่งเข้า เห็นว่าน่าสนใจเลยหยิบมาเล่าสู่กันฟัง
บทความชิ้นนี้ ลงในหนังสือพิมพ์มติชนวันที่ 10 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมานี้เอง ถ้าจำไม่ผิดเขียนโดยคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ (หรือ อ.ศรีศักร ผมไม่แน่ใจเท่าใดนัก)
ก่อนอื่นบอกก่อนนะครับว่านี้เป็นเพียงทัศนะทางวิชาการ (opinion) ที่อิงบนหลักฐานที่คุณสุจิตต์มี ซึ่งคุณสุจิตต์ก็สันนิษฐานจากข้อมูลที่พบ แต่ทว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง (fact) ที่ยืนยันอย่างร้อยเปอร์เซนต์ว่าเหตุการณ์ต้องเป็นไปอย่างที่บอก
เรื่องมีอยู่ว่า มีการค้นพบศิลาจารึกในหลวงพระบาง ประเทศลาว ซึ่งได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ โดยได้จารึกปีจุลศํกราชที่สลักไว้ด้วย เมื่อลองเทียบกับปีไทยแล้วพบว่ามากกว่าศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงถึง 113 ปี
ปัญหาเริ่มต้นขึ้นที่ว่า ความเชื่อทางวิชาการของประวัติศาสตร์ไทยนั้น เราเชื่อกันว่าอักษรไทยถูกประดิษฐ์โดยพ่อขุนรามคำแหง โดยที่ลาวนั้นได้หยิบยืมเอาไปใช้ในภายหลัง
หลักฐานในข้างต้นที่คุณสุจิตต์พบได้แย้งข้อคิดเห็นทางวิชาการนี้ว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมีอักษรลาวมาก่อนหน้าตั้ง 113 ปี ไม่มีทางที่พ่อขุนรามคำแหงจะอายุเป็นศตวรรษเพื่อมารอบันทึกเรื่องราวของพระองค์ในศิลาจารึก
คุณสุจิตต์ทิ้งท้ายไว้ก่อนว่าอย่างพึ่งเชื่อสิ่งที่ตนกล่าว ขอให้ไปพิจารณาข้อมูลแล้วพิจารณาเองว่าความจริงจะเป็นเช่นใดกันแน
มีนักวิชาการหลายท่านเห็นแย้งกับคุณสุจิตต์มากมาย เขียนแย้งเขียนด่า แต่สุดท้ายอยู่ที่ตัวเราครับว่าจะเชื่ออย่างไร หลังจากที่ได้พิจารณาซึ่งหลักฐานแล้ว
ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับเพราะผมอ่านเพียงคร่าว ๆ ในหนังสือพิมพ์ คงต้องอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์ออกมาแล้วเปรียบเทียบถึงจะพิจารณาได้
-------------------------------------------------------------------------------------------
ปัญหาที่กล่าวมาในข้างต้นนี้จะไม่มีปัญหามาเถียงกันเลยนะครับ ถ้าเราไม่มองประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นความจริงแท้ฝังแน่นระดับมายาคติ
มายาคตินี้แปลตามตัวก็คือ ตำนานต่าง ๆ นะครับ ในทางสังคมวิทยาหรือมานุษยวิทยา คำว่ามายาคตินั้นคือ ความคิดที่เข้าไปฝั่งลึกอยู่ในระดับรากของวัฒนธรรม จนเราแยกไม่ออกครับว่านี้คือเรื่องธรรมชาติ หรือเรื่องที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น อย่างเรื่อง พรหมจรรย์ หรือ ความเป็นลูกผู้ชาย นะครับ หากผมถามว่าเรื่องแบบนี้ธรรมชาติสร้างขึ้นหรือมนุษย์คิดขึ้น ก็ยากนะครับที่จะตอบได้
การมองประวัติศาสตร์แบบว่ามันเป็นมายาคติก็คือ มองว่าส่ิงที่ปรากฎในประวัติศาสตร์นั้นล้วนคือความจริงเสียทั้งหมด จะมีความจริงอื่นมาทดแทนมิได้ เหมือนกับฝังลึกลงในรากฐานความคิดของชนชาติเสียแล้ว
การฝังลึกแบบมายาคติเช่นนี้ มันก็มีทั้งดีและร้ายนะครับ ข้อดีก็คือ มันเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวคนในชาติให้มีความรู้สึกร่วมกันได้ อย่างเช่นเรื่องของสมเด็จพระนเรศวร เมื่อพูดถึง เราจะเกิดความฮึกเฮิม ฯลฯ แต่ข้อร้ายของมันก็คือเมื่อมันฝังอยู่ระดับความคิดวัฒนธรรมแล้ว มันก็ยากที่จะถอนออกได้ การเปิดรับเรื่องใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก และมีโอกาสในการถูกต่อต้านสูง
อาทิเช่น หากผมพูดเรื่องของพระศรีสุริโยทัย (ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ ก็รู้เรื่องของท่านดี) ว่ามีหลักฐานชี้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์กลางคอช้างเพราะเหตุจากไปเที่ยวชม แล้วช้างเกิดตื่นฝูงคน วิ่งเข้าไปในสนามรบ แม่ทัพพม่ามิได้สังเกตเลยสอยซะ
หลาย ๆ ท่านที่อ่านข้อความผมข้างบน คงโกรธเคืองผมอย่างแรงที่บังอาจหมิ่นวีรสตรีของไทย ปัดไม่ยอมรับความจริงถึงหลักฐานที่ผมยกมา (สมมตินะครับ)
นี้ละครับตัวอย่างง่าย ๆ ของการที่ประวัติศาสตร์ฝังลึกในระดับมายาคติแล้วไปแตะต้องมันไม่ได้
------------------------------------------------------------------------------------------
ผมเห็นด้วยกับข้อเขียนของคุณสุจิตต์ที่ว่า อย่าไปยึดติดอยู่กับประวัติศาสตร์ที่จารึกขึ้นมา อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยินมาว่า "ประวัติศาสตร์ถูกจารึกโดยผู้ชนะ" ดังนั้นความจริงบางอย่างที่ผู้ชนะไม่อยากพูดถึงก็อาจไม่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็ได้
ในฐานะที่ผมเป็นนักเรียนที่เรียนเกี่ยวกับการสื่อสาร ในยุคปัจจุบันนี้การสื่อสารเป็นยุคการต่อรอง (Negotiation) ตัวเราระดับปัจเจก สามารถที่จะคิด จะเชื่อ จะต่อรองข้อมูลต่าง ๆ ที่ออกมาจากสื่อ (ประวัติศาสตร์ก็เป็นสารที่ออกมาจากสื่อเหมือนกัน) ดังนั้นตัวเราสามารถพิจารณาเองได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
เพราะเราไม่ได้อยู่ในยุคที่หลวงวิจิตรวาทการสร้างประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเทียมขึ้นมาให้คนปฎิบัติ เราไม่ได้อยู่ในโลกที่สื่อไร้น้ำยาจนไม่มีใครเชื่อ และเราไม่ได้อยู่โลกที่ทรงพลังล้นฟ้า
ที่สำคัญคืออย่ายึดติดเพียงเพราะว่ามันเคยเป็นเช่นนี้แล้วมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เปิดใจให้กว้าง แล้วพร้อมต่อรองกับข้อมูลที่ได้มาครับ
ป.ล. ขอนอกเรื่องนิด
วันนี้่พี่ที่สนิทกันทำงานอยู่ที่ห้องสนิทบนตึก GMM บอกว่าอยากให้ไปดูนิทรรศการที่หน้า TCDC ห้าง Emporium
ผมก็ว่างอยู่เลยไปดูครับ นิทรรศการชื่อว่า "ISAN RETROSPECTIVE กันดารคือสินทรัพย์" ดูแล้วนี้เป็นนิทรรศการที่ดีมาก ๆ เลยครับ
เริ่มเรื่องจากอคติของคนสังคมไทยที่มองคนอีสานอย่างดูถูก แล้วก็ชี้ให้เห็นความสามารถของคนอีสานเรื่อยไปจนถึงวิถีชีวิต
นิทรรศการนี้ใช้สื่อได้น่าสนใจมากครับ กลับมาจากเชียงใหม่ผมจะไปดูอีกรอบแล้วเขียนให้อ่านกัน
งานมีตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 1 มกราคมนะครับ
ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ
Create Date : 14 ธันวาคม 2548 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2548 16:41:57 น. |
|
32 comments
|
Counter : 1912 Pageviews. |
|
|
|
โดย: keyzer วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:10:43:51 น. |
|
|
|
โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:16:02 น. |
|
|
|
โดย: yyswim (yyswim ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:30:02 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:11:47:28 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:09:24 น. |
|
|
|
โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:10:10 น. |
|
|
|
โดย: ฝนทราย วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:22:00 น. |
|
|
|
โดย: กระจ้อน วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:15:27:18 น. |
|
|
|
โดย: chalam.exteen.com IP: 61.91.107.120 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:21:19:55 น. |
|
|
|
โดย: stubborn IP: 203.188.25.127 วันที่: 15 ธันวาคม 2548 เวลา:0:01:26 น. |
|
|
|
โดย: gelgloog IP: 221.128.109.193 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:23:19:43 น. |
|
|
|
โดย: kittykit IP: 202.183.233.27 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:03:11 น. |
|
|
|
โดย: เผ่าไทย IP: 124.120.130.44 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:12:29 น. |
|
|
|
โดย: รู้น้อยแต่อยากพูด IP: 68.231.174.231 วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:12:49:53 น. |
|
|
|
โดย: สยาม IP: 202.137.146.63 วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:11:27:13 น. |
|
|
|
โดย: ศิลป์ชัย IP: 115.87.16.129 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:21:44:53 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
เหมือนคนทำบุญมาน้อยยังไงไม่รู้
คือตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้อัพบล็อกเหมือนทั่วไปแหละครับ พอเสร็จแล้ว บล็อกของเราก็จะไปปรากฎหน้ารวมหน้าแรกใช่ไหมครับ
แต่บล็อกของผมเกือบทั้งหมด ที่พึ่งอัพหมาด ๆ ไปโผล่เอาเสียหน้าสองครับ (จำได้ว่ามีบล็อกเรื่องหนังโป๊อันเดียวที่ขึ้นหน้าหนึ่ง)
โอ้ว ข้าพเจ้าทำบาปอะไรนี้ จึงได้รับผลกรรมเช่นนี้
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:19:43:16 น.
มันเป้นลางบอกค่ะว่าพี่รุ่งกับการเขียนถึงอะไรแนวนั้น อิอิอิ
โดย: merveillesxx วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:1:22:17 น.