Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
ก่อนไปดู Brokeback Mountain รู้จักเหรียญด้านสำคัญของมายาภาพหนังคาวบอยอเมริกา

ผมย้อนกลับไปดู ไม่น่าเชื่อว่าผมไม่ได้อัพบล็อกในกรุ๊ปบล็อกนี้ตลอดทั้งเดือนมกราคม อย่างว่านะครับ มันมีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เข้ามาในชีวิต เรื่องสาระเครียด ๆ ก็เลยหายไปโดยปริยายซะงั้น

วันนี้ทั้งวันผมไม่มีอะไรทำ นั่ง ๆ นอน ๆ อ่านไบโอสโคปที่หน้าปกประทับไว้ด้วยสีเหลืองหราว่า 'ฉบับรักต้องห้าม' แม้ว่าโลกใบนี้จะเจริญก้าวหน้าไปเพียงใด แต่เรื่องการยอมรับความหลากหลายก็ดูเหมือนยังไม่ก้าวไปไหนไกล เรื่องเกย์ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ใครหลายคนทำใจยอมรับไม่ได้

แต่ประเด็นที่จะชวนคุยและให้ได้อ่านกันวันนี้มิได้เกี่ยวกับ Brokeback Mountain โดยตรง ผมอ่านบทความของพี่ธิดา ผลิตผลการพิมพ์แล้วติดใจคำหนึ่งมาก

คำ ๆ นั้นก็คือ "มายาคติของดินแดนตะวันตก ว่าด้วยบ้านของชายผู้กล้าหาญ"



มายาคติคืออะไร อธิบายง่าย ๆ ก็คือความคิดต่างที่ฝังลึกเข้าไปอยู่ในรากของวัฒนธรรม ฝังลึกดึงออกยาก ความคิดเหล่านี้ยากจะตัดสินว่านี้เป็นเรื่องของธรรมชาติหรือที่สิ่งมนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นแน่

ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ผมถามทุกท่านว่า ท่านเชื่อในเรื่องความเป็นลูกผู้ชายไหมครับ ถ้าถามต่อคุณคิดว่าไอ้ความเป็นลูกผู้ชายนี้มันมีโดยธรรมชาติหรือตัวเราสร้างมันขึ้นมา มันก็ตอบยากครับ แถมมันยังฝังลึกในรากความคิด เป็นผู้ชายห้ามร้องไห้ เป็นผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ อืม!!! มีกฎเขียนไว้ตรงไหนบนโลกหรือว่าผู้ชายต้องเป็นเช่นนี้

ประมาณนี้นะครับ

ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ร้อยกว่าปีนิด ๆ นี้ มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนโลกยิ่งนัก ภาพยนตร์ทำให้ผัสสะด้านการรับรู้ของคนเปลี่ยนไปเยอะทีเดียว ใครเรียนประวัติศาสตร์หนังมา คงพอรู้ว่าผู้ชมภาพยนตร์เรื่องแรก ๆ ของโลกที่มีรถไฟวิ่งในจอ พวกเขาตกใจกันขนาดไหนด้วยคิดว่ารถไฟคันนั้นจะวิ่งทะลุออกมานอกจอ

คุณลุง McLuhan นักวิชาการทางด้านสื่อสารมวลชนชื่อดังจากแคนาดา (ที่เคยไปโผล่ในหนังของวู้ดดี้ อัลเลน โดยแสดงเป็นตัวเองด้วย) บอกว่าสื่อภาพยนตร์นี้มันช่างทรงพลังยิ่งนัก เพราะเวลาคนดูมันดูกันด้วยสมาธิจดจ่อ ไม่เหมือนทีวีที่จะเปลี่ยนช่องไปเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นโอกาสที่คนจะคล้อยตามความคิดความรู้สึกในหนังที่ดูผ่านโรงภาพยนตร์ก็จะมีสูงกว่าสื่ออื่นมาก ๆ ภาพยนตร์อย่าง Triumph of the Will ชวนสร้างความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการของชนชาติอารยันขนาดไหน ใครดูก็รู้สึก....

หนังคาวบอยเป็นหนังที่ถูกจัดกลุ่มให้เป็นหนังอีก Genres หนึ่ง ผมว่าเรา ๆ ท่าน ๆ ก็คุ้นเคยกันดีกับหนังประเภทนี้เพราะมีการนำเข้ามาฉายเยอะพอควร โดยมาก ฉากหลังมักเป็นดินแดนแห้งแล้งในรัฐทางตะวันตกของอเมริกา หมูบ้านหนึ่งประสบปัญหาเจอเหล่าโจรมาปล้น ทันใดนั้นก็มีชายแปลกหน้าโผล่ออกมาช่วยเหลือหมูบ้านด้วยลีลา คนเดียวรุมหลายคน แล้วต้องปิดฉากด้วยการดวลปืนกัน หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างคนขาวกับอินเดียนแดง ที่ยังไง ๆ อินเดียนแดงก็เป็นตัวร้ายทุกที

หนังเหล่านี้เรารู้กันอยู่ใช่ไหมครับว่ามันเป็นเรื่องแต่ง คงไม่มีใครในโลกที่เก่งกาจขนาดข้าคนเดียวรบชนะคนอีกเป็นฝูงได้อย่างสบาย ๆ เรื่องราวแบบนี้เมื่อผลิตขึ้นมามันก่อให้เกิดเหตุการณ์เทียม (Pseudo Event) คือเป็นเหตุการณ์ที่การสร้างจัดเตรียมขึ้นมา ดูยากครับว่าอันไหนเรื่องจริงเรื่องเท็จ

เจ้าเหตุการณ์เทียมที่เป็นภาพของวีรบุรุษในดินแดนตะวันตกเหล่านี้ เมื่อถูกฉายผ่านหนังแต่ละเรื่อง ๆ มันเป็นการผลิตซ้ำความคิดที่มีต่อเรื่องเหล่านี้ เมื่อมากเข้ามากเข้า จากเรื่องแต่งก็กลายเป็นเรื่องจริง ในที่สุดคนดูก็เชื่ออย่างเต็มภาคภูมิว่า ในดินแดนตะวันตกมันเป็นเช่นนี้จริง ๆ

ผมคาดว่าหนังแนวนี้เป็นหนังแนวสร้างชาติของอเมริกานะครับ อย่างที่เรารู้ว่าอเมริกามันสร้างชาติมาได้สองร้อยกว่าปีเอง (อายุพอ ๆ กับราชวงศ์จักรีของไทย) ไอ้ประวัติศาสตร์ความเป็นชาติมันมีน้อย แถมส่วนใหญ่คนอเมริกาต่างเผ่าพันธ์เชื้อชาติกันทั้งนั้น หนังคาวบอยจึงกลายสถานะประหนึ่งเหมือนประวัติศาสตร์ของชาติที่ต่อสู้มาอย่างทุกข์เข็ญ โดยมีอินเดียนแดงเป็นตัวร้าย เพื่อให้คนในชาติเกิดความรู้สึกร่วมในประเด็นเดียวกัน (เหมือนเรื่องพม่ากับไทยนั้นแหละ)

ความเชื่อเรื่องวีรบุรุษคาวบอยมันเข้าไปฝังลึกอยู่ในรากความคิดของคนอเมริกันเลยละครับ คือไปฝังลึกในรากระดับมายาคติเลย ภาพลักษณ์ที่คนอเมริกันมองตนเองจึงเป็นไปในลักษณะว่าตัวข้านั้นเก่ง เป็นพี่เบิ้ม ทำหน้าที่คุ้มครองชาวบ้าน แต่ความจริงรักสงบ ใครอย่ามายุ่งหรือกระตุกหนวดเสือน่ะ ขืนทำพ่อเอาตาย นักวิชาการอเมริกาคนหนึ่งชื่อว่า Boorstein บอกว่าคนอเมริกาไม่รู้ตัวเองหรอกว่าตัวเองคิดหยิ่งยโสไม่เห็นหัวชาวบ้านเขา ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดมันล้วนแต่เป็นภาพลักษณ์เท่านั้น มิใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย

Boorstein ยังย้ำว่า คนอเมริกาหลงอยู่ในวังวนของเหตุการณ์เทียมเหล่านี้อย่างหาทางออกไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าตนเองหลงอยู่ใน image คิดว่าสิ่งตนเองรับรู้คือความจริง

หลังเหตุการณ์ 11 กันยายนที่ตึกเวิร์ดเทรดถล่ม image เหล่านี้ที่ได้มาจากหนังคาวบอยอเมริกาแสดงได้อย่างเด่นชัด การเที่ยวไปแก้แค้นชาวบ้านโดยอ้างว่ามึงทำกูก่อน คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการหลงใน image ตนเอง

มีหนังหลายเรื่องนะครับที่เป็นการกลับมายาคติว่าด้วยข้อใหญ่กว่าชาวบ้านเหล่านี้ อาทิเช่น The Unforgiven เมื่อพระเอกของเรื่องกลายเป็นตาแก่ที่จะยิงปืนทีมือสั่นเป็นเจ้าเข้า หรือหนังที่ดีที่สุดของคอสเนอร์ อย่าง Dances with Wolve ที่กลับมุมมองจากคนขาวผู้แสนดีและแสนเก่งมาเป็นพวกโหดร้ายป่าเถื่อน

แต่ดูเหมือนใคร ๆ ก็พยายามมองข้ามหนังเหล่านี้ไปแล้วหลอกตัวเองด้วยภาพมายาคติที่สวยงามของตนเองต่อไป


Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2549 19:34:38 น. 18 comments
Counter : 795 Pageviews.

 
อยากดูหนังเรื่องนี้จัง
brokeback mountain
ฟ้อนท์สีม่วงมาเลยนะคะ


โดย: concubine วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:15:47 น.  

 


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:22:33 น.  

 
ค่ะ เหนด้วยค่ะ


โดย: อพันตรี วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:47:07 น.  

 
อ่านแล้วพยายามสรุปประเด็น
ว่าด้วย Gender เรื่องหนึ่ง
กับการสร้างชาติ อีกเรื่องหนึ่ง

ความเป็นหญิง
ความเป็นชาย มันถูกสร้าง ขึ้นมาน่ะ
คงอีกนาน กว่า มายาคติ แบบลูกผู้ชาย จะถูกปอกเปลือกได้จริงๆ
เช่นเดียว กับเรื่องสร้างชาติ
บางทีก็ต้องสร้างอุดมการ์บางอย่างมารองรับ
เพื่อการรวมกันของคนในชาติ

อ้อ อยากบอกน้องชาติหน้า ว่า เรื่องนี้ถูกทำขึ้นมาจาก เรื่องสั้น ที่ "ผู้หญิง" เขียนขึ้นมาน่ะ

พึ่งกลับมาจาก ดูหนังเม็กซิกัน ที่ลิโด้ 2
ซื้อไบโอสโคป ติดมือกลับมาบ้านด้วย
ยังไม่ได้อ่านเลย



โดย: grappa วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:32:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ
มัวแต่ทำงานเลยไม่ได้ไป SO:ON เลยค่ะ

ไม่ค่อยได้ดูหนังคาวบอยค่ะ
เรื่องเดียวที่จำได้คือ The Quick and The Dead แต่เรื่องนั้นตัวเอกเป็นผู้หญิง คงไม่เข้าข่ายนี้


โดย: rebel วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:29:07 น.  

 
หวัดดีวันจันทร์คับ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบ๊อก บ๊อก ของผมค้าบบบบบ


ปล. วันนี้ผมอารมณ์ดีค้าบบบ


โดย: little-joe วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:53:04 น.  

 
ชอบ bioscope มากครับ ;)

รอดู Brokeback Mountain อย่างใจจดใจจ่อด้วย ;)

คิดว่าสื่อที่มีอิทธิพลต่อคนเรามากที่สุดไม่คิดว่าเป็นสื่อภาพยนตร์นะครับ น่าจะเป็นสื่อทางโทรทัศน์มากกว่า เพราะเข้าถึงได้ง่ายกว่า และคนส่วนใหญ่มักได้ดู ซึมซับตั้งแต่เด็กจนโต อย่างตอนเด็กดูการ์ตูน ตอนโตก็ยังจำได้ และการ์ตูนหลายเรื่องก็ยังมีอิทธิพลต่อเรามาตลอด อย่างโดเรมอนที่ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่เสมอว่าอาจจะมีโดเรมอนโผล่มาในลิ้นชักที่บ้าน!!! หรือพวกละคร และโฆษณาบางเรื่องก็เกิดกระแส talk of the town ไปทั่ว สื่อให้เห็นว่ามีอิทธิพลต่อคนส่วนมากจริงๆ อย่าง แด จัง กึม ที่มีอิทธิพลให้เพื่อนบางคนของผม สามารถยอมจ่ายค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างแพงลิบพอบึ่งกลับบ้านได้เร็วจี๋ 55555



โดย: BAYROCKU วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:57:29 น.  

 
รอเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ ผมว่ามันทำลายมายาคติที่ว่าผู้ชายต้องแข็งแรง เป็นผู้นำ และมีผู้หญิงเป็นคนรัก ยิ่งคาวบอย อาชีพที่ต้องแสดงความเป็นชายออกมาสุดๆ กลับไม่เป็นแบบนั้ยเลย

อ่านเรื่องนี้แล้วเศร้ามาก รักไม่มีรูปแบบจริงๆ อยากดูอย่างใจจดใจจ่อครับ

หวังว่าคงได้ oscar best picture ครับเรื่องนี้

enjoy your day ครับคุณเจอกันชาติหน้า


โดย: Holden Caulfield วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:51:11 น.  

 
ขอไม่อ่าน

เพราะตั้งใจจะไปดูน่ะ


เหรอ..นั่งสปริ๊นเตอร์กลางคืนก็เวิร์คเหรอ นึกว่าไม่เวิร์คซะอีก เพราะวิวตอนกลางวันงามถูกใจเรามากๆ เลย


ต่อไปคงได้ใช้บริการบ่อยขึ้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:45:06 น.  

 
คงต้องตอบกันยาว ผมคงเขียนไม่ค่อยเคลียร์ ขออภัยมา ณ ที่นี้

จริง ๆ แล้วผมจะเขียนเรื่อง Image (ภาพลักษณ์) ที่กลายเป็น Myth (มายาคติ) นะครับ คือไม่ได้เน้นไปที่ประเด็นเรื่องเพศสภาพ (Gender) แต่อย่างใด เรื่องเกย์ที่เอ่ยมาข้างต้นนั้นแค่นำเรื่องเฉย ๆ เท่านั้นแหละครับ

ส่วนที่คุณเบย์ว่ามาว่าสื่อทีวีทรงพลังมากกว่านั้น ถูกต้องครับ แต่ในต้องดูว่าอยู่ในบริบทไหนนะครับ สมมติว่าเอาสารชนิดเดียวกัน ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่นเอาหนังเรื่อง Titanic มาฉายผ่านทีวี โรงภาพยนตร์ วิทยุ (เอาแต่เสียง) หนังสือ สื่อชนิดภาพยนตร์สามารถทำให้คนตึดตรึงได้มากกว่าเพราะในโรงภาพยนตร์เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับชมภาพยนตร์เท่านั้น เราไม่สามารถเปลี่ยนช่องเมื่อเบื่อได้ เราไม่สามารถกด pause ไว้แล้วมาดูใหม่ เราไม่สามารถคั่นหน้าเอาไว้แบบหนังสือเมื่อเบื่อ ดังนั้นคนมาดูหนังจะมีสมาธิจดจ้องกับสื่อมากกว่าสื่ออื่น ๆ (ยกเว้นว่าคุณดูไปคุยไปอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ)

โรงภาพยนตร์ให้มิติทางภาพและเสียงในแบบที่ทีวีให้ไม่ได้นะครับ แม้ทีวีจะทำจอ wildscreen ขนาดไหนก็ตามมันก็ใหญ่สู้จอหนังไม่ได้

ทีวีนั้นมีอิทธิพลในเชิงระยะยาวมากกว่าภาพยนตร์ครับ คือจะไม่มีการติดปุ๊บ ๆ ปั๊บ ๆ แต่ต้องใช้เวลาสักนิด แต่ทว่ามีพลังสูง อยู่ติดนาน

คนเราทุกวันนี้ดูทีวีแบบเป็นพิธีกรรม คือเป็นในลักษณะเปิดเอาไว้งั้นแหละ เปิดเป็นเพื่อนแล้วก็ไปทำงานต่อ (ที่ตั้งใจดูก็มีนะครับ ซึ่งก็ผสมกันไป) ซึ่งไม่มีสื่อใดที่ทำได้ขนาดนี้ (มีใกล้เคียงก็วิทยุ แต่พลังของวิทยุก็ยังน้อยกว่าสื่อทีวีอยู่ดี)

มีปัญหาหรือคำถามอย่างไร discuss ได้ครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:56:06 น.  

 
เพิ่มเติม

พี่สาวไกด์ครับ มิต้องห่วงครับ อ่านได้ เพราะไม่ได้พูดถึง brokeback mountain เลย


ในบอร์ดไบโอสโคป คุณ flickhead มองว่าเรื่อง dances with wolves เป็นมายาคติที่ซ้อนมายาคติอีกชั้นหนึ่ง

ตอนนี้ผมมีความคิดที่จะร่วมอภิปรายอยู่บ้างนะครับ แต่พิมพ์ไม่ออก ยังไงเดี๋ยวไฟมาเมื่อไรค่อยมาว่ากันนะครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:59:15 น.  

 
โอ ได้ความรู้เป็น Background ก่อนไปดู ดีจังค่ะ

Brokeback Mountain นี่ที่จริงที่นี่เข้าแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลย

เดี๋ยว clear ตารางได้ จะรีบไปดูค่ะ


โดย: ที่ได้พบกับเธอ นั่นคือโชคชะตา วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:35:55 น.  

 
ใช่ครับ สื่อแต่ละชนิดจะมีอิทธิพลแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างเลย คงต้องว่ากันยาว เดี๋ยวมาใหม่นะครับ ;)


โดย: BAYROCKU วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:42:16 น.  

 
แวะมาอ่านค่า


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:54:33 น.  

 
อ่านแล้วนะดอง
แต่ว่า งง งง เลยไม่รู้จะคอมเหม็นว่าอะไร
แหะๆ

ได้ข่าวว่าจะมาอยู่นี่เดือนนึงเหรอ

มีเพื่อนกินน้ำอัดลมแล้วเว้ย
แล้วเจอกันนะ


โดย: iammonkey IP: 58.147.90.149 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:49:01 น.  

 
ถูกต้องพี่ยิ้ม

เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ไปแล้ว

ป.ล. เขาไม่ค่อยมีตังค์น่ะ จะเป็นเศรษฐีก็วันที่ 20 นู้น เพราะเงินผู้ช่วยอาจารย์เข้าวันนั้น


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:53:41 น.  

 
หวัดดีวันอังคารค้าบบบบบบ

ปล. วันนี้ผมอารมณ์ดีคับ


โดย: little-joe วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:9:59:37 น.  

 
ประเด็นเรื่องมายาคตินี่มันส์นะครับ

ของบางอย่าง มันก็ฝังรากหยั่งลึกเสียจนมันกลายเป็นสภาพธรรมชาติให้เรายอมรับสิงนั้นมัน โดยดุษฎี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็เชื่อนะว่ามันต้องมีกระบวนการสร้างและกล่อมเกลาแน่นอน

และ "สื่อ" เองนี่ก็ถือได้ว่าเป็นบทบาท โคตรจะสำคัยเลยทีเดียวในการปลุกปลั่นสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้น แต่ส่วนว่าสื่อแบบไหนจะมีอิทธิพลอะไรมากกว่ากัน ระยะสั้นหรือยาว ตรงนี้คงต้องขอฟังเก็บเกี่ยวความรู้จากพวกคุณละกันนะ เพราะผมเองไม่มีความรู้ในประเด็นนี้เลย

แต่อย่างนึงที่เห็นได้ชัดสำหรับโลกหลังสมัยใหม่ก็คือ สิ่งที่ "สื่อ" ต้องการจะสื่อคงไม่ใช่ "สาร" อะนะ หากแต่สิ่งที่มันต้องการจะสื่อก็คือตัว "สื่อ" เองน่ะแหละ มันมาถึงจุดที่ว่าบางทีเราหาสารไม่เจอแล้ว และหน้าที่ของเราก็คือการถูกปลุกปลั่นอย่างเมามันส์ เหอ เหอ

ว่าแล้ว พรุ่งนี้อย่าลืมดูลอดลายมังกรนะครับ 555


โดย: gelgloog IP: 125.25.131.165 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:25:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I will see U in the next life.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add I will see U in the next life.'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.