|
++++++++พาชม The Lucianos รอบสื่อมวลชน ละครนิเทศ จุฬา ปีล่าสุด++++++++++
กราบสวัสดีทุกท่าน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพบล๊อกเท่าไร เนื่องจากงานผู้ช่วยอาจารย์เยอะมาก เมื่อวานเจออาจารย์ให้ทำพาวเวอร์พอยท์ ปาเข้าไป 84 หน้า เล่นเอาปวดคอมาก ๆ
เมื่อวานผมไปดูละครนิเทศฯ จุฬาฯ รอบสื่อมาครับ ที่ได้ไปดูรอบสื่อนี้ไม่ใช่ว่าไปทำงงทำงานอะไรมาน่ะ เผอิญว่าคุณนางสาวเลขแห่งเซนเตอร์พอยท์ พีอาร์ผู้ชอบกินหมาจากดินแดนที่ราบสูง ติดงาน ก็เลยโทรมาให้ผมไปดูแทน เพราะเห็นผมบ่นรำพึงรำพันว่า ไปดูกันไม่ชวนกู คุณเลขก็เลยเกิดสงสาร......
ละครนิเทศ จุฬาคราวนี้ก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน (เนื่องจากว่าพึ่งเข้ากรุง) โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ผูกพันอะไรมากนักเพราะแม้ว่าอยู่คณะนิเทศเหมือนกัน แต่ก็อยู่ ป.โท อะน่ะ เด็ก ป.ตรีนี้ไม่รู้จักสักคน แต่ด้วยที่ว่าเดินผ่านมาที่คณะ ก็ต้องเห็นน้อง ๆ นั่งเลื่อยไม้ ตอกฉาก ทำคัท โปรเจคส์เสียง ฯลฯ มันก็พลอยทำให้นึกถึงตอนที่ตัวเองอยู่ ป.ตรีบ้าง อืม!!! เวลาเห็นคนทำงานด้วยความรักแล้วอดที่จะเป็นกำลังใจไม่ได้
สู้ ๆ นะครับ
ผมเป็นคนตรงเวลา ไม่ชอบอย่างยิ่งกับการไปถึงก่อนงานแบบฉิวเฉียด ประเภทหนังฉายไป หอบไปพร้อม ๆ กัน แบบนี้ไม่เคย งานนี้ก็เช่นกัน สาวเลขพีอาร์สาว(ไม่)สวย บอกผมมาว่า "หกโมงนะค่ะ คุณดอง"
สักห้าโมงครึ่งก็เดินไปจากคณะ ระยะทางก็ไม่ไกลสักเท่าใดนัก แต่ทำไมเวลาคิดภาพว่าต้องเดินเข้าไปโซนในเมือง ดูเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อมยังไงไม่รู้ ก่อนถึงหอประชุมจุฬาฯ ก็แวะดูน้อง ๆ ซ้อมหลีดกันนิดหน่อย
เดินสิบกว่านาทีถึงแล้ว เอาไงดีต่อละกรู เพราะเพื่อนที่จะมาดูด้วยดันกว่าจะเสด็จมาก็หกโมงนู้น (เวรกรรมโดนหลอกว่าหกโมง ที่ไหนได้เขาเริ่มกันทุ่มกว่านู้น) ก็เลยต้องนั่งรอต่อไป แถวหน้าคณะอักษรฯ เป็นตาอ้วนโรคจิตนั่งดูสาว ๆ
กว่าเพื่อน ๆ ผมจะมาก็เกือบทุ่มพอดี สมาชิกในวันนี้เป็นคนทำหนังสือจากย่านพระอาทิตย์อย่าง Mars และ ต้าเจียห่าว (พวกนี้เป็น press ของจริง ส่วนผมนะเกือบจริง) ก็ลงทะเบียนกัน เลขที่นั่งของผมที่ได้มาคือ ค.4 และ 5 หน้า ๆ เกือบขวาสุดของเวที (น้องที่พาไปที่นั่งก็ใส่สูทกันเท่จริง ๆ )
สักพักก็ย้ายที่ ก็เพื่อน ๆ ก๊กหนังสือ Mars มานั่งด้านหลังผม ซึ่งทำเลดีกว่า ก็ย้ายกันไป นั่งไปเม้าท์ไป ดูหนังโฆษณาของดีแทคไปพราง แถมไฟก็เปิดสลัว ๆ ชวนชิลยิ่งนัก
ช่วงนั่งรอก็มีวิดีโอเป็นบทสัมภาษณ์ของน้องกุ๊ก ผู้กำกับ มาให้ชมกัน น้องกุ๊กนี้ผมเห็นเธอครั้งแรกตั้งแต่ผมเข้ามาเรียน ป.โท ใหม่ ๆ เลย รู้สึกว่าน้องเขาร่าเริงดี เมื่อก่อนก็รู้แต่ว่าเป็นเพื่อนน้องก้อย พึ่งมารู้จักชื่อก็ตอนเห็นลงในเวบของผู้จัดการ.....
เอ่อ!!!! น้องกุ๊กน่ารักจังเลยครับ
ถ้าถามต่อมีแฟนยัง เดี๋ยวจะเลยเถิดไปกันใหญ่
นั่งรออยู่นานเหมือนกันกว่าจะเริ่ม เหตุเพราะคนยังออกันอยู่ที่หน้าประตูไม่ยอมเข้ามา พอเพลงสรรเสริญพระบารมี (ที่ร้องด้วยคีย์ที่ไม่คุ้นเคยเลย) ดังขึ้น ทุกคนก็พร้อมใจกันยืนตรง และแล้วละครก็เริ่มขึ้น
The Lucianos เป็นเรื่องของตระกูล Lucianos ที่คนในครอบครัวปกปิดเรื่องราวความสัมพันธ์ของมาเฟียไม่ให้ลูกชายลูกสาวได้รู้ แล้วในวันเกิดครบรอบ 55 ปีของ ดอน อัลแบร์โต้ หัวหน้าของตระกูล ซึ่งประกาศล้างมือจากวงการ เขากลับถูกบิลลี่ เดอะ คิง สอยซะ
และแล้วความลับทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยขึ้น เพื่อเฟ้นหาดอนคนใหม่ ซึ่งจะนำให้ The Lucianos กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
โครงเรื่องดู ๆ ไปก็คล้ายกับ The Godfather นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายสายเลือดของคนระหว่างรุ่น แต่ในรายละเอียดรวมถึงธีมของเรื่องนั้นก็ต่างกันไป
ดูไปครึ่งเรื่อง ก็พักเบรค เดินไปแลกขนมกับชาขาวเพียวริคุมากิน นั่งกินกันสนามหญ้าข้างเทวาลัยดั่งกับมาปิคนิค ขนมอร่อยมาก แต่ชาเขียวไม่รู้เหมือนกันว่ามันต่างกับยี่ห้ออื่นยังไง ดื่มเท่าไรก็ไม่รู้ว่าอีเขียวกับขาวมันจะแปลกแตกต่างกันขนาดไหนเชียวว่ะ
เด็ก ๆ ปีหนึ่งวิ่งมาเรียกให้กลับเข้าหอประชุม ข้างในมืดสนิท จนต้องเปิดมือถือใช้เป็นไฟฉายส่องทาง กว่าจะหาที่นั่งเจอใช้เวลานานเหมือนกัน
ละครเริ่มโดยไม่รอคนดู ทำให้หลาย ๆ คนที่อ้อยสร้อยต้องรีบวิ่งเข้าหาที่นั่ง
ระยะหลัง ๆ นี้สนุกดีครับ เริ่มปล่อยมุกอะไรได้ฮาดี การดำเนินเรื่องก็ราบรื่น นักแสดงแสดงกันได้ดี โดยเฉพาะน้องป๋องที่แสดงเป็นสมิธ แก้สถานการณ์เรื่องเอฟเฟคแทนเพื่อนได้ดีมาก
เนื้อเรื่องตอนหลัง ๆ ไม่ขอเล่าละกัน กลัวอดใจตัวเองไม่ไหวเดี๋ยวจะสปอยล์เอาได้ครับ
ช่วงสุดท้ายออกมา finale เป็นฟีนาเล่ที่สนุกทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ว่าน้อง ๆ คงเริ่มเสียงหมดกันแล้ว แค่แถวหน้า ๆ ยังไม่ค่อยได้ยินเลย
จบงานพวกเราชาวแก๊งนั่งทำแบบสอบถามให้น้อง (ทำแบบสอบถามได้ละเอียดดีจัง) คุณปัญญา นิรันดร์กุล ก็ขึ้นไปพูดให้กำลังใจกับน้อง ๆ นักแสดง เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ทีเดียว
ในแบบสอบถามจะมีถามว่า 'คุณรู้จัก The Lucianos ได้อย่างไร' เพื่อนผมพูดขึ้นมา "เฮ้ย ถ้ากูบอกว่ารู้จักจากชิงร้อยชิงล้านนี้ น้องเขาจะเคืองเปล่าว่ะ" แหมะ!!! สามช่าออกจะโฆษณาให้ซะขนาดนั้น น้องเขาจะไปว่าอะไร
ก่อนออกหอประชุมก็แวะสวัสดีอาจารย์ในคณะที่มาชมด้วย เพื่อนผมมันดันไปเข้าใจว่าผมรับไหว้จากน้อง ก็เลยมีแต่คนถาม "นักเรียนไหว้อาจารย์ดองหรอ" ถ้าตอบว่าใช่ ก็คงจะหน้าด้านเกินไปล่ะ
โดยรวม ผมชอบครับ (ให้เป็นเกรดไม่เป็นอ่ะ บอกตัวเองไม่ได้ว่า A+ กับ A ต่างกันยังไง) สุดสัปดาห์ใครว่าง ๆ ก็มาชมกันละกันครับ
โฆษณาให้น้องเขาหน่อย มีวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ (สัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า) เวลาหนึ่งทุ่ม ส่วนเสาร์อาทิตย์ เพิ่มบ่ายสอง
ราคาบัตรเท่าไร ไม่รู้ครับ แวะดูตามโปสเตอร์ละกัน เห็นติดกันทั่วกรุงเทพฯ
หรือไม่ลองเข้าเวบดูที่เวบนี้ ดูเวบน้องเขาได้ที่ //www.nitadechula.net/
แล้วนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมีความสุขครับ
-----------------------------------------------------------
DJ.Donk's Recommend
1. น้องที่แสดงเป็นคุณย่ามาการ์เร็ต + บิลลี่ แสดงได้เลิศมาก โดยเฉพาะรายหลัง ลีลาจัดจ้านเหลือเกิน
2. ละครเวทีเรื่องนี้มีเพลงอยู่หลายเพลงทีเดียว เนื้อหาเล่าเรื่องได้ดี แถมเพลง "ความลับ" เพลงธีมหลัก ฟังครั้งแรกอารมณ์เดียวกับ 2+2=5 ของ Radiohead
3. หนุ่ม ๆ ที่คิดมาดูสาว ๆ สวย ๆ รับรองมางานนี้ไม่พลาด แค่น้องที่อยู่หน้างาน ยังน่ารัก ๆ ตรึม แล้วข้างในงานจะขนาดไหน
ลืมไปอีกอย่าง ขอบคุณสำหรับซีดีเพลงเพราะ ที่ให้มาใน Press Kit นะครับ
-----------------------------------------------------------
ส่วนข้างล่างนี้คือคอมเมนต์ ใครยังไม่ได้ดูข้ามก่อนนะครับ
DJ. Donk's Commend
1. เรื่องของเสียงนักแสดง ช่วงแรก ๆ เสียงค่อยมาก โดยเฉพาะน้องชารอน แต่พอผ่านไปได้สักพักเสียงก็ดัง มีพลังขึ้นเยอะ ในช่วงหลัง ๆ บางฉากก็ฟังไม่รู้เรื่องครับ โดยเฉพาะตอนที่เถียงกัน
2. เรื่องการเปลี่ยนฉากของสเตท ก่อนอื่นของปรบมือให้ก่อนกับการเปลี่ยนฉากที่ใหญ่บิ๊กขนาดนั้น เพียงแต่ว่าเสียงยังดังไปหน่อยนะครับ พี่นั่งอยู่แถว ช.ช้าง ยังได้ยินเสียงตึงตังชัดเจน รวมถึงใช้เวลานานไปนิด แม้ว่าจะมีเพลงเลี้ยงโรงละครแล้ว แต่ยังไงก็ยังอยู่ในความมืดอยู่ ความรู้สึกอึดอัดก็ไม่หายไปไหนนะครับ
3. น้อง ๆ สเตท ทำดีมาเกือบทั้งงาน น่าเสียดายพลาดตอนสุดท้าย ที่เปลี่ยนฉากไม่ทัน พี่ว่านะครับ ถ้าเปลี่ยนไม่ทันก็ทำตัวเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นบ๋อย จัดโต๊ะเนียน ๆ ไปเลย เมื่อวานยังมีน้องหัดมาหัวเราะกับคนดูอีก แบบนี้มันฮาผิดจุดเน้อ
4. เรื่องปรบมือระหว่างหมดตอน อืม!! อันนี้เป็นความรู้สึกของพี่คนเดียวนะครับ คือพี่คิดว่ามันทำให้อารมณ์ขาดตอน บางทีเรากำลังมีมู้ดที่เครียด ๆ แล้วมีเสียงปรบมือ ก็เลยทำให้ดูเหมือนอารมณ์มันหยุดไปใช้ขณะ แต่พี่ก็เข้าใจครับว่าเป็นการให้กำลังใจกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ
สุดท้ายเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานทุกคนครับ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ไม่สามารถหาได้ในห้องเรียน มีอะไรไขว่คว้าเอาไว้ แล้วทุกอย่างเวลาทำงาน เราจะได้ใช้มันอย่างแน่นอนครับ
Create Date : 26 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2548 20:35:44 น. |
|
11 comments
|
Counter : 1369 Pageviews. |
|
|
|
โดย: stubborn IP: 202.28.27.3 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:14:00:07 น. |
|
|
|
โดย: ดีเซลหมุนเร็ว IP: 210.86.142.126 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:14:02:54 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวโอ๊ต IP: 61.91.243.185 วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:14:17:52 น. |
|
|
|
โดย: ทีมงานละครลูเชียอาโน่ครับ IP: 58.10.35.244 วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:1:18:35 น. |
|
|
|
โดย: kikkle.bloggang.com IP: 58.8.247.155 วันที่: 28 สิงหาคม 2548 เวลา:23:02:06 น. |
|
|
|
โดย: น้องสเตจ IP: 202.3.68.52 วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:1:57:45 น. |
|
|
|
โดย: เด็กชายก้อง วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:2:39:12 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู (it ซียู ) วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:16:18:44 น. |
|
|
|
โดย: Nike Air Max 1 IP: 94.23.252.21 วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:0:09:34 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
ละครนิเทศนี่ไม่เคยไปดูค่ะ แต่ก็อยากไปดูนะ เราเองก็อยากเห็นของที่อื่นๆเหมือนกัน ว่าเค้าทำกันยังไง เพิ่งรู้เนอะ ว่าเค้ามีพักเบรกด้วย... เหอๆ.. อันนี้น่าสน