Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
1 ในวรรณกรรมที่ชวนให้อ่านครับ -----> หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว โดย กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกวซ




อารมณ์ตอนแรกผมคิดอยากจะแนะนำหนังเรื่อง The Day I Became A Woman หนังอิหร่านที่กำลังจะเข้าฉายในโรงช่วงสัปดาห์นี้ แต่คิดไปคิดมากลับลำ มาเขียนเกี่ยวกับวรรณกรรมดีกว่า หนังเขียนมาเยอะล่ะ

หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว หรือ One Hundred Years of Solitude ของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกวซ เป็นนวนิยายเรื่องที่ผมเลือกมาให้คนที่ยังไม่ได้อ่านได้รู้จักกัน

ผมสารภาพว่าผมใช้เวลาอ่านเรื่องนี้กว่าจะจบถึงสี่รอบ ด้วยความที่ว่าเรื่องมันยาวมาก ประกอบกับภารกิจเยอะรัดตัว ทำให้ต้องในที่สุดก็ต้องใช้เวลาช่วงปิดเทอมอ่านมันซะ เทียบเวลากับตอนที่อ่าน Metamorphosis แล้วคนละเรื่องเลย

หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว เป็นเรื่องของตระกูลบุเอนดิยา ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าประมาณ 6 ชั่วคน คือคนในครอบครัวนี้ถูกสาปหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่ละคนก็ล้วนแต่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง ตั้งแต่ต้นตระกูลยันคนสุดท้าย

เนื้อเรื่องนั้นยาวเหลือเกิน ยาวเสียจนไม่รู้จะขมวดสรุปเพียงแค่หนึ่งหน้าได้อย่างไร (ใครมีเรื่องย่อวานแปะให้ผมที)

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากพลเอกออเรลิยาโน บุเอนดิย่า กล่าวรำพึงรำพันนึกถึงวัยเด็กเมื่อพ่อพาไปดูน้ำแข็งที่พวกยิปซีนำมาโชว์ แล้วเรื่องก็เล่าย้อนไปถึงชีวิตตอนเด็ก ผ่านตัวละครไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ น้องชาย น้องสาว คนรัก จวบจนไปถึงรุ่นเหลน กระทั่งถึงจุดสุดท้ายแห่งความวินาศของครอบครัวบุเอนดิย่า



นวนิยายเล่มนี้มีมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวอยู่หลายประการ อย่างแรกคือมันเป็นนวนิยายในแนว Magical Realism

Magical Realism เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยในนวนิยายจากดินแดนอเมริกาใต้ มาร์เกวซบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่านิทานต่าง ๆ ที่เขาได้ยินมาในวัยเด็ก บวกกับสภาวะทางการเมืองในขณะนั้นที่เป็นระบอบเผด็จการทหาร การคิดจะวิพากษ์อะไรตรง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่อย่าได้ฝันไปเลย ดังนั้น วิธีการนี้จึงเป็นวิธีอ้อม ๆ ในการแอบหลอกด่ารัฐบาลนั้นเอง.....

จุดหลักของ Magical Realism นั้นคือ ในตัวนวนิยายจะผสมผสานเรื่องเหนือจริงเอาไว้ด้วย เรื่องเหนือจริงเหล่านี้จะเกิดขึ้นเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่เรื่องผิดแผกแหวกแนว เช่น

ในช่วงเริ่มแรก โฆเซ่ อาคาดิโอ บูเอนดิย่า กับ อูร์ซูล่า สองผู้เริ่มต้นตระกูล ได้ตัดสินใจออกจากหมู่บ้านเดิม เนื่องจากโฆเซ่ อาคาดิโอ พลาดท่าฆ่าเพื่อนสนิทตนเองตาย ในช่วงที่ทั้งสองยังอยู่ที่หมู่บ้าน เพื่อนสนิทคนนี้ในร่างของผีก็มาเยี่ยมเยือนขอน้ำกินเสมอ ซึ่งอูร์ซูล่าก็ให้น้ำดื่มอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดา ประหนึ่งว่าผีกับคนก็อยู่บนโลกเดียวกันอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ Magical Realism ผีกับคนต้องอยุ่กันคนละโลก และแน่นอนว่าเมื่อคนเจอผี ก็ต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา.....

หรือเหตุการณ์เปิดเรื่องที่ โฆเซ่ อาคาดิโอ บูเอนดิย่า พาลูก ๆ ไปดูน้ำแข็ง ท่านคิดดูกันครับ อเมริกาใต้ก็ร้อนพอ ๆ กับไทย แต่มีน้ำแข็งให้ดูด้วย แถมยังมีพรมเหาะให้นั่ง ความวิเศษเหล่านี้ผสมผสานกับเรื่องราวต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทั่วไป

นอกจากที่ว่ามา เหตุการณ์เหนือจริงที่เป็น Magical Realism แล้วชวนจดจำ ก็เช่น เหตุการณ์ฝนตกตลอดสามปี จนกระทั่งความชื้นในอากาศสูงมาก ฝูงปลาถึงขั้นสามารถว่ายน้ำไปมาได้ในอากาศ หรือฉากที่เลือดไหลนองไปทั่วถนนอย่างกับแม่น้ำ........

อีกจุดที่เห็นเป็นเสน่ห์ของนวนิยายเรื่องนี้คือการใช้ภาษา อ.ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ เขียนไว้ในหนังสือ "อ่าน(ไม่)เอาเรื่อง" ว่า ประโยคในนวนิยายเล่มนี้ มีอยู่หลายประโยคที่ประกอบขึ้นด้วยห้วงเวลาทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

เช่น (ผมจำรูปประโยคเป๊ะ ๆ ไม่ได้นะครับ) อีกสามปีต่อมา ในระหว่างที่พันเอกออเรลิยาโน บูเอนดิย่ายืนอยู่ในแถวประหาร เขาก็นึกถึงเมื่อครั้งที่พ่อพาเขาไปดูน้ำแข็งเป็นครั้งแรก

จะเห็นว่าประโยคมันมีทั้งรูปอดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะพบเห็นรูปประโยคแบบนี้ได้เกือบทั้งเล่ม เหมือนเป็นอารมณ์ฝัน ๆ ของผู้เขียน

นวนิยายเล่มนี้วิพากษ์ระบบการเมืองและทุนนิยมไว้มากทีเดียว ในช่วงแรก พันเอกออเรลิยาโน่ ได้ออกเดินทางไปเป็นทหารเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมทางการเมือง หลังจากที่เห็นว่ามีการเลือกตั้งแล้ว แต่คะแนนที่ทุกคนโหวตกลับถูกแทนที่ด้วยคะแนนที่รัฐบาลแอบเอามาใส่แทน รวมไปถึงการวิพากษ์อำนาจรัฐที่ดีแต่ใช้ความรุนแรง แม้แต่ศาสนาก็ยังไม่ละเว้นหน้า



ส่วนที่วิพากษ์ทุนนิยมนั้น เห็นได้ชัดในช่วงกลาง ๆ เรื่องที่มีบริษัทกล้วยเข้ามาปลูกกล้วยในหมู่บ้าน ตอนนั้นกล้วยเต็มไปหมด แถมยังเป็นตอนที่ปวดร้าวมาก เพราะมีคนงานที่ประท้วงแล้วถูกฆ่าสังหารเป็นนับพันคน ทั้งหมดถูกขนเอาไปทิ้งด้วยรถไฟที่ทะเล ไม่มีใครรู้เรื่องราวเหล่านี้ ทุกอย่างถูกทำลายหายไปจากความทรงจำ

ผมอ่านนวนิยายเรื่องนี้จบตอนประมาณตีสาม ถึงกับอึ้งนอนไม่หลับเพราะไม่คิดไม่ฝันว่านวนิยายสักเรื่องจะทรงพลังขนาดนี้ ใครยังไม่เคยอ่านลองหามาอ่านกันนะครับ




ป.ล. คนนี้คือมาร์เกวซครับ



Create Date : 19 สิงหาคม 2548
Last Update : 19 สิงหาคม 2548 14:42:39 น. 12 comments
Counter : 9841 Pageviews.

 
อ่านแล้ว รู้สึกอยากอ่านจัง ไม่รู้ว่ามีแปลยัง จะได้หามาอ่านบ้าง ดูแล้วเป็นหนังสือที่ชวนฝันไปกับการจินตนาการ รึเปล่า อิอิ


โดย: ข้าวโอ๊ต IP: 61.91.248.47 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:13:40:35 น.  

 
มีแปลนานแล้วครับ ข้าวโอ๊ต

เคยเห็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ลมแทบจับ แค่ลำพังจำชื่อตัวละครให้ได้หมดก็จะเป็นลมละครับ แล้วต้องมาแปลเป็นไทยอีก ตาย ๆ

มาซื้ออ่านได้ทั่วไป ตามร้านหนังสือครับ ไม่แพงเท่าไรด้วย

ผมก็กะว่าจะซื้อเก็บเหมือนกัน (รอเงินออกก่อน) เพราะที่อ่านมาทั้งสี่ครั้ง (แล้วมาบรรลุครั้งสุดท้าย) ก็ของห้องสมุดโลดครับ

ไว้ยังไงซื้อมา จะเอาไปให้อ่านนะครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:13:43:11 น.  

 
ไม่นึกว่าพี่จะสนใจวรรณกรรมได้ขนาดนี้นะพี่ เห็นสนใจแต่หนัง น่าสนใจนะครับ จะลองไปหามาอ่านดูบ้างครับผม


โดย: โจ้ IP: 202.28.21.4 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:14:46:07 น.  

 
ติดไว้ก่อนนะคะ ยังไม่ได้อ่านอ่ะ ต้องรีบไปตามหาหัวใจอ่าค่ะพี่ชาย

เด๋วกลับมา หุหุ


โดย: stubborn IP: 202.28.27.5 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:14:54:35 น.  

 
โห... ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาคลุกคลีกะหนังสือแบบนี้เลยอ่ะ.. อ่านบล็อกแล้วก็ทำให้อยากอ่านมั่ง... แต่...


โดย: star_hunt วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:16:04:42 น.  

 
ห้องสมุดคณะมนุษย์มีให้ยืมพี่


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:18:01:10 น.  

 
เราเพิ่งรู้ว่า หนังสือ ภาพยนตร์ สามารถเอามาโยงกะทฤษฎีพวกนี้ได้

ปกติเวลามองอะไรก็มองแค่ผิวมันตลอด... ขอบคุณที่มีบล๊อคดีๆของพี่ไว้อ่านเป็นอาหารสมอง


โดย: stubborn IP: 202.28.27.5 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:19:06:32 น.  

 
เคยผ่านตาชื่อหนังสือจากงานเขียน Love Letters ของ 'ปราย พันแสง
สงสัยผมต้องหาเวอร์ชั่นแปลไทยมาอ่านครับ ไม่งั้นคงไม่จบแน่นอน


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:19:07:07 น.  

 
น่าหามาอ่านจังคับ ไว้ผมเคลียร์อินทรีแดงแล้วจะลองหามาดู


โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:1:18:40 น.  

 
น่าสนใจมาก ๆ เลยครับ ^^


โดย: X RoBiN วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:28:00 น.  

 
อ่านเวอร์ชั่นไทยแล้วค่ะ แปลโดยปณิธาน-ร.จันเสน เนื้อเรื่องแปลกดี จินตนาการเหนือจริงหลุดโลกเลยค่ะ


โดย: นนท์ IP: 124.121.46.187 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:03:19 น.  

 
พึ่งซื้อมาอ่านครับ อ่านแล้วติดหนึบ วางไม่ลงเลยทีเดียว นานๆทีจะมีหนังสือที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ คิดแล้วก็เสียใจครับ ที่ผมเกิดมาไม่กี่ปีก็ตายแล้ว คงยังมีหนังสือดีๆที่ยังไม่ได้อ่านอีกมาก เฮ้อเสียดายจังเลย
ผมหมายความอย่างที่เขียนจริงๆนะครับ


โดย: ณัฐพล IP: 114.128.160.172 วันที่: 5 เมษายน 2553 เวลา:10:36:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I will see U in the next life.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add I will see U in the next life.'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.