|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ก่อนไปดู Brokeback Mountain รู้จักเหรียญด้านสำคัญของมายาภาพหนังคาวบอยอเมริกา
ผมย้อนกลับไปดู ไม่น่าเชื่อว่าผมไม่ได้อัพบล็อกในกรุ๊ปบล็อกนี้ตลอดทั้งเดือนมกราคม อย่างว่านะครับ มันมีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เข้ามาในชีวิต เรื่องสาระเครียด ๆ ก็เลยหายไปโดยปริยายซะงั้น
วันนี้ทั้งวันผมไม่มีอะไรทำ นั่ง ๆ นอน ๆ อ่านไบโอสโคปที่หน้าปกประทับไว้ด้วยสีเหลืองหราว่า 'ฉบับรักต้องห้าม' แม้ว่าโลกใบนี้จะเจริญก้าวหน้าไปเพียงใด แต่เรื่องการยอมรับความหลากหลายก็ดูเหมือนยังไม่ก้าวไปไหนไกล เรื่องเกย์ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ใครหลายคนทำใจยอมรับไม่ได้
แต่ประเด็นที่จะชวนคุยและให้ได้อ่านกันวันนี้มิได้เกี่ยวกับ Brokeback Mountain โดยตรง ผมอ่านบทความของพี่ธิดา ผลิตผลการพิมพ์แล้วติดใจคำหนึ่งมาก
คำ ๆ นั้นก็คือ "มายาคติของดินแดนตะวันตก ว่าด้วยบ้านของชายผู้กล้าหาญ"
มายาคติคืออะไร อธิบายง่าย ๆ ก็คือความคิดต่างที่ฝังลึกเข้าไปอยู่ในรากของวัฒนธรรม ฝังลึกดึงออกยาก ความคิดเหล่านี้ยากจะตัดสินว่านี้เป็นเรื่องของธรรมชาติหรือที่สิ่งมนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นแน่
ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ผมถามทุกท่านว่า ท่านเชื่อในเรื่องความเป็นลูกผู้ชายไหมครับ ถ้าถามต่อคุณคิดว่าไอ้ความเป็นลูกผู้ชายนี้มันมีโดยธรรมชาติหรือตัวเราสร้างมันขึ้นมา มันก็ตอบยากครับ แถมมันยังฝังลึกในรากความคิด เป็นผู้ชายห้ามร้องไห้ เป็นผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ อืม!!! มีกฎเขียนไว้ตรงไหนบนโลกหรือว่าผู้ชายต้องเป็นเช่นนี้
ประมาณนี้นะครับ
ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ร้อยกว่าปีนิด ๆ นี้ มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนโลกยิ่งนัก ภาพยนตร์ทำให้ผัสสะด้านการรับรู้ของคนเปลี่ยนไปเยอะทีเดียว ใครเรียนประวัติศาสตร์หนังมา คงพอรู้ว่าผู้ชมภาพยนตร์เรื่องแรก ๆ ของโลกที่มีรถไฟวิ่งในจอ พวกเขาตกใจกันขนาดไหนด้วยคิดว่ารถไฟคันนั้นจะวิ่งทะลุออกมานอกจอ
คุณลุง McLuhan นักวิชาการทางด้านสื่อสารมวลชนชื่อดังจากแคนาดา (ที่เคยไปโผล่ในหนังของวู้ดดี้ อัลเลน โดยแสดงเป็นตัวเองด้วย) บอกว่าสื่อภาพยนตร์นี้มันช่างทรงพลังยิ่งนัก เพราะเวลาคนดูมันดูกันด้วยสมาธิจดจ่อ ไม่เหมือนทีวีที่จะเปลี่ยนช่องไปเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นโอกาสที่คนจะคล้อยตามความคิดความรู้สึกในหนังที่ดูผ่านโรงภาพยนตร์ก็จะมีสูงกว่าสื่ออื่นมาก ๆ ภาพยนตร์อย่าง Triumph of the Will ชวนสร้างความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการของชนชาติอารยันขนาดไหน ใครดูก็รู้สึก....
หนังคาวบอยเป็นหนังที่ถูกจัดกลุ่มให้เป็นหนังอีก Genres หนึ่ง ผมว่าเรา ๆ ท่าน ๆ ก็คุ้นเคยกันดีกับหนังประเภทนี้เพราะมีการนำเข้ามาฉายเยอะพอควร โดยมาก ฉากหลังมักเป็นดินแดนแห้งแล้งในรัฐทางตะวันตกของอเมริกา หมูบ้านหนึ่งประสบปัญหาเจอเหล่าโจรมาปล้น ทันใดนั้นก็มีชายแปลกหน้าโผล่ออกมาช่วยเหลือหมูบ้านด้วยลีลา คนเดียวรุมหลายคน แล้วต้องปิดฉากด้วยการดวลปืนกัน หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างคนขาวกับอินเดียนแดง ที่ยังไง ๆ อินเดียนแดงก็เป็นตัวร้ายทุกที
หนังเหล่านี้เรารู้กันอยู่ใช่ไหมครับว่ามันเป็นเรื่องแต่ง คงไม่มีใครในโลกที่เก่งกาจขนาดข้าคนเดียวรบชนะคนอีกเป็นฝูงได้อย่างสบาย ๆ เรื่องราวแบบนี้เมื่อผลิตขึ้นมามันก่อให้เกิดเหตุการณ์เทียม (Pseudo Event) คือเป็นเหตุการณ์ที่การสร้างจัดเตรียมขึ้นมา ดูยากครับว่าอันไหนเรื่องจริงเรื่องเท็จ
เจ้าเหตุการณ์เทียมที่เป็นภาพของวีรบุรุษในดินแดนตะวันตกเหล่านี้ เมื่อถูกฉายผ่านหนังแต่ละเรื่อง ๆ มันเป็นการผลิตซ้ำความคิดที่มีต่อเรื่องเหล่านี้ เมื่อมากเข้ามากเข้า จากเรื่องแต่งก็กลายเป็นเรื่องจริง ในที่สุดคนดูก็เชื่ออย่างเต็มภาคภูมิว่า ในดินแดนตะวันตกมันเป็นเช่นนี้จริง ๆ
ผมคาดว่าหนังแนวนี้เป็นหนังแนวสร้างชาติของอเมริกานะครับ อย่างที่เรารู้ว่าอเมริกามันสร้างชาติมาได้สองร้อยกว่าปีเอง (อายุพอ ๆ กับราชวงศ์จักรีของไทย) ไอ้ประวัติศาสตร์ความเป็นชาติมันมีน้อย แถมส่วนใหญ่คนอเมริกาต่างเผ่าพันธ์เชื้อชาติกันทั้งนั้น หนังคาวบอยจึงกลายสถานะประหนึ่งเหมือนประวัติศาสตร์ของชาติที่ต่อสู้มาอย่างทุกข์เข็ญ โดยมีอินเดียนแดงเป็นตัวร้าย เพื่อให้คนในชาติเกิดความรู้สึกร่วมในประเด็นเดียวกัน (เหมือนเรื่องพม่ากับไทยนั้นแหละ)
ความเชื่อเรื่องวีรบุรุษคาวบอยมันเข้าไปฝังลึกอยู่ในรากความคิดของคนอเมริกันเลยละครับ คือไปฝังลึกในรากระดับมายาคติเลย ภาพลักษณ์ที่คนอเมริกันมองตนเองจึงเป็นไปในลักษณะว่าตัวข้านั้นเก่ง เป็นพี่เบิ้ม ทำหน้าที่คุ้มครองชาวบ้าน แต่ความจริงรักสงบ ใครอย่ามายุ่งหรือกระตุกหนวดเสือน่ะ ขืนทำพ่อเอาตาย นักวิชาการอเมริกาคนหนึ่งชื่อว่า Boorstein บอกว่าคนอเมริกาไม่รู้ตัวเองหรอกว่าตัวเองคิดหยิ่งยโสไม่เห็นหัวชาวบ้านเขา ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดมันล้วนแต่เป็นภาพลักษณ์เท่านั้น มิใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย
Boorstein ยังย้ำว่า คนอเมริกาหลงอยู่ในวังวนของเหตุการณ์เทียมเหล่านี้อย่างหาทางออกไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าตนเองหลงอยู่ใน image คิดว่าสิ่งตนเองรับรู้คือความจริง
หลังเหตุการณ์ 11 กันยายนที่ตึกเวิร์ดเทรดถล่ม image เหล่านี้ที่ได้มาจากหนังคาวบอยอเมริกาแสดงได้อย่างเด่นชัด การเที่ยวไปแก้แค้นชาวบ้านโดยอ้างว่ามึงทำกูก่อน คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการหลงใน image ตนเอง
มีหนังหลายเรื่องนะครับที่เป็นการกลับมายาคติว่าด้วยข้อใหญ่กว่าชาวบ้านเหล่านี้ อาทิเช่น The Unforgiven เมื่อพระเอกของเรื่องกลายเป็นตาแก่ที่จะยิงปืนทีมือสั่นเป็นเจ้าเข้า หรือหนังที่ดีที่สุดของคอสเนอร์ อย่าง Dances with Wolve ที่กลับมุมมองจากคนขาวผู้แสนดีและแสนเก่งมาเป็นพวกโหดร้ายป่าเถื่อน
แต่ดูเหมือนใคร ๆ ก็พยายามมองข้ามหนังเหล่านี้ไปแล้วหลอกตัวเองด้วยภาพมายาคติที่สวยงามของตนเองต่อไป
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2549 |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2549 19:34:38 น. |
|
18 comments
|
Counter : 795 Pageviews. |
|
|
|
โดย: concubine วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:15:47 น. |
|
|
|
โดย: อพันตรี วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:47:07 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:32:27 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:29:07 น. |
|
|
|
โดย: little-joe วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:53:04 น. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:57:29 น. |
|
|
|
โดย: BAYROCKU วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:42:16 น. |
|
|
|
โดย: Batgirl 2001 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:54:33 น. |
|
|
|
โดย: iammonkey IP: 58.147.90.149 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:49:01 น. |
|
|
|
โดย: little-joe วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:59:37 น. |
|
|
|
โดย: gelgloog IP: 125.25.131.165 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:25:02 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
brokeback mountain
ฟ้อนท์สีม่วงมาเลยนะคะ