Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
ชาเขียวเดี๋ยวนี้มีล้านแปดยี่ห้อ แข่งขันกันสูงอย่างนี้ทำให้เห็นอะไรสนุก ๆ แฮะ

ผมเดินเข้าร้านโชว์ห่วยไฮโซอย่างเซเว่นอีเลเว่นเพื่อซื้อนมกินสักกล่อง ระหว่างเลือก ก็เห็นขวดชาเขียวมากมายหลายยี่ห้อวางกันเป็นแถวชวนให้ตาลาย ผมได้นมที่ต้องการแล้ว ก็เดินไปจ่ายตังค์ เห็นมีวางอยู่อีกยี่ห้อ อะไรจะเยอะแยะขนาดนั้น

ชาเขียวพึ่งเข้ามาทำความรู้จักกับคนไทยได้สองสามปีมานี้เอง เมื่อก่อนเรากินกันแต่ชาจีน ไม่ก็ชาฝรั่ง ผมเองก็เป็นผู้ที่ดัดจริตพิศมัยชาพวกเอิร์ลเกรย์อยู่เหมือนกัน (แม้เพื่อนผมผู้พิศมัยชาจีนจะบอกว่า ชาในโลกนี้ที่ดีต้องมาจากจีนเท่านั้นก็เถอะ)

ชาเขียวเปิดตัวในฐานะของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ดีต่อร่างกาย กินแล้วป้องกันมะเร็ง(มั้ง) ตอนออกมาใหม่ ๆ ใครก็บอกว่าของตัวเองดีอย่างนู้นดีอย่างนี้กันทั้งนั้น แถมขายแพงราคาขวดตั้ง 20 บาท โอ้! พระเจ้าครึ่งลิตร 20 บาท แพงฉิบหาย……

ผมลองมองวิเคราะห์เหตุการณ์นี้ดู มอง ๆ ไปอ้าวนี้มันเป็น ‘วาทกรรม’ เรื่องชาเขียวนี้นา…….

อธิบายกันสั้น ๆ ก่อน ว่าวาทกรรม หรือภาษาอังกฤษเรียกเท่ห์ ๆ ว่า Discourse คืออะไร เจ้าวาทกรรมมันเป็นชุดความคิดที่สร้างขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่งเพื่ออธิบายปรากฎการณ์นั้น ๆ พูดให้ง่ายเราอยากให้ช้างมีลักษณะยังไง เราก็บอกคุณลักษณะมันมา คนฟังก็จะอ๋อว่านี้คือช้าง ความหมายของช้างอันไหนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างก็จะทำให้คนอื่น ๆ เริ่มหันมามองช้างแบบที่มันฮิตอยู่ตาม ๆ กันไป

แต่วาทกรรมไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ๆ จิ๊บจ๊อยเพียงเท่านี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ๆ อย่างเขื่อน ไปจนถึงเรื่องเล็ก ๆ อย่างเด็กอนุบาล ก็ล้วนมีวาทกรรมแฝงอยู่หมด

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกัน มีอยู่ยุคหนึ่งถ้าเราบอกว่าจะแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ เราต้องทำอย่างไร คนกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจในสมัยนั้นก็เลยบอกว่า “เนี๊ยะ ขาดแคลนน้ำก็ต้องสร้างเขื่อน จะได้เอาไว้ใช้ตอนหน้าแล้ง” คงจำกันได้ ตอนเด็ก ๆ เราเรียนกันว่าเขื่อนดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ (อันนี้วาทกรรมแรกน่ะ)

พอผ่านมาหน่อย กระแสรักษ์ป่ามาแรง เขื่อนถูกแทนที่ด้วย “สร้างเขื่อนนะมันทำลายป่า เราต้องอนุรักษ์ป่าไว้ เพราะถ้ามีป่าก็จะมีฝน แล้วก็จะมีน้ำ” (อันนี้วาทกรรมอันที่ 2)

เห็นไหมครับว่าคำอธิบายเรื่องเขื่อนเปลี่ยนไปเลย จากอันแรกเขื่อนมีประโยชน์มากมายล้นฟ้า พอมาอีกยุคกลายเป็นว่าเขื่อนคือตัวการทำลายธรรมชาติ เวร! แล้วเชื่ออะไรดีเนี๊ยะ ก็ต้องว่ากันแล้วแต่ยุคครับ ใครสร้างวาทกรรมได้ก็จะกลายเป็นคนมีอำนาจอยู่ในมือ

เข้าเรื่องชาเขียว จากเดิมตอนแรกก็มีการให้ความหมายของชาเขียวว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กินแล้วแข็งแรง ดีต่อร่างกาย แต่ละยี่ห้อก็หยิบประเด็นนี้มาต่อสู้กัน แต่พอโออิชิโดนเข้าหนึ่งดอกแค่นั้นแหละ มุมมองเรื่องชาวเขียวก็เลยเปลี่ยนไป

ผมได้รับฟอร์เวิร์ดเมลเกี่ยวกับชาเขียว เนื้อความมีอยู่ว่า มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับชาเขียวบอกว่าการกินชาเขียวขณะร้อน ๆ จะช่วยให้เกิดการยับยั้งอนุมูลอิสระ แต่ถ้ากินเย็น ๆ กับเป็นการเร่งมะเร็งในร่างกาย ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้อ่านงานวิจัยนี้เต็ม ๆ และถึงอ่านก็คงไม่เข้าใจเพราะศัพท์แสงอะไรคงเยอะเต็มไปหมด (เอ่อ! น่าชวนคุยนะครับว่าเราจะเชื่อวิทยาศาสตร์ได้มากน้อยเพียงใด คราวหน้าผมมาชวนคุยเรื่องนี้ดีกว่า)

ผลิตภัณฑ์ชาเขียวในตอนนี้เลยเปลี่ยนจุดขายและความหมายของตัวเองจากเครื่องดื่มสุขภาพ มาเป็นเครื่องดื่มที่ผลิตจากธรรมชาติแท้ร้อยเปอร์เซนต์ เห็นได้จากคำโฆษณาตามขวด ไม่ก็ตามโฆษณาต่าง ๆ ที่หันมาพูดกันว่า ของตัวเองนั้นเป็นชาเขียวของจริง ชาเขียวของแท้ มาจากไร่ดั้งเดิม อะไรแบบนี้ ผมรับรองครับว่าถ้าผลิตภัณฑ์ไหนสร้างความหมายของคำว่า “ของจริง ของแท้” ได้เป็นที่นิยมของคนทั่วไปในวงกว้างแล้ว ติดลมบนแน่

แต่อย่างว่าของจริง ของแท้ คืออะไรใครจะรู้.......

แต่ตัวคนดื่มเองจะคิดแบบนี้หรือไม่ เอ่อ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ ผมเลิกกินไปแล้วครับ เหตุผลไม่มีอะไรมาก ง่าย ๆ เลยคือมันแพงกินน้ำเปล่าคุ้มกว่า (ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพด้วย)

ใครที่ชอบกินชาเขียวก็ระวังกันนิดหนึ่ง ยังไงอะไรที่มากไปมันก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี เอาสายกลางเข้าว่าแบบพระพุทธเจ้าท่านสอนนี้แหละครับ.......

ขอให้มีความสุขกับการดื่มครับ
……



Create Date : 06 สิงหาคม 2548
Last Update : 13 สิงหาคม 2548 11:23:47 น. 15 comments
Counter : 1034 Pageviews.

 
เอื๊อก


โดย: แป๊กก วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:10:19:18 น.  

 
อาราย อารายก็ชาเขียว...

เค้าฮิตจริงๆ

ขอบคุณที่มาแวะบล็อกนะคะ


โดย: รัตน์ดา วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:11:08:13 น.  

 
เรื่องชาเขียวผมก็ไม่ค่อยทราบนะครับ เพราะไม่ค่อยได้กินเลย ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆ คับ คราวหน้าขอเรื่อง 108 ท่าพิศดารมั่งนะ


โดย: ดีเซลหมุนเร็ว IP: 210.86.142.126 วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:11:14:34 น.  

 
ส่วนหนึ่งมันเป็นเรื่องการตลาดครับ ในเรื่องของการสร้างความแตกต่าง(เน้นการสร้าง perception ให้แก่ผู้บริโภค)ครับ ที่จริงแต่ละเจ้าก็ไม่ได้ต่างกันมากหรอก เพียงแต่ต้องสร้างจุดขายที่แตกต่างกับคู้แข่ง เนื่องจากคู่แข่งตลาดชาเขียวมีมากแล้ว และตลาดชาเขียวก็ใกล้จะถึงจุด แมนชัวริตี้(อิ่มตัว) แล้ว ดังนั้นการแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นครับ ไม่แน่ในไม่ช้าอาจจะเห็นชาเขียวลดราคา เพื่อแย่งกันขายก็ได้นาาา
...คือเรียนการตลาดมาน่ะครับ ฝึกวิเคราะห์ไปเรื่อยน่ะครับ ฮ๋าๆ


โดย: lift IP: 58.147.5.53 วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:11:14:47 น.  

 
การตลาด + สังคมวิทยา หน่อยไหมลิฟต์


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:11:36:22 น.  

 
จริงหรือครับ ที่ว่า "ใครสร้างวาทกรรมได้ก็จะกลายเป็นผู้ครองอำนาจในมือ" แนวคิดนี้น่าสนใจแฮะ... เรื่องอื่นๆ ก็ด้วย อืม น่าสนใจๆ ขอแอดนะครับ


โดย: แพ ใบไผ่ วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:13:40:07 น.  

 
ชาขวดไม่เคยกินครับ ไม่ชอบแบบเย็น ทำไมต้องใส่น้ำตาลก็ไม่รู้ antioxidant ของชาเขียวก็เริ่มที่ 2 ลิตรได้ละมังครับนั่น

อย่าไปตามกระแสตลาดสิครับ...




อย่างไรก็ตาม เป็นบทความที่สนุกดีครับผม



โดย: dont wanna no วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:14:48:33 น.  

 
ชาขวดไม่เคยกินครับ ไม่ชอบแบบเย็น ทำไมต้องใส่น้ำตาลก็ไม่รู้ antioxidant ของชาเขียวก็เริ่มที่ 2 ลิตรได้ละมังครับนั่น

อย่าไปตามกระแสตลาดสิครับ...




อย่างไรก็ตาม เป็นบทความที่สนุกดีครับผม



โดย: dont wanna no วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:14:48:33 น.  

 
เด๋วนี้อารายก็เป็นชาเขียวไปหมดแล้ว สุดๆ


รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: BeNuTe23 วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:17:52:54 น.  

 
เรียนคุณแพ ใบไผ่

แน่นอนครับว่าใครสามารถสร้างวาทกรรมได้ย่อมเป็นผู้ถืออำนาจไว้ในมือ

ในเมื่อคนในสังคมเชื่ออย่างที่คุณคิด คุณก็มีสิทธิ์ชี้นำเขาไปทางไหนก็ได้......

วาทกรรมโดยเนื้อแท้เป็นเรื่องที่ยากในการศึกษา แต่เราก็สามารถวิเคราะห์ระดับพื้นฐานได้ครับ

ที่สำคัญทุกอย่างล้วนมีวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นครับ อาจฟังเข้าใจยาก แต่เป็นเรื่องจริงครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:19:37:42 น.  

 
เห็นด้วยกับดองมากๆ เลย ว่ามันเป็นเรื่องของวาทกรรม และก็เป็นเรื่องง่ายๆ ของการตลาดเช่นกัน จะเป็น Market Maturity Stage หรือว่า Market Decline Stage ผู้ผลิตแต่ละรายก็ต้องทำ Product Differentiation และ Positioning ให้ต่างกันอยู่แล้ว

ใครจะอยู่หรือใครจะไป ท้ายที่สุดก็คือผู้บริโภคนี่ล่ะครับที่เป็นคนตัดสินใจ อย่าลืมว่าผู้บริโภคถือ Bargaining Power สูงกว่าผู้ผลิตเสมอ...



และวาทกรรมของผลิตภัณฑ์บางประเภท ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป


โดย: กูเอง อีหยวน IP: 203.51.100.42 วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:20:32:27 น.  

 
ไม่ต้องคิดอะไรมาก....ผ้าอนามัยใช้ชาเขียวเป็นสารดับกลิ่นยังมีเลย..........เหมือนกระแส fever อะไรซักอย่าง
เดี๋ยวก้อเลิกเห่อเอง....เพราะพูดถึงรสชาดก้องั้น ๆ แหละ...รึเปล่า...........หรือใครว่าอร่อยเลิศ



โดย: iam_opel IP: 61.91.35.44 วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:20:40:06 น.  

 
ลิฟต์ มาแปลข้อความ 11 ให้พี่อ่านหน่อยดิ

เอาแบบไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยต่ออีกน่ะ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:20:40:41 น.  

 
เลิกกินนานแล้วเหมือนกัน มันแพงอ่ะ


ตอนนี้กะลังตั้งคำถามกะตัวเองอีกแล้วว่า ทำไมหนูคิดอะไรอย่างพี่ไม่ได้หว่า????


โดย: stubborn IP: 203.188.57.30 วันที่: 6 สิงหาคม 2548 เวลา:21:38:48 น.  

 
Market Maturity Stage ช่วงที่ 3 ของวงจรชีวิผลิตภัณฑ์ ช่วงนี้ตลาดจะโตสุดๆแต่ จะไม่เพิ่มอีกแล้ว
Market Decline Stage ช่วงสุดท้ายของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ สินค้าจะขายได้น้อยลงเรื่อยๆ จนถึงไม่สามารถทำกำไรได้แล้ว
Product Differentiation การสร้างความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์
Positioning การวางตำแหน่งในใจชองลูกค้า


แปลแบบง่ายๆน่ะครับ wording อาจจะไปม่งามเท่าไหร่


โดย: lift IP: 58.147.30.64 วันที่: 7 สิงหาคม 2548 เวลา:13:41:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I will see U in the next life.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add I will see U in the next life.'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.