เกมเศรษฐี (Monopoly) : เกมหมากกระดานที่สะท้อนความเลวร้ายของระบบทุนนิยม
เมื่อวานผมได้มีโอกาสเล่นเกมเศรษฐีแบบที่เป็นหมากกระดาน มิใช่เกมเศรษฐีของคุณไตรภพทางไอทีวีนะครับ เป็นครั้งแรกในรอบกี่สิบปีนี้ เพราะเท่าที่จำได้ ตั้งแต่ขึ้นมัธยมมา (นี้ก็ป.โทล่ะ) ไม่เคยได้แตะเกมประเภทนี้เลย
กติกาคงไม่ต้องอธิบายละกระมัง เพราะคาดว่าทุกท่านคงเคยเล่นกันมาแล้ว สรุปสั้น ๆ ก็คือ ผู้เล่นแต่ละคนก็มีบทบาทเป็นนักธุรกิจ ต้องคอยคาดการณ์ว่าทำเลที่ไหนดี ก็ซื้อเก็บไว้ แล้วก็ซื้อบ้าน ซื้อโรงแรม ใครเดินมาตกตรงที่ของตน ก็ต้องจ่ายค่าเช่าให้
กติกาหลัก ๆ มีเพียงเท่านี้
พูดง่าย ๆ ใครกว้านซื้อที่ดินทำเลดี ชาวบ้านชอบเดินมาตก ก็ยิ่งได้กำไรไปเรื่อย ๆ
ก็เป็นการดีครับ เป็นการสอนหลักการตลาดง่าย ๆ ให้กับคนเล่นที่ให้คาดการณ์ถึงความน่าจะเป็นที่จะได้กำไร แต่ทว่าหลังจากผมเล่นเมื่อวาน ผมก็ได้เห็นถึงบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเกมนี้ แล้วมันสะท้อนภาพบางอย่างได้อย่างชัดเจนมาก
เกมนี้เมื่อเล่น ๆ ไปจะมีคนอยู่สองกลุ่มครับ คือกลุ่มนายทุนผู้ร่ำรวย ซึ่งเกิดจากการเก็งที่ดินดี ๆ ไว้ได้ พวกนี้ก็จะได้เงินจากคนที่เดินมาตกที่ตรงนั้น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็คือยาจก ผู้มักพลาดสูญเสียเงินให้แก่กลุ่มนายทุนเสมอ
ผมเองเป็นคนในกลุ่มหลังครับ เหลือเงิน (ปลอม) ทั้งเนื้อทั้งตัว 500 กว่าบาท ต้องขายโฉนดที่ดินหาเงินใช้หนี้ 5555
ถ้าสังเกตจากชื่อที่มาจากภาษาอังกฤษ คือ monopoly ก็คงรู้ถึงจุดหมายของเกมได้ไม่ยาก เพราะโมโนโพลี ก็คือการครอบครองตลาดไว้แต่เพียงผู้เดียว เป็นเจ้าตลาดรายใหญ่และรายเดียว ดังนั้น ในเกมนี้ใครที่ยึดและครอบครองที่ดินได้หมดโดยไม่มีคู่แข่งขันก็คือผู้ชนะ
ผมได้ลองเล่นเกมหลายครั้ง ผลออกมาในลักษณะเดิม ๆ คือ มีกลุ่มคนรวยล้นฟ้า กับจนซ้ำซาก คนรวยก็จะได้เงินอยู่อย่างนั้นเสมอ คนจนก็จะต้องเสียเงินซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ต่างอะไรกับสภาพสังคมจริงเลย
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ บรรดาคนรวย (ที่มันเก็งที่ได้ดีกว่าในช่วงแรก) เมื่อรอบแรก ๆ มีคนมาตกที่ดินก็จะได้เงิน พอเห็นที่ดินดี ๆ อีกก็จะซื้อใหม่ ซื้อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ผู้เล่นที่พลาดท่าเสียเงิน ตกที่ดินชาวบ้านบ่อย ๆ ก็พลอยไร้เงินทอง จะซื้อที่ดินสู้ก็ไม่ได้
ตอนผมเรียนวิชา man and the modern world ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งวิชานี้เป็นวิชาที่มองเหรียญอีกด้าน (ด้านร้าย) ของระบบทุนนิยม ส่ิงหนึ่งที่วิชานี้ชี้ให้เห็นคือเรื่องของ "การเข้าถึงทรัพยากร"
คีย์เวิร์ดง่าย ๆ คือคำว่าโอกาส ถ้าคุณมีโอกาสในตอนแรก คุณย่อมมีโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร ทรัพยากรในที่นี้มิใช่แค่เป็นเหมืองแร่ เงินทอง อย่างที่เราคิด แต่ยังรวมถึงความรู้และอำนาจไปด้วย
คนที่ได้รับการศึกษาสูงย่อมมีโอกาสสูงที่จะทำงานได้กว้างและสูงกว่าคนที่ได้รับการศึกษามาด้อยกว่า เมื่อทำงานที่สูงกว่า ก็มีโอกาสในการคว้าเอาสิ่งต่าง ๆ มาครอบครองได้ง่ายกว่า เงินทองที่สะสมก็พลอยเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
แต่กลับคนที่ไร้โอกาส เขาไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร การจะเริ่มทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นก็ต้องทนทำเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวัน โอกาสในการสะสมทุนให้มากเท่ากับพวกมีโอกาสก็เป็นเรื่องยาก
เกมเศรษฐีนี้ก็คือภาพสะท้อนในประเด็นการเข้าถึงทรัพยากรของมนุษย์ในระบบทุนนิยม ที่คนรวยก็ยิ่งรวยเข้าไปใหญ่เพราะเข้าถึงทรัพยากรได้มาก คนจนก็ยิ่งจนลงไปเพราะไม่มีโอกาสเข้าถึง
อาจจะมองดูว่าผมมองอะไรเป็นแง่ร้าย ใช่ครับ ผมต้องการนำเสนอมุมมองแง่ร้ายบ้าง เพราะส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่แง่ดีของทุนนิยม
สุดท้ายแล้ว ผมมองว่าหลักการของในหลวงท่านคือหนทางของการพัฒนาที่ยั่งยืนครับ อยู่อย่างพอเพียง เหมือนกับหลักเศรษฐศาสตร์ชาวพุทธ ใช้เท่าที่มีไม่ฟุ้งเฟ้อ
เพียงแต่ว่าหลักการนี้ มีใครบางคนทำหูทวนลม รับเออออไปเช่นนั้น แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทำตาม
มีเพียงนโยบายที่สวยหรู สุดท้ายชาวบ้านที่หนี้กันกระจายตามมาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันอยู่ครับ
Create Date : 11 ธันวาคม 2548 |
|
21 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2548 19:29:52 น. |
Counter : 1709 Pageviews. |
|
|
|
และเมื่อคนหนึ่งขยับ ก็เป็นการกระตุ้นการแข่งขัน แย่งชิงขึ้นมา
ที่เคยพอเพียงก็เปลี่ยนเป็นมีมาก กับ มีน้อย - - เกินพอ และ ไม่พอ