|
1 ในวรรณกรรมที่ชวนให้อ่านครับ -----> หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว โดย กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกวซ
อารมณ์ตอนแรกผมคิดอยากจะแนะนำหนังเรื่อง The Day I Became A Woman หนังอิหร่านที่กำลังจะเข้าฉายในโรงช่วงสัปดาห์นี้ แต่คิดไปคิดมากลับลำ มาเขียนเกี่ยวกับวรรณกรรมดีกว่า หนังเขียนมาเยอะล่ะ
หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว หรือ One Hundred Years of Solitude ของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกวซ เป็นนวนิยายเรื่องที่ผมเลือกมาให้คนที่ยังไม่ได้อ่านได้รู้จักกัน
ผมสารภาพว่าผมใช้เวลาอ่านเรื่องนี้กว่าจะจบถึงสี่รอบ ด้วยความที่ว่าเรื่องมันยาวมาก ประกอบกับภารกิจเยอะรัดตัว ทำให้ต้องในที่สุดก็ต้องใช้เวลาช่วงปิดเทอมอ่านมันซะ เทียบเวลากับตอนที่อ่าน Metamorphosis แล้วคนละเรื่องเลย
หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว เป็นเรื่องของตระกูลบุเอนดิยา ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าประมาณ 6 ชั่วคน คือคนในครอบครัวนี้ถูกสาปหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่ละคนก็ล้วนแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง ตั้งแต่ต้นตระกูลยันคนสุดท้าย
เนื้อเรื่องนั้นยาวเหลือเกิน ยาวเสียจนไม่รู้จะขมวดสรุปเพียงแค่หนึ่งหน้าได้อย่างไร (ใครมีเรื่องย่อวานแปะให้ผมที)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากพลเอกออเรลิยาโน บุเอนดิย่า กล่าวรำพึงรำพันนึกถึงวัยเด็กเมื่อพ่อพาไปดูน้ำแข็งที่พวกยิปซีนำมาโชว์ แล้วเรื่องก็เล่าย้อนไปถึงชีวิตตอนเด็ก ผ่านตัวละครไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ น้องชาย น้องสาว คนรัก จวบจนไปถึงรุ่นเหลน กระทั่งถึงจุดสุดท้ายแห่งความวินาศของครอบครัวบุเอนดิย่า
นวนิยายเล่มนี้มีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวอยู่หลายประการ อย่างแรกคือมันเป็นนวนิยายในแนว Magical Realism
Magical Realism เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยในนวนิยายจากดินแดนอเมริกาใต้ มาร์เกวซบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่านิทานต่าง ๆ ที่เขาได้ยินมาในวัยเด็ก บวกกับสภาวะทางการเมืองในขณะนั้นที่เป็นระบอบเผด็จการทหาร การคิดจะวิพากษ์อะไรตรง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่อย่าได้ฝันไปเลย ดังนั้น วิธีการนี้จึงเป็นวิธีอ้อม ๆ ในการแอบหลอกด่ารัฐบาลนั้นเอง.....
จุดหลักของ Magical Realism นั้นคือ ในตัวนวนิยายจะผสมผสานเรื่องเหนือจริงเอาไว้ด้วย เรื่องเหนือจริงเหล่านี้จะเกิดขึ้นเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่เรื่องผิดแผกแหวกแนว เช่น
ในช่วงเริ่มแรก โฆเซ่ อาคาดิโอ บูเอนดิย่า กับ อูร์ซูล่า สองผู้เริ่มต้นตระกูล ได้ตัดสินใจออกจากหมู่บ้านเดิม เนื่องจากโฆเซ่ อาคาดิโอ พลาดท่าฆ่าเพื่อนสนิทตนเองตาย ในช่วงที่ทั้งสองยังอยู่ที่หมู่บ้าน เพื่อนสนิทคนนี้ในร่างของผีก็มาเยี่ยมเยือนขอน้ำกินเสมอ ซึ่งอูร์ซูล่าก็ให้น้ำดื่มอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดา ประหนึ่งว่าผีกับคนก็อยู่บนโลกเดียวกันอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ Magical Realism ผีกับคนต้องอยุ่กันคนละโลก และแน่นอนว่าเมื่อคนเจอผี ก็ต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา.....
หรือเหตุการณ์เปิดเรื่องที่ โฆเซ่ อาคาดิโอ บูเอนดิย่า พาลูก ๆ ไปดูน้ำแข็ง ท่านคิดดูกันครับ อเมริกาใต้ก็ร้อนพอ ๆ กับไทย แต่มีน้ำแข็งให้ดูด้วย แถมยังมีพรมเหาะให้นั่ง ความวิเศษเหล่านี้ผสมผสานกับเรื่องราวต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทั่วไป
นอกจากที่ว่ามา เหตุการณ์เหนือจริงที่เป็น Magical Realism แล้วชวนจดจำ ก็เช่น เหตุการณ์ฝนตกตลอดสามปี จนกระทั่งความชื้นในอากาศสูงมาก ฝูงปลาถึงขั้นสามารถว่ายน้ำไปมาได้ในอากาศ หรือฉากที่เลือดไหลนองไปทั่วถนนอย่างกับแม่น้ำ........
อีกจุดที่เห็นเป็นเสน่ห์ของนวนิยายเรื่องนี้คือการใช้ภาษา อ.ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ เขียนไว้ในหนังสือ "อ่าน(ไม่)เอาเรื่อง" ว่า ประโยคในนวนิยายเล่มนี้ มีอยู่หลายประโยคที่ประกอบขึ้นด้วยห้วงเวลาทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
เช่น (ผมจำรูปประโยคเป๊ะ ๆ ไม่ได้นะครับ) อีกสามปีต่อมา ในระหว่างที่พันเอกออเรลิยาโน บูเอนดิย่ายืนอยู่ในแถวประหาร เขาก็นึกถึงเมื่อครั้งที่พ่อพาเขาไปดูน้ำแข็งเป็นครั้งแรก
จะเห็นว่าประโยคมันมีทั้งรูปอดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะพบเห็นรูปประโยคแบบนี้ได้เกือบทั้งเล่ม เหมือนเป็นอารมณ์ฝัน ๆ ของผู้เขียน
นวนิยายเล่มนี้วิพากษ์ระบบการเมืองและทุนนิยมไว้มากทีเดียว ในช่วงแรก พันเอกออเรลิยาโน่ ได้ออกเดินทางไปเป็นทหารเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมทางการเมือง หลังจากที่เห็นว่ามีการเลือกตั้งแล้ว แต่คะแนนที่ทุกคนโหวตกลับถูกแทนที่ด้วยคะแนนที่รัฐบาลแอบเอามาใส่แทน รวมไปถึงการวิพากษ์อำนาจรัฐที่ดีแต่ใช้ความรุนแรง แม้แต่ศาสนาก็ยังไม่ละเว้นหน้า
ส่วนที่วิพากษ์ทุนนิยมนั้น เห็นได้ชัดในช่วงกลาง ๆ เรื่องที่มีบริษัทกล้วยเข้ามาปลูกกล้วยในหมู่บ้าน ตอนนั้นกล้วยเต็มไปหมด แถมยังเป็นตอนที่ปวดร้าวมาก เพราะมีคนงานที่ประท้วงแล้วถูกฆ่าสังหารเป็นนับพันคน ทั้งหมดถูกขนเอาไปทิ้งด้วยรถไฟที่ทะเล ไม่มีใครรู้เรื่องราวเหล่านี้ ทุกอย่างถูกทำลายหายไปจากความทรงจำ
ผมอ่านนวนิยายเรื่องนี้จบตอนประมาณตีสาม ถึงกับอึ้งนอนไม่หลับเพราะไม่คิดไม่ฝันว่านวนิยายสักเรื่องจะทรงพลังขนาดนี้ ใครยังไม่เคยอ่านลองหามาอ่านกันนะครับ
ป.ล. คนนี้คือมาร์เกวซครับ
Create Date : 19 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 19 สิงหาคม 2548 14:42:39 น. |
|
12 comments
|
Counter : 9841 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ข้าวโอ๊ต IP: 61.91.248.47 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:13:40:35 น. |
|
|
|
โดย: โจ้ IP: 202.28.21.4 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:14:46:07 น. |
|
|
|
โดย: stubborn IP: 202.28.27.5 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:14:54:35 น. |
|
|
|
โดย: star_hunt วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:16:04:42 น. |
|
|
|
โดย: stubborn IP: 202.28.27.5 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:19:06:32 น. |
|
|
|
โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:1:18:40 น. |
|
|
|
โดย: X RoBiN วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:28:00 น. |
|
|
|
โดย: นนท์ IP: 124.121.46.187 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:03:19 น. |
|
|
|
โดย: ณัฐพล IP: 114.128.160.172 วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:10:36:09 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|