|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Devil Wears Prada นางพญาผู้เฉิดฉายแต่เย็นชา กับ สาวจบใหม่ผู้ใฝ่หาความสำเร็จ
ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูหนังในโรงภาพยนตร์บ่อยเท่าใดนัก มาลองนั่งคิดวิเคราะห์ดูก็เห็นจะมีอยู่หลายประการ อย่างแรกเลยก็คือไม่มีคนไปดูด้วย (เน้นว่าสาว ๆ ) สองก็คือไม่มีหนังถูกใจในช่วงเวลานั้น ๆ สามคือ ผมเบื่อภาพยนตร์ครับ บางทีมันขโมยอะไรหลาย ๆ อย่างไปจากชีวิตผมเหมือนกัน ยิ่งเรียนยิ่งรู้มากเท่าใด มันก็ต้องเสียอะไรบางอย่างไปมากเท่านั้น
แต่กับเหตุผลที่อ้างไว้ข้างบนดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับอารมณ์ที่ผมเกิดอยากดู The Devil Wears Prada ขึ้นมาจับใจ ครั้งแรกที่เห็นเป็นโฆษณาก่อนหนังฉายเมื่อคราวไปดู Me and You and Everyone We Know ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงแค่คิดว่าชื่อเรื่องติดหูดีไม่น้อย แถมเลยคิดไปไกลอีกว่าถ้าเป็นชื่อหนังไทย คงเจอบริษัทพราดาออกมาประท้วงเป็นแน่ ตามวิถีคนไทยที่ชอบตีตนไปก่อนไข้อยู่บ่อย ๆ (แต่หลายเรื่องมันก็ควรโดน)
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมไปดูหนังเรื่องนี้คือมันเข้าฉายที่ Scala ครับ สกาลาสำคัญตรงไหน ที่อื่นมีให้ดูก็เยอะแยะทำไมไม่ไปดู ง่าย ๆ เลยก็คือโรงหนังทุกวันนี้แทบไม่มีโรงไหนเหมือนสกาลาแล้วครับ ตัวโรงที่อยู่ในระดับใหญ่เบิ้มตามสไตลโรงหนังสมัยก่อน (ที่พังทลายหายไปหมดแล้วพร้อมกับการมาของโรงหนังในห้าง) ให้อารมณ์เหมาะกับการดูหนังดี ผมว่าการดูหนังมันต้องดูในโรงใหญ่ ๆ ครับ โรงเล็ก ๆ ต่อให้เบาะนิ่มขนาดไหน ถ้าต้องเชิดหน้าดูก็มีแต่ทรมานพลอยทำให้ความสนุกหายไปด้วย (โรงในห้างที่เคยเจอใหญ่เบิ้มก็ตอนไปดู The Wayward Cloud ที่ Grand EGV โรงใหญ่ดี) โรงหนังใหญ่ ๆ แบบนี้ชวนให้คิดถึงเมื่อครั้งเป็นเด็กครับ
มาเข้าเรื่องหนังกันดีกว่า หนังเรื่องนี้นำเอานวนิยายชื่อเดียวกันมาแปลงทำเป็นหนัง พอดีว่าผมมีเพื่อนที่ได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ก็สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อเอามาเปรียบเทียบดูก็ได้ความว่าเวอร์ชั่นหนังดีกว่าหนังสือมาก ๆ (ซึ่งหายากมาก) ตัวละครในหนังสือจะมีลักษณะที่แบน ไร้มิติ คือมีลักษณะอุปลักษณ์นิสัยแบบเดียว ไร้เหตุผลที่มาที่ไปว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ร่วมถึงจุดไคลแมกซ์ต่าง ๆ เวอร์ชั่นหนังก็มีการปรับเปลี่ยนแปลงซึ่งออกมาดีกว่าหนังสือมาก
เรื่องราวเริ่มต้น เมื่อ แอนเดรีย แซ็กส์ (Anne Hathaway) สาวฉลาดผู้มีความมุ่งมั่นอยากทำงานเป็นนักข่าว เดินทางเข้ามาสัมภาษณ์งานยังนิตยสาร Runway ซึ่งเป็นแนวหน้าและทรงอิทธิพลอย่างมากต่อวงการแฟชั่นโลกในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการบรรณาธิการ ตำแหน่งของเธอนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันว่าสาว ๆ นับล้านหมายปองงานนี้อยู่
แอนเดรีย หรือ แอนดี้ ยังไม่รู้ว่านรกกำลังจะมาเยือนเธอให้อีกไม่กี่อึดใจ ท่ามกลางความวุ่นวายของชาวสำนักงาน มิแรนดา พรีตส์ลีย์ (Meryl Streep) บรรณาธิการหัวหน้าใหญ่ก็ปรากฎตัวขึ้น ท่าทีเย็นชา หยิ่ง ยโส ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น คำพูดจิกกัดอย่างแสนเรียบแต่สุดยอดแห่งความเจ็บปวดทุกประโยค เธอสนแต่ว่างานที่ออกมาต้องสมบูรณ์ และคนที่อยู่กับเธอก็ต้องสมบูรณ์แบบอย่างเธอเช่นเดียวกัน ด้วยลักษณะนิสัยแบบนี้ส่งผลให้ใครต่อใครเกรงและกลัวเธอ จนถึงขั้นไม่กล้าขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับเธอ
บทของมิแรนดา ชวนให้คิดไปถึงตัวละครเศรษฐีผู้เย็นชาของไมเคิล ดักลาส ในเรื่อง The Game ยิ่งนัก มิแรนดามีดีกว่าหน่อยที่เธอยังมีความรักมอบให้แก่ลูกสาวฝาแฝดของเธอทั้งสอง ผิดกับพ่อเศรษฐีพันล้านที่ไม่มีหัวใจให้ใครแม้แต่น้อย
แอนเดรียได้รับเข้าทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยอันดับสอง ความเป็น Perfectionist ของมิแรนดาสร้างความปวดหัวในกับเธอมิน้อย ไม่ว่าจะเป็นการออกคำสั่งที่แสนเอาแต่ใจตัวเองอย่างรวดเร็วและไม่มีทวนซ้ำ การดูถูกวิธีการแต่งตัวของเธอ การเรียกชื่อเธอว่า Emily เหมือนกับบอกกลาย ๆ ว่าเธอเป็นใครฉันไม่สน แต่เธอเป็นได้เพียงแค่ Emily หรือคนใช้ของฉันเท่านั้น การงานต่าง ๆ หากทำไม่ได้อย่างที่เธอบอกเป็นได้ถูกด่าด้วยภาษาที่แสนนุ่มนวลแต่ซ่อนความเจ็บปวดไว้เหลือประมาณ
แอนเดรียปรับตัวโดยได้รับความช่วยเหลือจากไนเจล เกย์หนุ่มหัวล้านผู้ดูแลเสื้อผ้าของหนังสือ เธอไฟท์และเริ่มเข้าใจเรื่องแฟชั่น ประกอบกับเปลี่ยนแปลงลุคของตัวเองจนในที่สุดก็สามารถชนะใจมิแรนดาได้ ทว่าสัจธรรมข้อหนึ่งบนโลกใบนี้การได้อะไรบางอย่างมาก็ย่อมต้องเสียอะไรไปเท่ากัน ไนเจลบอกกับเธอว่า หากชีวิตเริ่มยุ่งจนมันพังทลายควบคุมไม่ได้ แสดงว่าเธอกำลังจะได้ปรับตำแหน่งขึ้น ขอแสดงความยินดีกับหน้าที่การงานด้วย
ชีวิตครอบครัว ความรักและเพื่อน ๆ แปรผกผันกับความไว้วางใจของมิแรนดา เธอไม่มีเวลาให้กับใคร เพราะต้องง่วนอยู่กับการจัดการธุระ บางคราเมื่อมีนัดพบกับสหาย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนอิดหนาระอาใจ
จุดแตกหักเกิดขึ้น เมื่อเธอได้รับคำสั่งให้ไปปารีสแทน M แม่สาวเลขาฯอันดับหนึ่ง ผู้วาดฝันไว้ว่าจะได้ไปปารีส คำสั่งนี้ทำให้เธอกับ M เข้าหน้ากันไม่ติด ที่สำคัญยังทำให้ชีวิตรักของเธอที่กำลังพังทลายได้สิ้นลงทันที
เหตุการณ์ในปารีสเธอได้พบอีกด้านหนึ่งของมิแรนดา ด้านของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่มีทุกข์มีโศก จนเธอเริ่มเห็นใจมิแรนดา แต่ยังไม่ทันไร มิแรนดาก็เผยภาพปีศาจออกมาอีกครั้งด้วยการหักหลังไนเจลเพื่อนร่วมงานของเธอ ทำเอาเธอต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้งว่าเธอจะทำงานกับคน ๆ นี้ได้อีกหรือไม่
มิแรนดาตอกกลับเธออย่างเจ็บปวดว่าไม่ใช่เธอเท่านั้นที่หักหลังคนอื่นเพื่อความสำเร็จ เพราะแม้แต่ตัวแอนเดรียเองก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกันกับ M เธอเหยียบหัวคนอื่นเพื่อปีนไปให้ได้สูงกว่า เมื่อมีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งต่อไป แอนเดรียที่เริ่มกลายเป็นมิแรนดาเข้าทุกวัน ๆ ถึงกับอึ้ง จนในที่สุดเธอตัดสินใจ ออกมาค้นหาทางเดินที่เหมาะสมกับตัวเองดีกว่า
แม้เธอจะลาออก แต่ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้มิแรนดายอมรับในตัวเธอถึงขึ้นเมื่อเธอไปสมัครทำงานหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการถึงขึ้นบอกว่าถ้าฉันไม่รับเธอ ฉันคงเป็นไอ้งั่ง เพราะมีอย่างที่ไหน คนที่มิแรนดายอมรับซมซานมาหาถึงที ปล่อยของดีแบบนี้หลุดมือไปก็ใช่เรื่อง
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูแล้วสนุกมากครับ ขนาดผมที่อดนอนไปดูยังตาสว่างตลอดทั้งเรื่อง จุดเด่นเลยคือการเขียนบทที่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นความน่ากลัวของมิแรนดาที่เกิดมาจากความเป็น Perfectionist และภาวะมนุษย์ปุถุชนของเธอ รวมไปถึงคาแรคเตอร์ของตัวละครอื่น ๆ ต่างมีพื้นเพให้คนดูได้รับรู้ผ่านคำพูด เครื่องแต่งกาย ฯลฯ ทำให้เราเชื่อครับ ยิ่งตอนสุดท้ายเราเชื่อเลยว่า ทำไมคนอย่างแอนเดรียที่ยอมช่วยมิแรนดาเสียขนาดนั้น แล้วทำไมมิแรนดาถึงยอมรับเธอมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า
นอกจากปมที่ผูกได้กระชับ เล่าเรื่องได้แน่น ไม่มีหลุดประเด็นออกนอกเรื่อง บทสนทนาที่พูดกันนี้ล้วนแต่เด็ด ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะออกมาจาก M มิแรนดา หรือตัวแอนเดรียเอง มีทั้งการเชือดเฉือน จิกกัด แอบหลอกด่าให้เจ็บปวดเล่นอยู่เสมอ ผมว่าคนเขียนบทต้องเป็นคนที่ฝังตัวอยู่กับสาว ๆ ทั้งประเภทหนึ่งและสองที่จริตเวอร์มาก ๆ มิฉะนั้นคงกลั้นอะไรแบบนี้ออกมาไม่ได้
ผมขอชม เมอรีล สตรีพ ออกหน้าออกตาเสียหน่อย ผมยังนึกไม่ออกว่าถ้าไม่ใช่เธอ ใครกันหนอจะมารับบทนี้ สตรีพแสดงภาพของหญิงสาววัยกลางคนผู้มั่นใจ ทรงอำนาจ น่าเกรงขาม มีบารมี ระเบียบจัด ฉลาดและแสนเย็นชาได้แบบว่าสุดยอดมาก ทุกสีหน้าและแววตาที่แสดงออกมารู้สึกได้ถึงความคิดที่ว่าเธอด้อยกว่าฉันเสมอเปร่งออกมาทุกครั้ง ยิ่งเวลาตอนที่เธอสั่งงานหรือวิพากษ์อะไรใครนี้ชวนเสียสันหลังแทนไม่น้อย
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการอิงเอาเรื่องจริงเข้ามาประกอบให้คนดูมีความรู้สึกร่วม เช่นการเอาดีไซเนอร์ที่มีตัวตนจริงบนโลกใบนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนัง เช่น วาเลนติโน เป็นต้น ถ้าตามศัพท์วิชาการยุคหลังสมัยใหม่ แบบนี้เขาเรียกว่าการ Intertextuality คือการหยิบยืมสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่มีอยู่แล้วนำมาใช้ ผมขำมุกหนึ่งในเรื่องนี้ที่คิดว่าหลายคนคงหัวเราะท้องแข็งเลย มุกที่ว่านี้ก็คือตอนที่แอนเดรียพึ่งได้งานแล้วรับโทรศัพท์ เธอถามชื่อคนโทรมาว่าใคร ปลายสายตอบกลับมา เธอถามถึงการสะกดชื่อว่า
คำว่า กัมบานา นี้สะกดอย่างไรหรือค่ะ โอ้โฮผมดูแล้วอย่างฮาเลย ใครที่รู้จักวงการแฟชั่นบ้าง (อย่างผมก็ไม่รู้อะไรเลย แต่เคยอ่านไปเจอคนนี้พอดี) ย่อมจะต้องรู้จัก กัมบานาเป็นอย่างดี เพราะกัมบานาเป็นหนึ่งในสองดีไซนเนอร์ชื่อดังที่ก่อตั้งแบรนด์ Dolce @ Gambana ขึ้นมา แล้วสำหรับหนังเรื่องนี้ เธอทำงานหนังสือแฟชั่น แต่เธอสะกดคำว่ากัมบานาไม่ได้ เป็นใครก็ฮาครับ (ฝรั่งข้างผมหัวเราะดังมากกับมุกนี้)
โดยรวมนะครับ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุกมาก เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ที่สำคัญได้แง่คิดอะไรดี ๆ เยอะมากครับ ข้อคิดที่ว่าอย่าเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรายังคงเป็นสัจธรรมที่พิสูจน์กับทุกเหตุการณ์ได้เสมอ อย่าลืมไปดูกันนะครับ
Create Date : 02 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 2 ตุลาคม 2549 22:58:01 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1790 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พี่แวะมาแล้วนะครับ ดีใจที่ได้คุยเรื่องหนังกันอีกครั้ง เหลือบไปเหลือบมาเป็นคนแรกเสียด้วย อิอิอิ (ตี๋หล่อมีเสน่ห์ ) วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:15:52:18 น. |
|
|
|
โดย: sak (psak28 ) วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:16:20:20 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:17:50:57 น. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:18:46:43 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:19:29:23 น. |
|
|
|
โดย: unwell วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:19:40:26 น. |
|
|
|
โดย: Me and U วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:21:18:06 น. |
|
|
|
โดย: - fai - IP: 203.172.199.254 วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:22:26:07 น. |
|
|
|
โดย: stubborn IP: 61.91.193.80 วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:23:15:51 น. |
|
|
|
โดย: = w = IP: 58.9.169.57 วันที่: 12 ตุลาคม 2549 เวลา:9:34:07 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
บางทีไอ้การอยู่ดีไม่ว่าดีมันก็ทำให้หวนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ ได้ไม่น้อย
เมื่อวานซืนลิฟต์ น้องที่สนิทกับผมบอกว่า พี่ดอง พี่แอมมาโพสต์ในบล็อกผมด้วย ผมก็เลยเข้าไปดูแล้วก็ลิงค์ต่อไปยังบล็อกของเธอ
เฮ้อ ไม่น่าเข้าไปดูเลย รูปของเธอมันชวนผมคิดถึงเธออีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่จะลืมไม่คิดถึงได้เสียที แต่ยิ่งเห็นอะไรต่าง ๆ ก็พุ่งขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่น่าเห็นเลยกู
แต่เห็นแล้วก็ดีใจนะครับ เธอน่ารักขึ้นเยอะ สวยขึ้นเยอะ และยังร่าเริงเหมือนเดิม ตอนนี้เธอคงมีความสุขดีกับงานแอร์โฮสเตสที่ทำ
ขอให้มีความสุขแบบนี้ตลอดไปนะครับ
แด่แอม... ผู้เป็นทุกอย่าง