Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
 
13 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

Nepal ตอน 46 ก็ใครใช้ให้เรามา

พี่ป้อมเริ่มเห็นว่ากล้องถ่ายรูปเป็นภาระอย่างยิ่ง เลยส่งกระเป๋ากล้องให้ศิวะถือแทน แค่เดินอย่างเดียวก็เป็นภาระมากอยู่แล้ว พออยากจะถ่ายรูป ค่อยขอกล้องคืน ถ่ายเสร็จแล้วก็ให้ศิวะถือต่อ ศิวะจะทำเป็นลืมหิ้วกล้องให้พี่ป้อมก็ไม่ได้ พี่ป้อมคอยเตือนตลอดเวลา ราวกับว่าเป็นกล้องของศิวะ พี่ป้อมหวังดีหรอกนะถึงได้เตือน

ภาพพี่ป้อม กับพี่น้อย ประคับประคองกันไปตามยถากรรม เอ๊ย…ไปตามทางที่สูงชัน น่ารักมาก เหมือน ตายาย ที่รักกันจนแก่เฒ่า โรแมนติกแบบเดี้ยง ๆ

คู่นี้จะคุยกันเองแบบมีรหัสลับ มีชื่อเล่นพิเศษที่เอาไว้เรียกกัน 2 คน พี่ป้อมเรียกพี่น้อยว่า ‘เหมียว’ เหมียวมา เหมียวไปหลายวันเข้า พี่อ้อก็เผลอ เรียกพี่น้อยว่าเหมียวไปด้วย เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะพี่อ้อ

การขึ้นมาเดินบนเขา ห่างไกลความเจริญ แสงสี และอุปกรณ์สื่อสาร ทำให้จิตใจของพวกเราสงบได้อย่างประหลาด เราอดคิดไม่ได้ว่า ‘ชีวิตจริง’ ของพวกเรานั้นอยู่เพื่ออะไร แก่งแย่ง แข่งขัน ชิงกันเป็นใหญ่ เพื่อวัตถุ เพื่อสิ่งอำนวยความสะดวก จนชีวิตรีบร้อน เหน็ดเหนื่อย ทั้ง ๆ ที่เราอาจต้องการเพียงปัจจัย 4 เท่านั้นเอง

อารมณ์แบบนี้คงเหมือนกับเหล่าจอมยุทธ์ที่ต้องการถอนตัวจากยุทธภพ เพราะเบื่อการฆ่าฟันล้างแค้นแน่ๆ เลย

แต่เดี๋ยวก่อน แค่ปัจจัยเรื่องอาหาร เราก็ต้องการแบบอลังการแล้วนะ พวกเราคงอยู่บนภูเขาได้หรอก ถ้า ‘กินเพื่ออยู่’ แต่เรามีอุดมการณ์ ‘อยู่เพื่อกิน’ เสียแล้ว ยังไงๆก็ต้องกลับไปแก่งแย่งในสังคมเมืองต่อไป ทุกวันนี้ พวกเราทำงานเพื่ออาหาร การท่องเที่ยว และความบันเทิงทุกรูปแบบ

ชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ มีชีวิตเรียบง่าย ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ไปวันๆ ถึงอาภรณ์ประดับกายจะเก่าคร่ำคร่า หากแววตาสดใส ส่องประกายแห่งความสุข พี่เจว่าชาวบ้านบางคนคงไม่เคยลงจากภูเขาเข้าเมืองเลยตั้งแต่เกิดมา

สำหรับ ‘คนเมือง’ อย่างพวกเรา เห็นว่าช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่อเหลือเกิน แต่ชีวิตของคนที่นี่ก็ยังน่าเบื่อน้อยกว่าชีวิตลาที่แบกของไปแบกของมาตลอดชีวิต

นั่นเป็นเพียงมุมมองของพวกเราเท่านั้น ถ้ากลับกันให้ชาวบ้านเขาอยู่กันแบบวุ่นวาย หัวหก ก้นขวิดอย่างเราบ้าง เขาก็คงเบื่อเหมือนกัน

ระหว่างทางที่เราเดิน มีชาวบ้านเลี้ยงแพะฝูงเล็กๆ มีแต่แพะเด็กๆ ทั้งนั้น ขนนุ่มฟู มีทั้งชนิดขนดำและขนขาว น่ารักมาก หวังว่าคงไม่เลี้ยงเอาไว้ทำแพะหันนะ!

สาวๆอดไม่ได้ต้องแวะถ่ายรูปกับลูกแพะเอาไว้เป็นที่ระลึก (บีมไม่มีรูปนี้) พี่อ้อที่มีนิสัยรักสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงขนาดจะให้นมแพะด้วย! ก็ลูกแพะที่ยืนอยู่บนเนินมันมาคลอเคลียพี่อ้อ คงนึกว่าพี่อ้อเป็นแม่ จะขอนมกินด้วย

พี่อ้อสังเกตเห็นว่าลูกแพะตัวหนึ่งขาหัก ต้องเข้าเฝือก แหม…พี่อ้อน่าจะจ่ายยาให้มันด้วยนะ



วันนี้ทางเดินสูงชันมาก การยกขาสูงๆทำให้ต้นขาเมื่อยมากเหลือเกิน เรานึกอิจฉาคนที่เดินสวนลงมา เดินลงสบายกว่าเดินขึ้น หน้าตาของพวกเขาแช่มชื่นกว่าพวกเรามาก จนพิมต้องรำพึงรำพันแบบสดๆดังนี้

‘ทุกก้าวที่เหยียบย่าง สุดแสนทรมานกาย
ชีวิตนั้นคลับคล้าย ตกนรกบรรลัยกัลป์
โอ้ว่าน่าอนาถ ดวงชีวาตม์แทบอาสัญ
ทุกผู้ก็คล้ายกัน มิมีใครให้พึ่งพา
มองไปเห็นไหล่เขา หนทางเราอีกยาวไกล
หลีกหนีก็มิได้ ก็ใครใช้ให้เรามา’


นั่นสินะ … ใครใช้ให้เรามา

พิมแต่งสด ๆ ระหว่างเดินเขาเลย ให้เพื่อน ๆ งงว่า แต่งเข้าไปได้ยังไง แค่เดินอย่างเดียวก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว พอได้แวะพัก พิมต้องรีบคว้าสมุดขึ้นมาจด คำประพันธ์อันแสนรันทดนี้ถึงได้มาถึงสายตาเพื่อน ๆ

เดินมาตั้งไกลพี่ป้อมเพิ่งนึกได้ว่า เมื่อวานนี้แกสั่งเป๊บซี่ และจ่ายเงินไปแล้วด้วย เลยบอกพิมเพราะเกรงว่าโรงเตี๊ยมจะคิดเงินซ้ำซ้อน

พิมไม่รู้หรอกว่าเขาคิดเกินหรือไม่ ถ้าคิดเกินก็ไม่คิดจะเดินกลับไปทวงเงินคืนเด็ดขาด กะอีแค่ 25 รูปี ช่างมันเถอะ เดินรอบเดียวก็สยองเกินพอแล้ว ถ้าตอนนี้ใครลืมของไว้ก็ต้องใช้วิจารณญาณกันเอาเองว่าจะกลับไปเอาคืนหรือไม่

แล้วก็มีคนทิ้งของไว้กลางทางจริงๆด้วย พี่ก้อดกับแว่นกันแดดเจ้าปัญหาอันเดิม

จังหวะหนึ่งเราพักกันที่เพิงขายของข้างทาง พักเฉยๆไม่ซื้อของเขาเลย พักกันเสร็จก็ออกเดินขึ้นเขากันต่อ สักพักหนึ่งพี่ก้อดก็นึกถอนหายใจเฮือก เฮ้อ…ทำไงดีวะนี่

พี่ก้อดทิ้งแว่น กับหมวกแก๊ปไว้ที่เพิงขายของ พี่ก้อดมองขั้นบันไดที่เสียเวลา เสียแรงปีนขึ้นมาแล้วก็ให้อ่อนใจ เมื่อยจะตาย (ต่อด้วยศัพท์ที่คนโบราณใช้เรียกอหิวาตกโรค)

ทิ้งมันเลยดีไหม แต่มันแพงนะ ลำพังหมวกที่ซี้อมาจากนิวซีแลนด์ พี่ก้อดพอทำใจทิ้งได้ไม่ลำบาก แต่แว่นกันแดดคู่ทุกข์คู่ยากที่พี่ก้อดต้องลงไปกู้มาจากท่อน้ำในกาฐมาณฑุนี่สิทิ้งไม่ลง

สุดท้ายพี่ก้อดก็ทำใจเดินลงไปเก็บ ท่าทางของพี่ก้อดละเหี่ยสุด ๆ พี่ก้อดเดินสวนกับพี่อ้อที่เพิ่งจะตามมาทัน แววตาของพี่อ้อดูมีเลศนัยเจ้าเล่ห์พิกล พี่ก้อดเลยรู้ได้โดยพลันว่าพี่อ้อเก็บสมบัติมาให้แล้วแต่ไม่บอก กะจะแกล้งให้พี่ก้อดเหนื่อยฟรี พี่อ้อหมั่นไส้ คนอะไรขายาวชะมัด เดินก้าวหนึ่ง เท่ากับพี่อ้อเดิน 3 ก้าว

พี่ก้อดใช้ความโหด บีบบังคับให้พี่อ้อ ‘คาย’ แว่น และหมวกออกมาจนได้ เฮ้อ…รอดตัวไป ไม่ต้องเดินฟรี

Tip : รอบคอบเอาไว้ให้มาก อย่าลืมของมีค่าเอาไว้กลางทางระหว่างเดินเขา เพราะถ้าต้องย้อนไปเก็บ จะทำให้เหนื่อยและเสียกำลังใจมาก ถ้าของที่ลืม ไม่สำคัญอะไรนักหนา ไม่ใช่สมบัติเจ้าคุณปู่ก็ตัดใจทิ้งเสียเถิด

พวกเราเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน เส้นทางดูจะทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ภาพวิวทิวทัศน์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก คืบก็ภูเขาศอกก็ภูเขา ก็มาเดินเขานี่นะเจอทะเลสิแปลก

คนที่สนใจสิ่งรอบข้างก็เห็นจะมีแต่พี่ปุ๊ ที่คอยถ่ายรูปทั้งด้วยกล้องสไลด์ และกล้องดิจิตอลไปตลอดทาง เมื่อเรากลับมาดูสไลด์ในภายหลัง ก็ให้รู้สึกฉงนเป็นกำลังว่า ‘รูปนี้ท่านได้แต่ใดมา’ ทำไมมันถึงได้สวยเฉียบขาดขนาดนั้น ขอมาจาก National Geographic หรือเปล่า

ในที่สุดการเดินทางในภาคเช้า ก็มาสิ้นสุดที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพราะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว แน่นอนว่าพวกเราต้องเสียเวลารออาหารนานมาก จึงมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการพักผ่อน

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***

ใครจะไปอีกหรือเปล่าตามสบายเลยค่ะ ส่วนคนเขียนเนี่ย ลาขาดชั่วชีวิต ชั่วแต่เดินข้ามสะพานลอยยังคิดมากเลยอ่ะ




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 22:48:53 น.
Counter : 538 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.