Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
 
16 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

Nepal ตอน 49 เดี้ยงบ้าง อะไรบ้าง

เราเดินผ่านเกสต์เฮาส์หลายแห่ง นึกว่าจะได้พักแล้ว ศิวะก็บอกว่ายังไม่ถึง เราต้องไป Hotel Snow Land โอย…จะปีนกันขึ้นไปพักถึงดาวดึงส์หรือไงกัน

พิมปล่อยให้เพื่อน ๆ เดินล่วงหน้าไปก่อน ขนาดเห็นป้ายโรงแรมแล้ว ยังต้องปีนเขาขึ้นไปอีก พิมหมดแรงแล้ว หมดจริงๆ ไขก๊อกไหนก็ไม่มีทั้งนั้น ต้องแวะเข้าร้านโชห่วย ขอซื้อSneakerกินเพิ่มพลังก่อน

Sneaker ราคาแท่งละ 60 รูปี แพงกว่าในเมือง 25 รูปี ตอนนี้ถ้าจะต้องซื้อในราคา 100 รูปี ก็จะไม่ต่อเลยสักคำเดียว ดีมานต์มันมาจ่อที่คอหอยแล้ว
พิมเดินไปกินไปจนตามไปพบพี่อ้อ พี่ปุ๊ กำลังถ่ายรูปกันอยู่ ภาพวิวข้างหลังคือ ภูเขาสูง ที่มีหิมะปกคลุม ถูกฉาบไว้ด้วยรัศมีสีทองของท้องฟ้ายาม Twilight

พิมยืนถ่ายรูป ชู 2 นิ้ว ‘สู้ตายค่ะ’ แต่สภาพทรุดโทรมมาก นี่ถ้ายังไม่ถึงที่พักคงต้องลงคลาน 4 ขาแล้ว

ในที่สุดพวกเราก็มาถึง Snow Land Hotel ไม่มีใครหายไประหว่างทาง บรรยากาศของโรงแรมนี้ดีมาก ลานหน้าโรงแรมมีเก้าอี้ให้นั่งพัก วิวด้านหลังเป็นเทือกเขามีหิมะปกคลุม

พี่อ้อกับพี่ก้อดขึ้นเล่าเต๊งไปดูที่พักก่อนเพื่อน ๆ แล้วรีบตรงเข้าจองห้องที่วิวด้านหลังเป็นเทือกเขาอันแสนงดงาม

“น่าเกลียดไหมนี่” สองคนนี้เขาถามกันเอง และตอบกันเองว่า “ไม่น่าเกลียด”

แอบละอายใจนี้ดดดดนึง แล้วกระโดดขึ้นเตียง เตียงใครเตียงมัน หัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุด สะใจจริง ๆ สะใจเหลือเกิน

เพื่อน ๆที่ตามมาก็ได้แต่อิจฉา จะไล่ 2 คนนี้ออกจากห้องไม่ได้ ใครจะกล้า นั่นพี่ก้อดนะ จำต้องแยกย้ายกันเข้าห้องที่ดีลดหลั่นกันไป

พิมกับบีมได้ห้องติดริมหน้าต่างเห็นภูเขาแค่ครึ่งห้องอีกครึ่งเจอตึก แต่ก็ดีกว่าคนที่เหลือที่ได้ห้องพักฝั่งตรงข้ามชนิดไม่มีหน้าต่างให้เห็นด้านนอกเลย

Snow Land Hotel มีสภาพดีมาก เรียกได้ว่าดำเนินงานโดยมืออาชีพ เตียง
นอนปูฟูกหนานุ่ม ผ้าปูสะอาด ผ้าห่มนวมหนามาก แถมมีร้องเท้าแตะให้เปลี่ยนใส่ในห้องด้วย

ศิวะให้พวกเราสั่งอาหารรอท่าเอาไว้เลย เมนูอาหารเป็นอาหารฝรั่ง ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย

ทุกคนตั้งอกตั้งใจเลือกอาหารจานที่คิดว่าเด็ด แต่พี่ซิปไม่กินไม่ลง ขอนอนดีกว่า

ส่วนบีม หญิงอึด เริ่มเดี้ยงเสียแล้ว เป็นไข้อยากนอนพักเฉย ๆ ก็ยังอุตส่าห์มีมารมาผจญ มารตนนั้นคือ พี่ป๋อ

“ถ่ายรูปกันเถอะบีม” พี่ป๋อรู้สึกว่าตัวเองยังมีรูปน้อยไปหน่อย ตามมารบเร้าบีมถึงในห้องนอน

บีมส่งกล้องให้พี่ป๋อ “เอาไปถ่ายเองแล้วกัน”

“โธ่…บีม” พี่ป๋องจ๋อย

บีมเป็นแค่คนธรรมดานะ เหนื่อยเป็น ป่วยเป็นเหมือนกัน แต่พอเห็นหน้าอมทุกข์เป็นปกติของพี่ป๋อ ก็สงสารต้องยอมลงไปถ่ายรูปให้พี่ป๋อจนได้
พวกเราทยอยกันไปอาบน้ำ อากาศเย็นมาก ยิ่งมืดจะยิ่งหนาว ใครยังไม่ถึงคิวก็นอนไปก่อน ใครอาบน้ำเสร็จแล้วก็กลับมานอน



ห้องอาบน้ำอยู่ชั้นล่าง นอกโรงแรม มิดชิดใช้ได้ ไม่ปรากฏว่ามีร่อง มีรู น้ำอุ่นกำลังดี ส่วนห้องส้วมแยกชาย หญิง สภาพดี มีชักโครกอย่างดีด้วย อยู่ในโรงแรมระหว่างทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2 ดีนะที่ห้องส้วมอยู่ในโรงแรม

เรานอนหลับรออาหารกันจนฟ้ามืด ไม่เป็นไรชินเสียแล้ว ชั่วแต่ข้าวผัด บะหมี่ผัดยังทำกันเป็นชั่วโมงเลย นี่ทำสเต็ก พิซซ่าก็ต้องยิ่งนานเป็นทวีคูณ

ไม่มีใครคิดจะเล่นไพ่ คุยกัน เดินเล่น กิจกรรมใด ๆ ก็ไม่คิดจะทำทั้งนั้น อยากนอนอย่างเดียว วันนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยจริง ๆ โคตรเหนื่อย

ประมาณทุ่มนึง ศิวะก็มาเคาะประตูปลุกให้ไปรับประทานอาหารเย็น เริ่มจากซุบครีมข้นร้อน ๆ ช่วยให้อบอุ่นได้มาก

พิมที่ไม่ได้สั่งซุปด้วย ต้องขอสั่งเพิ่ม “Can I order one more soup” พิมถามศิวะเสียงหวาน พี่ซิปขอด้วย ไหนว่าไม่กินไงล่ะพี่ พออาหารมา ก็กินเอากินเอา เบียดเบียนเพื่อนอร่อยกว่าสั่งเองเยอะ

ศิวะถามว่าพิมอาหารมื้อนี้พอสูสีกับ Naked Chef ไหม

อร่อยน่ะ อร่อยอยู่ แต่สู้ Naked Chef ไม่ได้หรอก ขนมที่นี่ไม่อร่อยเอาเสียเลย พายแอ้ปเปิ้ลแข็งกระโด๊ก คงเพราะอากาศเย็นจัดตลอดเวลา

เอาเถอะ ไม่มี Naked Chef อาศัย Naked Potter ไปพลาง ๆ ก่อน ล้อเล่นน่ะ ลูกหาบไม่ต้องพร้อมใจมาแก้ผ้าแก้ผ่อนให้ดูหรอกนะ

ที่ห้องอาหารของโรงแรมนี้ มีเตาผิงเป็นหม้อใส่ถ่านแขวนไว้กลางห้อง เป็นภูมิปัญญาชาวเขา ไม่ต้องใช้ฮีทเตอร์ให้เปลืองไฟฟ้า

อย่างที่รู้ ๆ กันว่าไฟฟ้ามีจำกัด แถมยังชักกระตุกเป็นประจำ ถ้าหวังพึ่งไฟฟ้าคงต้องหนาวตายกันบ้าง อย่างคืนนี้ก็มี Electricity Holiday กันอีกแล้ว พวก

เราเลยได้รับประทานอาหารท่ามกลางแสงเทียน โรแมนติกกันแบบ 10 ต่อ 10

แต่โรแมนติกได้ไม่เต็ม 100 เพราะบริเวณเตาผิงมีราวที่แขวนเสื้อผ้า พร้อมด้วยถุงเท้าหลายคู่เอาไว้เต็มไปหมด เป็นมลพิษต่อสายตา มีกลิ่นโชยมาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

ศิวะนัดแนะกับพวกเราว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นกันตั้งแต่ ตีสี่ถึงตีห้า เพื่อขึ้น Pun Hill ไปมองยอดเขามัจฉาปูชเรให้เต็มตา นั่นในกรณีที่อากาศดี แต่ถ้าหมอกลงก็เป็นอันจบ ปีนไปก็ไร้ค่า ไม่มีอะไรให้เห็น หลังจากนั้นถึงจะกลับมารับประทานอาหารเช้า และออกเดินทางกันต่อ

พี่ป้อม พี่น้อยและพี่ซิป ชิงแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่า ไม่ต้องปลุก เรื่องอะไร้ จะต้องปีนขึ้นไปเพื่อกลับลงมาที่เดิม ช่างเป็นเรื่องที่หาประโยชน์ไม่ได้ ภูเขามันจะสวยไปได้แค่ไหนเชียว เดี๋ยวดูจากโปสเตอร์ กับโปสการ์ดก็ได้

เราพอเข้าใจ ‘คนท้ายขบวน’ อย่างพี่น้อยกับพี่ป้อม แต่พี่ซิปนี่สิ เดินเร็วกว่าใครๆ ไฉนไม่ยอมเดินไปอีกหน่อย หน่อยเดียวเอง (แฮ่กๆ)

พี่ซิปบอกว่าที่ทนเดินอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความจำเป็น ที่ไม่จำเป็นก็จะไม่เดินเสียให้ยาก เอาเวลาไปนอนดีกว่า ยังต้องเดินอีกตั้ง 3 วัน

อาหารสั่งมามากมาย กินไม่หมดก็แบ่งให้ลูกหาบ ลูกหาบเขาเต็มใจรับ เพราะอาหารที่พวกเรากินดีกว่าของพวกลูกหาบมากนัก อาหารของลูกหาบเป็นข้าวกับอาหารพื้นเมือง เน้นที่ปริมาณข้าวมากๆ น่าสงสารลูกหาบเหมือนกันนะ

รายได้ของลูกหาบน้อยมาก หาบกันทั้งวันได้เงินแค่วันละ 100 รูปี คิดเป็นเงินไทยเพียง 60 บาท คิดเป็นดอลล่าร์เพิ่งจะได้ดอลล่าร์กว่า ๆ เท่านั้นเอง แต่คงจะไม่น้อยนักสำหรับคนที่นี่ เขาต้องทำงานกันเพื่อให้คนที่บ้านมีกิน พอแก่ตัวลงก็ปวดหลังเพราะแบกของหนักมากตั้งแต่หนุ่ม ๆ

เงิน 60 บาท สำหรับพวกเรา ซื้ออะไรได้บ้าง กาแฟเย็นยี่ห้อแพงจากนอกยังซื้อไม่ได้เต็มแก้วเลย ถ้าซื้อบ้านใร่กาแฟของโปรดของพี่ก้อดก็พอดี ไม่มีเงินเหลือเอาไว้ทำอย่างอื่นแล้ว ...เฮ้อ

หลังจากอิ่ม พวกเราก็แปรงฟันที่อ่างล้างหน้าข้างๆ โต๊ะของพวกเราเลย ถึงตอนนี้พวกเราก็ใจกล้าพอที่จะใช้น้ำก๊อกแปรงฟันแล้ว เพราะน้ำดื่มแพงมากขึ้นทุกที ถ้าปากไม่มีแผลก็คงไม่ติดเชื้อง่ายๆหรอกน่า

แล้วเราก็ทยอยกันขึ้นไปนอน ระหว่างเดินขึ้นห้องนอนก็มีเรื่องกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประเทศไหนก็ไม่รู้ละ

“Someone sleeping” ฝรั่งเพศชาย ไม่ระบุสัญชาติตะโกนโวยออกมาจากในห้องนอนว่าให้เราเงียบ ๆ หน่อย เพราะมีคนนอนอยู่

จะว่า ‘เรา’ ก็ไม่ถูกหรอก ที่จริงเขาว่าพิมคนเดียว เพราะพิมหัวเราะเสียงดังเป็นปกติ จริง ๆ นะปกติก็หัวเราะเสียงดังเท่านี้แหละ จะเอายังไงกับคนหูตึง ข้างบ้านเป็นโรงฟอกถั่วงอก ตรงข้ามบ้านเป็นโรงน้ำแข็ง

พี่เจต้องขอโทษขอโพยฝรั่ง พิมเงียบไม่พูดอะไรสักคำ ก็กลัวฝรั่งเขาว่าเอานี่ว่าเสียงดัง หัวเราะแค่นี้ก็ไม่ได้ จะให้ร้องไห้หรือไงกัน

พี่ก้อดกับพี่ป้อมบอกว่าน่าจะตอบกลับไปว่า “Someone Laughing” ก็นี่มันหัวค่ำอยู่นะเพิ่งจะ 2 ทุ่มกว่า ๆ หัวเราะไม่ได้หรือไง

คืนนี้ทุกคนเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ เพราะเหนื่อยมาก แถมด้วยอาการปวดเมื่อย และป่วยไข้

บีมเป็นไข้ตัวร้อน แรมบี้ (แรมโบ้หญิง) ก็สลดเป็นเหมือนกัน ส่วนพี่ปุ๊ก็ปวดเข่ามาก จนต้องใช้ผ้าพันกระชับเข่า เป็นชนิดสวมได้เลยไม่ต้องเสียเวลาพัน แถมยังมีมาเผื่อพิมแต่เป็นแบบใช้พัน

พวกเราต้องทายาแก้ปวดเมื่อยกันถ้วนหน้า แล้วพี่ซิปก็ต้องเดือดร้อนกับเคาเตอร์เพน ก็ใครใช้ให้เอาชนิดคูลมาล่ะ ทาแล้วต้องมาทนหนาวยะเยือกอีก

Tip : ห้ามนำเคาเตอร์เพนคูลมาใช้บนเทือกเขาเด็ดขาด ทาแล้วหนาว และแสบตายชัก

วันนี้เป็นวันที่เราเหนื่อยที่สุด ลำบากที่สุด ทรมานที่สุด แต่เราก็ผ่านมาได้ ต่อจากนี้คงไม่มีอะไรหนักหนากว่านี้อีกแล้ว

ขอให้เป็นเช่นนั้น

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 21:45:55 น.
Counter : 476 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.