|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
"เด็กหอ" ความเหงา ความโดดเดี่ยว และการไร้ตัวตนอันแสนเหลือทนของชีวิต
อาจช้าไปนิด แต่คงไม่ช้าเกินไปที่จะเขียนถึงหนังเรื่องนี้ "เด็กหอ"
ก่อนอื่นต้องบอกกันว่าข้อเขียนชิ้นนี้จำเป็นต้องพูดถึงความลับของหนัง ผมนั่งนึกทั้งคืนว่าจะเขียนอย่างไรดีไม่ให้หลุดเนื้อเรื่องสำคัญออกไป แต่คิดเท่าไรอย่างไรก็นึกไม่ออก ก็พี่ท่านเล่นมีปมอันบอกไม่ได้เสียแต่กลางเรื่อง
ใครยังไม่ได้ดูเลี้ยวกลับเสียก่อนครับ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องที่สองที่ผมได้ดูในโรง โรคความเบื่อการดูหนังจะรุกไล่ผมไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งได้เมื่อคืนวันพุธ ได้ฟังหนังหน้าไมค์ ซึ่งพี่ย้ง ผู้กำกับ ได้มาให้สัมภาษณ์ ฟังแล้วก็เลยยิ่งอยากดู
ผมเลือกไปดูที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า ช่วงสี่โมงครึ่ง เพราะคิดว่าคนคงน้อยกว่าไปดูแถวสยาม ที่ไหนได้ คนล่อไปครึ่งโรง ที่สำคัญมีแต่คนมาเป็นคู่ดูหนังกระหนุงกระหนิงกันมีความสุข ไอ้เรามาดูคนเดียวเสมอ หลอกตัวเองว่าดีแล้ว ไม่ต้องรอใครดี แต่ใจจริงนั้นชอกช้ำยิ่งได้เห็นใครเขานั่งกันประหนึ่งเขาพิงกัน ยิ่งชวนให้อกตรม.....
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอข้ามเนื้อเรื่องไปเลยละกัน เพราะยังไงคนที่เข้ามาอ่านตรงนี้ก็น่าจะดูกันหมดแล้ว
เราชอบหนังเรื่องนี้ในแง่ของการเลือกธีมและคอนเซปท์ แม้หน้าหนังจะบอกว่าเป็นหนังผี แต่ความจริงหนังเรื่องนี้ เป็นหนังดราม่า ว่าด้วยเรื่องของ ชาตรี (หรือ ต้น)เด็กชายถูกส่งตัวให้ไปเรียนโรงเรียนประจำ เราไม่ค่อยเห็นหนังไทยเรื่องไหนที่จับเอาเรื่องชีวิต (แบบจริงจัง) มาผสมกับเรื่องผี เพราะหนังไทยส่วนใหญ่ ไม่เรื่องตลกกับผี ก็เรื่องรัก ไม่งั้นก็เลยไปหนังแบบฆาตกรรม
เราคิดว่าพี่ย้งสะท้อนคอนเซปท์ 'การไร้ตัวตน' ได้อย่างชัดเจน ชาตรีคิดและรู้สึกตัวอยู่เสมอเหมือนว่าเขาเป็นพวกที่อยู่ตัวคนเดียว ทั้งโลกไม่มีใครมองเห็น เป็นคนชายขอบของครอบครัว ชายขอบของโรงเรียน และชายขอบของโลกใบนี้
การสะท้อนการไร้ตัวตนที่ชัดเจนอะไรจะดีไปกว่าการสร้างตัวละครที่ไม่มีใครเห็นขึ้นมา ตัวละครอย่างวิเชียรเลยเกิดขึ้น ทั้งสองล้วนไม่มีตัวตนในสายตาคนอื่น วิเชียรตายแล้ว คนในโลกนี้คงไม่มีใครได้เห็นอีก ในขณะที่ชาตรีมีตัวตนทว่าก็เหมือนไม่มี
จากเริ่มแรกที่กลัว ชาตรีเริ่มเข้าใจความรู้สึกของวิเชียรทีละเล็กทีละน้อย ในที่สุดเขาก็เป็นเพื่อนกัน
เราชอบฉากที่เขาเฉลยในช่วงกลางเรื่องว่าวิเชียรเป็นผี (และเราคิดว่าหลาย ๆ คนคงชอบเช่นเดียวกัน) เราคิดว่าฉากนี้เป็นฉากที่ใส่เข้ามาได้ประสิทธิภาพที่สุดในหนังเรื่องนี้ ที่สำคัญเราไม่ค่อยเห็นฉากที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ในหนังไทยมากนัก
เริ่มฉากด้วยการจัดฉายหนังกลางแปลงเรื่อง "ผีกัดอย่ากัดตอบ" (ซึ่งพี่ย้งเอาน้องนิเทศมาเล่นหมดเลย เพราะไม่มีเงินซื้อลิขสิทธิ์ ที่สำคัญในนั้นมีน้องก้อยเล่นด้วย น่ารักคร้าบ) ในเรื่องนี้ถึงฉากที่ผีอาละวาด ตัวละครทั้งหลายสู้ไม่ได้ จึงหนีโดยการเอามืดปิดจมูกกลั้นลมหายใจ โดยเชื่อว่าถ้ากลั้นลมหายใจแล้ว ผีจะมองไม่เห็น เด็ก ๆ ทุกคนก็ทำตาม
ทันใดนั้นภาพก็ฉายให้เราเห็นจากมุมสูง ว่าในลานฉายหนังนั้นมีเพียงแค่วิเชียรและชาตรีสองคนเท่านั้น เนื่องจากเด็กคนอื่นปิดจมูกกลั้นลมหายใจกันหมด
ใช่แล้ว วิเชียรเป็นผี เป็นการเฉลยตัวละครว่าเป็นผีที่เลิศในระดับเดียวกับที่บรู๊ซ วิลลิสเก็บเหรียญไม่ได้ใน The Six Senses
อีกจุดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ คือหนังสร้างปมพร้อมปูเรื่องให้เราเห็นอดีตของตัวละครหลักสามตัว ไม่ว่าจะเป็น ชาตรี วิเชียรและครูปราณี ทุกอย่างที่ปรากฎในหนังสัมพันธ์กันและที่สำคัญมีเหตุมีผลสำคัญให้ใส่มันลงไป มิใช่ว่าอยากใส่ก็ใส่ เราคิดว่าการที่ตัวละครทั้งสามตัวมีเบื้องหลังชีวิตซึ่งทำให้คนดูเข้าใจความรู้สึกของตัวละครมากขึ้น ยิ่งทำให้คนดูคล้อยตาม
อีกฉากที่เราชอบ คือฉากที่ทั้งสองตัวละครเดินหนีโรงเรียน กล้องถ่ายตัวละครออกมาเห็นแต่เงาที่ถูกบีบเหมือนกับเป็นมนุษย์ต่างดาว มันสะท้อนให้เห็นความรู้สึกของทั้งสองว่าเขาคือคนอื่น เขาคือคนที่ในสังคมไม่เคยเห็นตัว
อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ชอบในหลาย ๆ จุด เพราะเรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้อารมณ์ไม่สุด อาจด้วยผู้กำกับไม่ต้องการให้คนดูเครียดจนเกินไป เลยต้องมีการเบรคอารมณ์ โดยส่วนตัวของเรา เราชอบหนังที่ดูแล้ว เดินออกจากโรงแล้ว อารมณ์ต่าง ๆ ยังคงติดลึกอยู่ในความรู้สึก ประหนึ่งว่ามันได้ตอกย้ำเข้าไปในจิตใจอย่างแน่นสนิท
เราว่าตั้งแต่ไคลแมกซ์ หนังยังพาอารมณ์ไปไม่ถึง เราไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเช่นไร แต่เราดูเราก็รู้ว่ายังไงเสีย ชาตรีย่อมต้องช่วยวิญญาณของวิเชียร ต่อการจมน้ำแบบไร้วันจบสิ้นได้ เราเดาได้ว่ายังไงก็ช่วยได้ ไม่มีอุปสรรคอันใดให้ต้องฝ่าฟันเอาใจช่วย
แล้วตอนที่ชาตรีกำลังจะฟื้น น้ำหยดหนึ่งกระทบลงบนหน้า ชาตรีค่อย ๆ ฟื้น แต่กลับปรากฎว่าน้ำนั้นคือน้ำมูกของเจ้าอาจารย์เพ้ง หัวหน้าแก๊งค์เด็ก ใคร ๆ ต่างก็หัวเราะกันทั้งโรง อาการลุ้น ๆ (ที่แม้มีอยู่น้อยนิด) ก็พลันหายไปทันที
เราคิดว่าตรงไคลแมกซ์ที่ไม่อารมณ์ไม่ถึงจุดยังพออภัยได้ แต่กับฉากน้ำมูกไหลเฟอะเต็มจมูกนี้มันเกินรับจริง ๆ
หนังสรุปเรื่องด้วยการให้ชาตรีได้หันกลับมามองตัวเองว่า เขาโดดเดี่ยวและไร้ตัวตนจริงหรือ และเมื่อเขาผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มา ทำให้เขารู้ว่าการที่ใครคนหนึ่งจะไร้ตัวตนจากสังคม มันอยู่ที่ตัวเขาเองรู้สึกกับคนอื่นเช่นไร.....
หากมองว่าตัวเองไม่มีใครก็ยิ่งตอกย้ำความไร้ตัวตนของตน แต่หากเปลี่ยนความคิดให้ความรักความเข้าใจผู้อื่นก่อนและอย่างสม่ำเสมอ ตัวเราฤาจะหายไปดั่งอากาศ
หนังเรื่องนี้เราให้ผ่าน เราไม่เห็นหนังผีไทยสร้างบรรยากาศได้ชวนอึดอัดเช่นนี้มานาน ที่สำคัญเป็นการกล้าผสมเอาหนังแบบดราม่าให้เข้ากับหนังผี ซึ่งหาดูได้ยากในวงการหนังไทย แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็ให้อภัยได้
สุดท้ายเราคิดว่าฉากดูหนังเรื่อง "ผีกัดอย่ากัดตอบ" จะกลายเป็นหนึ่งในฉากคลาสสิคของวงการหนังไทยแน่นอน
ป.ล. วันนี้กะว่าจะไปดู Invisible Wave รับสมัครสาว ๆ ไปดูด้วย 5555 แต่ไปกับผมต้องทำใจหน่อย เพราะไม่กินขนม กินน้ำ พูดคุยในโรงหนัง
ป.ล. 2 เพลงที่เปิดอยู่นี้คือ เพลง หาย โดย อ้วน อาร์มแชร์ จาก Compilation Ghost Noted by SO :: ON
Create Date : 03 มีนาคม 2549 |
Last Update : 3 มีนาคม 2549 15:35:33 น. |
|
24 comments
|
Counter : 3401 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:15:52:23 น. |
|
|
|
โดย: อพันตรี วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:16:06:45 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:16:09:23 น. |
|
|
|
โดย: keyzer วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:17:14:36 น. |
|
|
|
โดย: jingsija วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:19:35:07 น. |
|
|
|
โดย: little-joe วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:19:48:42 น. |
|
|
|
โดย: concubine วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:20:13:34 น. |
|
|
|
โดย: asariss วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:0:06:06 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:16:24:29 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:16:25:58 น. |
|
|
|
โดย: IP: 203.113.50.10 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:18:03:20 น. |
|
|
|
โดย: สาวแว่นเลี้ยวซ้าย IP: 203.113.50.10 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:18:04:07 น. |
|
|
|
โดย: tongdigy วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:19:48:44 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:16:00:13 น. |
|
|
|
โดย: IP: 203.188.22.124 วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:3:03:46 น. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า วันที่: 19 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:06:35 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
ยังไม่ได้ดูเลย....แต่อยากดูนะ